Share

บทที่ 3

Penulis: ธารน้ำแข็งใต้แสงจันทร์
โจวหยางรู้สึกไม่ชอบมาพากล จึงลุกขึ้นไปเปิดประตูทั้งที่ยังคงใส่ชุดนอน

“มีเรื่องอะไร?”

“ฉันมาเอาใบปริญญา!”

วันนี้หลี่ว์เวยสวมชุดทำงาน แต่ก็ยังปิดบังรูปร่างอันงดงามของเธอไม่ได้

พูดพลาง หลี่ว์เวยก็เดินเข้ามา เริ่มต้นรื้อหาของทันที

เซี่ยเฟิงฝากคนแนะนำหลี่ว์เวยให้เข้าทำงานที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทอีพีเอส และวันนี้ เขาก็เตรียมขับรถไปส่งเธอเพื่อทำเรื่องเข้าทำงานที่นั่นด้วยตนเอง

เมื่อคืนระหว่างหลี่ว์เวยจัดของ เธอกลับพบว่าใบปริญญาหายไป นึกดูแล้วคงลืมหยิบมาตอนเก็บของไปจากที่นี่นั่นเอง

ถ้าไม่มีใบปริญญา ก็เดินเรื่องเข้าทำงานไม่ได้

ดังนั้น ก่อนไปสำนักงานใหญ่เช้านี้ เธอจึงแวะมาเอาใบปริญญาที่ห้องของโจวหยาง

เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า หลี่ว์เวยจึงให้เซี่ยเฟิงรอเธออยู่ในรถข้างล่าง

“นายเอาใบปริญญาฉันไปซ่อนไว้ใช่ไหม?”

หลังหาอยู่พักใหญ่แต่ก็หาไม่เจอ หลี่ว์เวยจึงหันมาถามโจวหยาง

“เห็นฉันเป็นคนแบบนั้นหรือไง?”

โจวหยางนั่งอยู่ข้างเตียง พูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

“แล้วมันหายไปไหนล่ะ?” หลี่ว์เวยขมวดคิ้ว

โจวหยางถอนหายใจ ก่อนฝืนยิ้ม “ใบปริญญาของเธอ ตอนเธอจัดเสื้อผ้าครั้งล่าสุด เธอเอาไปวางไว้ชั้นล่างสุดของตู้เสื้อผ้าเองนะ ลืมไปแล้วหรือไง?”

เมื่อเขาช่วยเตือนความจำ เธอก็นึกขึ้นได้ รีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วใบปริญญาก็วางนิ่งอยู่ตรงนั้นจริง ๆ

โจวหยางไม่ได้แตะต้องมันแม้แต่น้อย

“ฉันเข้าใจนายผิดไป!” หลี่ว์เวยหยิบใบปริญญาขึ้นมา แต่เมื่อเห็นดอกไม้ขนาดเล็กที่โจวหยางแปะไว้ให้ ในทันใดนั้นก็นึกถึงช่วงเวลาสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัย จึงอดถอนหายใจไม่ได้ “โจวหยาง ความจริง... ฉันก็ยังรู้สึกดีกับนายอยู่นะ”

“เลิกเล่นละครได้แล้วมั้ง” โจวหยางแค่นเสียงเย็นชาพลางชี้ไปที่ประตู “เก็บของให้เรียบร้อย แล้วไปซะ!”

“โจวหยาง!” หลี่ว์เวยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันแค่อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น หวังว่านายจะไม่เกลียดฉัน เรื่องเลิกกันฉันรู้ว่านายเสียใจ ความจริงฉันเองก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน แต่นี่คือความจริง เราโต ๆ กันแล้ว ต้องยอมรับความจริงให้ได้ ความรักที่ไม่มีพื้นฐานทางการเงินมันไปกันไม่รอดหรอก ตอนนี้ฉันยังพอมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง ถึงฉันจะอยู่กับนายต่อไปไม่ได้ แต่ฉันชดเชยให้นายได้นะ...”

พูดจบ เธอก็วางกระเป๋าลง แล้วเดินไปที่หน้าเตียง

ต่อให้เป็นคนโง่ ก็ย่อมเข้าใจความหมายในคำพูดของเธอ

เพียงแต่โจวหยางในตอนนี้กลับไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะมากกว่ากัน

ผู้หญิงคนนี้ กลายเป็นคนแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ?

“เซี่ยเฟิงยังรอฉันอยู่ข้างล่าง นายต้องรีบตัดสินใจให้ไวหน่อย!” หลี่ว์เวยนั่งลงข้างเตียง ยกมือเสยผมเหมือนเช่นเคย “สรุปจะเอาหรือไม่เอา?”

โจวหยางเปิดม่าน เมื่อมองลงไปจากหน้าต่างชั้นสอง ก็เห็นรถของเซี่ยเฟิงจอดอยู่ตรงใต้หน้าต่างพอดี

เซี่ยเฟิงนั่งอยู่ในรถ ลดกระจกลง กำลังสูบบุหรี่ พลางเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างสบายอารมณ์

“ฉันไม่สนใจ!” โจวหยางตอบเสียงเย็นชา

“โจวหยาง!”

หลี่ว์เวยโผเข้าหา และเป็นฝ่ายเริ่มจูบโจวหยางก่อน

“เธอจะทำอะไรน่ะ?” โจวหยางผลักหลี่ว์เวยออกไป

“โจวหยาง นายคือรักแรกของฉัน เลิกกันทั้งทีมันก็ต้องมีพิธีอำลากันหน่อยไม่ใช่เหรอ?” หลี่ว์เวยเองก็ตั้งใจจะใช้วิธีนี้เพื่อบอกลารักแรกของเธอ “ฉันให้โอกาสนายเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนี้เราอาจไม่ได้เจอกันอีกแล้วนะ!”

โจวหยางเองก็เริ่มรู้สึกเศร้าใจ ถึงแม้อีกฝ่ายจะทำเกินไป แต่เมื่อนึกย้อนถึงความสัมพันธ์ตลอดสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัย รวมไปถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในห้องเช่าแห่งนี้ ใจเขาก็เริ่มหวั่นไหวขึ้นมา

“โจวหยาง!”

หลี่ว์เวยเป็นฝ่ายรุกเข้าหา...

เนื่องจากหน้าต่างเปิดอยู่ เสียงจึงลอยลงไปถึงรถยนต์ที่จอดอยู่ข้างล่าง

เซี่ยเฟิงได้ยินเสียงร้องของหลี่ว์เวยดังมาจากหน้าต่างชั้นบน ก็ขมวดคิ้วพลางนึกในใจ “หรือว่าเสี่ยวเวยจะทะเลาะกับไอ้กระจอกนั่นอีกแล้ว?”

เขารีบโทรหาหลี่ว์เวยทันที

แต่ชั้นบนตอนนี้กำลังร้อนแรง หลี่ว์เวยเอื้อมมือที่สั่นระริกไปกดตัดสาย

เซี่ยเฟิงตะโกนจากข้างล่าง “เสี่ยวเวย เสี่ยวเวย ไอ้สารเลวนั่นมันรังแกเธอใช่ไหม? ฉันจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้!”

เมื่อได้ยินแบบนั้น หลี่ว์เวยก็ลนลาน รีบบอกให้โจวหยางหยุดก่อน พลางโทรกลับไปทันที

“พี่ไม่ต้องขึ้นมานะ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกำลังเจรจากับเขาอยู่!”

พูดจบ หลี่ว์เวยก็กลัวว่าเสียงที่สั่นเครือของตนจะทำให้อีกฝ่ายจับพิรุธได้ จึงรีบวางสาย ไม่กล้าคุยต่อ

เมื่อเซี่ยเฟิงได้ยินหลี่ว์เวยบอกว่าไม่เป็นไร จึงไม่ได้สนใจ นั่งเล่นโทรศัพท์ในรถอย่างสบายอารมณ์ต่อไป

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ภายในห้องนอนชั้นบน

หลี่ว์เวยลุกขึ้นในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง มองโจวหยางด้วยสายตาตัดพ้อ “พอเป็นแฟนคนอื่นแล้ว นายก็ไม่คิดทะนุถนอมเลยใช่ไหม?”

โจวหยางไม่ได้พูดอะไร

หลี่ว์เวยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ

สิบกว่านาทีต่อมา หลี่ว์เวยก็หยิบใบปริญญาแล้วลงไปข้างล่าง

โจวหยางเดินมาที่ริมหน้าต่าง มองลงไปข้างล่าง เห็นหลี่ว์เวยกระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของเซี่ยเฟิงด้วยความร่าเริง

เซี่ยเฟิงเงยหน้าขึ้นมาเห็นโจวหยางยืนอยู่ริมหน้าต่าง จึงชูนิ้วกลางให้เขาพลางตะโกนว่า “ไอ้ควายโง่ บ๊ายบาย!”

จากนั้น ก็ขึ้นรถจากไปพร้อมหลี่ว์เวย

ระหว่างที่มองรถยนต์แล่นจากไป โจวหยางก็ดูเหม่อลอยเล็กน้อย

สำหรับการยั่วยุของเซี่ยเฟิง โจวหยางไม่ได้เก็บมาใส่ใจ

เขากับหลี่ว์เวยเลิกกันแล้ว และก็ไม่ได้มีความรู้สึกใด ๆ กับเธออีก ความสัมพันธ์ลึกซึ้งเมื่อครู่เป็นเพียงการปลดปล่อยความต้องการทางร่างกายเท่านั้น

ดังนั้น คำยั่วยุของเซี่ยเฟิงจึงไม่สามารถกระตุกต่อมความรู้สึกของเขาได้เลย

โจวหยางเพียงรู้สึกเคว้งคว้างไปบ้างเท่านั้น

ความรักในวัยเรียนช่างบริสุทธิ์ แต่หลังเรียนจบ ความรักก็แปรเปลี่ยนไป

หลี่ว์เวยอาจยังรักเขาอยู่สุดหัวใจ แต่เห็นได้ชัดว่าเธอรักเงินมากกว่า

เพื่อเงินทอง เพื่ออนาคต หลี่ว์เวยสามารถทิ้งได้ทุกอย่าง

บนโลกใบนี้ ผู้หญิงอย่างหลี่ว์เวยมีให้เห็นอยู่ทั่วไป

แล้วคนที่ผิดคือหลี่ว์เวย? หรือตัวเขาเองกันแน่?

ในวินาทีนี้ โจวหยางก็ตาสว่าง ชีวิตวัยรุ่นของเขาได้จบสิ้นลงโดยสมบูรณ์แล้ว

เขาสาบานในใจว่า วันข้างหน้า เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้น

เขาจะต้องหลุดพ้นจากชะตากรรมของคนตัวเล็กตัวน้อยระดับล่าง เขาจะแสดงความสามารถและความทะเยอทะยาน เพื่อกลายเป็นคนใหญ่คนโตที่ชี้นิ้วตัดสินทุกสิ่งทุกอย่างให้ได้

หลี่ว์เวย ขอบคุณนะที่ทำให้ฉันเติบโต!

ขณะเดียวกัน เขาก็ยิ่งมุ่งมั่นในเป้าหมายของตัวเองมากขึ้น

โจวหยางที่เติบโตมาในตระกูลแพทย์แผนจีนตั้งแต่เด็ก มีพื้นฐานดีกว่าใครทั้งหมด เขาซึมซับมาตั้งแต่จำความได้ ห้าขวบก็ท่องตำราสมุนไพร แปดขวบก็เริ่มฝึกจับชีพจรคนในบ้าน นอกจากนี้ เหล่าบรรพบุรุษยังได้ถ่ายทอดตำรับยาล้ำค่าที่สืบทอดกันมาไว้อีกมากมาย

น่าเสียดายที่เมื่อมังกรมาเกยฝั่งในเขตน้ำตื้นย่อมถูกกุ้งหยามเหยียด มีเพียงการไปสู่โลกที่กว้างใหญ่กว่า ความสามารถของเขาจึงจะมีพื้นที่ให้ได้แสดงฝีมือ

ดังนั้น เขาจะต้องรีบสร้างผลงานให้ได้โดยเร็วที่สุด มีเพียงผลงานที่โดดเด่น เขาจึงจะผ่านการประเมิน และสามารถยื่นเรื่องขอย้ายไปสำนักงานใหญ่ของบริษัทอีเอสพี กรุ๊ปได้

มีเพียงในโลกอันกว้างใหญ่แห่งนั้น เขาถึงจะสามารถแสดงฝีมือ และบรรลุความทะเยอทะยานของตนเอง

มีแต่ไปที่นั่นจึงจะมีโอกาสได้ครอบครองชื่อเสียงเงินทองที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

รวมถึง ผู้หญิงที่สวยและมีระดับกว่าหลี่ว์เวยอีกมากมาย...

เขาจะไปพิชิตมาให้ได้!!

หลังปลุกเร้าความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่แล้ว ก็ต้องกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง

ตอนนี้โจวหยางนอนต่อไม่ลง จึงตัดสินใจลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา และไปทำงานที่บริษัท

ไม่นึกว่าวันนี้ผู้จัดการเซี่ยหงเทาก็มาเช้าเช่นกัน เมื่อเจอหน้ากัน ก็เรียกเขาเข้าไปในห้องทำงานทันที

“โจวหยาง เรื่องของคุณถังอวี้เหมยไปถึงไหนแล้ว?”

ในรอบสัปดาห์นี้ เซี่ยหงเทาถามคำถามนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว

โจวหยางรู้สึกว่าคำว่าไปถึงไหนแล้วนั้น ฟังดูแปลก ๆ ชอบกล

“ความสัมพันธ์กับลูกค้าก็ดูแลได้ค่อนข้างดีครับ!” โจวหยางตอบ

ก็มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ นี่นา คราวที่แล้วในห้องทำงานของเซี่ยหงเทา ตอนที่เขาบอกว่าเป้าหมายต่อไปคือถังอวี้เหมย โจวหยางก็ได้แสดงจุดยืนไปแล้วว่าจะรักษาความสัมพันธ์อันดีงามกับลูกค้าอย่างเหมาะสม

โจวหยางคิดมาตลอดว่าตัวเองทำหน้าที่ได้ดีแล้ว

“นายต้องรีบหน่อยนะ! ใกล้จะหมดช่วงทดลองงานแล้วด้วย ถ้าคุณถังอวี้เหมยไม่ช่วยหนุนนาย มีหวังนายไม่ผ่านโปรแน่!” เซี่ยหงเทาพูดอย่างเหนื่อยหน่ายใจ “ช่างเถอะ ฉันช่วยนายเองก็ได้!”

แล้วเขาก็โยนแฟ้มเอกสารปึกหนึ่งให้โจวหยาง “นี่เป็นข้อมูลบางส่วนของคุณถังอวี้เหมย หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับนายนะ!”

โจวหยางรับเอกสารมา บนนั้นระบุประวัติส่วนตัว วันเกิด และข้อมูลต่าง ๆ ของถังอวี้เหมยไว้โดยละเอียด

มีแม้กระทั่งนิสัยส่วนตัว ความชอบ และเครือข่ายคนรู้จักของเธอ...

เซี่ยหงเทาจุดบุหรี่สูบ ขณะพูดจากำกวม “เสี่ยวโจวเอ๊ย ที่ฉันช่วยนายขนาดนี้ ก็เพราะหวังว่านายจะไปสร้างสัมพันธ์กับคุณถังอวี้เหมยให้ได้จริง ๆ นะ!”

ตอนพูดคำว่า ‘สร้างสัมพันธ์’ เขาก็เน้นเสียงเป็นพิเศษ

โจวหยางยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้มันชักทะแม่ง ๆ ขึ้นทุกที

ตอนแรกตกลงกันไว้ว่าแค่ให้ดูแลลูกค้า แต่ตอนนี้กลับทั้งให้ข้อมูล ทั้งพูดจาเป็นนัย สรุปแล้วเซี่ยหงเทาต้องการจะทำอะไรกันแน่?

โจวหยางก็เป็นแค่เด็กจบใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่สังคมคนหนึ่ง

เมื่อเจอกับสถานการณ์แบบนี้ เขาจึงคิดอะไรไม่ออก ตัดสินใจถามไปตามตรง “ผู้จัดการครับ คุณอยากให้ผมทำอะไรก็บอกมาเลยเถอะครับ!”

“ฮ่า ๆ ๆ!” เซี่ยหงเทาหัวเราะร่วน หลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวว่า “งั้นฉันจะพูดตรง ๆ แล้วกัน! ผู้ใหญ่ทางเบื้องบนเขามอบภารกิจหนึ่งให้ฉัน และภารกิจนี้ นายคือคนที่เหมาะที่สุด!”

“ภารกิจอะไรครับ?” โจวหยางถาม

เซี่ยหงเทาทำหน้าลึกลับ “ฉันต้องการให้นายไปสร้างความสัมพันธ์กับถังอวี้เหมย และก็…ถ่ายคลิปมาให้ฉัน”

“หา? คลิปอะไรครับ?” โจวหยางถาม

“พูดถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะมาแกล้งโง่กับฉันอีกเหรอ?” เซี่ยหงเทายิ้มอย่างมีเลศนัย “จะเป็นคลิปอะไรได้อีกล่ะ?”

พูดจบ เขาก็คาบบุหรี่ แล้วใช้ฝ่ามือสองข้างประกบเข้าหากันทำท่าป้าบป้าบป้าบ

โจวหยาง: “......”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 30

    เมื่อหมดหวัง เธอจึงทำได้เพียงกวักมือเรียกโจวหยางที่ยืนตัวตรงอยู่ด้านข้างด้วยความเก้อกระดาก “เอ่อ... มานี่หน่อยสิ!”“ครับ!”“ช่วยสาธิตให้ดูที ว่าจุดฝังเข็มสองจุดนี้มันอยู่ตรงไหน?” ซูจิ้งพูดโจวหยางขมวดคิ้วพลางมองอย่างจริงจัง ก่อนใช้ปลายนิ้วสัมผัสซูจิ้งแผ่วเบา “ตรงนี้ กับตรงนี้ครับ!”ใบหน้าของซูจิ้งพลันแดงระเรื่อราวแสงอาทิตย์ยามอัสดง ดูงดงามน่าทะนุถนอม“เอาล่ะ ฉันรู้แล้ว!”เธอรีบนั่งตัวตรง ก่อนเปลี่ยนเรื่องคุย “สรุปคุณมาห้องทำงานฉันมีธุระอะไร?”“คือผมอยากจะบอกว่า เกณฑ์การคัดคนออกนั่นมันไม่ยุติธรรมกับผมเลย!” โจวหยางประท้วง “ผมเพิ่งย้ายมา ยังไม่รู้อะไรสักอย่าง!”“เดี๋ยวมีคนสอนงานให้ แป๊บเดียวก็ทำเป็นแล้วน่า!” ซูจิ้งยกหูโทรศัพท์ขึ้นโทรหาหลิวเยี่ยน “คุณมาที่ห้องทำงานฉันเดี๋ยวนี้”ครู่ต่อมา หลิวเยี่ยนก็มาถึงห้องทำงานของซูจิ้ง“โจวหยาง ทำความรู้จักกันไว้นะ นี่คือหลิวเยี่ยน ยอดนักขายอันดับหนึ่งของแผนกเรา!” ซูจิ้งแนะนำ“สวัสดีโจวหยาง!”หลิวเยี่ยนเดินเข้ามา ก่อนจับมือกับโจวหยางอย่างยิ้มแย้ม แถมยังโค้งตัวลงเล็กน้อย ท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนดีเยี่ยมโจวหยางอยากจะซัดเบ้าหน้าสักหมัดจริงๆเสแส

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 29

    ซูจิ้งชะงักกึก ไม่คิดเลยว่าเจ้าหนุ่มพนักงานขายคนใหม่จะใจกล้าขนาดนี้มือนี้น่ะ นอกจากเอาไว้จับมือกับลูกค้าเรื่องงานแล้ว ก็ไม่มีผู้ชายคนไหนเคยได้สัมผัสมาก่อนแต่ตอนนี้เธอไม่มีแรง จึงได้แต่ปล่อยให้โจวหยางจับมือ แล้วใช้นิ้วนวดคลึงตรงง่ามนิ้วให้เธอพลันความรู้สึกเจ็บแปลบก็แล่นปราดขึ้นมาตรงง่ามนิ้ว“โอ๊ย!”ซูจิ้งครางออกมาแผ่วเบา ก่อนรีบเม้มปาก ตีสีหน้าหยิ่งยโสเย็นชาโจวหยางนวดอยู่ประมาณสองสามนาที ก็พลันย่อตัวลงนั่ง สายตาจับจ้องไปที่เรียวขางามของซูจิ้ง“คุณจะทำอะไร?”ซูจิ้งรู้สึกว่าตัวเองถูกล่วงเกิน จึงจ้องมองโจวหยางด้วยสายตาเย็นเยียบ“ผู้อำนวยการซู คุณไม่รู้สึกเหรอครับว่า ตอนนี้คุณมีแรงพูดมากกว่าเมื่อกี้แล้ว!” โจวหยางเลิกคิ้วยิ้มเมื่อครู่ซูจิ้งกำลังเครียด เมื่อถูกทักเช่นนี้ ก็รู้สึกดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้จริง ๆ“นี่แสดงว่าวิธีของผมได้ผลไงครับ!” โจวหยางกล่าว “ตอนนี้เรามากดจุดต่อไปกันเลย จุดนี้เรียกว่าซานอินเจียว อยู่ตรงข้อเท้าครับ!”เขานั่งยอง ๆ และดึงข้อเท้าของซูจิ้งเข้ามาหาตัวอย่างเชื่องช้าข้อเท้าของซูจิ้งขาวเนียนไร้ตำหนิ แถมข้อเท้าขวาด้านนอกยังมีรอยสักรูปดอกกุหลาบสีแดง ทำให้ดู

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 28

    ซูจิ้งมีใบหน้างดงามราวเทพธิดาและรูปร่างเย้ายวนใจดั่งนางมารร้าย ที่ล้ำค่ายิ่งกว่านั้นคือ เธอยังผสมผสานความสวยงามของหญิงสาววัยเยาว์และความเป็นหญิงสาวที่โตเต็มวัยเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ทั้งยังมีรัศมีของผู้กุมอำนาจที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในมืออีกด้วยผู้หญิงเช่นนี้ ถือเป็นสุดยอดของสุดยอดในหมู่สตรี แทบเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบตอนนี้ ซูจิ้งถือปากกาเลเซอร์พลางเปิดสไลด์นำเสนอ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ยอดขายในไตรมาสที่สองย่ำแย่มาก ฉันไม่รู้ว่าตลอดสามเดือนที่ผ่านมา พวกคุณมัวทำอะไรกันอยู่?”ริมฝีปากสีแดงของเธอเม้มเป็นเส้นตรง ขณะเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคน เสียงรองเท้าส้นสูงที่กระทบพื้นดังก้องกังวาน ในรูหูของพวกเขา มันช่างน่ากลัว คล้ายเป็นเสียงระฆังมรณะในที่ทำงานไม่มีผิดพนักงานขายทุกคนต่างก้มหน้าลงต่ำ ไม่กล้าส่งเสียง ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับซูจิ้งด้วยซ้ำ“ฉันว่า คงถึงเวลาต้องใช้อาวุธเด็ดของฝ่ายการตลาดและการขายแล้ว!” ซูจิ้งกดไปยังสไลด์หน้าถัดไป “ระบบคัดคนออก!”“หา?”บรรดาพนักงานในทีมขาย ต่างก็มีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมาทันทีระบบคัดคนออก มีความหมายตามชื่อ คือคนที่ทำผลงานรั้งท้ายสุด จะต้อ

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 27

    ชายคนนั้นดูอายุไม่น่าถึงสามสิบปี เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูปกับกางเกงสแล็คสีเทาเข้ม ทั้งยังสวมแว่นตากรอบดำ ทำให้ดูสุภาพเรียบร้อยแต่ดวงตาเรียวยาวหลังกรอบแว่นคู่นั้น กลับเต็มไปด้วยความชั่วร้าย แค่สบตาก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจแล้ว“ไป๋ลู่ บังเอิญจัง ผมขอนั่งตรงนี้ได้ไหม?”ชายคนนั้นพูดจบ ก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างกายไป๋ลู่หน้าตาเฉยนัยน์ตาของไป๋ลู่ฉายแววรังเกียจออกมาวูบหนึ่ง เธอไม่สนใจชายคนนั้น แต่หันมายิ้มให้โจวหยาง “โจวหยาง ฉันอิ่มแล้ว ไว้เจอกันตอนเย็นนะ”“ไว้เจอกันตอนเย็นครับ!”โจวหยางร่ำลาไป๋ลู่ ตัวเขาก็ไม่ได้สนใจชายคนนั้นเช่นกัน จึงก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารเช้าต่อไป“โจวหยางใช่ไหมเรา?” ชายคนนั้นทำลายความเงียบขึ้น “นายกับไป๋ลู่รู้จักกันได้ไง? จริงสิ แล้วที่บอกว่าเจอกันตอนเย็นน่ะ พวกนายจะไปทำอะไรกันเหรอ?”โจวหยางขมวดคิ้วมุ่น สำหรับคนประเภทที่ไม่รู้จักเว้นระยะห่างแบบนี้ เขาค่อนข้างรู้สึกรังเกียจ“ขอโทษทีครับ พอดีนี่เป็นเรื่องของเรา ไม่สะดวกบอกคนอื่นน่ะ!” โจวหยางตอบ“ฮ่า ๆ ๆ สมแล้วที่เป็นเด็กเส้น คำพูดคำจาแข็งกร้าวเชียวนะ!” ชายคนนั้นกล่าวแดกดันโจวหยางเงยหน้าขึ้นถาม “เด็กเส้นอะไรครั

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 26

    โจวหยางจึงเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ “พี่เหมย ไม่เห็นมีอะไรเลย! ตรงนี้แห้งสนิทดีอยู่นะครับ!”“อ้อ! แล้วรอบนี้ล่ะ?”ถังอวี้เหมยรีบเปิดฝักบัวทันทีสายน้ำอุ่นจึงเทรดลงมาดั่งฝนห่าใหญ่ อาบทั้งร่างของโจวหยางและถังอวี้เหมยจนเปียกโชกไปพร้อมกัน“อ๊ะ! พี่เหมย พี่ทำอะไรเนี่ย?”“อาบน้ำไง! อิอิ!”“พี่เหมยใจร้ายจัง!”“ผู้หญิงไม่ร้าย ผู้ชายไม่รักหรอก! ฮ่า ๆ ๆ!”ถังอวี้เหมยพูดไปหัวเราะไป เอนตัวพิงกำแพงนั่งลงใต้ฝักบัว ก่อนเงยหน้าขึ้น ปล่อยให้สายน้ำราดรดลงมาในวินาทีนี้ เธอมีความงดงามดุจดั่งบัวพ้นน้ำเสื้อผ้าที่บางราวปีกจั๊กจั่นของเธอ ขณะนี้เมื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัว ก็ยิ่งเผยให้เห็นเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบถึงไหนต่อไหนภาพนี้ ทำให้เลือดลมในกายโจวหยางพลันสูบฉีด แม้จะอยู่ใต้ฝักบัว แต่เขาก็ยังรู้สึกลำคอแห้งผากตอนนั้นเอง ถังอวี้เหมยก็หันมามองเขา ใบหน้าที่แดงเรื่อจากฤทธิ์สุรา เวลานี้ช่างดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างร้ายกาจ“พี่เหมย มองผมแบบนี้ทำไมเหรอ?” โจวหยางชะงักกึกแต่ถังอวี้เหมยกลับโผเข้ามากอดโจวหยาง ก่อนประทับริมฝีปากสีชมพูเข้ามาโดยตรงครู่ต่อมา โจวหยางก็เดินออกจากห้องน้ำในสภาพเปียกปอนเสียงของถังอวี้เห

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 25

    ตอนนี้ ภายใต้แสงไฟสลัว ถังอวี้เหมยยิ้มอย่างมีความสุข ใบหน้าฉายแววเปี่ยมเสน่หา“ว่าแต่เธออยากขึ้นเตียงกับฉันจริง ๆ เหรอ?” เธอถามโจวหยางที่ขับเคลื่อนด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เกือบโพล่งคำว่า “อยาก” ออกไปแล้ว!แต่พอดีเขายังมีสติ ถังอวี้เหมยเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว แม้ชีวิตคู่ของเธอจะไม่มีความรัก แต่ถ้าเขาไปหลับนอนกับเธอจริง ๆ ก็เท่ากับเป็นการทำลายครอบครัวคนอื่น เรื่องแบบนี้ทำไม่ได้เด็ดขาดโดยเฉพาะ เซี่ยยงก็หวังให้พี่เหมยนอกใจอยู่แล้ว พี่เหมยคงไม่มีทางทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นแน่นอนที่เธอถามแบบนี้ ก็คงแค่อยากลองใจดูว่าฉันบริสุทธิ์ใจจริงหรือเปล่าเท่านั้นเองแต่ว่า ถ้าให้โจวหยางตอบว่าไม่อยาก ก็เท่ากับพูดโกหกใจตัวเองแม้ถังอวี้เหมยจะเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว แต่ในเรื่องรูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้แพ้พวกเด็กสาวแต่อย่างใด ทั้งยังไม่เคยมีลูก เซี่ยเฟิงก็เกิดจากการทำเด็กหลอดแก้วบวกด้วยการอุ้มบุญ สาวสวยมีระดับเช่นนี้ ใครบ้างไม่อยากลิ้มลอง?ดังนั้น หลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง โจวหยางจึงเลือกที่จะไม่ตอบ และเปลี่ยนเรื่องคุยทันที“พี่เหมย พี่เล่าแผนของพี่มาเถอะ ผมจะให้ความร่วมมือเต็มที่เลยครับ!” โจวหยางกล่าว“วัน

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status