Share

บทที่ 11

Author: หูเทียนเสี่ยว
เมื่อได้ยินคำพูดของชายผู้นี้ ผู้สูงอายุใหญ่ก็ขมวดคิ้ว

รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้สูงอายุสามแข็งทื่อ "เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร จวนของข้าจะขาดแคลนยาของเสี่ยวจิ่วได้เช่นไร ทว่าข้ายังคงขอบคุณสำหรับน้ำใจของท่าน"

จั๋วซือหราน "ขอบพระทัยท่านอ๋องแทนข้าด้วย"

“ขอรับ เมื่อข้าส่งมอบของเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับไปรายงานเดี๋ยวนี้ ข้าขอลา และข้าขอคุณหนูจิ่วหายดีเร็ว ๆ ขอรับ”

หลังจากผู้ติดตามของตระกูลเฟิงจากไป

ผู้สูงอายุใหญ่กล่าวอย่างเคร่งขรึม "ผู้ใดเข้ากะของคลัง นำตัวมา"

จั๋วซือหรานยิ้มอย่างสงบ นางกล่าวว่า "ผู้อาวุโสใหญ่เจ้าคะ ผู้ที่ดูแลคลังของจวนแค่มองว่าใครมีฐานะสูงกว่ากัน และจะฟังคำสั่งของคนผู้นั้น หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากใครบางคน ก็จะมิกล้าทำเช่นนี้หรอก"

ผู้อาวุโสใหญ่"ข้ารู้ว่าเจ้ามีความคับแค้นอยู่ในใจ เจ้าได้สสั่งสอนเสี่ยวลิ่วแล้ว เจ้าก็ยกโทษให้นางไปเสีย อย่าทำให้คนภายในตระกูลเสียความรู้สึกต่อกันเลย "

จั๋วซือหรานพูดต่อ "หนูเทียบกับพี่ลิ่วมิได้หรอก นางยุยงให้คนนอกทำหนอนพิษกู่ใส่ข้า การกระทำเช่นนี้ ข้ายังไม่เรียกร้องความยุติธรรมเลย"

“ทั้งหมดนี้ไม่มีที่เป็นยหลักฐานอันใด เหตุใดจึงต้องทำร้ายความส้มพันธ์พี่น้องด้วย” ผู้อาวุโสสามตะโกน “เสี่ยวจิ่ว หยุดคิดเล็ดคิดน้อยจนเกินเหตุได้แล้ว”

จั๋วซือหรานยิ้มอย่างเย็นชา "ผู้อาวุโสสาม ข้าถูกลงโทษตามกฎตระกูลเก้าแส้แล้ว หากร่างกายของข้าแย่กว่านี้ กระดูกของข้าอาจถูกตีจนหักก็ได้ ไม่อยากให้ข้าคิดเล็กคิดน้อยจนเกินเหตุหรือ ก็ได้ เช่นนั้นให้จั๋วหรูซินถูกเฆี่ยนเก้าเส้นด้วยเช่นกันสิ"

ผู้อาวุโสสามโกรธ "เจ้า นี่"

ผู้อาวุโสใหญ่รีบอ้าปาก "เอาล่ะ เรื่องนี้ค่อยว่ากันมาทีหลัง"

ผู้อาวุโสใหญ่ยังไม่ได้ซักถามและจัดการกับหลิวเย่ หากต้องตัดสินเรื่องที่จั๋วซือหรานถูกใส่หนอนพิษกู่ ก็ต้องรอหลังจากหลิวเย่จะถูกสอบปากคำแน่นอน

ดังนั้นจั๋วซือหรานไม่เรียกร้องเรื่องนี้อีก

ผู้อาวุโสที่สามถามแบบเหน็บ ๆ "ถ้าเช่นนั้น เรื่องที่เจ้าสามารถดึงกระบี่ของตระกูลเฟิงเหยียนออกมาได้ เป็นเรื่องจริงหรือ เจ้ากับเขาครองคู่กันโดยไม่บอกใครหรือ"

จั๋วซือหรานเหลือบมองผู้อาวุโสสามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ นางคว้าประเด็นสำคัญของประโยคแล้วถามกลับ "ใช่น่ะสิ ข้าดึงกระบี่ประจำตระกูลของท่านอ๋องเฟิงออกมาได้ แล้วทำไม จั๋วหรูซินดึงมันออกมาไม่ได้หรือ"

“หึ เจ้าเอาเปรียบผู้อื่นและโอ้อวดให้มันน้อย ๆ หน่อย กระบี่ประจำตระกูลของเฟิงเหยียนมีความลึกลับมากมาย ไม่มีใครสามารถดึงมันออกมาได้ยกเว้นตัวเขาเอง แต่เจ้าดึงมันออกมาได้ ผู้ใดจะไปรู้ว่าเป็นเพราะเจ้าและเขาตกลงครองคู่กันโดยไม่บอกผู้อื่นจึงทำเช่นนั้นได้กันหรือไม่”

ผู้อาวุโสสามยังพูดจาเหน็บแนม เขาสะกิดอย่างชัดว่า นางเป็นสตรีร้อยลิ้นกะลาวนหลงรักคนง่าย เพราะถึงอย่างไร นางเป็นผู้ที่ถอนการหมั้นหมายก่อน และร้องแต่งงานกับฉินตวนหยางตอนนี้กลับไม่แต่งงานกับฉินตวนหยาง และบอกว่า กระบี่ประจำตะกูลของเฟิงเหยียนคือของขวัญแทนใจ

ผู้อาวุโสใหญ่เป็นคนพูดตรง ๆ "เสี่ยวจิ่ว หลังจากข้าตรวจสอบเรื่องที่เจ้าถูกปองร้ายและพบความจริงได้แล้ว ผู้สั่งการเบื้องหลังต้องได้รับบทลงโทษอย่างแน่น แต่ความผิดของเจ้าก็ไม่สามารถลดทอนลงได้แม้แต่น้อย เจ้าต้องไปซ่อมความสัมพันธ์กับตระกูลเฟิง และเจ้าต้องเอาสัญญาหมั้นกับเฟิงเหยียนกลับมาให้ได้ด้วย”

ดวงตาของจั๋วซือหรานกระตุกเล็กน้อย นางลองเอ่ยถาม "หากเสี่ยวจิ่วไร้ความสามารถ ไม่สามารถเอาสัญญาการหมั้นกับท่านอ๋องเฟิงกลับมาได้ล่ะ "

“ตระกูลไม่เลี้ยงผู้ไร้ความสามารถ ต่อไปเจ้าและน้องชายของเจ้าจะไม่ได้รับการการฝึกฝนใด ๆ จากในตระกูล” ผู้อาวุโสมองดูกล่องยาน้ำค้างหยกสามกล่องในมือของนาง “แต่ในเมื่อเฟิงเหยียนถึงนำกระบี่ประจำตระกูลมาเป็นของขวัญแทนใจ และให้เจ้าใช้กระบี่ส่วนตัวของเขา และยังสั่งคนนำยารักษาอาการบาดเจ็บมาให้เจ้า หากเจ้าอยากได้สัญญาการหมั้นกลับ คงไม่ใช่เรื่องยากหรอกนะ เจ้าเห็นด้วยไหม”

เห็นด้วยอะไรล่ะ

นี่เท่ากับจับนางไปย่างบนไฟ ทำได้ยากมาก

แต่ตอนนี้นางอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสสาม จั๋วซือหรานไม่สามารถแสดงความกลัวได้

นางยิ้ม "เหอะ ๆ ...แน่นอนอยู่แล้ว"

ที่ตลอดผ่านมา ผู้อาวุโสใหญ่เป็นผู้ที่เคร่งขลึมและไม่ค่อยยิ้ม เมื่อเขาได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน ใบหน้าของเขาเริ่มมีรอยยิ้มเล็กน้อย “เช่นนั้นก็ดี อีกสองวันจะมีงานดอกไม้ในวัง เฟิงเหยียนเป็นท่านอ๋องของตระกูลเฟิง ดังนั้นเขาต้องเข้าร่วมพิธีในวันนั้นอย่างแน่นอน เมื่อเวลานั้นมาถึง อาการบาดเจ็บของเจ้าก็คงจะหายดีแล้ว อย่าพลาดงานนี้ล่ะ”

จั๋วซือหราน "เสี่ยวจิ่ว...ข้ารับคำสั่ง"

หลังจากนั้นไปสองวัน จั๋วซือหรานได้รักษาบาดแผลและวิเคราะห์ความสามารถของร่างนี้

ต้องยอมรับว่า เจ้าของร่างเดิมได้รับการยกย่องจากตระกูลจั๋วเช่นนี้ นางมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาเสียจริง ไม่เพียงแต่นางมีคุณสมบัติทางจิตวิญญาณที่เป็นเอกลักษณ์ในสายเลือดตระกูลจั๋วเพียงเท่านั้น อีกทั้งยังมีร่างกายที่แข็งแกร่งมากกว่าปกติอีกด้วย ซึ่งเข้ากันได้อย่างดีกับศิลปะการต่อสู้โบราณที่นางเคยฝึกฝนในชาติที่แล้ว

ภายในเวลาสองวัน อาการบาดเจ็บร้ายแรงที่ได้จากการลงโทษที่ทำตามกฎตระกูลเก้าแส้เกือบหายสนิทแล้ว

ในเช้าตรู่ มีสาวใช้นำเครื่องแต่งกายมา เพื่อแต่งตัวให้นาง

“ผู้อาวุโสใหญ่สั่งข้าน้อยมาแต่งกายให้แก่คุณหนูจิ่วเจ้าค่ะ”

จั๋วซือหรานนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง นางมองไปที่สาวใช้ที่กำลังเตรียมจะแต่งหน้าหนัก ๆให้กับนาง

"เดี๋ยว" จั๋วซือหรานจะดูไม่ออกได้อย่างไรว่า มีคนสั่งสาวใช้ผู้นี้มาก่อเรื่องอัตราย

นางห้ามสาวใช้ทำต่อ"ข้าทำเอง"

สาวใช้หยุดการเคลื่อนไหวทันที นางใจฝ่อเล็กน้อยและพูดโน้มน้าวว่า “คุณหนูจิ่วให้บ่าวทำให้เถิด”

“ให้เจ้าแต่งหน้าเหมือนตัวตลกให้ข้า และให้ข้าไปงานดอกไม้ตลก ๆ เช่นนั้นหรือ จั๋วหรูซินยังจะมีลูกเล่นใหม่ ๆ บ้างไหม” จั๋วซือหรานขมวดคิ้วและสั่ง "ออกไป!"

จั๋วซือหรานแต่งหน้าและแต่งกายด้วยตนเอง

แต่เดิมนางสวยอยู่แล้ว แม้ไม่ได้แต่งหน้า หากแต่งหน้าเพียงเล็กน้อยก็สวยงดงามยิ่งขึ้นไปอีก

เป็นที่น่าดึงดูดความสนใจผู้คนในงาน

“นางกลับมาจริง ๆ...”

“นางกล้ามางานดอกไม้ในวังได้จริง ๆ ! นางโดนลงโทษตามกฎตระกูลมิใช่หรือ ทำไมหายไวเช่นนี้”

จั๋วหรูซินยืนอยู่ข้าง ๆ นางสวมผ้าคลุมเพื่อปิดรอยแผลเป็นบนใบหน้าของนาง เวลานี้นางโกรธอย่างมากจนต้องกัดฟัน

สองวันแล้ว รอยแผลเป็นบนใบหน้าของนางเพิ่งค่อย ๆ จางหาย ทำไมอาการบาดเจ็บของจั๋วซือหรานถึงหายสนิทได้

ผู้ดูแลโน้มน้ามอยู่ข้าง ๆ นางพูดว่า "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูอย่าหุนหันพลันแล่น คุณท่านลิ่วเคยสั่งไว้ ท่านต้องใจเย็น ๆ หลัง ๆ มีโอกาสจัดการนางอยู่เจ้าค่ะ"

จั๋วหรูซินโกรธและกัดฟันแล้วพูดว่า "ข้ารู้แล้ว"

จั๋วซือหรานก้าวไปข้างหน้า นางเผชิญต่อสายตาที่โกรธแค้นของจั๋วหรูซิน และนางนั่งบนรถม้าโดยอารมณ์ดี

งานดอกไม้ในวังจัดขึ้นฤดูกาลละครั้ง และแน่นอนว่า ในช่วงฤดูหนาว ไม่มีดอกไม้ให้ชมหรอก แต่เดิมนั้นราชสำนักเป็นผู้จัดงาน และเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ในหมู่ตระกูลขุนนาง งานนี้ไม่ได้จัดเพื่อชมดอกไม้ แต่ชมหญิงสาวที่มาจากตระกูลขุนนางใหญ่ ๆ

มีการแข่งขันความงามในหมู่สตรีจากตระกูลหลายตระกูล แต่จั๋วซือหรานยังคงได้รับความสนใจอย่างท่วมท้น

เพราะนางสวยและเด่นอย่างมาก

เดิมทีจั๋วซือหรานมีหน้าตาอย่างสวยเทวดา วินาทีที่ดวงตาคู่นั้นล้นความกล้าหาญออกมา ความงดงามนั้นเต็มไปด้วยเอกลัษณ์ส่วนตัว และเต็มไปด้วยความภาพภูิใจ ซึ่งดึงดูดสายตาของผู้คนอย่างมาก แม้ว่านางจะแต่งหน้าเล็กน้อย แต่ก็งดงามมากพอแล้ว

ในชาติที่แล้ว จั๋วซือหรานเป็นสายสืบยอดฝีมือของหน่วยงานนางแข็งขันแกร่งกล้า ทะนงในศักดิ์ศรี

และเจ้าของร่างเดิมไม่ใช่คนอ่อนแอเสียหน่อย นางเกิดมามีอำนาจบารมี ได้รับการยกย่องมาตั้งแต่เด็ก ทุกคนต่างภาคภูมิใจ

เมื่อนางลงจากรถม้า คนรับใช้ของเรือนผู้อื่นจ้องนางอย่างเยาะเย้ย ราวกับว่ากำลังย้ำถามว่า ทำไมนางถึงกล้ามาที่นี่อีก

จั๋วซือหรานเผชิญหน้ากับสายตาที่เยาะเย้ยของเขา รอยยิ้มบนริมฝีปากของนางสดใส แต่คำพูดของนางนั้นเย็นชามาก "เจ้ามองอะไร หากยังมองอีก ข้าจะควักลูกตาของเจ้าออกมา”

สีหน้าของคนรับใช้หยุดนิ่ง เขารีบถอนสายตากลับ

จนงานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้น เฟิงเหยียนยังไม่ปรากฎตัว

ทุกคนมองจั๋วซือหรานด้วยความสงสาร

“ท่านอ๋องเฟิงไม่มาเพราะไม่อยากเห็นจั๋วจิ่วแน่ ๆ ”

“นางยังพูดต่อสาธารณะชนอีกว่า นางรักท่านอ๋องเฟิงอย่างสุดซึ้งหัวใจ ช่างน่าอับอายจริง ๆ”
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (1)
goodnovel comment avatar
Pa Mod
ตระกูลแบบนี้จะอยู่ไปเพื่อ.......ให้เขาฆ ่าตุยรึงัย,นางเอก
Tignan lahat ng Komento

Pinakabagong kabanata

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1459

    ถังฉือน่าจะไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้จริงๆ ดังนั้นจึงรู้เนื้อหาไม่ค่อยมากนักถ้าหากเป็นจั๋วซือหรานล่ะก็ คงจะตรวจสอบเป้าหมาย แผนการ ของอีกฝ่ายมาจนหมดแล้วยังดีที่ถึงแม้ข้อมูลของถังฉือจะไม่เยอะมาก แต่พอบวกกับข้อมูลที่ปันอวิ๋นรู้บางส่วนรวมส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน ก็พอปะติดปะต่อเรื่องราวออกมาได้จั๋วซือหรานรวบรวมข้อมูลคร่าวๆ แล้วจึงสรุปออกมา"สรุปก็คือ ในเรื่องที่สภาผู้อาวุโสลิ้มรสความหอมหวานจากเกาะลอยฟ้าด้วยพลังแห่งมังกรคราม เลยคิดอยากจะได้พลังแห่งสัตว์เทพที่มากกว่า หวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม ต้องการ...แดนอุดมคติบนโลกมนุษย์"พูดถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็หัวเราะเบาๆ ขึ้นมาทีหนึ่ง ทั้งเหมือนประชดและเหมือนไม่มี นางเสริมขึ้นมาคำหนึ่ง "แดนอุดมคติบนโลกมนุษย์ที่เป็นของพวกเขาเท่านั้น"น่าจะประมาณนี้นั่นล่ะเพียงแต่ว่าล้มเหลวไปแล้ว เพราะพลังสัตว์เทพที่ได้รับมาจากการพันธนาการ มันไม่ได้ผลลัพธ์แบบที่พวกเขาคาดหวังเอาไว้"หลักๆ คือเจ้าเสียวหม่านี่รู้ข้อมูลมาน้อยเกินไปแล้ว" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้น "ดังนั้นพวกเรารีบไปที่เมืองโม่ดีกว่า ชิงตัวซงซีกับเยี่ยนเหวยมาก่อน ข้อมูลที่พวกเขารู้ต้องมากกว่านี้แน่นอน"จั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1458

    สายตาของปันอวิ๋นก็มองมาทางเขา รู้สึกทอดถอนใจหน่อยๆถังฉือไม่พูดต่อ แต่ปันอวิ๋นก็เห็นได้ชัดว่ารู้เรื่องราวหลังจากนั้นจึงหันมาบอกกับจั๋วซือหรานว่า "พยัคฆ์ขาวนั่นตอนนั้นก็เป็นเขานี่ล่ะที่จับไป""..." จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายความเงียบงันของถังฉือเมื่อครู่ทันทีมิน่า น่าจะตอนนั้นสินะ เขาถึงได้เข้าใจต่อเรื่องนี้ขึ้นมาบ้าง"สรุปคือ..." ถังฉือเนื่องจากมีนิสัยแบบนั้น ดังนั้นต่อให้รู้สึกเชิงขอโทษอยู่บ้าง แต่มันก็เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้นเขาพูดต่อว่า "สรุปคือ หลังจากข้าพาเขาไป พวกเขาก็หาวิธีคิดจะใช้พลังแห่งพยัคฆ์ขาว ข้าเข้าใจไม่มากนัก จำได้ลางๆ ว่า พวกเขาหวังจะมีพลังแห่งสัตว์เทพ แล้วจะสร้างปาฏิหาริย์เหมือนเกาะลอยฟ้าขึ้นมา"ฟังถึงตรงนี้ จั๋วซือหรานรู้สึกประหลาดใจหน่อยๆ แต่ก็พอเข้าใจได้ถึงอย่างไร คนที่เคยลิ้มรสความหอมหวานมาแล้ว ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่อยากจะลิ้มรสความหอมหวานมากขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นเรื่องปกติของมนุษย์เพียงแต่ว่า จั๋วซือหรานเพิ่งจะคิดแบบนี้ ก็เห็นถังฉือขมวดคิ้ว เหมือนจะดูไม่ค่อยพอใจกับเนื้อหาคำพูดของตัวเองราวกับว่า รู้สึกว่าคำพูดของตัวเอง ยังแสดงความหมายที่อยากจะบอกออกมาไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1457

    จั๋วซือหรานพูดถึงตรงนี้ ก็หัวเราะขึ้นมา แต่ไม่ใช่หัวเราะใส่เฟิงเหยียนหรือปันอวิ๋นถ้าให้พูดจริงๆ น่าจะเป็นเจ้าสภาผู้อาวุโสสมควรตายนั่นมากกว่าจั๋วซือหรานหัวเราะเสียงเย็นชา "พวกเขาพอได้ลิ้มลองของดีแล้ว ต้องไม่ยอมปล่อยวางพลังสัตว์เทพไปแน่นอน"พลังแห่งมังกรครามสามารถทำให้เกาะมังกรลอยบนท้องฟ้าได้ ทำให้ฐานที่มั่นพวกเขาดูราวกับเป็นปาฏิหาริย์แห่งทวยเทพได้อย่าว่าแต่สภาผู้อาวุโสพวกนี้เลยจั๋วซือหรานลองสมมติว่าถ้าตนเองเป็นแบบนั้น ก็คงรู้สึกอยากจะรู้ว่าพลังของสัตว์เทพอื่นๆ จะเป็นเช่นไร"ใช่เลย" ปันอวิ๋นถอนหายใจ "เพียงแต่ว่า พลังสัตว์เทพมันหาได้ง่ายๆ เสียที่ไหนกัน"ถังฉือที่อยู่ข้างๆ ก็พูดต่อมาว่า "พวกเราหามาตั้งหลายปี ไอ้ที่หาเจอจริงๆ ก็มีแค่หงส์แดงกับพยัคฆ์ขาวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นแค่พวกน้ำไร้รากด้วย"จั๋วซือหรานรู้สึกสนใจกับคำพูดนี้ของถังฉือ"น้ำไร้ราก..."ประหลาด จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายคำนี้ของถังฉือขึ้นทันทีพลังแห่งพยัคฆ์ขาวที่ถังฉือพูดถึงเป็นอย่างไร จั๋วซือหรานไม่รู้แต่ที่นางรู้คือบนตัวเฟิงเหยียน หรือก็คือพลังหงส์แดงที่สืบทอดมาของตระกูลเฟิงมันก็ดูเป็นน้ำไร้รากจริงๆ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1456

    เขาพยักหน้า "พวกเขาสะสมมานานหลายปี มีทรัพยากรที่ดีที่สุด มีเส้นสายที่ดีที่สุดกับสำนักต่างๆ"ถังฉือพูดต่อไปและเพราะมีทรัพยากรเช่นนี้ พวกเขาจึงมีสายข่าวที่เยอะถึงเยอะมากๆสัตว์เทพเอย สัตว์ชั่วร้ายเอย สิ่งที่คนปรารถนาแต่ไม่อาจเอื้อมถึง แค่คิดก็ยังไม่กล้าจะคิด ทว่าสำหรับพวกเขาแล้ว กลับเป็นสิ่งที่ได้มาง่ายดายและเพราะได้มาง่ายดาย จึงไม่ได้ดูมีคุณค่าขนาดนั้นดังนั้น จึงมีทะเลทรายทางเหนือขึ้นมาทะเลทรายทางเหนือก็เหมือนกับเป็นศูนย์พักพิงแห่งหนึ่งของสภาผู้อาวุโส รวบรวมตัวตนอันตรายจำนวนมากไว้ เป็นตัวตนที่สภาผู้อาวุโสรู้สึกว่าเก็บไว้ก็ไม่ได้ประโยชน์ แต่จะทิ้งก็เสียดายถ้าบอกว่าให้ทิ้งไป พวกเขาก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ถ้าจะบอกว่ามีค่า...ก็เหมือนไม่ได้ไปถึงขนาดนั้นดังนั้นจึงให้พวกเขาอยู่กันที่ทะเลทรายทางเหนือ อยู่ในเมืองโม่ทั้งใช้งานต่อได้ และไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตของสภาผู้อาวุโสด้วยจั๋วซือหรานฟังออกถึงความหมายในคำพูดนี้"ดังนั้นก็คือ...ที่พวกเขาเอาคนเหล่านี้มาทำงานในเมืองโม่ อันที่จริงก็เพื่อไม่ให้พวกเขาไปยังฐานที่มั่นสภาผู้อาวุโส แต่ยังสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของพวกเขาต่อไปได้"

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1455

    ถังฉือชอบจั๋วซือหราน ไม่ใช่ความรู้สึกชอบแบบหนุ่มสาว แต่เป็นความชอบแบบบริสุทธิ์ใจดังนั้น ขอแค่จั๋วซือหรานอยากรู้ ถังฉือก็จะตอบสิ่งที่รู้ออกมาทั้งหมดดังนั้นจั๋วซือหรานจึงมีความเข้าใจต่อสภาผู้อาวุโส และทะเลทรายทางเหนือพอควรแล้วสภาผู้อาวุโส ตอนแรกสุดที่ก่อตั้ง ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี และไม่มีการกดขี่ข่มเหงตอนนั้น แผ่นดินใหญ่แตกแยกล่มสลายแคว้นเล็กต่างๆ สับสนวุ่นวายไม่พัก สู้กันไปสู้กันมาตอนนั้นลัทธิยังไม่เรียกเป็นลัทธิ แต่ยังเรียกเป็นแค่กลุ่มสำนัก และกลุ่มสำนักภูเขาหรือกลุ่มสำนักริมน้ำก็ผุดขึ้นมาไม่ขาดสายและก็มีการช่วงชิงระหว่างกันทั้งที่ลับที่แจ้งอยู่ไม่น้อยพูดแบบนี้ดีกว่า เป็นยุคสมัยที่ค่อนข้างวุ่นวายเลยทีเดียวระหว่างแคว้นรบราต่อสู้กัน วุ่นวายไม่หยุดหย่อนระหว่างสำนักเองก็ต่อสู้กัน มีคนตายไปไม่น้อยสถานการณ์เช่นนี้ยืดยาวต่อมาเป็นเวลานาน กินเวลาหลายสิบปีเลยทีเดียวต่อมาไม่รู้เนื่องจากโอกาสอะไร โดยรวมคือ มีสำนักอันดับแรกที่ก่อตั้งขึ้นจากการร่วมตัวเป็นพันธมิตรพลังของสำนักเช่นนี้แน่นอนว่าไม่ใช่ธรรมดา ดีกว่ากลุ่มสำนักแต่ก่อนมากมายดังนั้น เพื่อจะต่อสู้กับสำนักนี้ สำนักอื่นๆ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1454

    ตอนที่ฟ้ากำลังจะสาง จั๋วซือหรานก็เรียกให้เฟิงเหยียนเข้ามาอยู่บนรถม้ารถม้าของนางเดิมทีก็เตรียมไว้เพื่อเขาโดยเฉพาะ ไม่เช่นนั้น อันที่จริงพวกเขาจะขี่ม้าเร่งระยะทางกันเสียหน่อยก็ไม่ใช่ปัญหาเลยหลักๆ คือยังกังวลอาการบาดเจ็บของเฟิงเหยียนในรถม้าท่ามกลางความมืด เฟิงเหยียนโอบกอดนางเบาๆจั๋วซือหรานพิงไปที่อกเขา "อีกเดี๋ยวท่านก็พักผ่อนให้ดีๆ""อืม" เฟิงเหยียนดูเชื่อฟังนางมากจั๋วซือหรานคิด เอ่ยถามเสียงต่ำว่า "พวกเขาขังคนพวกนี้ไว้ที่ทะเลทรายทางเหนือหรือ?"เฟิงเหยียนขานรับอืม "ถือว่าใช่นั่นล่ะ ตอนแรกสุดคนทั้งหมด จะคิดว่าตนเองได้ไปเข้าร่วมกับองค์กรที่ใหญ่โตมาก อยู่ไปจึงได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ว่าไปเข้าร่วม แต่ไปให้บริการต่างหาก..."จั๋วซือหรานรู้สึกว่า ใช้คำว่าให้บริการนี่ อาจจะเป็นคำที่เฟิงเหยียนใช้แบบอ้อมๆ หน่อยแล้วกระทั่งเรียกได้ว่าเป็นทาสเลยด้วยซ้ำจั๋วซือหรานพอได้ยินจากคำพูดเฟิงเหยียน ภาพของทะเลทรายทางเหนือ ก็ค่อยๆ มีเค้าโครงขึ้นมาบ้างแล้วคนเหล่านั้น ล้วนเป็นอัจฉริยะที่สภาผู้อาวุโสรวบรวมมาจากทั่วสารทิศอัจฉริยะเหล่านี้ ล้วนมาให้บริการแก่พวกเขาเหมือนอย่างซงซี สิ่งของที่ถูกหลอมออก

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status