ปันอวิ๋นมองนาง ในสายตามีความไม่อยากเชื่อจั๋วซือหรานเองก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าขอโทษ จึงแหงนตามองเขา"เจ้า..." ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ "ทิ้งข้าที่เมืองหยางเหมือนพวกชายชู้""อา" จั๋วซือหรานขานรับคำหนึ่งสายตาปันอวิ๋นยิ่งไม่อยากเชื่อขึ้นไปอีก "แต่เจ้ากลับ....สงสารแมลงทั้งเจ็ดตัว""อา" จั๋วซือหรานฟังออกถึงความหมายเขาแล้ว แต่ก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ปันอวิ๋นขมวดคิ้ว "ข้าสู้แมลงเจ็ดตัวก็ไม่ได้หรือนี่?"จั๋วซือหรานหลังจากฟังออก ก็เผยรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบออกมายิ้มตาโค้งพูดกับปันอวิ๋นว่า "จะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน...เจ้าหุบเขาอย่าดูถูกตนเองแบบนี้เลย เจ้าหิวหรือยัง? ข้าต้มหมี่ให้กินไหม?"นี่คือจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแล้ว?ไร้ทักษะสุดๆ แข็งทื่อเหลือเกินแต่ปันอวิ๋นมองท่าทางยิ้มตาโค้งของนาง ก็สูดลมหายใจลึก หยุดลงไปครู่หนึ่ง พยักหน้าให้ "เอาสิ"จั๋วซือหรานยังคงยิ้มตาโค้ง ตอบกลับมาว่า "เอาสิหรือ? เช่นนั้นเจ้าหุบเขาก็รับปากแล้วใช่ไหม?"ปันอวิ๋นอืมมาทีหนึ่ง "ก็แค่เรื่องแมลงกู่ไม่กี่ตัวเท่านั้น เรื่องเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเจ็ดตัวในมือเจ้า แม้จะไม่รู้ว่าเจ้าเลี้ยงมาอย่างไร แต่
จั๋วซือหรานเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "ไม่มีอะไรที่ลงมือไม่ได้หรอก ก่อนหน้านี้ข้าบอกกับพวกเขาไว้แล้ว ว่าคนอย่างข้า ไม่มีนิสัยเป็นจอมเชือด แต่ก็ไม่ใช่ว่าฆ่าคนไม่เป็น"เสียงของนางไม่มีความอบอุ่นใด "แต่พวกเขาถ้าจะต้องตาย ก็ต้องไปบนเนินเขาเมฆาวารีก่อนแล้วค่อยตาย"ปันอวิ๋นเห็นจิตสังหารที่ไม่ปิดบังในแววตานางคนที่มีเมตตาและความคมกล้าด้วยเท่านั้น จึงจะแข็งแกร่งอย่างแท้จริงปันอวิ๋นเพียงไม่นานก็ไปช่วยนางหลอมแมลงกู่แล้วจั๋วซือหรานเองก็กลับไปในห้อง ในสมองนางแทบจะระเบิดแล้วน่าจะเพราะก่อนหน้านี้บทสนทนาของนางกับปันอวิ๋น เจ้าเจ็ดตัวน้อยก็ซาบซึ้งอยู่ในจิตใต้สำนึกนางจนร้องไห้กันอย่างหนักร้องกันจนนางปวดหัว!ตอนที่กลับมาถึงห้อง จั๋วซือหรานจึงแยกจิตสำนึกส่วนหนึ่ง เข้าไปบอกกับพวกมันว่า "เอาล่ะ ไม่ต้องร้องแล้ว สมองข้าจะถูกเสียงร้องไห้พวกเจ้าระเบิดทิ้งอยู่แล้ว"ขนมชาเขียวสะอึกสะอื้นเอ่ยว่า "ข้าซาบซึ้ง...""จะซาบซึ้งก็กลั้นเอาไว้ก่อน" จั๋วซือหรานยกมือกดที่ขมับน่าจะเพราะก่อนหน้านี้ทั้งเจ็ดตัวร้องไห้ระงมจนปวดขมอง ดังนั้นนางจึงไม่ทันได้สังเกตแต่หลังจากที่สังเกตดู นางก็ขมวดคิ้ว มีปฏิกิริยาขึ้นมาทำไม
"พวกเขาจะจับข้าไปเป็นผู้ทดลองยา!" จั๋วหวายยิ่งรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม มีเสียงสะอื้น "พวกเขาจะโยนข้าเข้าไปในหลุมที่มีแต่แมลง แล้วยังกรอกยาขมๆ ให้ยาอีกตั้งเยอะ!""ดังนั้นเด็กโง่อย่างเจ้าน่ะมันโง่หรือเปล่า? ทำไมถึงเดินไปกับเขาอย่างว่าง่ายแบบนั้น" จั๋วซือหรานทั้งโมโห ทั้งเป็นห่วง ถามขึ้นอย่างจนใจจั๋วหวายสูดน้ำมูก เสียงขึ้นจมูกเพราะร้องไห้มา น้ำหูน้ำตาไหล ฟังแล้วน่าสงสารยิ่งกว่าเดิมเขาเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว "เพราะสุ่ยเชียนโยวคนนั้น นางสวยมาก"จั๋วซือหราน "..."นางพูดไม่ออกจริงๆ ไม่เคยเห็นเด็กที่แสดงออกว่าชอบผู้หญิงตรงๆ แบบนี้มาก่อนเลย"นี่ถ้าตอนนี้ข้าไม่ได้ระงับอารมณ์ไว้ เด็กอย่างเจ้าคงถูกข้าจับแขวนอัดไปแล้ว เจ้าเด็กกะล่อน!" จั๋วซือหรานตะคอกขึ้น "กลับไปก่อนจะสั่งสอนเจ้า"เสียงของจั๋วซือหรานเข้มงวดมาก ทำเอาจั๋วหวายตัวสั่นขึ้นมาในสายตาเขา พี่สาวพึ่งพาได้กว่าใครทั้งหมด!แต่บางครั้ง พี่สาวเองก็น่ากลัวกว่าอะไรทั้งหมดด้วย!เขาลนลานขึ้นมาทันที รีบพูดขึ้นว่า "ท่านพี่ ข้า ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่งนั้น! สุ่ยเชียนโยวคนนั้น หน้าตาคล้ายท่านเลย! ข้าเลยรู้สึกอยากรู้อยากเห็น ดังนั้นจึงเข้าใกล้นา
่จั๋วหวายแลบลิ้น "ข้ารู้สึกว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ ก็ยังไม่เคยหารือกับท่านด้วย ข้าเองก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามไปทำ"ความเลื่อมใสและความไว้ใจที่จั๋วหวายมีให้พี่สาวนั้น ไม่มีสิ่งใดเทียบได้ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอย่างไร ถ้าหากเป็นเรื่องเล็กก็ช่างมัน แต่ในเรื่องใหญ่แบบนี้ เขาจะต้องหารือกับพี่สาวแน่นอน"ยิ่งไปกว่านั้น ข้ารู้สึกว่านางป่วยเป็นแบบนั้น พี่สาวเองก็ไม่แน่ว่าจะรักษาไม่ได้ ไม่มีความจำเป็นต้องให้ข้ามาเป็นผู้ทดลองยาด้วย" จั๋วหวายเอ่ยขึ้นพอได้ยินคำนี้ จั๋วซือหรานก็เขกไปที่หน้าผากเขาทีหนึ่ง "ก็ยังไม่ถึงกับโง่นักนี่ น้องชายของจั๋วซือหราน ถ้าโง่ถูกคนจับไปเป็นคนทดลองยาได้ล่ะก็ คงจะน่าขำน่าดู""ดังนั้น ท่านพี่รักษาได้ไหม?" จั๋วหวายถาม"น่าจะได้กระมัง" จั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบ เหมือนไม่ได้แยแสกับเรื่องนี้นัก จากนั้นนางจึงหัวเราะขึ้นมาเบาๆ "แต่ข้าไม่มีทางรักษาให้นางหรอก"จั๋วหวายความคิดยังใสซื่อ น่าจะยังโง่อยู่หน่อยๆ ยังรู้สึกเสียดาย "อา อย่างนั้นหรือ..."จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "เจ้าเด็กโง่นี่ยังจะเสียดายแทนคนอื่นอีกหรือ? เจ้าคิดว่าคนอื่นเขาจะให้เจ้าเป็นแค่ผู้ทดลองยา
บวกกับคุณสมบัติร่างกายของเจ้าเด็กนี่กับนางคล้ายคลึงกัน แข็งแกร่งสุดๆ ทรหดราวกับสุนัขป่า ไม่แปลกใจที่ใครๆ ต่างก็หมายปองกระดูกนี้สรุปคือ เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่หนักหนา ดังนั้นจั๋วซือหรานกระทั่งไม่ต้องจ่ายยาอะไรให้นางเลยด้วยซ้ำฝังเข็มไปรอบหนึ่ง จากนั้นก็ยัดยาลูกกลอนไปอีกสองเม็ด เจ้าเด็กนี่ที่ทรหดเหมือนสุนัขป่า ก็คาดว่าน่าจะหายดีแล้วเข็มก็แทงลงไปแล้วจั๋วซือหรานลูบมือผ่าน หางเข็มทองก็สั่นไหวขึ้นมา"อุ๊...!" จั๋วหวายครางขึ้นมาอย่างทนไม่ไหวการหมุนเข็มก่อนหน้านี้ของนางก็ทำเขาร้องอ๊าวๆ แล้ว นั่นเพราะมันปวดแต่ตอนนี้ไม่ใช่เพราะปวด แต่เป็นความรู้สึกที่แย่กว่านั้น ในกระดูกเหมือนมีมดมาวิ่งไต่อย่างไรอย่างนั้นรู้สึกแย่กว่าความเจ็บปวดเสียอีกเด็กหนุ่มวัยรุ่นกัดฟันแน่น จั๋วซือหรานนั่งจิบชาอย่างใจเย็นอยู่ข้างๆจากนั้นจึงฝังเข็มให้เขาอย่างไม่รีบร้อนจั๋วหวายรู้สึกทันที เหมือนจะกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทั้งตัว ในที่สุดก็ได้สัมผัสความสุดยอดวิชาแพทย์ของพี่สาวเสียทีตอนที่เหลียนเจินเข้ามารายงาน พอเห็นจั๋วหวาย ก็ตกตะลึงไป"นี่..." เหลียนเจินตกตะลึง"โอ้" จั๋วซือหรานแนะนำให้ "น้องชายข้า จั๋วหว
"นายท่าน เขาทางนี้" เทียนถงทำสัญญาณมือ "เพียงแต่ว่า..."เทียนถงดูกังวลหน่อยๆ "สภาพเขาเหมือนไม่ค่อยดีนัก หลังจากกลับมาจากโรงน้ำชา สภาพเขาก็ผิดปกติลแล้ว แต่ก็ไม่มีบาดแผลอะไรที่เด่น ราวกับว่า...ป่วยไปแล้ว?"จั๋วซือหรานฟังคำพูดของเทียนถง พยักหน้าให้เรียบๆ "ข้าไปดูหน่อย"น่าจะไม่ได้ป่วยกะทันหันหรอก คงไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ไม่ยอมป่วย แล้วมาป่วยเอาตอนนี้หรอกนะจั๋วซือหรานรู้สึกว่า น่าจะเป็นเพราะถูกนางแย่งหุ่นเชิดมาหมดตอนที่สู้กับนางก่อนหน้านี้น่าจะรู้สึกโกรธ บวกกับหุ่นเชิดความมืดนี่ เดิมทีก็ค่อนข้างชั่วร้ายอยู่ อาจจะมีผลกระทบย้อนกลับอยู่บ้างไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร สำหรับนางแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ตำมืออะไรทั้งนั้นนางมีเรื่องจะถามเขา เช่นนั้นก็ต้องถามถ้าเขาจะตาย ก็ต้องตายหลังจากที่นางถามเสร็จน่าจะเพราะเป็นผู้อาวุโส เหลียนเจินจึงหาห้องแขกให้เขาเฉพาะห้องหนึ่งแสงในห้องไม่มืดนัก แต่พอเข้ามาก็ยังทำให้คนสัมผัสได้ถึงปราณความตายที่หนักอึ้งอยู่คนบนแคร่ เดิมทีก็ร่างกายผอมเหมือนศพแห้งอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งดูซูบผอมกว่าเดิมราวกับพลังชีวิตถูกดูดออกไปจนหมดจั๋วซือหรานไม่ใส่ใจกับท่าทีนี้นัก หลังจาก
เพียงแต่ว่าเขามีหน้าตาเหมือนศพแห้ง และเพราะมันดูแข็งทื่อ ดังนั้นจึงมองออกไม่ง่ายนักจั๋วซือหรานสังเกตเห็นสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของเขา "ดูท่า คงจะคล้ายข้าจริงๆ สินะ"หวงเจี้ยนถังดวงตาปูดโปน "ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเสียหน่อย!""ก็จริง เจ้าไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าข้าก็ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าใช้ปากพูดออกมานี่"จั๋วซือหรานยังคงมองเขาเรียบๆ ถามต่อว่า "น้องชายข้าเข้ากันกับนางได้พอดี เป็นผู้ทดลองยาให้นาง...ส่วนนางก็หน้าตาคล้ายข้า เจ้าคิดว่านี่มันเพราะอะไร? หรือว่าบนโลกนี้ จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้หรือ?"หวงเจี้ยนถังฟังคำนี้ ม่านตาก็หดลง! หญิงสาวคนนี้มันปีศาจจำแลงกายมาหรือไรกัน?!นี่มันเกิดกว่าฉลาดหลักแหลมแล้ว นี่มัน...วิชาชั่วร้ายชัดๆ!ถ้าหากนางรู้จริงๆ แล้วมันก็เรื่องนึงแต่ตอนนี้จากที่ฟัง หวงเจี้ยนถังรู้สึกว่า นางเหมือนจะแค่...คาดเดาเท่านั้น นางไม่ได้รู้อะไรเลยแต่กลับเดาได้ใกล้เคียงความจริงขึ้นเรื่อยๆจั๋วซือหรานเห็นม่านตาของเขาหดลง ก็จับการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของเขาได้อีกจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "ดูท่าโลกนี้จะไม่มีเรื่องบังเอิญขนาดนั้น แต่ก็จริง ข้าเชื่อประโยคหนึ่งมาตลอด ว่าบนโลกนี้ไม่มีเรื่
รอยยิ้มของหวงเจี้ยนถังแข็งทื่อไปแล้วส่วนจั๋วซือหราน ก็มองเขาเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม น้ำเสียงมีแววเหมือนแมวไล่จับหนูถามขึ้นมาว่า "หัวเราะไปสิ ทำไมไม่หัวเราะล่ะ?"สีหน้าหวงเจี้ยนถังแข็งทื่อ ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่พูดอะไรออกมาจั๋วหวายหายใจหอบถี่ เห็นได้ชัดว่าโมโหจัดกับคำพูดของหวงเจี้ยนถัง ยากจะคุมอารมณ์ไว้ได้แต่จั๋วซือหรานกลับยื่นมือไปกดบนบ่าเขา เอ่ยเสียงต่ำว่า "เด็กโง่ ใจร้อนซะจริง เขาแค่ยุแยงเจ้า เจ้าก็ติดกับเข้าเสียแล้ว"จั๋วหวายถึงอย่างไรก็เป็นชายหนุ่มเลือดร้อน อารมณ์กับความเลือดเดือดขึ้นมาไวมากแต่ยังดีที่เขามีพี่สาวเป็นหลักยึดเหนี่ยว อารมณ์จึงผ่อนคลายลงมาอย่างรวดเร็วจั๋วหวายใจเย็นลงมาแล้วในมือจั๋วซือหรานกำขลุ่ยกู่อยู่ เคาะลงไปเบาๆ บนบ่าหวงเจี้ยนถัง "ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะจัดการเจ้าสำนักพวกเจ้าอย่างไรดี เจ้าก็อย่าลงแรงช่วยนางนักเลย""บังอาจนัก!" หวงเจี้ยนถังเสียงแหบแห้งจั๋วซือหรานหัวเราะเบาๆ "ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าทำไมถึงได้มั่นใจนัก ว่าเจ้าสำนักจะกลับมาช่วยพวกเจ้า?"หวงเจี้ยนถังจ้องมองนาง "เจ้าหมายความว่ายังไง""นางทำไมจะมองดูพวกเจ้าตายไม่ได้?" จั๋วซือหรานเหมือนยิ้มเหมื
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วหวาย สีหน้าจั๋วซือหรานก็ชะงักไปพอนึกถึงจั๋วเฮ่ออิงที่สีหน้าเปลี่ยนแล้วรีบร้อนออกไปวันนั้นนางรู้สึกว่าการคาดเดาของเสี่ยวหวาย...ดูสมเหตุสมผลดียังไม่ต้องพูดถึงว่าจั๋วเฮ่ออิงไปหาเซี่ยอวิ๋นซี แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไรจั๋วซือหรานแม้จะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่ก็มีความรู้สึกรักอย่างจริงใจต่อเซี่ยอวิ๋นซีด้วยความเข้าใจต่อตัวเซี่ยอวิ๋นซีของนาง จั๋วซือหรานรู้สึกว่า เซี่ยอวิ๋นซีเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งในการที่นางสามารถเลี้ยงลูกสองคนจนโตได้เพียงลำพังก็มองออกได้ไม่ยากคนแบบนี้ ในสถานการณ์ปกติขีดจำกัดจะชัดเจนมากนางจะอ่อนโยนกับคนของตนเอง แต่มีนิสัยที่แข็งกร้าวในสายตาไม่อาจทนเห็นสิ่งไม่ดีได้ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอตอนที่นางรักจั๋วเฮ่ออิงก็คือรักจริงๆ ถ้าหากไม่มีลูกน้อยสองคนคอยรั้งนางไว้ นางคงฆ่าตัวตายตามจั๋วเฮ่ออิงไปตั้งแต่ตอนรู้ว่าเขาตายแล้วแต่พอมีตัวตนอย่างสุ่ยจิ้งหลาน เซี่ยอวิ๋นซีก็ไม่แน่ว่าจะอดทนต่อจั๋วเฮ่ออิงได้อีกตอนที่ไม่รัก ก็อาจจะไม่รักได้จริงๆแต่แล้วทำไมล่ะ แค่จั๋วเฮ่ออิงไปบอกเรื่องของนาง ด้วยนิสัยของเซี่ยอวิ๋นซี ต่อให้ฟ้าถล่มก็คงจะรีบมาหาอยู่ดีจั๋วซือหรานถอนห
ตอนนี้ จั๋วซือหรานเห็นหน้าตนเองในน้ำได้เห็นสภาพของตนเองชัดๆ ดีขึ้นมากแล้วจริงๆแต่นางยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าสภาพของตนเองก็กำลังแย่ลงอย่างรวดเร็วดังนั้น ตนเองตอนนี้...อยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ได้จริงๆถ้าแค่ห่างจากชายคนนั้น ตนเองก็อาจจะทนต่อไปไม่ไหว แล้วกลับไปอยู่ในสภาพก่อนหน้านี้อีก นั่นมันอันตรายเอามากๆส่วนตนเองถ้าหากยังตามชายคนนี้อยู่ตลอดล่ะก็...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ในใจก็อดคิดไม่ได้ ตอนนี้ตนเองอย่างน้อยยังพอทนไหว ไม่ต้องตัวติดกับเขาตลอดเวลาก็ได้แต่...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นนะจั๋วซือหรานเป็นคนที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่เสมอ นางยกมือขึ้นลูบท้องน้อยเบาๆในใจยังคิดขึ้นอย่างกังวล ถ้าหากอายุครรภ์มากขึ้น สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยถึงตอนนั้นหากตนเองต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาถึงจะรักษาสภาพให้คงที่ได้ล่ะ?ถ้าตนเองเป็นอย่างที่เขาบอกล่ะ ที่ว่าต้องการแสงแดดแล้วในเวลากลางวันแบบนั้น...คนนึงต้องการแสงแดด แต่อีกคนกลับถูกแสงแดดทำร้ายสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆนางผ่อนคลายลงหน่อย แต่เขากลับทรมานขึ้นมาถ้าพอนางทรมาน เขาถึงจะผ่อนคลายลงมาได
ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ
ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร
จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส
จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต
แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว
ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ
กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย