ปันอวิ๋นเองก็ไม่กล้าชักช้า รีบนำขบวนพาไปยังหุบเขาหมื่นพิษกำชับกับคนในสำนักให้ดูแลพวกเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หันกลับไปช่วยเหลือจั๋วซือหรานทันทีเจ้าสัตว์กินกูนั่นเป็นความยุ่งยากมาโดยตลอด แต่ยังดีที่มันไม่ค่อยจะปรากฏตัวนัก พอจับนิสัยมันได้ก็ไม่ค่อยได้ปะทะกันเท่าไรฝีมือของจั๋วซือหราน ปันอวิ๋นเข้าใจเป็นอย่างดีตามหลักแล้วควรจะวางใจถึงจะถูก แต่กลับรู้สึกไม่วางใจขึ้นมาอย่างประหลาดดังนั้นหลังจากที่พาขบวนมาถึงหุบเขาหมื่นพิษแล้ว ปันอวิ๋นก็หันกลับทันที"อย่าได้เกิดเรื่องขึ้นเชียวนะ" ปันอวิ๋นขมวดคิ้วพูดกับตนเองเฟิงเหยียนตอนนี้สมองไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงเหมือนไม่ได้สนใจนางเป็นห่วงนางพอคิดๆ แล้วก็เหมือนจะไม่ใช่ ต่อให้สมองพังไป ความเป็นห่วงต่อหญิงสาวคนนี้ของเจ้านั่น ก็ยังมากกว่าใครคนอื่นอยู่ลิบลับปันอวิ๋นรู้สึกว่า ด้วยพลังของจั๋วซือหราน อันที่จริงไม่น่าทำให้ตนเองไม่วางใจขนาดนี้ พอคิดอย่างละเอียด น่าจะเพระาอาการง่วงนอนตลอดทางแบบไม่มีสาเหตุของนาง ที่ทำให้เขาไม่วางใจ"เดี๋ยวพากลับมาแล้ว ต้องให้แพทย์มาตรวจดูเสียหน่อย" ปันอวิ๋นพูดงึมงำแต่ลางสังหรณ์ไม่ดีของคนเรา มักไม่ค่อยพลาดกันสักเท่าไร
คนในสำนักยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นว่าด้านหลังเจ้าหุบเขามีคนตามมาด้วย บนหลังคนคนนั้นแบกร่างสีแดงอยู่ร่างหนึ่ง เป็นตายยังไม่รู้ กระอักเลือดออกมามากพอควร เหมือนจะตายไปแล้วคนในสำนักตอนนี้จึงเอ่ยต่อมาว่า "พวกเขายังไม่ยอมเข้าไป จอรออยู่ที่ประตูสำนักขอรับ..."ตอนนีเ้อง เหล่าแขกตรงปากประตูที่ยังไม่ยอมเข้าไป ก็ทยอยกันเข้ามา"นายท่าน!""แม่นาง!""ท่านพี่!"ทุกคนล้อมนางเข้ามาอย่างรวดเร็วจั๋วหวายตาแดงรื้น "ท่านพี่ทำไม..." เขาจ้องเขม็งที่จั๋วเฮ่ออิง "ท่านพี่เป็นอะไรไป?!"เหลียนเจินขมวดคิ้วแน่น หันกลับไปมองปันอวิ๋น "เกิดอะไรขึ้นหรือ?"ปันอวิ๋นส่ายหัว "ตอนที่ข้าไปถึง ก็อยู่สภาพนี้แล้ว"ในเมื่อกระทั่งปันอวิ๋นก็ยังไม่รู้ เช่นนั้นก็เกรงว่าคงมีแค่จั๋วเฮ่ออิงเท่านั้น...แต่ทุกคนยังไม่ทันถามอะไร จั๋วเฮ่ออิงก็หันไปบอกกับปันอวิ๋นว่า "แพทย์ช่ะ!"ไม่ต้องให้ปันอวิ๋นกำชับ พอเห็นสภาพเมื่อครู่แล้ว คนในสำนักก็รีบไปตามแพทย์มาเรียบร้อย"อย่ามากองกันอยู่ตรงนี้ เข้าไปพักผ่อนกันซะ"จั๋วซือหรานกลายเป็นแบบนี้ ทุกคนก็เหมือนเสียผู้นำไปติดตามปันอวิ๋นเข้ามาในหุบเขา ไม่ว่าจะจัดห้องพักให้พวกเขาเท่าไร ก็ไม่ยอมเข้าไ
ตาของจั๋วหวายยิ่งถลึงโตขึ้นมาอีก เอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ "อะไรนะ?"เดิมทีเขาคิดว่าท่านพ่อในเมื่อพาพี่สาวกลับมาได้ ก็น่าจะเห็นขั้นตอนทั้งหมดกับตาสิ รู้ว่าเจอเรื่องอะไรมา และควรรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเอาจริงๆ สาเหตุที่จั๋วหวายยอมตามปันอวิ๋นออกมาก่อนหน้านี้ นอกจากเชื่อมั่นในพลังของพี่สาวแล้วยังรู้ว่ามีจั๋วเฮ่ออิงคอยตามอยู่ข้างหลังด้วย มีจั๋วเฮ่ออิงคอยจับตาอยู่ข้างๆ หากมีสถานการณ์อะไรขึ้นจริง ก็น่าจะพอช่วยอะไรได้บ้างแต่คิดไม่ถึงเลย ว่าเรื่องจะเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้จั๋วเฮ่ออิงส่ายหัว มองมือที่เต็มไปด้วยเลือดของตนเอง "ข้าไม่รู้...จู่ๆ หรานหรานก็เปลี่ยนไปแบบนี้"แพทย์กำลังจับชีพจรให้จั๋วซือหราน ขมวดคิ้วแน่นปันอวิ๋นยืนอยู่ข้างๆ ก็ขมวดคิ้วแน่น จ้องไปทางแพทย์แล้วถามว่า "เป็นอย่างไรบ้าง?""เจ้าหุบเขา" แพทย์ขมวดคิ้วตอบว่า "ข้าไม่เคยเจอชีพจรที่วัดได้ยากแบบนี้มาก่อนเลย"สีหน้าก่อนหน้าของจั๋วเฮ่ออิงยังไม่ทันคลายลง กำลังเหม่อมองดูมือที่ชุ่มไปด้วยเลือด ตอนนี้พอได้ยินคำนี้ของแพทย์ ก็ได้สติกลับมาทันที สีหน้าร้อนรนขึ้นมาแล้วรีบตรงเข้ามาข้างเตียง จั๋วหวายเองก็เช่นกัน รีบเข้ามาที่ข้างเตียงปัน
ปันอวิ๋นพอคิดจะเชิญจั๋วเฮ่ออิงให้ออกไปก่อน แต่เขายังไม่ทันได้พูดก็ได้ยินจั๋วซือหรานเหมือนจะถอนหายจออกมาแผ่วเบา จากนั้นจึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่..." นางแหงนตามองปันอวิ๋น "ก็แค่ตั้งท้องน่ะ"ปันอวิ๋นเดิมทีพาดมืออยู่บนเสาเตียงสบายๆ ตอนที่ได้ยินคำนี้ แรงที่มือก็คุมไม่อยู่ เสาเตียงหักดังกร๊อบแตกละเอียดไปแล้ว!และตอนนี้เอง สายตาของจั๋วเฮ่ออิงก็เบิกโพลงขึ้นมา จ้องจั๋วซือหรานตาไม่กระพริบ ในดวงตามีแต่ความตกตะลึง!ปันอวิ๋นเองก็เข้าใจขึ้นมาทันที ว่าทำไมเมื่อครู่นางถึงเหลือบมองจั๋วเฮ่ออิงน่าจะเพราะต่อให้ในใจไม่ค่อยจะยอมรับพ่อไม่ได้เรื่องคนนี้มากนัก แต่ตอนที่จะพูดเรื่องแบบนี้ กลับยังพิจารณาว่ามีผู้อาวุโสอยู่ด้วย พูดออกมาแล้วคงไม่เหมาะสมนักจั๋วซือหรานเอียงตามองปันอวิ๋น ในน้ำเสียงดูจนใจ "ปฏิกิริยานี้ของเจ้า...ถ้าคนที่ไม่รู้คงคิดว่าเด็กเป็นลูกของเจ้าไปแล้วนะ"จั๋วซือหรานถามขึ้นอย่างจนใจ "เจ้าจะตื่นเต้นอะไรกัน..."ปันอวิ๋นอ้าปากพะงาบ งุนงงไปพักหนึ่งพูดอะไรไม่ออก "เขา..."เขาพูดออกมาพยางค์หนึ่ง ก็รู้สึกว่าพูดอะไรมากไม่ได้ เลยยืนนิ่งแข็งทื่ออยู่ตรงนี้จั๋วซือหรานในเมื่อเปิดห
ปันอวิ๋นอยู่ข้างๆ เกิดอาการไม่กล้าส่งเสียงขึ้นมาอย่างประหลาดผ่านไปครู่หนึ่ง จึงกระแอมออกมา กดเสียงลงต่ำ กระทั่งคำเรียกจั๋วเฮ่ออิงก็ญังเปลี่ยนไป "ท่านเองก็ระงับอารมณ์ลงหน่อย เขาเองก็มีความทุกข์ของเขาอยู่นะ""เข้ามีความทุกข์หรือ? มีความทุกข์แล้วมาทำแบบนี้กับลูกสาวข้าได้รึ?!" จั๋วเฮ่ออิงโมโหขึ้นมาจั๋วซือหรานที่อยู่ข้างๆ มองท่าทีนี้ของพ่อตนเอง...ว่ายังไงดีล่ะ อันที่จริงเดิมทีนางก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับจั๋วเฮ่ออิงเลย อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ต้องให้เขามาสนใจเพราะเจ้าของร่างเดิมไม่อยู่ตั้งนานแล้ว หรือก็คือ 'ลูกสาวของจั๋วเฮ่ออิง' ไม่อยู่ตั้งนานแล้วนั่นเองยิ่งไปกว่านั้นอดีตระหว่างเฟิงเหยียน ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้าของร่างเดิมแม้แต่น้อยด้วย แต่เกี่ยวกับจั๋วซือหรานที่เป็นนางต่างหากสรุปก็คือ ในใจจั๋วซือหรานแล้ว จะมีจั๋วเฮ่ออิงหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกันแต่ถ้าจะพูดว่าไม่เกี่ยวอะไรกัน...จั๋วเฮ่ออิงตอนนั้นก็ช่วยแม่ของเฟิงเหยียนไว้จริงๆ ไม่ต้องพูดเรื่องสายเลือดเลย เขาเป็นพ่อของนางอย่างแท้จริงบวกกับเรื่องที่เมื่อครู่จั๋วเฮ่ออิงแบกนางวิ่งมาตลอดทางด้วย เสื้อผ้าถูกเลือดของนางย้อ
"อื๋อ?" จั๋วซือหรานส่งเสียงสงสัยขึ้นจมูกออกมาปันอวิ๋นถามต่อ "ทำไมเจ้าจึงเพิ่งรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง? ด้วยวิชาแพทย์ของเจ้า น่าจะรู้ตั้งนานแล้วนี่?"จั๋วซือหรานยกมุมปากยิ้มๆ "อายุยังน้อยอยู่น่ะ ก็เลยไม่ทันสังเกต ยิ่งไปวก่านั้นก่อนหน้านี้ ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร..."จั๋วซือหรานคิดๆ "ข้าลองมาคิดดู น่าจเพราะก่อนหน้านี้สัมผัสกับปราณหยินมากเกินไปกระมัง? ถึงอย่างไรหุ่นเชิดความมืดมากขนาดนั้น...ตอนนั้นข้าก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ เลยไม่ได้คิดถึงด้านนี้เลย"จั๋วซือหรานในเมื่อรู้แล้วว่าตนเองตั้งท้อง นางก็อยากจะลองสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร จู่ๆ ถึงกลายเป็นเช่นนี้พอคิดอย่างละเอียด บางทีสาเหตุอาจจะเพราะสัมผัสกับปราณหยินมากเกินไปและที่อยู่ในท้องนี่ พ่อเขาก็เป็นภาชนะหงส์แดงด้วย น่าจะไม่ค่อยชอบ...เจ้าของอย่างปราณหยินเข้มข้นแบบนี้ดังนั้นแต่เดิมที่ปกตินิ่งๆ เงียบๆ ไม่มีปฏิกิริยาอะไร จึงระเบิดออกมาอย่างกะทันหันจั๋วซือหรานกระทั่งยังรู้สึกว่า ที่อยู่ในท้องนี้ ให้หน้านางอยู่พอสมควร อย่างน้อยก็ไม่ทิ้งระเบิดออกมาตอนที่นางกำลังเป็นศัตรูกับสำนักเมฆาวารีไม่อย่างนั้นตนเองคงจะไม่สบาย
ได้ยินคำนี้ของจั๋วเฮ่ออิง ปันอวิ๋นก็ขมวดคิ้ว เหมือนอยากจะเปิดปากพูดอะไร แต่ก็ไม่รู้ควรจะเริ่มจากตรงไหนแม้จะบอกว่าจั๋วเฮ่ออิงหลายปีนี้จะละเลยหน้าที่ไปมากก็ตาม ไม่ได้มาทำหน้าที่พ่อคนหนึ่ง น่าจะไม่มีคุณสมบัติมาคุยเรื่องแบบนี้กับนางแต่ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็เป็นพ่อแท้ๆ ของจั๋วซือหราน ถ้าว่ากันจากสายเลือดและแง่ของความรู้สึกตอนนี้ดูแล้ว เขาก็ดูจะเป็นหวงและกังวลต่อหญิงสาวคนนี้ขึ้นมาจริงๆ แล้วปันอวิ๋นเดิมทีเตรียมจะพูดอยู่ แต่ตอนนี้ก็เม้มปากอีกครั้ง ไม่พูดอะไรออกมาหลักๆ คือ หญิงสาวคนนี้เป็นคนที่ทำให้วางใจได้มาตลอด เขารู้สึกว่า ในใจนางน่าจะเข้าใจอยู่แล้ว ไม่ต้องไปกังวลมากนักเกี่ยวกับสายเลือดของตระกูลเฟิง เกี่ยวกับพลังที่สืบทอดทางสายเลือดพวกนั้นรวมไปถึง...สิ่งที่แม่ของเฟิงเหยียนเจอตอนนั้น ปันอวิ๋นในเมื่อมีตำแหน่งเจ้าหุบเขาหมื่นพิษ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสภาผู้อาวุโส เกี่ยวกับเรื่องนี้จะอย่างไรเขาก็ต้องรู้อยู่บ้างในเมื่อรู้ จึงได้เข้าใจ ถ้าหากจั๋วซือหรานปล่อยให้เด็กในท้องเติบโตต่อ นางจะเต้องเจอกับสถานการณ์แบบไหนต่อให้นางมีฝีมือไม่ธรรมดา ต่อให้วิชาแพทย์ของนางจะยอดเยี
พวกมันเดิมทีเพราะเป็นห่วงมากเกินไป กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น เอาแต่อยู่ข้างๆ จั๋วซือหรานไม่กินไม่นอนและตอนนี้ จั๋วซือหรานก็เห็นหลายสีหน้าที่เป็นห่วงเป็นใยอยู่ข้างๆ เตียงนางรู้สึกจนใจ ถอนหายใจออกมาเบาๆ ทีหนึ่งแล้วจึงเอาคำพูดที่บอกกับแมลงกู่และสัตว์อสูรในมิติก่อนหน้านี้ บอกกับพวกเขาอีกรอบหนึ่ง หลักๆ คือ จั๋วหวายใกล้จะร้องไห้ส่งเสียงออกมาแล้ว จั๋วซือหรานเองก็ทนไม่ค่อยได้"เอาล่ะ อย่ามาทำหน้าสลดจะร้องไห้" หลังจากจั๋วซือหรานพูดแล้ว ก็ยิ้มตาโค้งให้กับจั๋วหวาย "ข้าไม่ใช่บอกแล้วหรือ ว่าถ้าถึงเวลาจริงๆ ข้าจะต้องเลือกตัวเองแน่นอน ข้ายังสวยสะพรั่งขนาดนี้ ความสามารถก็ยังยอดเยี่ยม ข้ายังใช้ชีวิตไม่พอเลยนะ"จั๋วหวายจ้องเขม็งดวงตาจั๋วซือหราน เอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ "ต้องเป็นงั้น ต้องเป็นอย่างนั้นนะ"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็ยิ้มตาโค้ง "อืม แน่นอน"จั๋วเฮ่ออิงที่อยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไรมาตลอด ปันอวิ๋นเองก็อยู่ในสภาพนิ่งงันจนตอนที่จั๋วหวายถูกจั๋วซือหรานใช้ข้ออ้างว่าอยากกินอะไร ให้จั๋วหวายออกไปจัดการให้หน่อยจั๋วเฮ่ออิงกับปันอวิ๋นก็เหมือนตัดสินใจจะพูดแล้วปันอวิ๋นถามขึ้นมาก่อน "เจ้าตัดสินใ
ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ
ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร
จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส
จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต
แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว
ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ
กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย
แต่กลับรู้ตัวตนฐานะผู้ชายทรยศของเฟิงเหยียนได้ ไม่ต้องคิดเลยว่าคงเป็นจั๋วหวายพล่ามออกมาแน่"จั๋วหวายมาบอกเจ้าหรือ?" ปันอวิ๋นถามขึ้นคำหนึ่งจวงอี๋ไห่ พยักหน้าอย่างระมัดระวัง "คุณชายเสี่ยวหวายไม่หลอกข้าหรอก คุณชายเสี่ยวหวายบอกว่าเป็นผู้ชายทรยศ เช่นนั้นกว่าครึ่งก็ต้องเป็นผู้ชายทรยศแล้ว"ปันอวิ๋นถอนหายใจแผ่วเบาในห้อง จั๋วซือหรานนั่งลงข้างโต๊ะเฟิงเหยียนไม่พูดอะไร รินน้ำชาให้นางถ้วยหนึ่งจั๋วซือหรานกำถ้วยไว้ ใช้นิ้วมือลูบไล้ขอบถ้วยเบาๆ"อีกเดี๋ยวพออาหารส่งเข้ามา ก็กินสักหน่อยแล้วค่อยนอนพัก" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นแต่ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความหนักแน่นที่ห้ามปฏิเสธจั๋วซือหรานแหงนตามองเขา กำลังจะบอกว่ายังไม่หิวก็เห็นริมฝีปากบางของชายคนนี้เม้มเบาๆ เอ่ยเสียงต่ำว่า "ข้าไม่มีสิทธิ์จะมาหารือกับเจ้าจริงๆ นั่นล่ะ..." สายตาเขาทอดลงไปที่ท้องน้อยนาง แววตาลึกซึ้งจากนั้นจึงเอ่ยต่อว่า "แต่การจะเตือนให้เจ้ากินอะไรดีดีก็ยังพอมีสิทธิ์อยู่" สายตาเขายกขึ้นมาจากท้องน้อยจั๋วซือหรานเลื่อนมาที่ดวงตานาง จ้องมองดวงตานาง เอ่ยต่อว่า "ถึงอย่างไรเมื่อครู่ก็เพิ่งช่วยเจ้ากลับมา ยิ่งไปกว่นั้นเรื่องถูกพลังศักดิ์สิท
เขาไม่เพียงแต่ไม่ใช่สามีของนาง เขายังเป็นคู่หมั้นในนามของหญิงสาวคนอื่นอีกด้วยสีหน้าของเฟิงเหยียนแข็งทื่อไปแล้ว แต่ท้ายสุดก็ยังพูดอะไรไม่ออกเพราะในคำพูดจั๋วซือหราน ไม่มีส่วนที่ผิดเลยแม้แต่น้อยแม้จะบอกว่าเด็กคนนี้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาก็ตามแต่ครั้งก่อนหน้านั้น เป็นเพราะจั๋วซือหรานถูกวางแผนร้ายใส่ ถึงทำให้นางสับสนหลงใหลจนมีสัมพันธ์กับเขาถ้าจะบอกว่า เขาเอาเปรียบหญิงสาวไป ก็ไมไ่ด้พูดเกินเลยนักเอาเปรียบหญิงสาว จนทำนางตั้งท้อง ไม่เคยจะมารับผิดชอบอะไรตอนนี้กลับจะมาชี้มือชี้ไม้เรื่องของนางพอสรุปมาแบบนี้ มันก็ช่าง...แย่มากจริงๆเฟิงเหยียนเองก็รู้ว่าตนเองนั้นแย่มาก พูดอะไรออกมาไม่ได้ไปชั่วขณะปันอวิ๋นรู้สึกกระอักกระอ่วนแทนสหายเก่า เขากระแอมออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง ไกล่เกลี่ยขึ้นว่า "เอาล่ะเอาล่ะ..."เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ถึงอย่างไร ทั้งสองคนตอนนี้จะไม่ได้เป็นคู่รัก แต่ความสัมพันธ์แบบนี้...มันก็ดูคลุมเครือ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ นี่มันช่าง...ดังนั้นปันอวิ๋นเลยเปิดประเด็นขึ้น อึกอักในปากอยู่พักหนึ่ง กว่าจะพูดออกมาได้ "...พวกเจ้าหิวหรือยัง? ให้เหล่าจวนทำอะไรให้กินหน่อยดีไหม?"