ในเมื่อตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นก็ใช้วิธีไฟวิเศษแล้วกันเพียงแต่ว่า พอเทียบกับพ่อลูกเฟิ่งหลานเฟิ่งซานที่กินอะไรกันแทบไม่ลงเนื่องจากตึงเครียดแล้วจั๋วซือหรานกลับกินอย่างเอร็ดอร่อย แตกต่างจากคนอื่นจริงๆแต่ก็ทำให้ความรู้สึกของคนผ่อนคลายลงมาบ้างได้จริงๆรอจนผ่านมื้อเย็นไป จั๋วซือหรานก็พาพวกเขากลับมาที่ห้องเพราะนางกับเฟิงเหยียน แล้วยังมีปันอวิ๋นอีกคน ก็ล้วนเข้าร่วมกับเรื่องนี้ชิ่งหมิงคิดๆ จึงขันอาสารับผิดชอบเรื่องคุ้มกันพวกเขาให้นอกเหนือจากนี้ ก็เหมือนไม่มีอะไรที่จำเป็นต้องเตรียมตัว"เตรียมตัวเสร็จหรือยัง?" จั๋วซือหรานถามขึ้นคำหนึ่งเฟิ่งซานกลืนน้ำลาย จากนั้นก็พยักหน้าขรึมๆจั๋วซือหรานบีบนิ้วมือเฟิงเหยียนเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "งั้นก็เริ่มเถอะ ไม่เป็นไร วางใจเถอะ"เฟิงเหยียนไม่วางใจแน่นอนแต่จำใจต้องทำแบบนี้ เขายื่นมือออกมา สองมือกุมจุดสำคัญของเฟิ่งซานไว้ตอนนี้เอง สองพ่อลูกเฟิ่งหลานเฟิ่งซานก็เห็นว่า ดวงตาลุ่มลึกเรียวยาวของชายคนนี้ เปลี่ยนแปลงไปในพริบตาดวงตาที่เดิมทีดำลุ่มลึก พริบตานั้น ไม่ว่าจะสีหรือม่านตาก็เปลี่ยนไปทั้งหมดราวกับว่าเป็น...ดวงตาของนกอะไรบางอย่าง คมกริบมากพริบตา
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน สายตาของเฟิงเหยียนก็ขยับเล็กน้อยจั๋วซือหรานเอ่ยต่อว่า "ก็เหมือนลางสังหรณ์ว่าไมแน่ข้าอาจจะทำได้แบบนั้น"เฟิงเหยียนรู้ว่าลางสังหรณ์อาจจะทำได้ที่นางพูดถึง ไม่ได้หมายถึงเรื่องที่จะสามารถรักษาอาการป่วยครั้งนี้ของเฟิ่งซานได้แต่เป็นเรื่อง...ที่นางตั้งท้องและจะคลอดได้เฟิงเหยียนสูดลมหายใจลึก น้ำเสียงมีอาการจนใจ "แล้วครั้งนี้เจ้า มีลางสังหรณ์ว่าอะไรล่ะ...""ข้ารู้สึกว่า ข้าต้องมีตัวหมากมาเป็นไพ่ตายมากกว่านี้หน่อย" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น ปลายนิ้วจิ้มไปที่กลางฝ่ามือเขา"ถ้างั้นอย่างน้อยข้าก็ต้องมีไฟที่ไม่ด้อยไปกว่าเพลิงตะวันหงส์แดงใช่ไหมล่ะ?" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นตอนได้ยินนางพูดคำนี้ เฟิงเหยียนก็เงยหน้าขึ้นมองนางทันทีราวกับว่าพริบตานี้ เข้าใจความหมายของนางขึ้นฉับพลันเขาไม่ได้ตอบทันที ทั้งสองคนสบตานิ่งงันกันไปแบบนี้ครู่ต่อมา "เจ้าต้องรับปากข้า ห้ามฝืนตัวเอง ถ้าหากจัดการไม่ได้ ก็ให้ปันอวิ๋นเข้ามารับช่วงต่อ ข้าไม่สนว่าราชาปุโรหิตดินแดนทางใต้อะไรนั่นจะเป็นหรือตาย ข้าสนแค่เจ้าเท่านั้น"เฟิงเหยียนจ้องมองดวงตาจั๋วซือหรานเขม็ง เอาคำพูดสุดท้ายเมื่อครู่ พูดซ้ำขึ้นมาอ
นี่เป็นวิธีที่ปันอวิ๋นคิดว่าจั๋วซือหรานน่าจะคิดออกมาพิษกู่ร้อยไหมทั้งเจ็ดตัวของนาง นางใช้งานจนชำนิชำนาญไปนานแล้วถ้าหากนางใช้ไหมกู่มากมายพวกนั้นของพิษกู่ร้อยไหมทั้งเจ็ด จัดการบีบมดลายในเส้นลมปราณของเฟิ่งซานออกมาล่ะก็...ตามหลักการแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้เพียงแต่ว่า จะใช้พลังงานเยอะมาก และด้วยสภาพร่างกายของนางตอนนี้ คงจะไม่ค่อยดีนักแต่ปันอวิ๋นคิดไม่ถึง ว่าจั๋วซือหรานไม่ได้ตัดสินใจแบบนี้การตัดสินใจของนาง...เกินคาดจากนั้นเยอะเลย!"ว่าเจ้าว่าอะไรนะ!?" หลังจากได้ยินความคิดที่จั๋วซือหรานพูดมา ดวงตาของปันอวิ๋นก็เบิกกว้างชิ่งหมิงที่นิ่งเงียบอยู่ข้างๆ มาตลอด ดูจากสายตาแล้ว ก็เป็นแววตาที่ไม่เห็นด้วย"เจ้าเลิกคิดได้แล้ว" ปันอวิ๋นเอ๋ยขึ้น "เฟิงเหยียนไม่มีทางเห็นด้วย"จั๋วซือหรานคิดๆ เอ่ยขึ้นว่า "แต่ข้ารู้สึกว่าวิธีนี้มันมั่นคงมากเลยนะ"เฟิ่งซานกับเฟิ่งหลานพอได้ยินวิธีนั้นที่จั๋วซือหรานเพิ่งพูดมาเมื่อครู่ อันที่จริงก็รู้สึกว่าผิดปกติอยู่หน่อยๆเพราะจั๋วซือหรานบอกว่า จะให้ใต้เท้าเฟิงเหยียนคนนั้น ใช้ไฟวิเศษที่บ้าคลั่งชนิดหนึ่ง ส่งเข้าไปในเส้นลมปราณเขาและเพราะมันบ้าคลั่งเกินไป สาม
พ่อของนางเฟิ่งซานเหลือบมองนาง "จงอย่าด้อยค่าตนเอง"เฟิ่งหลานจ้องเขม็งที่จั๋วซือหราน ถามขึ้นอย่างตั้งใจว่า "ใต้เท้า รักษาได้ไหม?"จั๋วซือหรานหันไปทางปันอวิ๋น "รักษาได้ไหม?"ปันอวิ๋นชี้ที่ตัวเอง "ถามข้าหรือ?""เจ้าไม่ใช่เจ้าหุบเขาหมื่นพิษรึไงกัน?" จั๋วซือหรานย้อนถามฟังถึงตรงนี้ เฟิ่งซานกับเฟิ่งหลานก็ถลึงตาโตขึ้นมา"เจ้าคิดจะขี้เกียจรึไงกัน..." ปันอวิ๋นขมวดคิ้วจั๋วซือหรานยิ้ม "ข้ามันสถานการณ์พิเศษ จะไม่ให้ข้าขี้เกียจบ้างหรือ?""เอาเถอะ" ปันอวิ๋นตอบ "รักษาได้อยู่"พอได้ยินปันอวิ๋นพูดเช่นนี้ จั๋วซือหรานก็ไม่แหย่เขาแล้ว "เอาล่ำ ไม่แหย่เจ้าแล้ว ไม่ต้องถึงมือเจ้าหรอก ข้ามีวิธีรับมืออยู่"ปันอวิ๋น "..." ยังมีใครมาจัดการได้บ้างเนี่ย?เฟิ่งหลานกังวลมาก ก็เลยอยากรู้มาก "ไม่ทราบว่าใต้เท้ามีวิธีการรักษาอะไรหรือ?"จั๋วซือหรานคิดๆ รู้สึกว่าต้องให้พวกเขาเข้าใจหน่อยจั๋วซือหรานชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆ แล้วบอกกับเฟิ่งหลาน "นั่งก่อน"เฟิ่งหลานนั่งลงอย่างว่าง่าย ยังคงจ้องมองจั๋วซือหรานตาแป๋วจั๋วซือหรานบอกว่า "วิธีน่ะ มีอยู่จริงๆ รักษาน่ะรักษาได้แน่นอน เอาจริงๆ ข้าเองก็ไม่ติดนะ ที่จะให้ราชาตระ
จั๋วซือหรานเอะอะขนาดนี้ในจวน ตามหลักการเนี่ยคุนไม่มีทางไม่มีปฏิกิริยาแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย เช่นนั้นก็มีแค่ความเป็นไปได้เดียว..."เนี่ยคุนไม่อยู่ในจวนแล้ว" จั๋วซือหรานคาดเดาออกมา "ไปย้ายกองหนุนแล้วกระมัง"จั๋วซือหรานขี้เกียจจะไปสนใจว่าเขาไปเคลื่อนย้ายกองหนุน ไปโยกย้ายกองหนุนอะไรหรือเปล่านางรู้สึกว่าคงไม่ได้เก่งกว่ากองหนุนของนางหรอกถึงยังไง ผู้ที่ใช้ชื่อว่า '...อันดับหนึ่งในใต้หล้า' ปกติจะต้องแข็งแกร่งเอามากๆส่วนเฟิ่งหลานก็พาพ่อของนางเข้ามาหาอย่างไว รถเข็นคันหนึ่งถูกลากมาถึงหน้าจวนเจ้าเมืองถ้าหากยังเป็นพวกคนใช้จวนเจ้าเมืองก่อนหน้าล่ะก็ เฟิ่งหลานคงได้ถูกสร้างความลำบากแน่แต่คนใพวกนั้นถูกจั๋วซือหรานตะเพิดไปแล้วที่เหลืออยู่คือทาสอาชญากรที่ซื้อมาเมื่อวานนี้ ยิ่งไปกว่านั้นทาสอาชญากรเหล่านี้เฟิ่งหลานเองก็มาซื้อด้วยกันกับจั๋วซือหรานดังนั้นเฟิ่งหลานพอเห็นก็จำทาสอาชญากรเหล่านี้ได้?เฟิ่งหลานตกตะลึงในใจ ใต้เท้าคนนี้ให้ตายสิ...แค่คืนเดียวเท่านั้น! แค่คืนเดียวเท่านั้นนะ!นางก็ให้พวกเขามาดูแลจัดการแล้วรึ?และทาสอาชญากรเหล่านี้หลายคนก็จำได้ ถึงคนหาข่าวที่มาซื้อพวกเขาพร้อมกับใต
แต่ว่าในความวุ่นวายนี้ ก็ค่อยสงบลงมาแล้วแพ้ชนะชัดเจนแล้วทาสอาชญากรหลายคนลุกขึ้นโซซัดโซเซ พวกเขายกมือขึ้นเช็ดครบเลือดบนหน้ามองไปทางจั๋วซือหราน "ใต้เท้า"จั๋วซือหรานพยักหน้าพวกเขาเดิมทียังคงกระวนกระวายกันอยู่ ถ้าใต้เท้าคนนี้รู้สึกว่าพวกเราไม่ชนะจะทำอย่างไรกัน? เพราะคนพวกนี้คือคนใช้จวนเจ้าเมือง ยังไม่ตายกัน แค่นอนร้องครวญครางอยู่บนพื้นเท่านั้นพวกเขาไม่รู้ ว่าใต้เท้าคิดจะให้ชนะหรือว่าอะไรแบบไหนหรือว่าไม่ตายไม่เลิกราแบบนั้น?แต่เพียงไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสียงหญิงสาวเย็นเยียบดังขึ้นว่า "เข้ามาเถอะ ต่อไปตำแหน่งของคนพวกนี้ ก็ให้พวกเจ้ามาทำแล้วกัน"ทาสอาชญากรพวกนี้ตกตะลึงไป "ใต้เท้า..."ไม่ใช่แค่พวกเขา แต่คนใช้จวนเจ้าเมืองพวกนั้นก็ตกตะลึงด้วย "ใต้เท้า!"จั๋วซือหรานมองคนใช้เหล่านี้เรียบๆ "ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่ หรือว่ารู้แล้วแต่รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตนเอง?""จวนนี้เป็นจวนของข้าไปแล้ว พวกเจ้าคงคิดว่า พวกเจ้าเป็นคนใช้ของจวนนี้ ก็แค่เปลี่ยนเจ้านายเท่านั้น สามารถอยู่ที่นี่ทำงานต่อไปได้สินะ"สีหน้าของเหล่าคนใช้มองออกไม่ยาก ว่าพวกเขาคิดเช่นนี