นิ้วของจั๋วซือหรานที่ยังกดอยู่ที่ตาถูกเขากุมไว้ ส่งผ่านความอบอุ่นเข้ามา"ไม่เป็นไร..." จั๋วซือหรานเองก็ไม่แน่ใจว่าตนเองตอนนี้สถานการณ์ไหน จึงไม่ได้พูดอะไรมากแต่นางสังเกตได้เรื่องหนึ่ง ว่าตนเอง...เหมือนจะมีความสามารถมองเห็นวัตถุในที่มืดได้แล้วแปลกประหลาดมาก ก่อนหน้านี้ยังไม่มีแท้ๆ ต่อให้แหวนเสวียนเหยียนกับพลังวิญญาณการแพทย์สายวิเศษของนางปรับแปรงคุณสมบัติตัวนางในบางระดับก็ตามแต่สองชาตินี้ของนาง ก็ยังไม่เคยมองเห็นในที่มืดได้ตอนนี้กลับเห็นลางๆ ได้แล้ว นางอดประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้เลยรวมไปถึง พอเทียบกับตนเองตอนนี้กับตัวเองในชาติก่อนแล้วถ้าต้องว่าจุดที่แตกต่างกันจริงๆ ก็เหมือนจะมีแค่...มือของจั๋วซือหรานค่อยๆ เลื่อนลงไป ลูบเบาๆ ที่ท้องถ้าหากบอกว่าก่อนหน้านี้ตอนที่นางยกมือขยี้ตา เฟิงเหยียนยังรู้สึกแค่ห่วงใยล่ะก็ ตอนนี้พอเห็นว่านางเอามือไปลูบที่ท้องความห่วงใยของเขาก็เปลี่ยนเป็นความกังวลในทันที ร่างกายนั่งตรงขึ้นมาฉับพลันฝ่ามือที่ลูบอยู่บนหลังมือนาง ก็เลื่อนลงไปที่ท้องนางด้วยคิ้วคมเข้มดูดีของเขา ขมวดแน่นขึ้นมาเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ "ไม่ค่อยสบายหรือ?"จั๋วซือหรานมอ
จั๋วซือหรานได้ยินมันบอกอีกชื่อหนึ่งออกมา"อสูรกลืนฝัน" อสูรกลืนแมลงเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานกระพริบตาแล้วกระพริบตาอีกจากนั้นจึงพูดออกมาประโยคหนึ่งว่า "เช่นนั้นเจ้าไม่ใช่ควรจะมีจมูกยาวหรอกหรือ..."สมองจั๋วซือหรานพลันนึกถึงภาพลักษณ์ของสัตว์ประหลาดกินความฝันจากตำนานปีศาจในชาติก่อน...น่าจะเป็นอะไรที่รูปร่างคล้ายกับสมเสร็จสิแต่เจ้าตัวตรงหน้านี้มันรูปร่างตัวนิ่มชัดๆ ห่างกันฟ้ากับเหวเลยมีแบบนี้เสียที่ไหนกัน?!จั๋วซือหรานแน่นอนว่าไม่ได้ติดใจเรื่องที่มันมีจมูกยาวหรือไม่มี "ดังนั้นความหมายของเจ้าคือ ความฝันข้า...เจ้ามองเห็นหมดแล้วหรือ?""ก็ไม่ใช่ทั้งหมด" อสูรกลืนแมลงในเมื่อทำสัญญาสัตว์อสูรกับนางแล้ว แน่นอนว่าไม่มีอะไรต้องปิดบังนางอีก "แต่ในความฝันที่ค่อนข้างชัดเจน บางครั้งข้าก็มองเห็นได้ เจ้าน่ะฝันน้อยมาก""คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีความสามารถแบบนี้ด้วย" จั๋วซือหรานแม้จะรู้สึกแปลกประหลาดหน่อยๆ แต่ก็รู้ว่า บนโลกนี้ยังมีสัตว์ประหลาดอีกมากมาย ที่มีความสามารถเป็นเอกลักษณ์ที่หลากหลายอยู่อสูรกลืนแมลงหลบลงไปตรงหน้านาง ท่าทางดูเกียจคร้านสุดๆแต่ในน้ำเสียงฟังแล้ว กลับมีความภาคภูมิใจอยู่ "เรื่องแค่นี้
แต่ฝันของจั๋วซือหรานกลับใกล้จะตื่นขึ้นแล้ว นางยังเห็นภาพรอบๆ ค่อยๆ บิดเบี้ยว ชายตรงหน้าก็ค่อยๆ หายไปจั๋วซือหรานรีบคว้ามือเขา แต่ก็ยังรู้สึกว่าเปล่าประโยชน์มีแต่เสียงของเขา ที่ยังลอยก้องเข้ามาในหู เหมือนมีเนื้อหาอะไรบางอย่าง ที่สำคัญมาก สำคัญเอามากๆ!แต่นางกลับฟังไม่ชัด หรือก็คือต่อให้ได้ยิน แต่กลับจำมันไม่ได้รอจนตอนที่จั๋วซือหรานได้สติกลับมา จิตใต้สำนักก็กระโจนเข้าไปในมิติน้ำพุวิเศษของตน จากการขับไล่ของแดนฝัน"อ๊า...!" จั๋วซือหรานร้องเสียงต่ำอย่างหงุดหงิด มือก็คว้าหญ้าข้างมือขึ้นมากำหนึ่งพอก้มลงมอง "ให้ตาย!"กลับเป็นหญ้าวิญญาณที่ค่อนข้างล้ำค่า นางจึงรีบนำมันกลับไปปลูกคืนอย่างระมัดระวังพริบตาต่อมา ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นจั๋วซือหรานพอเงยหน้า ก็สบเข้ากับดวงตาระฆังของอสูรกลืนแมลงนั่นเพราะมีมันอยู่ เหล่าแมลงของนางจึงเข้าไปพักผ่อนในบ้านกันหมดแล้วแม้จะบอกว่าก่อนหน้านี้ตัดสินใจจะใช้บ้านนั้นทำเป็นคอกสัตว์ แต่อันที่จริงก็ปล่อยเหล่าสัตว์ประหลาดอยู่นอกบ้านมาตลอดและพออสูรกลืนแมลงนี้เข้ามา อดพูดไม่ได้เลย..."พวกมันมีระเบียบขึ้นเยอะเลย" อสูรกลืนแมลงบอกกับนางจั๋วซือห
"นี่มันคนไม่เคยหึงสินะ นี่มันหึงระดับลอยไปไกลเส้นขอบฟ้าแล้วแต่ท่านก็ยังต้องไปเลียมันกลับมาอีก..." จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นอย่างจนใจเฟิงเหยียนเองก็รู้ว่าที่ตนเองเป็นแบบนี้มันน่าขำ แต่มันก็ทนไม่ไหวจริงๆยังดีที่ทั้งสองคนไม่ค่อยได้เจอกันแบบนี้ จึงมาสิ้นเปลืองเวลาไม่ได้ จั๋วซือหรานเองก็ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องที่เวินป๋อยวนเกิดเรื่องขึ้นมาอีกรอบเฟิงเหยียนรู้ทั้งหมด"ถ้าหากเจ้าจะถามความเห็นข้าล่ะก็..." เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า "ข้าก็คงจะไม่เห็นด้วย แต่ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยที่จะเป็นศัตรูกับสภาผู้อาวุโส"เขาจ้องจั๋วซือหรานนิ่ง "เพียแต่ว่า สถานการณ์ของเจ้าตอนนี้มันพิเศษ เดิมทีก็เป็นช่วงเวลาที่อั้นตรายที่สุดอยู่แล้ว ตอนนี้ถ้าหากต้องไปต้านกับสภาผู้อาวุโสล่ะก็ เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยฉลาดนัก"จั๋วซือหรานฟังความกังวลของเขาออก และฟังออกถึงเหตุผลที่เขากังวลนางครุ่นคิด เอ่ยต่อว่า "ถ้าสุดท้ายข้าทานไม่ไหว ล้มเลิกทิ้งมันกลางทางก็จบแล้ว แต่ถ้าหาก..."จั๋วซือหรานถอนหายใจ "...ถ้าหากข้าทานไหวล่ะ ถึงตอนนั้นต่างหากที่จะเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดของข้า ดังนั้นถ้าเทียบกับการเลี่ยงความเสี่ยงไม่เผชิญห
การเคลื่อนไหวแบบนี้ จั๋วซือหรานเองก็ไม่ได้จงใจจะเลี่ยงเขาหรือก็คือ จั๋วซือหรานแต่ไหนแต่ไร การหยิบของข้ามมิติแบบนี้ ก็ไม่เคยหลบเลี่ยงคนของตนเองมาก่อนตนเองก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ ความสามารถเหล่านี้ของตนเอง ยังไงก็ต้องใช้อยู่บ่อยๆ ต่อหน้าคนนอกก็ว่าไปอย่าง แต่ต่อหน้าคนกันเอง ถ้าหากต้องมาปิดบังอยู่ตลอดเวลาเช่นนั้นนางก็คงจะเหนื่อยมาก ดังนั้น นางจึงไม่ค่อยจะปิดบังคนของตนเองมาตลอดส่วนสำหรับเขาก็อดยอมรับไม่ได้ ถึงแม้ตอนนี้ชายตรงหน้าจะสมองพังไปแล้ว แต่ในใจจั๋วซือหรานก็ยังไม่ได้กั้นคนผู้นี้เอาไว้ในกรอบของคนนอก"เป็นอะไรไป?" จั๋วซือหรานสังเกตเห็น สายตาของเฟิงเหยียนดูเกร็งเขม็งหน่อยๆ จึงถามขึ้นว่า "ไม่กินหรือ? ทำไมเอาแต่มองข้าล่ะ?"จากนั้นมือของนาง ก็ถูกชายหนุ่มกุมไปแล้วบนมือจู่ๆ ก็มีความอบอุ่นโอบเข้ามา ทำให้จั๋วซือหรานตกตะลึงไปฝ่ามือที่อบอุ่นของชายหนุ่ม ปกคลุมอยู่บนหลังมือนาง ห่อหุ้มมือนางไว้ จากนั้นก็พลิกฝ่ามือนางหันขึ้นด้านบนดวงตาเรียวยาวน่ามองของเขา ม่านตาปรือลงเล็กน้อย สายตาจ้องอยู่บนฝ่ามือนางจ้องมองอย่างลึกซึ้งจั๋วซือหรานไม่ใช่ว่ามองไม่ออก เขาน่าจะมีปฏ
มีสัมผัสอ่อนโยนบนริมฝีปาก เย็นเล็กน้อย นุ่มนวลการเคลื่อนไหวแผ่วเบา สัมผัสลงมาบนริมฝีปากนางจั๋วซือหรานหลังจากสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลนี้ ก็เบิกตาโพลงขึ้นมาแล้วจึงเห็นใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ...อยู่ใกล้แค่คืบดวงตาเขาปรือๆ กึ่งปิดกึ่งเปิด เหมือนสายตายังดูเหม่อลอยอยู่ พอถูกขนตาหนานั่นบังไว้ก็ยิ่งดูเลื่อนลอยขึ้นไปอีกจั๋วซือหรานกระพริบตา ริมฝีปปากงับเบาๆ ไปบนริมฝีปากเขาคิ้วของชายหนุ่มขมวด ดวงตากึ่งปิดค่อยๆ เปิดขึ้น จ้องมองนางด้วยสายตาสงบนิ่งจั๋วซือหรานถอยออกไปเล็กน้อย มองเขาด้วยสายตาสงสัยจากนั้นจึงได้กลิ่นสุราห้าพิษบนตัวเขา จั๋วซือหรานถามว่า "ดื่มจนเมาแล้วหรือ?"ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธ ก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นการยอมรับโดยปริยายครู่ต่อมา เขาก็เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ไม่ค่อยสบายหรือ?""ข้าน่ะนะ?" จั๋วซือหรานย้อนถามเขาพยักหน้า ยื่นมือไปแตะๆ ที่หน้าผากนาง "ตรงนี้ มันขมวด"จั๋วซือหรานเข้าใจขึ้นมา น่าจะเพราะในมิติของตนเองก่อนหน้านี้ นางถูกพวกแมลงระดมเข้าใส่จนปวดหัว ผลคืออารมณ์เลยไปแสดงออกบนสีหน้าถูกเขาเห็นเข้าแล้วชายคนนี้ จึงคิดว่านางร่างกายไม่ค่อยสบายโดยสัญชาตญาณบวกกับว่าดื่มสุรามานิ
และความหวั่นไหวของจั๋วซือหราน...เหล่าสัตว์อสูรของนางก็สามารถสัมผัสได้!ดังนั้น ให้ตายเถอะ ในมิติจึงอึกทึกครึกโครมขึ้นมาเลย!จั๋วซือหรานยิ่งแน่ใจ ว่าเจ้านี่จงใจแน่ๆ!อสูรกลืนแมลงตัวนี้ เห็นได้ชัดว่าวิวัฒนาการถึงระดับหนึ่งแล้ว ความคิดอ่านดูสุขุมรอบคอบละเอียดถี่ถ้วนแน่นอนว่าเจตนาแกล้งแหย่เล็กๆ เมื่อครู่นี้ ก็เป็นเรื่องจริงเช่นกันจั๋วซือหรานมองมันอย่างเคืองๆ ฟังเสียงเอะอะของเจ้าพวกแมลงนางขมวดคิ้วขึ้นอย่างจนใจ จากนั้นก็บอกกับอสูรกลืนแมลงอย่างเคืองๆ ว่า "เจ้าจงใจหาเรื่องสินะ ข้าเองก็ยุ่งจะตายอยู่แล้ว เชื่อไมว่าข้าจะจับเจ้าโยนออกไป...?"ในดวงตากลมโตเหมือนระฆังทองแดงของอสูรกลืนแมลงคู่นั้น แววตาดูอ่อนโยนลงกว่าความเป็นอริก่อนหน้านี้มากมันจ้องมองจั๋วซือหรานอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า "เจ้าไม่ทำหรอก""เฮอะ อย่าเลย เจ้าอย่ามายั่วข้า" จั๋วซือหรานเบ้ปากอสูรกลืนแมลงก็เหมือนจะมีแววขบขัน พูดซ้ำคำที่เพิ่งพูดไปอีกครั้ง "เจ้าไม่ทำหรอก"ไม่ใช่ว่ามันเชื่อมั่นหญิงสาวคนนี้ส่งเดช แต่ว่า...มันอยู่ในมิติที่ไม่รู้จักนี้มาแล้วพักหนึ่งเจ้าพวกแมลงที่เป็นศัตรูโดยธรรมชาติของมันเหล่านั้น แม้จะไม่เข้ามายั
อันที่จริงนางก็ไม่ต้องการพักผ่อนอะไรนัก เพราะเพิ่งจะตื่นได้ไม่นาน จึงไม่ค่อยอยากนอนก็เลยเข้าไปในมิติดีกว่าจะว่าไป บรรยากาศในห้องเซี่ยอวิ๋นซีก่อนหน้านี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกสุดอันที่จริงบรรยากาศในมิติของจั๋วซือหรานเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนกันเพราะว่าในมิตินาง เจ้าพวกก้อนเนื้อกับเมงมุมของนาง และยังรวมถึงพวกสัตว์ประหลาดอย่างพวกผีเสื้อที่นางเก็บมาก่อนหน้านี้ด้วย ถึงยังไงก็เป็นพวกแมลงนั่นล่ะตอนนี้ล้วนขดตัวกันอยู่ในด้านหนึ่งของมิติส่วนอีกด้านที่แบ่งแยกอย่างชัดเจน ก็คืออสูรกลืนแมลงที่คลุมเกราะกระดูกทั่วร่างตัวนั้นจั๋วซือหรานมองบรรยากาศที่กระอักกระอ่วนกว่าความรักของพ่อแม่ด้านในนี้รู้สึกจนใจบอกไม่ถูกดูท่าพวกศัตรูโดยธรรมชาติจะเลี้ยงไว้ด้วยกันไม่ได้จริงๆ...แต่ยังดีที่ บรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ก็ส่วนนึง แต่ก็ยังถือว่าค่อนข้างสงบดีใครต่างก็ไม่ไปหาเรื่องใครดูเหมือนจะรักษา...ความสมดุลที่แปลกประหลาดเอาไว้อยู่เพียงแต่ว่าสภาพสมดุลนี้ ก็รักษาไว้ได้ถึงแค่ตอนที่จั๋วซือหรานเข้ามาจั๋วซือหรานพอเข้ามาในมิติ บรรยากาศที่สมดุลนี้ก็เหมือนถูกพังทลายลงไม่ใช่บอกว่าพอนางเข้าไป
จั๋วเฮ่ออิงมองไปที่ประตูทันควัน ท่าทางกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันทีก่อนหน้านี้ตอนเจอจั๋วซือหราน ก็กระอักกระอ่วนมากพอแล้วตอนนี้ที่เห็นเซี่ยอวิ๋นซียืนอยู่ในประตูต่อให้ร่างเซี่ยอวิ๋นซีจะเล็กบาง จั๋วเฮ่ออิงรูปร่างสูงใหญ่แต่ตอนนี้ด้านความรู้สึกทำให้คนรู้สึกว่า...เหมือนเขาจะตัวเตี้ยกว่าเซี่ยอวิ๋นซีเสียอีกจั๋วซือหรานมองฉากนี้ ในใจก็คิดว่า นี่กระมังที่เขาเรียกกันว่า...บารมีจั๋วซือหรานไม่ได้สงสัยใคร่รู้กับเรื่องความรักของพ่อแม่ และไม่มีความเห็นใดด้วยขอเน้นไปที่ไม่มีความเห็น ไม่ปฏิเสธ และไม่ยุยงส่งเสริมดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไร แค่มองไปทางเซี่ยอวิ๋นซี เอ่ยขึ้นว่า "ทำของหร่อยมาให้ท่าน เสี่ยวหวายนอนอยู่หรือ?"เซี่ยอวิ๋นซีไม่ได้มองจั๋วเฮ่ออิงนัก แค่เดินเข้ามา ยื่นมือรับกล่องอาหารที่ลูกสาวเตรียมไว้เพื่อตนเองจากมือของเขาไปตอนที่นางยื่นมือมา จั๋วเฮ่ออิงที่เดิมทีไม่ได้มีท่าทางอะไร เพียงแค่จ้องมองนางตาปริบๆจู่ๆ ก็มีการเคลื่อนไหวขึ้น เขาเบี่ยงตัวหลบมือของเซี่ยอวิ๋นซี ไม่ให้นางจับกล่องอาหารเพียงแค่พูดว่า "หนักน่ะ ข้าช่วยเจ้ายกเข้าไป จากนั้นก็เอียงตัวคิดจะเข้าห้องผ่านข้างตัวนาง"แต่เซี่ยอว