จนกระทั่งชายวัยกลางคนเดินออกจากห้องโถงด้านหน้า จั๋วซือหรานจึงเอื้อมมือออกไปและค่อย ๆ ดันดาบประจำตระกูลในมือของเฟิงเหยียนกลับเข้าไปในฝัก“เขาไปแล้ว” จั๋วซือหรานกล่าวว่า “อย่าโกรธเลย”จั๋วซือหรานดันดาบประจำตระกูลของเขากลับเข้าไปในฝัก และสังเกตพลังอันรุนแรงรอบตัวของเขา เมื่อดาบประจำตระกูลถูกดันใส่เข้ามฝัก นางพึมพำด้วย "...ดูเป็นคนเย็นชา แต่ทำไมเหมือนปลาปักเป้า โกรธง่ายจัง"เนื่องจากนางพูดเสียงเบามาก และการได้ยินของเขาได้รับผลกระทบจากอาการบาดเจ็บ เดิมทีจั๋วซือหรานคิดว่าเฟิงเหยียน อาจจะไม่ได้ยิน ดังนั้นนางจึงถือว่ามันเป็นแค่การพูดคุยกับตัวเองโดยไม่คาดคิด วินาทีต่อมานางได้ยินเฟิงเหยียนถามนาง "ปลาปักเป้าคืออะไร"จั๋วซือหราน ตกตะลึง “เจ้าได้ยินแล้วหรือ”“ข้าแค่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ใช่หูหนวก” เฟิงเหยียนกล่าวจั๋วซือหรานยิ้ม "มันเป็นแค่ปลาชนิดหนึ่ง..." จริง ๆ แล้ว นางไม่รู้ว่าโลกใบนี้มีปลาปักเป้าอยู่หรือไม่ แต่นางยังพูดต่อ "เมื่อถูกคุกคาม ปลานี้จะพองตัวเพื่อทำให้ศัตรูหวาดกลัว "เฟิงเหยียน ”…“จั๋วซือหรานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวเสริมว่า "มีพิษ"เฟิงเหยียน ”…“จั๋วซือหรานกล่าวเสริมอีก "แต
เช่นตระกูลจั๋ว แม้ว่าพวกเขาเคยให้ความสำคัญกับจั๋วซือหราน นางกก็ยังถูกละทิ้งอยู่ดีแต่การที่ตระกูลเฟิงให้ความสำคัญกับเฟิงเหยียนนั้นแตกต่างไปจากตระกูลอื่นอย่างสิ้นเชิงดังนั้นจึงไม่ยากที่จะอธิบายว่าทำไมพลังวิเศษของเฟิงเหยียนจึงสามารถข่มขู่เหล่าผู้อาวุโสได้ หากพลังของเขาเป็นไปตามที่เขากล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งพลังของเขาเกี่ยวข้องกับพลังศักดิ์สิทธิ์บางอย่างของตระกูลจริง ๆ ... นั่นก็สามารถอธิบายได้ง่ายดังนั้นจั๋วซือหรานจึงไม่อยากถามรายละเอียดเพิ่มเติมสิ่งเดียวที่นางยังคิดไม่เข้าใจเหตุใดพลังของเฟิงเหยียนสามารถข่มขู่ผู้อาวุโสทุกท่านในตระกูลเฟิงได้ แต่ทำไมจึงไม่สามารถขู่ชายวัยกลางคนในเมื่อครู่นี้ได้ - ท่านพ่อของเขา ทำให้ชัยคนนั้นกลัวล่ะแต่จั๋วซือหรานไม่รีบหาคำตอบ เพราะยังมีเวลาอีกยาว วันหลังน่าจะมีโอกาสรู้เองเนื่องจากเฟิงเหยียนไม่ยอมให้จั๋วซือหรานฝืนตัว ดังนั้นหลังจากนั้น จั๋วซือหรานรักษาอาการบาดเจ็บของเขาได้ง่ายพลังของการแพทย์สายวิเศษของนางทำหน้าที่เป็นตัวช่วย เพื่อให้เฟิงเหยียนฟื้นตัวได้เร็วขึ้นนางไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แม้ว่าเฟิงเหยียนไม่ให้นางฝืนตัว ให้นางเป็นผู้ช่วยในกา
จั๋วซือหรานไม่ได้ง่วงขนาดนั้น แต่นางไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ ซึ่งสภาพนี้ค่อนข้างมหัศจรรย์มันเหมือนกับว่านางรู้ชัดเจนว่า นางกำลังหลับอยู่ และนางรู้สึกว่านางตื่นขึ้นได้ทันทีเมื่อนางลืมตา แต่นางก็ไม่สามารถตื่นได้ซึ่งเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดมาก และจั๋วซือหรานรู้สึกตัวเองกำลังถูกห่อหุ้มด้วยน้ำร้อน นางรู้สึกร้อนเล็กน้อย แต่ก็ไม่รู้สึกทุกข์ใจมากเมื่อเทียบกับความรู้สึกทุกข์ใจตอนพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า ๆ ความรู้สึก ณ ปัจจุบันนี้ดีกว่ามากในความเป็นจริง คราวนี้เมื่อนางรักษาเฟิงเหยียน จั๋วซือหราน รู้สึกอย่างชัดเจนว่า เมื่อเขารักษาเฟิงเหยียนในครั้งนี้ ดูเหมือนว่านางไม่ต้องใช้ความพยายามมากเท่ากับครั้งสุดท้ายที่นางได้รักษาชายผู้นี้ที่ศูนย์การแพทย์ตระกูลเหยียนตอนแรกนางคิดอยู่ว่าเป็นเพราะคราวนี้ อาการบาดเจ็บของเขาค่อนข้างเบา แต่เขาสูญเสียประสาทสัมผัสทั้งห้าอย่างเห็นได้ชัด เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บครั้งนี้รุนแรงกว่าจั๋วซือหรานจึงเดาได้ว่าความแข็งแกร่งของนางดีขึ้นบ้างหรือไม่ หากมีการปรับปรุง การปรับปรุงนี้เกี่ยวข้องกับอะไรบ้างเพียงแต่ก่อนหน้านี้นางตั้งใจรักษาเฟิงเหยียน และไม่มีเวลาคิดเกี่ยว
โดยไม่คาดคิด เฟิงเหยียน ขมวดคิ้วและพูดว่า "เรือนของข้าไม่มีสาวรับใช้ มันคงไม่สะดวกมากหากจั๋วเสียวจิ่วต้องการใครดูแล"ดังนั้นมีแต่หานกวงเท่านั้นที่ใช้ได้ แม้ว่านางเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญและสามารถโจมตีผู้ชายได้ แต่นางก็ยังเป็นผู้หญิงฉูนจวีนคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า "หากหานกวงได้ยินคำสั่งนี้ นางต้องหนีตัวไปไกล ๆ แน่ ๆ อย่างไรก็ตาม ท่านจะหมั้นกับแม่นางจิ่วขอรับ มีความสัมพันธ์ที่เป็นคู่หมั้นกันหากต้องการให้คนดูแลจริง ๆ ....."ฉูนจวีนพูดอย่างกล้าหาญว่า "ท่านมีตราแพทย์ไม่ใช่หรือขอรับ ท่านก็เคยทายาให้แม่นางจิ่ว ตอนนั้นไม่เห็นท่านนึงถึงความแตกต่างระหว่างชายและหญิงเลยขอรับ"เฟิงเหยียนขมวดคิ้วและดุว่า "ออกไป"ฉูนจวีนแตะจมูกแล้วรีบหนีไปอย่างรวดเร็วโชคดีที่จั๋วซือหรานไม่มีอะไรที่ต้องให้คนดูแล นางเหนื่อยล้าเป็นหลัก นางจึงจำเป็นต้องฟื้นตัว ดังนั้นนางจึงต้องการการพักผ่อนที่ดีนางนอนหลับอย่างสงบทั้งคืนเฟิงเหยียนนั่งข้างกันเงียบ ๆ เขาหลับตาเพื่อพักผ่อน บางครั้งก็ลืมตาเพื่อเหลือบมองคนที่นอนบนเก้าอี้เตียงเพื่อยืนยันอาการของนางเขาต้องบอกว่าผู้หญิงหยิ่งผยองและมักจะปฏิเสธที่จะยอมรับ
เฟิงเหยียนห่มนางด้วยเสื้อคลุมตัวใหญ่แล้วอุ้มนางหลังจากเดินออกจากห้อง ฉูนจวีนรีบเดินเข้ามาหาเขา ฉูนจวีนกังวลเล็กน้อย เนื่องจากเขาเคยทำเช่นนี้มานานแล้ว เมื่อเห็นเฟิงเหยียนเดินออกจากห้องในเวลาที่ทีแสงอาทิตย์ เขากังวลโดยไม่รู้ตัวแต่เมื่อเห็นเฟิงเหยียนไม่ได้รับบาดเจ็บ แล้วเห็นเฟิงเหยียนอุ้มผู้คนหนึ่งไว้แน่นด้วยเสื้อคลุมในอ้อมแขนของเขาฉูนจวีนยังไม่ตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น“ท่านขอรับ นี่คือ…” ฉูนจวีนลังเลและถาม แต่ก็รู้คำตอบในวินาทีถัดมา “ แม่นางจิ่วเป็นอะไรขอรับ”เฟิงเหยียนไม่มีเวลาอธิบาย ดังนั้นเขาจึงดุด้วยเสียงเข้ม "หลีกทาง อย่าขวางทาง"ฉูนจวีนรีบหลีกทางให้และเดินตามเฟิงเหยียนอย่างใกล้ชิด พวกเขาเดินไปในทิศทางของสระน้ำเย็นสระน้ำเย็นอยู่ในเรือยที่กว้างขวางถัดจากตำหนักนอนของเฟิงเหยียน เฟิงเหยียนมาถึงประตูเรือนที่มีสระน้ำเย็นด้วยความเร็วเพียงไม่กี่ก้าว เขาเตะประตูออกจากนั้นเขารีบเข้าไปในประตูและเตะประตูปิดอีกครั้ง ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเช่นนี้ ฉูนจวีนมีเวลาเพียงเห็นคนที่เจ้านายอุ้มไว้ในอ้อมแขน เขาเห็นมือข้างหนึ่งห้อยลงอย่างนุ่มนวลปลายนิ้วสีขาวและเรียวยาวเปื้อนเลือด และเลือ
และใบหน้าของนางและผิวของนางขาวอย่างไม่น่าเชื่อ สีแดงสุดขีดนั้นคู่กับสีขาวสุดขีดนั้น...ซึ่งทำให้นางดูเงียบและไร้ลมหายใจ เหมือนางเสียชีวิตแล้วไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นสภาพที่น่าสังเวชของนาง ความจริง เขาเคยเห็นสภาพเช่นนั้นหลายหนแล้ว ตอนที่นางถูกตระกูลจั๋วตำหนิและลงโทษ สภาพที่น่าเวทนาจนทนดูไม่ได้หลังจากถูกเฆี่ยนตีเก้าครั้งนางถูกตระกูลเหยียนใส่ร้ายและถูกทรมานอย่างทารุณใน หน่วยสืบสวนพิเศษไม่ว่าครั้งไหน นางดูน่าเวทนาอย่างมาก แต่ไม่ว่าครั้งไหน นางแข็งแกร่งเสมือนหญ้าธูปฤาษี และไม่ว่านางดูน่าสมเพชแค่ไหน นางก็ไม่ยอมอ่อนข้อ นางยังคงปากแข็งได้และอดทนได้ และนางสามารถทนมันได้อย่างยากลำบากแต่ไม่ใช่อยู่ในสภาพเช่นนี้...เงียบและไร้ลมหายใจเฟิงเหยียนขมวดคิ้วขึ้นอีกเล็กน้อย เขากอดนางด้วยมือข้างหนึ่ง และมืออีกข้างก็กดหน้าอกของเขาเบา ๆมันเป็นภาพลวงตาหรือไม่ ทำไมอาการปวดตุ๊บ ๆ ที่หน้าอกอย่างอธิบายไม่ได้จึงดูชัดเจนมากขึ้นเฟิงเหยียนยกมือขึ้นและสัมผัสใบหน้าของนางเบา ๆ ริมฝีปากบางของเขาขยับเล็กน้อย " จั๋วจิ่ว "นางไม่มีปฏิกิริยาใดๆเขาสัมผัสใบหน้าของนางอีกครั้ง และเนื่องจากนิ้วของเขาเปื้อนเลือดของนา
เฟิงเหยียนไม่รู้เลยว่า จั๋วซือหรานในสภาพที่เบลอ ๆ ในขณะนี้ แต่คำพูดที่สั่นคลอนที่นางเพิ่งพูดด้วยความงุนงงนั้นได้บอกความต้องการของนางอย่างชัดเจนแล้วนางหนาวมากซึ่งทำให้เฟิงเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาทำได้ง่ายที่สุดพลังวิเศษของเขามีอุณหภูมิที่ร้อนจัด เสื้อผ้าของพวกเขาเปียกด้วยน้ำในบ่อเย็น และพลังวิเศษของเขาอบผ้าแห้งในเวลาอันสั้นแต่ร่างกายของจั๋วซือหรานยังคงสั่นเทาไม่หยุด ราวกับว่าอุณหภูมิของสระน้ำเย็นได้ทำร้ายร่างกายของนางอย่างหนักเฟิงเหยียนลดสายตาลงและจ้องมองไปที่หญิงสาวในอ้อมแขนของเขาครู่หนึ่ง จากนั้นจึงก้มศีรษะเบา ๆริมฝีปากบางของเขากดลงบนริมฝีปากของนาง และค่อย ๆ ส่งพลังวิเศษเข้าไปในช่องปากของนาง......จั๋วซือหรานรู้สึกตัวเองกำลังจะตาย อย่างแรก นางรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก ร่างกายของนางเหมือนถูกเผาไหม้ด้วยไฟแต่นางก็รู้สึกถึงประโยชน์บางอย่างเช่นกัน หลังจากนางรักษาเขาครั้งที่แล้ว แม้ว่านางเจ็บปวดมาก แต่ความแข็งแกร่งของนางก็ดูดีขึ้นบ้างในระดับหนึ่งครั้งนี้คล้าย ๆ กัน ใครจะรู้ว่าเฟิงเหยียนกอดนางแล้วลงสระน้ำเย็นเลยทีเดียว อุ๊ย ช่างเป็นคนมีน้ำใจเหลือเกิ
จากนั้น หานกวงเห็น... สีหน้าหนักใจและทำอะไรไม่ถูกบนใบหน้าของฉูนจวีนอาจกล่าวได้ว่าค่อนข้างซับซ้อนฉูนจวีนหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดด้วยเสียงถอนหายใจ "ตอนนี้ไม่สะดวก เดี๋ยวเจ้าค่อยเข้าไป"หานกวงไม่มีการคัดค้านใด ๆ แต่เมื่อเห็นการกระทำต่อไปของ ฉูนจวีน นางรู้สึกมึนงง"แต่พี่ใหญ่... พี่คุกเข่าทำไม"ฉูนจวีนมองนางเบา ๆ และไม่ตอบนางคุกเข่าเพื่ออะไรได้อีกล่ะ แน่นอนว่าเขากำลังรอเจ้านายลงโทษเขาฉูนจวีนอยากบอกจริง ๆ ว่า เขาไม่ได้เห็นอะไรเลย แต่เขาเป็นคนซื่อสัตย์ เขาไม่สามารถหลอกลวงหัวใจของเขาได้ภาพที่เขาเห็นในเมื่อครูนี้...ฉูนจวีนแอบพูดในใจ ท่านช่าง... ไม่เป็นสุภาพบุรุษ แม่นางจิ่ว เป็นเช่นนี้เพราะรักษาท่าน... แต่ท่านกลับเอาเปรียบผู้หญิงคนนี้เช่นนั้นหรือเฟิงเหยียนไม่รู้ว่าลูกน้องของเขากำลังคิดอะไรอยู่ในขณะนี้ และความคิดที่ฉูนจวีนคิดว่าเขากำลังเอาเปรียบผู้หญิงนั้นไม่เป็นความจริงทั้งหมดอันที่จริง มันเป็นเรื่องจริงที่เฟิงเหยียนถูกเอารัดเอาเปรียบมากกว่าจั๋วซือหรานกอดคอของเขาและจูบเขาเรื่อย ๆจนกระทั่งนางรู้สึกร่างกายอุ่นขึ้นอีกครั้ง พลังเย็นระเหยกลายเป็นควันสีขาวจาง ๆในที่สุด จั๋วซือหรา
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วหวาย สีหน้าจั๋วซือหรานก็ชะงักไปพอนึกถึงจั๋วเฮ่ออิงที่สีหน้าเปลี่ยนแล้วรีบร้อนออกไปวันนั้นนางรู้สึกว่าการคาดเดาของเสี่ยวหวาย...ดูสมเหตุสมผลดียังไม่ต้องพูดถึงว่าจั๋วเฮ่ออิงไปหาเซี่ยอวิ๋นซี แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไรจั๋วซือหรานแม้จะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่ก็มีความรู้สึกรักอย่างจริงใจต่อเซี่ยอวิ๋นซีด้วยความเข้าใจต่อตัวเซี่ยอวิ๋นซีของนาง จั๋วซือหรานรู้สึกว่า เซี่ยอวิ๋นซีเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งในการที่นางสามารถเลี้ยงลูกสองคนจนโตได้เพียงลำพังก็มองออกได้ไม่ยากคนแบบนี้ ในสถานการณ์ปกติขีดจำกัดจะชัดเจนมากนางจะอ่อนโยนกับคนของตนเอง แต่มีนิสัยที่แข็งกร้าวในสายตาไม่อาจทนเห็นสิ่งไม่ดีได้ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอตอนที่นางรักจั๋วเฮ่ออิงก็คือรักจริงๆ ถ้าหากไม่มีลูกน้อยสองคนคอยรั้งนางไว้ นางคงฆ่าตัวตายตามจั๋วเฮ่ออิงไปตั้งแต่ตอนรู้ว่าเขาตายแล้วแต่พอมีตัวตนอย่างสุ่ยจิ้งหลาน เซี่ยอวิ๋นซีก็ไม่แน่ว่าจะอดทนต่อจั๋วเฮ่ออิงได้อีกตอนที่ไม่รัก ก็อาจจะไม่รักได้จริงๆแต่แล้วทำไมล่ะ แค่จั๋วเฮ่ออิงไปบอกเรื่องของนาง ด้วยนิสัยของเซี่ยอวิ๋นซี ต่อให้ฟ้าถล่มก็คงจะรีบมาหาอยู่ดีจั๋วซือหรานถอนห
ตอนนี้ จั๋วซือหรานเห็นหน้าตนเองในน้ำได้เห็นสภาพของตนเองชัดๆ ดีขึ้นมากแล้วจริงๆแต่นางยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าสภาพของตนเองก็กำลังแย่ลงอย่างรวดเร็วดังนั้น ตนเองตอนนี้...อยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ได้จริงๆถ้าแค่ห่างจากชายคนนั้น ตนเองก็อาจจะทนต่อไปไม่ไหว แล้วกลับไปอยู่ในสภาพก่อนหน้านี้อีก นั่นมันอันตรายเอามากๆส่วนตนเองถ้าหากยังตามชายคนนี้อยู่ตลอดล่ะก็...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ในใจก็อดคิดไม่ได้ ตอนนี้ตนเองอย่างน้อยยังพอทนไหว ไม่ต้องตัวติดกับเขาตลอดเวลาก็ได้แต่...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นนะจั๋วซือหรานเป็นคนที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่เสมอ นางยกมือขึ้นลูบท้องน้อยเบาๆในใจยังคิดขึ้นอย่างกังวล ถ้าหากอายุครรภ์มากขึ้น สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยถึงตอนนั้นหากตนเองต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาถึงจะรักษาสภาพให้คงที่ได้ล่ะ?ถ้าตนเองเป็นอย่างที่เขาบอกล่ะ ที่ว่าต้องการแสงแดดแล้วในเวลากลางวันแบบนั้น...คนนึงต้องการแสงแดด แต่อีกคนกลับถูกแสงแดดทำร้ายสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆนางผ่อนคลายลงหน่อย แต่เขากลับทรมานขึ้นมาถ้าพอนางทรมาน เขาถึงจะผ่อนคลายลงมาได
ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ
ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร
จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส
จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต
แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว
ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ
กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย