มือที่สะอาดซึ่งมีนิ้วที่คมและเพรียวบางอย่างที่ชายหนุ่มควรมี ยื่นออกมาจากด้านข้างแล้วจับดาบของเวินป๋อยวนโดยตรงเขาคว้ามันไว้ในคราวเดียว ทำให้ดาบของเวินป๋อยวนไม่สามารถขยับไปข้างหน้าได้แม้แต่นิ้วเดียวเวลาเพียงกระพิบตาเดียว เลือดก็เริ่มหยดลงจากนิ้วเวินป๋อยวนขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์นี้ไมเกินการคาดคิดของเขา เขาขมวดคิ้วและพูดว่า "เจ้า... ปล่อยมือเลย"ชิ่งหมิงไม่พูดอะไร เขาจ้องมองเวินป๋อยวนครู่หนึ่ง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความกล้าหาญและความแน่วแน่“ ชิ่งหมิง” ม่านตาของจั๋วซือหรานกระชับขึ้น “ ชิ่งหมิง รีบปล่อยมือ”นางรีบเหยียดมือออกและแยกนิ้วมือของชิ่งหมิงออกจากดาบ"ปล่อยเร็วเข้า เชื่อฟัง"เมื่อเห็นจั๋วซือหรานรีบดึงนิ้วของเขาออก ชิ่งหมิงกลัวดาบจะทำร้ายนาง เขาจึงปล่อยมือ ขณะที่เขาปล่อยมือ เขาก็จับดาบไว้แล้วโยนมันทิ้งไป“เจ้านี่มัน…!” จั๋วซือหรานดูบาดแผลที่เปื้อนเลือดบนฝ่ามือของเขา นางโกรธและเป็นกังวล “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ จับดาบด้วยมือเปล่า”“ข้า…” ชิ่งหมิงกำลังจะพูดอะไร จั๋วซือหรานจ้องเขาชายหนุ่มที่แต่เดิมกล้าเผชิญหน้ากับวินป๋อยวน กล้าใช้ดาบปะทะเวินป๋อยวนโดยตรง และกล้าจับดาบด้วยมื
จั๋วซือหรานรู้สึกนางใช้กำลังตามปกติเกือบห้าเท่าหรือมากกว่านั้นเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่ผิวหนังบนมือชิ่งหมิงซึ่งเหนื่อยเหลือเกิน สาเหตุหลักคือสภาพปัจจุบันของนางไม่ดีพอจั๋วซือหรานมุ่ยเล็กน้อย นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แม้ว่านางไม่ได้พูดออกมาดัง ๆ แต่จริง ๆ แล้วนางก็รู้สึกอยู่ในใจว่าฝีมือการรัดษาของนางในเมื่อครู่นี้ทำให้คนอื่นดูถูกนางได้ง่ายนางมีความภาคภูมิใจในตัวเอง ดังนั้นนางจึงค่อนข้างไม่สบายใจ นางไม่ไม่ได้โกรธคนอื่น แต่นางโกรธตัวเองหลังจากนางรักษาอาการบาดเจ็บบนมือของชิ่งหมิงเสร็จ จั๋วซือหรานวางมือลง นางถอนหายใจเบา ๆ แล้วหันไปมองเวินป๋อยวน "ที่ท่านพูดว่าข้าไร้ยางอายข คงเป็นเพราะเหตุนี้ใช่ไหมเจ้าคะ"เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเวินป๋อยวนสงบลงกว่าเดิมมาก ตอนนี้เขาไม่โกรธจั๋วซือหรานอีกแล้วเมื่อได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "นั่นคือเหตุผลที่ข้าบอกเจ้าว่า หากเจ้าไม่สามารถรับประกันได้ว่าเจ้าจะทำได้ ดังนั้นอย่ารีบะให้ความหวังแก่ผู้คน นิสัยของชิ่งหมิงดั่งกระดาษเปล่าแผ่นหนึ่ง ดูเหมือนเขาเชื่อใจเจ้ามาก หากเจ้าทำไม่สำเร็จ เจ้าจะทำให้เขาผิดหวังเท่านั้น”เมื่อได้ยินคำพูดข
จั๋วซือหรานคิดว่านี่คงเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในอาชีพของนางกระมัง สมัยก่อนในสังคมยุคใหม่ แม้จะเจอสถานการณ์ที่ยากลำบากแต่อย่างน้อยนางยังสามารถใช้เครื่องมือของสมัยใหม่ ยารักษาโรค ฯลฯ ได้แต่เมื่อมาถึงโลกใบนี้ นางจึงพบปัญหาที่แก้ไขได้ยากจริง ๆแต่นางไม่ได้คาดหวังว่าอาการของท่านอ๋อง เฟิงเหยียน ร้ายแรงพอแล้ว ยังมีเจ้าตัวน้อยชิ่งหมิง รอนางอยู่เลย อาการของสองคนนี้ร้ายแรงพอ ๆ กันสิ่งนี้ทำให้จั๋วซือหรานอยากท้าทายจริง ๆมันก็เหมือนกับที่นางพูดในก่อนหน้านี้ - นางไม่เชื่อเวินป๋อยวนจ้องมองดูนาง และเขาเห็นไฟเล็ก ๆ ในดวงตาของนาง ซึ่งไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เขารู้สึกเด็กหญิงคนนี้น่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงยื่นมือออกและผนึกยันต์สองสามอันด้วยปลายนิ้วอย่างรวดเร็วและคลล่องเคล่วจั๋วซือหรานเห็นว่าบนฝ่ามือของเวินป๋อยวนมีสัญลักษณ์ที่ดูเหมือนตราบางอย่างส่องแสงแวววาวเรื่อย ๆ“หากเจ้ากล้าทำสัญญาด้วยจิตวิญญาณแห่งการพูดกับข้า ข้าจะยืนดีบอกเหตุผลกับเจ้า”จั๋วซือหรานไม่พูดอะไรเลย เพียงจ้องมองไปที่ตราสัญลักษณ์ที่ยังคงกระพริบเล็กน้อยบนฝ่ามือของนาง นางขมวดคิ้วเล็กน้อย“นี่คือจิตวิญญาณแห่งการพูดหรือ” แม้ว่าในค
จั๋วซือหรานเหลือบมองที่ฝ่ามือของนาง สัญลักษณ์ของสัญญาณจิตวิญญาณแห่งการพูดกะพริบบนฝ่ามือของนางแล้วหายไปนี่หมายความว่ามีผลบังคับใช้สัญญาจิตวิญญาณแห่งการพูดแล้วจั๋วซือหรานรู้สึกมหัศจรรย์จริง ๆ นางอดไม่ได้ที่ต้องค่อย ๆ กำหมัดของนาง แล้วเปิดมันอีกครั้ง นี่ทำให้นางรู้สึกแปลกมากและนางเริ่มรู้สึกสนุกจากนั้นนางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เวินป๋อยวน เพื่อรอคำตอบของเขาทำไมร่างกายของชิ่งหมิงถึงเป็นเช่นนี้เวินป๋อยวนค่อย ๆ อ้าปากพูด เขาพูดอย่างใจเย็น ๆ " ชิ่งหมิง เป็นบุตรหลานของตระกูลจวง ซึ่งตระกูลนี้เป็นผู้ที่มีฐานะสูงในแคว้นเหยี่ยน เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่นและไม่แพ้เจ้า พรสวรรค์ของตระกูลจางไม่เหมือนตระกูลอื่นมาก พวกเขาเหมือนวิญญาณแห่งอาวุธโดยกำเนิด"จั๋วซือหรานอดไม่ได้ที่ต้องหันไปมองชิ่งหมิง ชิ่งหมิงรู้สึกเขินอายและก้มศีรษะลงจั๋วซือหรานรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับพลังแห่งพรสวรรค์จากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม ทุกคนอาจมีพรสวรรค์โดยพื้นฐานแล้ว ผู้ที่ไม่มีพรสวรรค์จะไม่มีปัญญาฝึกฝนได้และคนที่มีพรสวรรค์ก็มีความสามารถที่แตกต่างกันอย่างตระกูลจั๋วมีวิญญาณไม้ในสายเลือด ตระกูลเฟิงมีวิญญาณไฟในสายเลือด ส
นั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมจั๋วซือหรานต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการรักษาหรือตรวจสุขภาพของเขาหลังจากได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน ชิ่งหมิงรู้สึกเขินอายมากขึ้นเมื่อเวินป๋อยวนได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน สีหน้าของเขายังคงเย็นชาเช่นเคย และเขาพูดเย็นชาเช่นเดิม "อย่างไรก็ตาม เรามีสัญญาทางจิตวิญญาณอยู่แล้ว เจ้าจะรักษาเขาได้หรือไม่ ข้าไม่สน อย่าไปประกาศอาการของชิ่งหมิงทั่วก็พอ ส่วนเจ้าทำให้เขามีความหวังที่อาจสมหวังได้ยาก ในเมื่อตัวเขาเองยังไม่สนใจเลย ข้าจะไม่หาเรื่องเจ้า”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จั๋วซือหรานลดสายตาลง ยกมุมปากขึ้นแล้วยิ้มเบา ๆจากนั้นนางจึงเงยหน้าขึ้นและมองเวินป๋อยวน นางสบตากับเขาพอดี“หัวเราะหรือ” เวินป๋อยวนถามกลับจั๋วซือหรานยังคงยิ้มเบา ๆ นางพูดว่า "ท่านซือหลี่ไม่เชื่อข้าจริง ๆ ""..." เวินป๋อยวนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดเบา ๆ "ข้าไม่ใช่สงสัยเจ้าเพียงผู้เดียว ข้าไม่เชื่อทุกคน"จั๋วซือหรานถอนนิ้วที่ถือข้อมือของชิ่งหมิงกลับ นางพูดว่า "ถูกวางยาพิษตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ไม่ใช่หรือ พิษที่ได้มาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เนี่ย จะรักษายากหน่อย และใช้เวลารักษานานหน่อย แต่ทำไมต้องถึงขั้นที่ท่านซือหลี่ไม่เช
ชิ่งหมิงบอกจั๋วซือหราน ท่านแม่ของเขาเป็นท่านพี่ของเวินป๋อยวนไม่ใช่พี่สาวแท้ ๆ แต่เป็นพี่สาวในรุ่นเดียวกันในตระกูลเดียวกันรู้สึกเหมือนอย่างที่จั๋วซือหรานเคยทราบมาหมู่บ้านบางที่ ทุคกนมีนามสกุลเดียวกัน พวกเขาทั้งหมดเป็นพี่น้องกัน แต่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดอยู่ห่างไกลประมาณเช่นนี้คร่าพ่อแม่ของเวินป๋อยวนเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเด็ก และเขาต้องอาศัยการดูแลของพี่สาวในตระกูลนี้เพื่อความอยู่รอดในตระกูล ต่อมาพี่สาวของตระกูลคนนี้แต่งงานเข้าตระกูลจวง ซึ่งเป็นตระกูลที่มีฐานะสูงส่ง และตระกูลของเวินป๋อยวนเห็นแห่หน้าของพี่สาวคนนั้น เลยไม่ละเลยเวินป๋อยวนเวินป๋อยวนค่อย ๆ แสดงความสามารถของเขาเมื่อเขามีอายุ 7 ขวบ เขามีชื่อเสียงและได้รับความสนใจจากตระกูลในเวลานี้ พี่สาวที่แต่งงานเข้าตระกูลจวงเสียชีวิตเพราะนางให้กำเนิดชิ่งหมิงแม้ว่าเวินป๋อยวนจะเสียใจ แต่เขาก็มองว่ามันเป็นโชคชะตา ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดเขาพยายามฝึกฝนอย่างหนัก และต่อมาก็เข้าสู่ลัทธิ ต่อมาเขาได้ทราบว่าเด็กกำพร้าที่พี่สาวทิ้งไว้นั้นมีชีวิตอย่างไม่ดีในตระกูลจวงคำว่า'ไม่ดี' นั้น ไม่ใช่ความหมายอย่างที่เราเข้าใจดังนั้
จั๋วหวายอดไม่ได้ที่ต้องถอนหายใจ “ท่านพี่ขอรับ ท่านพี่มองออกได้ด้วย หากท่านพี่ไม่อธิบาย ข้าคงมองไม่เข้าใจหรอกขอรับ”จั๋วซือหรานยิ้มและมองเขา นางเอื้อมมือไปบีบหยิกใบหน้าของเขา "นั่นคือเหตุผลที่ข้าให้เจ้าไปเรียนหนังสือ ยิ่งเจ้าเรียนมากเท่าไร เรียนให้เยอะ ๆ สมองของเจ้าก็จะยิ่งเก่งขึ้นเท่านั้น เข้าใจไหม"ใบหน้าของจั๋วหวายถูกนางหยิกจนบิดเบี้ยว และเขาก็พูดอย่างไม่ชัดเจนว่า "ข้ารู้ ข้ารู้"แต่หากจะบอกว่าจั๋วหวายไม่ฉลาด เขาก็ฉลาดพอที่จะถามจั๋วซือหรานได้เลยว่า "หากเรื่องเป็นไปตามอย่างที่ท่านพี่พูด หากชิ่งหมิงถูกคนอื่นวางยาพิษโดยเจตนา หากท่านพี่รักษาเขาได้ มันจะทำให้ใครบางคนขุ่นเคืองหรือไม่"จั๋วซือหรานคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ไกลขนาดนี้ ใครจะรู้เรื่องราวของข้า ข้าเป็นแค่คนไม่สำคัญ คนไร้ความสามารถ"จั๋วหวายม้วนริมฝีปากและพูดกับตัวเองว่า ท่านพี่ ซึ่งเป็นคนไม่สำคัญได้ทำให้เมืองหลวงวุ่นวายอย่างมากแล้ว“ยิ่งกว่านั้น ข้าเคยกลัวทำให้ผู้อื่นโกรธเมื่อไรล่ะ ที่ตลอดผ่านมา ข้าเป็นด…” จั๋วซือหรานมองและยิ้ม จากนนั้นนางพูดต่อ “แต่จงทำความดี และอย่าถามถึงอนาคต มุ่งไปตามความปรารถนาของตัวเอง ไม่ต้องสนใจเรื่องใด ๆ
หลังจากท่านพี่เขาเสียชีวิต เวินป๋อยวนเชื่อเสมอว่า ผู้ที่แสดงดีกับเราต้องหวังผลประโยชน์แน่นอนสัตว์ที่น่ารังเกียจเช่นมนุษย์จะทำทุกอย่างเพื่อผลกำไรจนกระทั่งเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้จากจั๋วซือหราน ต้องยอมรับว่าบางครั้ง พลังของคำพูดมีพลังที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เชื่อใครอีกต่อไปแต่หลังจากได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาคิดว่าบางทีเขาสังเกตดูอีกครั้งก็ได้เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อชิ่งหมิงมาหาเขา จริง ๆ แล้วเขารู้สึกกังวลเล็กน้อยชิ่งหมิงเป็นผู้ที่บริสุทธิ์ดั่งกระดาษเปล่า หากเขารู้สึกไม่สบายใจ เขาจะแสดงออกให้ผู้อื่นเห็นได้ง่ายผู้อื่นสามารถมองออกได้ในประโยคแรก และสามารถดูได้ในคำแรกเพราะเขาจะเรียกเวินป๋อยวนจากแต่เดิมป๋อยวนมาเป็น...“น้าชาย น้าชาย...”เวินป๋อยวนยืนอยู่หน้าติ่งกลั่นยา สีหน้าของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลง และพลังวิเศษในมือของเขาควบคุมความร้อนในติ่งอย่างเป็นระบบ เขาควบคุมไฟเพื่อเผายา และปรับแต่งวัสดุยาเมื่อได้ยินเสียงของชิ่งหมิง เขาก็เหลือบมองไปด้านข้างแล้วพูดว่า "ขอรับ"“ข้าอยาก... ออกไปข้างนอก” ชิ่งหมิงเม้มริมฝีปาก เมื่อคืนเขาสัญญากับจั๋วซือหรานแล้ว
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วหวาย สีหน้าจั๋วซือหรานก็ชะงักไปพอนึกถึงจั๋วเฮ่ออิงที่สีหน้าเปลี่ยนแล้วรีบร้อนออกไปวันนั้นนางรู้สึกว่าการคาดเดาของเสี่ยวหวาย...ดูสมเหตุสมผลดียังไม่ต้องพูดถึงว่าจั๋วเฮ่ออิงไปหาเซี่ยอวิ๋นซี แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไรจั๋วซือหรานแม้จะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่ก็มีความรู้สึกรักอย่างจริงใจต่อเซี่ยอวิ๋นซีด้วยความเข้าใจต่อตัวเซี่ยอวิ๋นซีของนาง จั๋วซือหรานรู้สึกว่า เซี่ยอวิ๋นซีเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งในการที่นางสามารถเลี้ยงลูกสองคนจนโตได้เพียงลำพังก็มองออกได้ไม่ยากคนแบบนี้ ในสถานการณ์ปกติขีดจำกัดจะชัดเจนมากนางจะอ่อนโยนกับคนของตนเอง แต่มีนิสัยที่แข็งกร้าวในสายตาไม่อาจทนเห็นสิ่งไม่ดีได้ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอตอนที่นางรักจั๋วเฮ่ออิงก็คือรักจริงๆ ถ้าหากไม่มีลูกน้อยสองคนคอยรั้งนางไว้ นางคงฆ่าตัวตายตามจั๋วเฮ่ออิงไปตั้งแต่ตอนรู้ว่าเขาตายแล้วแต่พอมีตัวตนอย่างสุ่ยจิ้งหลาน เซี่ยอวิ๋นซีก็ไม่แน่ว่าจะอดทนต่อจั๋วเฮ่ออิงได้อีกตอนที่ไม่รัก ก็อาจจะไม่รักได้จริงๆแต่แล้วทำไมล่ะ แค่จั๋วเฮ่ออิงไปบอกเรื่องของนาง ด้วยนิสัยของเซี่ยอวิ๋นซี ต่อให้ฟ้าถล่มก็คงจะรีบมาหาอยู่ดีจั๋วซือหรานถอนห
ตอนนี้ จั๋วซือหรานเห็นหน้าตนเองในน้ำได้เห็นสภาพของตนเองชัดๆ ดีขึ้นมากแล้วจริงๆแต่นางยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าสภาพของตนเองก็กำลังแย่ลงอย่างรวดเร็วดังนั้น ตนเองตอนนี้...อยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ได้จริงๆถ้าแค่ห่างจากชายคนนั้น ตนเองก็อาจจะทนต่อไปไม่ไหว แล้วกลับไปอยู่ในสภาพก่อนหน้านี้อีก นั่นมันอันตรายเอามากๆส่วนตนเองถ้าหากยังตามชายคนนี้อยู่ตลอดล่ะก็...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ในใจก็อดคิดไม่ได้ ตอนนี้ตนเองอย่างน้อยยังพอทนไหว ไม่ต้องตัวติดกับเขาตลอดเวลาก็ได้แต่...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นนะจั๋วซือหรานเป็นคนที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่เสมอ นางยกมือขึ้นลูบท้องน้อยเบาๆในใจยังคิดขึ้นอย่างกังวล ถ้าหากอายุครรภ์มากขึ้น สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยถึงตอนนั้นหากตนเองต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาถึงจะรักษาสภาพให้คงที่ได้ล่ะ?ถ้าตนเองเป็นอย่างที่เขาบอกล่ะ ที่ว่าต้องการแสงแดดแล้วในเวลากลางวันแบบนั้น...คนนึงต้องการแสงแดด แต่อีกคนกลับถูกแสงแดดทำร้ายสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆนางผ่อนคลายลงหน่อย แต่เขากลับทรมานขึ้นมาถ้าพอนางทรมาน เขาถึงจะผ่อนคลายลงมาได
ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ
ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร
จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส
จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต
แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว
ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ
กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย