นั่นเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ จั๋วซือหรานไม่สามารถบรรยายความรู้สึกนี้ได้ เพราะนางไม่เคยประสบกับสถานการณ์หรือความรู้สึกเช่นนี้ในชาติที่แล้วของนางนางทำได้แต่ครู่นคิดและนึกคำบรรยายในใจว่า "คงอาจรู้สึกเหมือนวิ่งฟูลมาราธอนโดยไม่ได้หยุดพักหรือไม่ได้ดื่มน้ำสักคำ...ประมาณนี้มั้ง"ความรู้สึกหมดเรี่ยวแรงและความเหนื่อยล้าดูเหมือนล้นหลามร่างกายของราง และการที่นางได้ทานยาเม็ดในเมื่อครู่นี้ทำให้นางรู้สึกเหมือนว่าในที่สุด นางหายความรู้สึกที่หมดเรี่ยวแรงและเหนื่อยล้าไปได้โดยเฉพาะนางรู้สึกตัวเองผ่อนคลายและสบายราวกับได้แช่น้ำอุ่นสิ่งที่ตามมาคือความเหนื่อยล้ามากขึ้น แต่ก็ไม่ได้เหนื่อยเหมือนกับความเมื่อยล้าเช่นเปลืองเรี่ยวแรงสรุปคือ... จั๋วซือหรานรู้สึกเหมือนตอนนี้นางต้องไปนอนแล้วแต่นางนอนไม่ได้ นางกำลังจะนอนต่อ แต่มีคนเคาะประตูทันที“คุรหนูขอรับ มีแขกมาถึงแล้วขอรับ” เสียงของฝูซูดังจากนอกประตูจั๋วซือหรานหงุดหงิดเล็กน้อยโดยไม่มีเหตุผล นางไม่ได้หงุดหงิดเพราะฝูซู แต่นางหงุดหงิดเพราะมีคนมาขัดขวางการพักผ่อนของนางแต่นางยังเดินไปที่ประตู นางมองใบหน้าที่ซีดเซียวของฝูซู นางถาม "เมื่อคืนเจ้าดูแล
จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ นางมองเหยียนฉี แต่ไม่พูดอะไรเดิมทีเหยียนฉี กำลังรอนางพูดก่อน ไม่ว่านางจะพูดอะไร ไม่ว่าจะเป็นการตำหนิหรือการละเมิด อย่างน้อยเขาก็สามารถรับมือกับอารมณ์ของนางได้แต่จั๋วซือหรานไม่ได้พูดสักคำ ดูเหมือนนางอยู่นิ่งเฉย แต่การนิ่งเฉยของนางดูเหมือนกลายเป็นฝ่ายกระทำเหยียนฉีรอไปครู่หนึ่ง แต่จั๋วซือหรานยังไม่คงเงียบเช่นเดิมเหยียนฉีพูดด้วยการขอโทษ " แม่นางจิ่วขอรับ ข้าทราบทุกเรื่องแล้วขอรับ ข้าต้องขออภัยจริง ๆ ข้าเพิ่งทราบผู้อาวุโสห้าฟังคำพูดของลุงเจ็ดและเหยียนหยี่หลิง และทำเรื่องที่ทรยศแม่นางจิ่วเช่นนี้"ใบหน้าของเหยียนฉีแสดงถึงการขอโทษอย่างจริงใจ ในการขอโทษของเขายังมีความเป็นห่วงอย่างเร่งรีบของเขา " แม่นางจิ่วสบายดีอยู่ไหมขอรับ อาการบาดเจ็บของแม่นางเป็นอย่างไรบ้าง อาการร้ายแรงไหมขอรับ"จั๋วซือหรานไม่รีบตอบคำถามเหล่านี้ ดังนั้นนางจึงยืนโดยประสานมือพาดหน้าอกเพื่อมองเหยียนฉีเหยียนฉีสับสนเล็กน้อยกับท่าทางของจั๋วซือหราน หราน " แม่นางจิ่ว...ไม่เชื่อคำพูดของข้าหรือ"จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ ในที่สุดนางพูดว่า "ข้าอยากลองเชื่อใจคุณชายเหยียนจริง ๆ แต่ผลลัพธ์ที่ได้... ดูเหมือนจะไ
จากระยะไกล ๆ นางเห็นร่างที่สวยงามกำลังมาที่สวนหลังบ้าน นั่นคือคุณหนูเจ็ดของตระกูลเหยียน เหยียนหยี่หลิงและคนที่เดินตามนางอย่างใกล้ชิดคือฉวนคูนฉวนคูนพูดซ้ำ ๆ "คุณหนูท่านนี้ คุณหนูไม่ควรเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตขอรับ โปรดหยุดฝีเท้าขอรับ"แต่ดูเหมือนหยี่หลิงไม่สนใจฉวนคูนเป็นคนเลย นางสะบัดมือ และผลักฉวนคูนออกไปฉวนคูนเป็นเพียงคนรับใช้ในบ้านโดยไม่มีการฝึกฝนใด ๆ เขาเป็นเพียงคนรับใช้ในบ้านธรรมดา ๆ เขาทนแรงผลักเช่นนี้ได้อย่างไร เขาบินออกและล้มลงกับพื้นอย่างแรงจั๋วซือหรานจ้องมองไปในทิศทางของฉวนคูน ทันทีที่ฉวนคูนกำลังจะล้มบนพื้น จู่ ๆ หญ้าบนพื้นสูงขึ้นและหนาขึ้นอย่างมากหญ้าเหล่านั้นช่วยรับฉวนคูนไว้ เพื่อไม่ให้เขาล้มบนพื้นอย่างแรงเหยียนหยี่หลิงมุ่งความสนใจไปที่จั๋วซือหราน นางไม่ได้สนใจคนรับใช้ที่ถูกนางโยนออกไปในก่อนหน้านี้มากนัก ใครกันแน่กล้าห้ามนางแต่เหยียนฉีสังเกตการกระทำของจั๋วซือหรานแล้ว ฉากสั้น ๆ นั้นทำให้เขาตกใจอย่างมากเหยียนหยี่หลิงเดินเข้ามาด้วยการเยาะเย้ย นางมองไปที่ จั๋วซือหราน " จั๋วจิ่ว ทำไม เจ้ากล้าให้ท่านพี่ของข้ามาขอโทษเจ้าได้อย่างไร เจ้าเป็นผู้ทรยศต่อตระกูลของตัวเอง
เสียงที่คมชัดขัดจังหวะเสียงของเหยียนหยี่หลิงเสียงของนางหยุดอย่างกะทันหัน สีหน้าของนางแข็งทื่อ ดวงตาของนางตกใจจนต้องเบิกกว้าง และนางไม่กระพริบตาเลยด้วยซ้ำ ดูเหมือนนางมืนงงอย่างมากผมยาวของนางปลิวไปตามสายลมและปลิวไสวบนใบหน้าของนางปิ่นปักผมที่หักหลุดออกจากศีรษะ และชิ้นส่วนนั้นทำบาดบนใบหน้าของนางเบา ๆใบหน้าของเหยียนหยี่หลิงซีดลง และนางก็นิ่งเฉย นางไม่ทราบด้วยซ้ำว่า จั๋วซือหรานลงมือเมื่อใดและลงมืออย่างไรจากนั้นนางได้ยินเสียงปัง และปิ่นปักผมของนางก็แตกเป็นชิ้น ๆ และหลุดบนพื้นผมของนางถูกปล่อยทันทีกระบวนการนี้ทำให้นางหวาดกลัว นางกลัวเพราะนางไม่ทราบเรื่องเกิดขึ้นได้อย่างไรจั๋วซือหรานไม่ได้มองเหยียนหยี่หลิง แต่มองเหยียนฉี อย่างไร้ความรู้สึก นางพูด "หากนางไม่ไปจากนี้อีก การโจมตีครั้งต่อไปจะตกใส่หัวนางโดยตรง"เหยียนฉีตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน เขารู้สึกคอแห้งเพราะเขาตกใจอย่างมาก“เจ้าอย่าโกรธเลย ข้าจะพานางไปเดี๋ยวนี้” เหยียนฉีพูดจบ แล้วรีบดึงเหยียนหยี่หลิงไว้ก่อนหน้านี้ เหยียนหยี่หลิงยังค่อนข้างจะหยิ่งเล็กน้อย นางทำตัวหยิ่งเพราะนางทราบจั๋วซือหรานถูกสั่งสอนแล้ว แต่ตอนนี้... ดูเหมือนน
ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริง ๆ ตระกูลจั๋วอาจมีการกระทำใด ๆ ในอนาคตแต่ในขณะนี้ เหยียนฉีไม่มีเวลาลึกว่านี้อีกต่อไปเพราะจั๋วซือหรานไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระกับพวกเขาอีกแล้ว เนางพูดอย่างไร้ความรู้สึก "ข้านับถึงสาม เหยียนหยี่หลิง หากเจ้ายังไม่หายไปจากสายตาของข้า กะโหลกของเจ้าจะแตกสลายเหมือนปิ่นปักผมอันเมื่อครู่นี้"เหยียนหยี่หลิงหวาดกลัว นางรีบลากเหยียนฉีออกไปก่อนที่เหยียนฉีจะจากไป เขาเพียงมองจั๋วซือหรานอย่างลึกซึ้งและซับซ้อนเพียงแต่ว่าจั๋วซือหรานไม่สังเกตสายตาอันซับซ้อนนี้เลย นางเพียงแค่หลับตาและหาวหลังจากพวกเขาจากไป ฉวนคูนก็รีบวิ่งเข้ามา เขาปัดฝุ่นบนร่างกายของเขา "คุณหนู คุณหนูขอรับ ขอบคุณคุณที่ช่วยข้าไว้ขอรับ"จั๋วซือหรานเหลือบมองเขาฉวนคูนยิ้มและพูดต่อ "ข้ายังสงสัยอยู่เลยว่า ทำไมจู่ ๆ หญ้าก็หนาขึ้น และข้าล้มบนนั้นก็ไม่เจ็บอีกเลย ปรากฎว่าคุณหนูปกป้องข้าอยู่ขอรับ"จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "เจ้าทำงานให้ข้า แน่นอนว่าข้าต้องปกป้องเจ้า แต่นี่ เจ้า..." จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว "ชายร่างใหญ่ช่างอ่อนแอเหลือเกิน วันหลัง เจ้าฝึกฝนกับจั๋วหวาย และฝูซูเลย"“ฮะ” ฉวนคูนพริบตา“โอ้ ใช่แล้ว พาเด็กฉลา
จั๋วซือหรานสั่งฉวนคูนทุกเรื่อง จากนั้นนางไม่ได้กลับไปนอนที่ห้องขนางคิดครู่หนึ่ง จากนั้นไปที่ห้องของท่านแม่ดวงตาของอวิ๋นเหนียงกระพริบ เห็นได้ชัดว่านางอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่นางไม่ทราบจะพูดอย่างไรจั๋วซือหรานไม่รีบร้อน นางรออย่างเงียบ ๆหลังจากนั้นไม่นาน อวิ๋นเหนียงจึงอ้าปากพูด " หรานหราน เมื่อครู่นี้ คนของตระกูลเหยียนมาหาเรื่องลูก แม่ได้ยินหมดแล้ว"“เจ้าค่ะ” จั๋วซือหรานนั่งเตียงนอน นางยิ้มและมองท่านแม่ของนาง จริง ๆ แล้วนางทราบท่านแม่ของนางจะพูดอะไร แต่นางแค่อยากรอท่านแม่ของนางอ้าปากพูดเองจั๋วซือหรานไม่กลัวท่านแม่ขออะไรกับนาง ยิ่งกว่านั้น นางรู้สึกดีใจอย่างมากหากท่านแม่ของนางขออะไรจากนาง นางยินดีที่จะให้ท่านแม่ของนางสมปรารถนานางรู้สึกนี่อาจเป็นความเห็นแก่ตัวในส่วนของนาง เพราะได้ยึดครองร่างของลูกสาวของอวิ๋นเหนียง ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วนางจึงต้องดแลอวิ๋นเหนียงในฐานะลูกสาวของอวิ๋นเหนียง ซึ่งถือเป็นการชดเชยสำหรับเจ้าของร่างเดิมเอาเป็นว่านี่เป็นผลตอบแทนสำหรับการดูแลของอวิ๋นเหนียงแต่อวิ๋นเหนียงไม่ได้พูดอะไรมาเป็นเวลานาน นางไม่กล้าเรียกร้องอะไรจากลูกสาวของนางจริง ๆ เพราะนางทราบดี
อวิ๋นเหนียงรู้สึกเจ็บใจ นางตอบเบา ๆ “เอาล่ะ แม่รู้ หากลูกง่วง นอนเลยลูก แม่จะเฝ้าลูก”จั๋วซือหรานฮัมด้วยความงุนงง นางหลับไปอย่างรวดเร็วโดยไม่พลิกตัวเลยสักนิดนางต้องยอมรับการที่ให้ท่านแม่ค่อย ๆ สัมผัสศีรษะของนาง และเกลี้ยกล่อมนางด้วยคำพูดที่อ่อนโยนนั้นช่างถูกสะกดจิตจริง ๆแม้ในขณะที่นางหลับ จั๋วซือหรานก็ไม่ได้เกียจคร้านทันทีที่นางหลับตา นางก็เข้าไปในพื้นที่ของแหวนเสวียนเหยียน นางถือถุงผ้าอยู่ในมือ นี่คือทรัพสินท์อุดหนุนที่ สำนักงานใหญ่ของตระกูลมอบให้นางเมื่อนางถอนตัวออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูล และของขวัญหมั้นบางชิ้นที่ที่ตระกูลเฟิงส่งมา นางค้นหาในรายการของของขวัญพวกมันล้วนเป็นเมล็ดพันธุ์สมุนไพรวิเศษ เมื่อนางได้รับพวกมัน จั๋วซือหรานก็โยนพวกมันเข้าไปในพื้นที่ของแหวนเสวียนเหยียนเป็นเพราะนางรู้สึกว่าหลังจากนางได้พบเจอเฟิงเหยียน แล้ว แหวนเสวียนเหยียนก็ตามข้ามมายังโลกใบนี้ และพื้นที่เก็บของของแหวนเสวียนเหยียนก็ถูกเปิดออก และคลังพลังก็ปรากฏขึ้นเช่นกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จั๋วซือหรานรู้สึกว่าสักวันหนึ้ง พื้นที่น้ำพุวิเศษต้องถูกเปิดแน่ ๆตามที่คาดไว้ ตอนที่นางอยู่จวนจั๋ว เพื่อเต่อสู
จั๋วซือหรานใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาอันสั้นที่นางนอนเพื่อเฝ้าดูเมล็ดพืชที่กระจัดกระจายแบบสุ่มในพื้นที่น้ำพุวิเศษของนาง นางเห็นเมล็ดที่นางโบรยลงดินเติบโตไปเรื่อย ๆการเจริญเติบโตนั้นน่ายินดีจริง ๆจั๋วซือหรานนั่งอยู่ที่นั่นและเฝ้าดู นางอดไม่ได้ที่ต้องพึมพำกับตัวเองว่า "ลืมไปเถิด ทำไมต้องเป็นคุณหมอ ทำงานหนักมากและไม่มีเงินเลย และหากรักษาไม่หาย ยังถูกคนไข้ด่าอีก...เป็นพ่อค้าขายวัสดุยา ทำธุรกิจค้าวัสดุยาละกัน เงินเยอะ ไม่ยุ่งยากด้วย"ในเวลาเดียวกันฉวนคูนยืนอยู่บนดินที่เขาเพิ่งขุดออกในเมื่อสองสามวันก่อน เขาได้พลิกกลับและคลายดินเมื่อเขาเห็นพืชอันสีเขียวโตขึ้นสูงมาก เขาตกใจอย่างมากเขาไม่สามารถแม้แต่จะยืนนิ่งได้ เขาสะดุดกลับและล้มลงกับพื้นในที่สุดฉวนคูนจึงเข้าใจว่าก่อนหน้านี้ ทำไมคุณหนูถึงพูดเช่นนั้นกล่าวคือไก่ไม่มีมือ มิฉะนั้น ไก่ก็สามารถทำงานประเภทนี้ได้แม้ว่าแค่โบรยข้าวกำหนึ่งก็ตามตอนที่ฉวนคูนได้ยินคำพูดนี้ เขายังคิดอยู่คุณหนูล้อเขา แต่เขาไม่คาดคิด...“คุณหนูไม่ได้โกหกจริง ๆ ไม่ได้โกหกสักคำเลย...” ฉวนคูนเอามือจิกตรงกลางของริมฝีปากชั้นบนของตัวเอง หากเขาไม่ทำเช่นนั้น เขาจะรู้สึกต
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วหวาย สีหน้าจั๋วซือหรานก็ชะงักไปพอนึกถึงจั๋วเฮ่ออิงที่สีหน้าเปลี่ยนแล้วรีบร้อนออกไปวันนั้นนางรู้สึกว่าการคาดเดาของเสี่ยวหวาย...ดูสมเหตุสมผลดียังไม่ต้องพูดถึงว่าจั๋วเฮ่ออิงไปหาเซี่ยอวิ๋นซี แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไรจั๋วซือหรานแม้จะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่ก็มีความรู้สึกรักอย่างจริงใจต่อเซี่ยอวิ๋นซีด้วยความเข้าใจต่อตัวเซี่ยอวิ๋นซีของนาง จั๋วซือหรานรู้สึกว่า เซี่ยอวิ๋นซีเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งในการที่นางสามารถเลี้ยงลูกสองคนจนโตได้เพียงลำพังก็มองออกได้ไม่ยากคนแบบนี้ ในสถานการณ์ปกติขีดจำกัดจะชัดเจนมากนางจะอ่อนโยนกับคนของตนเอง แต่มีนิสัยที่แข็งกร้าวในสายตาไม่อาจทนเห็นสิ่งไม่ดีได้ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอตอนที่นางรักจั๋วเฮ่ออิงก็คือรักจริงๆ ถ้าหากไม่มีลูกน้อยสองคนคอยรั้งนางไว้ นางคงฆ่าตัวตายตามจั๋วเฮ่ออิงไปตั้งแต่ตอนรู้ว่าเขาตายแล้วแต่พอมีตัวตนอย่างสุ่ยจิ้งหลาน เซี่ยอวิ๋นซีก็ไม่แน่ว่าจะอดทนต่อจั๋วเฮ่ออิงได้อีกตอนที่ไม่รัก ก็อาจจะไม่รักได้จริงๆแต่แล้วทำไมล่ะ แค่จั๋วเฮ่ออิงไปบอกเรื่องของนาง ด้วยนิสัยของเซี่ยอวิ๋นซี ต่อให้ฟ้าถล่มก็คงจะรีบมาหาอยู่ดีจั๋วซือหรานถอนห
ตอนนี้ จั๋วซือหรานเห็นหน้าตนเองในน้ำได้เห็นสภาพของตนเองชัดๆ ดีขึ้นมากแล้วจริงๆแต่นางยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าสภาพของตนเองก็กำลังแย่ลงอย่างรวดเร็วดังนั้น ตนเองตอนนี้...อยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ได้จริงๆถ้าแค่ห่างจากชายคนนั้น ตนเองก็อาจจะทนต่อไปไม่ไหว แล้วกลับไปอยู่ในสภาพก่อนหน้านี้อีก นั่นมันอันตรายเอามากๆส่วนตนเองถ้าหากยังตามชายคนนี้อยู่ตลอดล่ะก็...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ในใจก็อดคิดไม่ได้ ตอนนี้ตนเองอย่างน้อยยังพอทนไหว ไม่ต้องตัวติดกับเขาตลอดเวลาก็ได้แต่...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นนะจั๋วซือหรานเป็นคนที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่เสมอ นางยกมือขึ้นลูบท้องน้อยเบาๆในใจยังคิดขึ้นอย่างกังวล ถ้าหากอายุครรภ์มากขึ้น สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยถึงตอนนั้นหากตนเองต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาถึงจะรักษาสภาพให้คงที่ได้ล่ะ?ถ้าตนเองเป็นอย่างที่เขาบอกล่ะ ที่ว่าต้องการแสงแดดแล้วในเวลากลางวันแบบนั้น...คนนึงต้องการแสงแดด แต่อีกคนกลับถูกแสงแดดทำร้ายสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆนางผ่อนคลายลงหน่อย แต่เขากลับทรมานขึ้นมาถ้าพอนางทรมาน เขาถึงจะผ่อนคลายลงมาได
ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ
ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร
จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส
จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต
แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว
ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ
กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย