จั๋วซือหรานกล่าวว่า "อย่าเล่นจนตายล่ะ ตอนนี้พวกมันห้ามตาย ต้องให้ข้าคิดวิธีแก้ปัญหาได้ก่อน แล้วเราจะดูว่าข้าต้องทำอะไร... "เดิมทีจั๋วซือหรานคิดอยู่ว่า นางจะคิดหาวิธีแก้ปัญหาที่หนอนนุ่ม ๆ เหล่านี้เชื่องนางคนเดียวแต่นางคิดออกได้ทันที จากนั้นนางหันไปมองสองคนนั้นสองคนนั้นถูกจั๋วซือหรานมอง พวกเขารู้สึกตัวเองถูกไฟเผา และร่างกายของพวกเขาก็เกร็งตึงม่านตาของพวกเขาหดตัวและพวกเขามองไปที่จั๋วซือหราน ด้วยความกลัวจั๋วซือหรานยิ้ม พวกเขาหวาดกลัวจนแทบจะฉี่รด พวกเขาอยากจะร้องไห้อย่างเดียว“แม่นาง... แม่นางจิ่ว แม่นางจั๋วจิ่ว...ได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถิด...”"ได้โปรด...ได้โปรด...ได้โปรด"จั๋วซือหรานจ้องมองพวกเขาอย่างจริงจังและพูดว่า "จุ่ ๆ ข้าก็คิดออก เมื่อครู่นี้พวกเจ้าบอกอะไรที่เกี่ยวกับหุบเขาหมื่นพิษ ไม่ได้ แต่เมื่อพูดถึงพิษกู่ร้อยไหม ดูเหมือนพวกเจ้าไม่กลัวเลย …”ชายสองคนนี้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง“ข้าถามพวกเจ้า” จั๋วซือหรานมองพวกเขา “ข้าต้องทำอย่างไร ถึงจะให้หนอนกู่ร้อยไหมเหล่านี้ฟังคำสั่งของข้า”พวกเขาทั้งสองยิ่งตกตะลึงมากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน“เจ้า... ไม่ทราบหรือ” ทั้ง
ในสายตาของคนภายนอก การกระทำของจั๋วซือหรานไม่สามารถอธิบายได้ว่ากล้าหาญอย่างเดียว การกระทำนั้นยังสามารถเรียกได้ว่าเป็นการแสวงหาที่ตายแม้แต่คนใจเย็นอย่างเวินป๋อยวน เขาก็เริ่มจริงจังมากขึ้นในเวลานี้ และเขาถึงพูดเร็วขึ้น "ระวังมันทำร้ายเจ้า"ส่วนชิ่งหมิง เขาเตรียมพร้อมที่จะโจมตีแล้ว เพราะเขากลัวหนอนพิษกู่จะทำร้ายนาง ดังนั้นเขาจึงนำพลังวิเศษที่มีพลังวิเศษห่อมือของเขาไว้หากหนอนพิษกู่มีแนวโน้มที่จะทำร้ายนาง ด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ของชิ่งหมิง เขาอาจจะขยี้หนอนเหล่านั้นอย่างไร้ความปราณีเพื่อปกป้องความปลอดภัยของจั๋วซือหราน แม้ว่าเขาต้องรับบาดเจ็บก็ตามในทางกลับกัน ชาวของดินแดนทางใต้สองคนนั้นมีความคาดหวังที่ซ่อนอยู่ในใจความคาดหวังเช่นนั้นเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทพวกเขาแอบคิดในใจ ' ต่อให้จั๋วซือหรานจะเย่อหยิ่งเพียงใด มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ สุดท้ายนางเป็นผู้หญิงที่ไร้ความรู้ใด ๆ ที่เกี่ยวกับวิชาการเล่นพิษกู่ของพื้นที่ทางใต้''นางกล้าดีอย่างไรมาแย่งหนอนพิษกู่ของเจ้าหุบเขา นางเย่อหยิ่งจนลืมตัว หนอนพิษกู่ที่เจ้าหุบเขากลั่นมาดุร้ายมาตลอด และการเชื่อมต่อกันนั้นยิ่งแข็งแรงอย่างมาก''นางไม่รู้จริง
เวินป๋อยวนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า "ไร้สาระ หากเจ้าใช้นำเลือดของตัวเองไปใช้กับแม่กู่ของผู้อื่นอย่างบุ่มบ่าม หากมันส่งผลกระทบแก่เจ้า ผลที่ตามมาจะร้ายแรงนะ แม่กู่อาจยึดร่างของเจ้ามาเป็นรัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแม่กู่ของระดับนี้จั๋วซือหรานไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับชิชาการเช่นกู่มากนัก ดังนั้นนางจึงมองเวินป๋อยวนด้วยความกระหายความรู้ในขณะนี้ "ดูเหมือนท่านมีความรู้ที่เกี่ยวกับวิชาการเล่นกู่มากนะ โปรดให้คำแนะนำแก่ข้าบ้าง "“ไม่มากนัก” เวินป๋อยวนพูดเบา ๆ “แต่ด้วยที่ข้ามาจากดินแดนทางใต้ ดังนั้นข้าจึงทราบบ้าง ในดินแดนทางใต้ นี่เป็นความรู้พื้นฐาน เป็นความรู้ที่ทุกคนต้องทราบ”จั๋วซือหรานเต็มใจที่จะรอฟังรายละเอียดแน่นอน"พวกมันดูไม่เป็นอันตรายมาก"“นั่นเป็นเพียงการปลอมตัวเพื่อทำให้ผู้คนหลงตัว อาคมหนอนพิษกู่เป็นเช่นนั้น ยิ่งหนอนพิษกู่มีสีสันและมีลวดลาย หรือพวกหนอนพิษกู่ที่ยิ่งดูน่ากลัว ยิ่งดูอันตราย แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แต่สำหรับพวกนี้.... …”เวินป๋อยวนยกคางของเขาไปทางหนอนพิษกู่ที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตรายในมือของนาง และเขาก็เอามือประสานกับหน้าอกของเขาด้วยนี่แสดงให้เห็นว่าเขาระ
“อะ อะไรนะ...!” อีกคนหนึ่งตัวสั่น ใบหน้าของเขาขาวราวกับกระดาษหากพวกเขาเล่าเรื่องของเจ้านายให้ผู้หญิงคนนี้ฟัง นั่นก็จะเป็นจุดสิ้นสุดของพวกเขา และพวกเขาจะไม่ต้องมีชีวิตอีกต่อไปเจ้าหุบเขาจะไม่มีวันให้อภัยผู้ทรยศ“ฝัน ฝันไปเถิด ข้าจะไม่บอกอะไร” ชายคนนี้อาจนึกถึงความน่าหวาดกลัวของเจ้าหุบเขาของหุบเขาหมื่นพิษ และทันใดเขาปฏิเสธด้วยอารมณ์ที่ตื่นตระหนกจั๋วซือหรานพยักหน้าเบา ๆ “ใช่ ใช่ ข้าหวังว่าถึงเวลานั้น กระดูกของพวกเจ้าจะแข็งเหมือนปากของพวกเจ้า”“แต่ตอนนี้ข้ายังไม่มีเวลามารักษาพวกเจ้า” จั๋วซือหราน พูดแล้วนั่งยอง ๆ ต่อหน้าพวกเขา นางมองดูพวกเขา“หากนักปราชญ์หญิงของพวกเจ้าช่วยอ๋องชินยวี่ก่อกวนสถานการณ์ในเมืองหลวง ต้องไม่ได้หาเรื่องตระกูลเฟิงเท่านั้น ดังนั้นต้องมีมากกว่าหนอนพิษกู่ร้อยไหมสี่ตัวนี้ ตัวอื่นล่ะ อยู่ที่ไหน” จั๋วซือหรานถามเนื่องจากจั๋วซือหรานกำลังนั่งยอง ๆ อยู่ตรงหน้าพวกเขา ทั้งสองคนนี้จึงมองเห็นสายตาของผู้หญิงคนนี้ได้อย่างชัดเจนไม่มีความกลัวอยู่ในดวงตาคู่นั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ พวกเขามองออก นางไม่กลัวเลย เห็นได้ชัดว่า ผู้หญิงคนนี้บ้าคลั่งอย่างมาก นางไม่กลัวเลย
“หน่วยตระเวนรักษาความปลอดภัย หน่วยป้องกันเมือง และตลาดมืด”หลังจากได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด จั๋วซือหรานส่งเสียง'เชอะ'หนึ่งที "นี่คือคำสั่งของเจ้านายที่พวกเจ้าไม่กล้าเปิดเผยชื่อ หรือเป็นคำสั่งของนักปราชญ์หญิงของพวกเจ้า"“นี่ไม่ใช่คำสั่งของเจ้านายขอรับ” พวกเขาตอบ“ดูท่าทาง นักปราชญ์หญิงไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ …” จั๋วซือหรานส่งเสียง'เชอะ' “หน่วยตระเวนรักษาความปลอดภัย หน่วยป้องกันเมือง ตลาดมืด...ล้วนเป็นสถานที่สำคัญ”ในขณะนี้มีเสียงไอดังที่ประตูซือคงเซี่ยนยืนอยู่ที่ประตู เขากังวลเล็กน้อย "ซือหราน..."จั๋วซือหรานมองไปที่เขา "หืม? เจ้ามาที่นี่ทำไม"“ข้าเป็นห่วง ข้าได้ยินเสียงของทางนี้ เลยเข้ามาดู” ซือคงเซี่ยนพูด จากนั้นเขาก็ทำความเคารพชิ่งหมิง “ขออภัยในการรบกวนขอรับจริง ๆ ”ชิ่งหมิงไม่ได้พูดอะไรและดูเหมือนเขาไม่สนใจแม้ว่าซือคงเซี่ยนไม่ได้ฟังรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งหมด แต่เขาก็สามารถเดาคร่าว ๆ จากชื่อสถานที่สามแห่งนี้ได้“... ซือคงยวี่ลงมือแล้วหรือ” ซือคงเซี่ยนอธิบายทีละข้อ “หากหน่วยป้องกันเมืองอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ประตูป้องกันของเมืองหลวงที่เดิมมั่นคงมากก็จะพังทลายลงอย่างง่ายดาย”“และหาก
ยังคงมีบรรยากาศอันเคร่งขรึมในจวนเฟิงเฟิงเหยียนนั่งอยู่ในห้องโถงด้วยสายตาอันเย็นชา เขาฟังะการพูดคุยของเหล่าผู้อาวุโสจากแต่ละครอบครัวไม่มีการแสดงออกบนใบหน้าของเขา เขาคงรู้สึกเย็นชากับสถานการณ์เช่นนี้ เพราะเขาเห็นมันหลายครั้งเหลือเกินจนกระทั่งจ้านหลูเดินเข้ามาจากประตูและเดินไปด้านข้างของเขา สีหน้าของเฟิงเหยียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และมองจ้านหลูที่ยืนอยู่ข้างกาย จากนั้นเขากระซิบว่า "เป็นอย่างไรบ้าง"จ้านหลูกระซิบข้างหูของเขาว่า "หลังจากแม่นางจิ่วออกจากจวนเฟิง แม่นางก็มุ่งหน้าไปที่หน่วยสืบสวนพิเศษ ข้าติดตามห่าง ๆ กับแม่นางอยู่ขอรับ แม่นางไม่ได้สังเกตข้าขอรับ"เมื่อได้ยินคำพูดของจ้านหลู เฟิงเหยียนพยักหน้าแต่จ้านหลูยังพูดไม่จบ เขาพูดต่อ "...จากนั้นข้าสังเกตนอกจากข้า ยังมีอีกสองคนที่ติดตามแม่นางจิ่วเช่นกันขอรับ"มีสีหน้าเย็นชาในดวงตาของเฟิงเหยียน เขายังคงเงียบ แต่เขาเงยหน้าขึ้น และมองจ้านหลู การมองเช่นนี้พอที่จะให้จ้านหลูเข้าใจความหมายของเขาเขาพูดต่อทันที "ข้ามองเห็นได้ไม่ชัด เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายนั้นมีลักษณะของแคว้นชาง แต่รูปแบบของสองคนนี้ให้ความรู้สึกเห
ตัวอย่างเช่น จั๋วซือหรานไจะไปสถานที่เหล่านี้เพียงลำพัง ปลอดภัยไหม“ช่างเอาแต่ใจจริง ๆ ”ทันใดนั้นเฟิงเหยียนก็ลุกขึ้นยืนจ้านหลูสามารถเข้าใจความกังวลที่เจ้านายของเขามีต่อแม่นางจิ่ว แต่เขาก็ยังไม่กล้าลืมหน้าที่ของเขาในฐานะที่เป็นผู้พิทักษ์เงาของเฟิงเหยียนเขาลดเสียงลงและพูดว่า "ท่าน...ท่านขอรับ อีกไม่นานก่อนรุ่งสาง ท่านออกไปเช่นนี้ ไม่ปลอดภัยนัก ท่านจะได้รับบาดเจ็บขอรับ"แต่ดูเหมือนเฟิงเหยียนไม่ได้ยินคำพูดของจ้านหลูเขาจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ดูเหมือนทันใดนั้น นั่นไม่ได้อยู่ในการพิจราณาของเขา แต่จั๋วเสียวจิ่วต้องได้รับบาดเจ็บแน่ ๆนางยุ่งมาทั้งวัน ไม่ได้พักผ่อนเลยจ้านหลูเห็นเจ้านายของเขาตัดสินใจแล้ว ดังนั้นเขาจึงได้แต่กัดฟันและพูดว่า "ท่านขอรับ หากท่านไปเช่นนี้ เมื่อฟ้าสาง ท่านต้องได้รับบาดเจ็บ และแม่นางจิ่วต้องเสียแรงมารักษาท่านอีกขอรับ”ทันใดนั้นเฟิงเหยียนจ้องมองมาที่จ้านหลู จ้านหลูรู้สึกตระหนกเล็กน้อย เขารีบพูด"ข้าพูดผิด ข้ายอมรับการลงโทษขอรับ""ตอนนี้ยังไม่ต้อง เมื่อเสร็จเรื่อง เจ้าไปรับการลงโทษได้"เฟิงเหยียนกล่าวแต่จ้านหลูฟังออก อย่างน้อยเจ้านายไม่มีความตั้งใจที่จะไปตามห
ในความเป็นจริง ก่อนหน้านี้ในตำหนักใต้ดิน เพื่อช่วยพวกเขา จั๋วซือหรานได้ดูดซับพลังวิเศษของเขาโดยตรงต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโสและใช้พลังนั้นเป็นประโยชน์เฟิงเหยียนก็เคยคิดอยู่ว่าบางทีหลังจากผ่านวิกฤติครั้งนี้ไป ผู้เฒ่าเหล่านี้ของตระกูลเฟิงคงจะรู้ในไม่ช้าว่าสิ่งที่ จั๋วซือหรานดูดซับไปคือพลังที่ควรให้ตระกูลเฟิงใช้เดิมทีเขาคิดว่าอย่างน้อยพวกเขาควรรอจนกว่าวิกฤติจะสิ้นสุดล พวกเขาจึงกลับมากล่าวหาเรื่องนี้โดยไม่คาดคิด พวกเขารอไม่ไหว“นางช่วยชีวิตของพวกท่านไว้ แล้วพวกท่านด่านางฉลาดแกมโกงหรือ” เฟิงเหยียนเหลือบมองพวกเขาอย่างเย็นชา “นิสัยของพวกท่านสูงส่งจริง ๆ ”หลังจากเฟิงเหยียนพูดเช่นนี้ เขาก็เดินต่อไปข้างนอกโดยไม่หยุดฝีเท้าในขณะนี้ จู่ ๆ ท่านพ่อของเขาก็แวบไปข้างหลังเขาและคว้าไหล่ของเขาไว้มีพลังวิเศษที่รุนแรงอยู่ในมือของเขา หากผู้คนรู้สึกไวต่อ พลังวิเศษ ก็อาจไม่ยากที่จะสังเกตว่าพลังวิเศษที่เขาใช้อยู่ในขณะนี้นั้นเหมือนกับพลังวิเศษของเฟิงเหยียนทุกประการแค่รู้สึกว่าระดับความรุนแรงไม่สูงเท่ากับพลังวิเศษของ เฟิงเหยียน“ เฟิงเหยียน อย่าเอาแต่ใจ”เสียงของชายวัยกลางคนนั้นเข้มงวด เสียงของเขาเต็ม
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วหวาย สีหน้าจั๋วซือหรานก็ชะงักไปพอนึกถึงจั๋วเฮ่ออิงที่สีหน้าเปลี่ยนแล้วรีบร้อนออกไปวันนั้นนางรู้สึกว่าการคาดเดาของเสี่ยวหวาย...ดูสมเหตุสมผลดียังไม่ต้องพูดถึงว่าจั๋วเฮ่ออิงไปหาเซี่ยอวิ๋นซี แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไรจั๋วซือหรานแม้จะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่ก็มีความรู้สึกรักอย่างจริงใจต่อเซี่ยอวิ๋นซีด้วยความเข้าใจต่อตัวเซี่ยอวิ๋นซีของนาง จั๋วซือหรานรู้สึกว่า เซี่ยอวิ๋นซีเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งในการที่นางสามารถเลี้ยงลูกสองคนจนโตได้เพียงลำพังก็มองออกได้ไม่ยากคนแบบนี้ ในสถานการณ์ปกติขีดจำกัดจะชัดเจนมากนางจะอ่อนโยนกับคนของตนเอง แต่มีนิสัยที่แข็งกร้าวในสายตาไม่อาจทนเห็นสิ่งไม่ดีได้ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอตอนที่นางรักจั๋วเฮ่ออิงก็คือรักจริงๆ ถ้าหากไม่มีลูกน้อยสองคนคอยรั้งนางไว้ นางคงฆ่าตัวตายตามจั๋วเฮ่ออิงไปตั้งแต่ตอนรู้ว่าเขาตายแล้วแต่พอมีตัวตนอย่างสุ่ยจิ้งหลาน เซี่ยอวิ๋นซีก็ไม่แน่ว่าจะอดทนต่อจั๋วเฮ่ออิงได้อีกตอนที่ไม่รัก ก็อาจจะไม่รักได้จริงๆแต่แล้วทำไมล่ะ แค่จั๋วเฮ่ออิงไปบอกเรื่องของนาง ด้วยนิสัยของเซี่ยอวิ๋นซี ต่อให้ฟ้าถล่มก็คงจะรีบมาหาอยู่ดีจั๋วซือหรานถอนห
ตอนนี้ จั๋วซือหรานเห็นหน้าตนเองในน้ำได้เห็นสภาพของตนเองชัดๆ ดีขึ้นมากแล้วจริงๆแต่นางยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าสภาพของตนเองก็กำลังแย่ลงอย่างรวดเร็วดังนั้น ตนเองตอนนี้...อยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ได้จริงๆถ้าแค่ห่างจากชายคนนั้น ตนเองก็อาจจะทนต่อไปไม่ไหว แล้วกลับไปอยู่ในสภาพก่อนหน้านี้อีก นั่นมันอันตรายเอามากๆส่วนตนเองถ้าหากยังตามชายคนนี้อยู่ตลอดล่ะก็...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ในใจก็อดคิดไม่ได้ ตอนนี้ตนเองอย่างน้อยยังพอทนไหว ไม่ต้องตัวติดกับเขาตลอดเวลาก็ได้แต่...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นนะจั๋วซือหรานเป็นคนที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่เสมอ นางยกมือขึ้นลูบท้องน้อยเบาๆในใจยังคิดขึ้นอย่างกังวล ถ้าหากอายุครรภ์มากขึ้น สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยถึงตอนนั้นหากตนเองต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาถึงจะรักษาสภาพให้คงที่ได้ล่ะ?ถ้าตนเองเป็นอย่างที่เขาบอกล่ะ ที่ว่าต้องการแสงแดดแล้วในเวลากลางวันแบบนั้น...คนนึงต้องการแสงแดด แต่อีกคนกลับถูกแสงแดดทำร้ายสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆนางผ่อนคลายลงหน่อย แต่เขากลับทรมานขึ้นมาถ้าพอนางทรมาน เขาถึงจะผ่อนคลายลงมาได
ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ
ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร
จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส
จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต
แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว
ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ
กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย