คนเหล่านั้นไม่กล้าอิดออดอีก ทยอยกันคุกเข่าลงหลังจากตอนที่ได้ยินเสียงหัวเข่ากระแทกหนักๆ ตึงๆๆตอนที่ผู้อาวุโสใหญ่จั๋วหลานรีบพุ่งไปเข้าไปขวางตรงหน้าจั๋วซือหราน นางก็ไม่ได้ตบเขาออกไปผู้อาวุโสใหญ่มองจั๋วซือหราน เอ่ยขึ้นว่า "ข้าลงโทษพวกเขาแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่พอใจ เจ้าไปลงโทษพวกเขาด้วยตนเองได้เลย ด้วยฝีมือของเจ้า คิดจะลงโทษพวกเขาไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว"จั๋วซือหรานพอได้ยิน มุมปากก็ยกขึ้น "ก็ไม่ยากจริงๆ"จั๋วอวิ๋นฉีถอนหายใจเงียบๆ ถอนหายใจกับการตัดสินใจของนางคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเหล่านั้น ตอนนี้ก็เพิ่งจะรู้สึกตัวขึ้นมาจริงด้วย ด้วยฝีมือของนาง เธอแค่คนเดียวก็จัดการรับมือกับคนเถื่อนได้นับสิบ แล้วทำไมตอนที่พวกเขาพูดอะไรไม่น่าฟัง นางถึงไม่ตบพวกเขาจนคว่ำไปล่ะ?นางมีฝีมือจะตบพวกเขาจนคว่ำอยู่แล้วแท้ๆพวกเขาตอนนี้เข้าใจแล้ว นางจงใจทำ จงใจจะให้ตระกูลจั๋วมารับมือพวกเขา ให้พวกเขาตบหน้าพวกเขากันเองนางจะให้พวกเขาได้รู้:พวกเจ้าคิดจะทำให้ข้ารู้สึกสะอิดสะเอียนแค่ไหน ข้าก็จะให้พวกเจ้ากินขี้ของพวกเจ้ากลับไป ลองดูสิว่าใครจะสะอิดสะเอียนยิ่งกว่าถ้าหากพวกเขาไม่ญาติดีกับท่าทีของนาง เช่นนั้นนางก็จะไม่
จั๋วอวิ๋นชินถูกน้องสาวคนนี้ทำให้โกรธมาก ชัดเจนว่า ที่นางมีวันนี้ ก็เพราะความผิดของตัวนางเองทั้งนั้นกระทั่งการกระทำลายตัวเองของจั๋วหรูซิน ไม่เพียงแต่ทำร้ายตัวนางเองเท่านั้น แต่ยังทำร้ายท่านพ่อด้วยหลังจากที่จั๋วเห้อหรงรับกฏของตระกูลแทนจั๋วหรูซินครั้งที่แล้ว สภาพก็ย่ำแย่มาตลอด เดิมทีที่อำนาจในตระกูลถูกรีบกลับไปยังไม่พอสภาพร่างกายเองก็ได้รับผลกระทบจากการถูกโบยตามกฏตระกูลด้วยด้วยเหตุนี้จึงอดพูดไม่ได้ ว่าจั๋วซือหรานคืออัจฉริยะ หลังจากถูกโบยไปเก้าครั้ง ก็ยังทนมาได้โดยไม่พิกลพิการ แล้วยังมีฝีมือความสามารถความสำเร็จแบบในตอนนี้อีกไม่ง่ายเลยจริงๆกระทั่งว่า จั๋วอวิ๋นชินมาคิดอย่างละเอียด การทำลายตัวเองของจั๋วหรูซิน ยังทำร้ายทั้งตระกูลจั๋วอีกด้วยแม้จะบอกว่า ที่จั๋วซือหรานรู้สึกย่ำแย่ต่อตระกูลจั๋วขนาดนี้ ก็เพราะวิธีการที่ตระกูลจั๋วปฏิบัติต่อนางมาตลอดแต่ว่า สาเหตุหลักยังคงเป็นเพราะจั๋วหรูซินวางแผนร้าจการเกินไปเป็นลูกหลานตระกูลเดียวกันแท้ๆ นางกลับจะเอาชีวิตของจั๋วซือหรานมาล้อเล่น...ถ้าหากไม่ใช่ด้วยฝีมือของจั๋วซือหรานเอง เช่นนั้นก็จะต้องจับคู่กันไปทั้งชีวิตเลยนะ เสน่ห์หนอนพิษกู่ไม่ใช
จั๋วซือหรานมองนางเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม ไม่ต้องพูดอะไร ในดวงตาเหมือนเขียนคำว่า 'เจ้ากำลังพูดบ้าอะไร? ข้าต้องจงใจอยู่แล้ว' เอาไว้จั๋วอวิ๋นชินที่อยู่ข้างๆ สูดลมหายใจลึก บอกกับผู้อาวุโสใหญ่ว่า "ผู้อาวุโสใหญ่ หรูซินทำผิด เป็นเพราะพี่ชายอย่างข้าไม่สั่งสอนนางให้ดี..."แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็คิดว่าเขาคงคิดจะทำเหมือนจั๋วเห้อหรงก่อนหน้านี้ คิดจะรับโทษแทนนาง จึงส่ายหัวเอ่ยขึ้นว่า "ไม่ต้องพูดอะไร ใครทำใครก็รับ นางทำผิด นางก็ต้องรับโทษด้วยตนเอง!"จั๋วอวิ๋นชินพอได้ยินคำนี้ ก็รู้ว่าผู้อาวุโสใหญ่เข้าใจผิดแล้ว "ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้จะขอร้องแทนนาง เพียงแต่ว่า ถึงอย่างไรข้าที่ไม่ได้สั่งสอนน้องสาวให้ดี ดังนั้นถ้าหากเป็นไปได้ ข้าก็อยากจะลงมือเอง หวังว่าท่านจะเห็นด้วย"จั๋วหลานได้ยินคำนี้ ก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไรในเมื่อไม่ได้ปฏิเสธทันที ก็ถือว่ายังมีหวังนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จั๋วอวิ๋นชินจะช่วยน้องสาวคนนี้แม่จะไม่สามารถใจดีหรือใจอ่อนเกินไปได้ แต่อย่างน้อยก็ยังพอจะเบามือลงในขอบเขตที่เป็นไปได้จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มข้างๆ "ในเมื่อท่านพี่รักและสงสารขนาดนี้ เช่นนั้นก็ตรงไปตรงมาหน่อย..."นาง
จั๋วอวิ๋นฉียืนอยู่ท้ายกลุ่มคน ผู้อาวุโสเจ็ดจั๋วอี้ยืนอยู่ข้างเขา ดึงแขนเขาอย่างตื่นเต้นไม่ยอมปล่อย เหมือนกลัวว่าเขาจะวิ่งหนีหายไปอย่างไรอย่างนั้นทั้งสองคนยืนอยู่แบบนั้นที่ท้ายกลุ่มคน ได้ยินคำพูดเหล่านี้ของจั๋วซือหรานด้านในจั๋วอี้อดถอนใจขึ้นมาไม่ได้ เขากระซิบเสียงแผ่วเบาข้างหูกับจั๋วอวิ๋นฉี "ตอนนั้นถ้าเจ้ามีนิสัยแบบนางก็คงดี"จั๋วอวิ๋นฉีพอได้ยินก็ยิ้มบางๆก็ไม่มีจริงๆ นั่นล่ะคำพูดเมื่อครู่ของจั๋วซือหราน เหมือนแทบจะพูดออกมาตรงๆ ว่าจะกำจัดจั๋วหรูซินออกไปถ้าท่านลุงถังลงมือ ดุจากจำนวนโบยที่จั๋วหรูซินต้องโดน นางได้พิการแน่สิ่งเดียวที่จะเดิมพันได้ก็คือ...การหวดทีเดียวของจั๋วซือหราน ว่าจะเบามือกว่าหรือไม่แต่ ให้ใครมาอยู่ในมุมของจั๋วหรูซิน ที่มีความแค้นเก่ากับจั๋วซือหรานมากขนาดนั้น จะกล้าเดิมพันให้จั๋วซือหรานลงมือเบาหน่อยได้หรือ?ใครจะกล้าเดิมพันกัน? ต่อให้เป็นคนอื่น ก็คงไม่กล้าเดิมพันเช่นนี้แต่นี่ก็เป็นความหวังสุดท้ายแล้ว นี่ต่างหากที่ทรมานคนมากที่สุดจั๋วอวิ๋นฉีอดถอนใจไม่ได้ นางจับทางใจคนได้พอเหมาะพอเจาะดีจริงๆจั๋วซือหรานไม่รีบร้อนเลยสักนิด มองดูจั๋วอวิ๋นชินกับจั๋วหรูซินอย
ถังหยวนมองสภาพจั๋วหรูซินตอนนี้ เขาอดมีสายตาสับสนขึ้นมาไม่ได้ตรงหน้าเขามีภาพตอนที่จั๋วซือหรานถูกลงโทษแวบผ่านขึ้นมา กระดูกสันหลังที่ไม่ยอมคดงอนั่นเก้าแส้ฟาดลงไป หน้าขาวซีด เหมือนจะร่วงพับสิ้นสติ สภาพซมซานน่าเวทนาแต่ในสีหน้าท่าทาง ไม่มีท่าทีเจ็บปวดร้องไห้ชักกระตุกให้เห็นกระทั่งว่า ถังหยวนเกิดความรู้สึกลวงขึ้นมา ว่ามันควรจะเป็นเช่นนี้หรือเปล่า?แต่ตอนนี้พอเห็นท่าทางของจั๋วหรูซิน จึงมีปฏิกิริยาเข้าใจขึ้นทันที จั๋วหรูซินแบบนี้ต่างหากที่เป็นสภาพปกติแต่แบบจั๋วซือหรานนั่น เป็นตัวตนที่แตกต่างจากคนอื่นจั๋วหลานมองจั๋วซือหราน "เสียวจิ่ว พอสบายใจขึ้นบ้างหรือยัง?"จั๋วซือหรานเดินขึ้นไปทีละก้าวทุกคนล้วนคิดว่า หญิงสาวคนนี้ยังไม่สะใจพอ ต้องเข้าไปมองความเจ็บปวดทรมานของจั๋วหรูซินใกล้ๆ จึงจะพอใจจั๋วอวิ๋นชินอดทนอยู่ข้างๆ แม้เขาจะไม่พอใจน้องสาวคนนี้นัก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นน้องสาวจะอย่างไรก็ยังมีความรู้สึกทนไม่ไหวอยู่ เขาเตรียมจะยัดยาลูกกลอนให้กับจั๋วหรูซินแล้วแต่ตอนนี้พอเห็นจั๋วซือหรานเดินขึ้นมา แม้เขาจะหยุดเท้าลง แต่ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจั๋วอวิ๋นชินเอ่ยขึ้นเสียงขรึม "จั๋วซือหราน หรูชินได้ร
ทุกคนเห็นว่าบนหน้าจั๋วซือหรานมีรอยยิ้มจางๆ อยู่ตลอดแม้จะไม่มีความหมายอะไร ลอยอยู่ผิวเผิน แต่ก็มีอยู่มาตลอดจนตอนที่คำพูดนี้ออกมา รอยยิ้มผิวเผินบนหน้านางเหล่านั้นก็หายวับไปทันทีเหลือเพียงความเย็นชาไร้ความรู้สึกนางบอกกับคนวังจดบันทึกที่อยู่ข้างๆ "รบกวนเจ้าด้วย"คนวังจดบันทึกรู้ว่าคนผู้นี้เป็นตัวตนที่สำคัญแค่ไหนสำหรับฝ่าบาทดังนั้นท่าทีจึงนอบน้อมมาก หยิบม้วนผ้าไหมเลืองทองออกมาคลี่ออกใครก็เห็นลายมังกรที่อยู่บนนั้น...นี่มันคือราชโองการ!คนวังจดบันทึกหยิบพู่กันออกมา เริ่มตวัดเขียนขึ้นบัญชาสวรรค์ จักรพรรดิรับสั่ง ตระกูลจั๋วมีบุตรสาว ชื่อนามหรูซิน จึงขอพระราชทานงานอภิเษกให้กับฉินตวนหยางปราชญ์แห่งกรมดาราศาสตร์...หลังจากได้ยินคนวังจดบันทึกอ่านประกาศร่างราชโองการจั๋วหรูซินยังคงเป็นลมไม่ได้ เพราะยาเม็ดนั้นที่จั๋วซือหรานให้มาอหังการเหลือเกิน บอกว่าจะทำให้นางสติตื่นตัว ก็ทำให้ตื่นตัวได้จริงๆดังนั้นนางจึงโกรธแค้นจนเกินทน กระอักเลือดสดออกมาจั๋วซือหรานลุกขึ้นยืน ในดวงตาไม่มีคนผู้นี้อยู่อีก ราวกับว่า ล้างแค้นสิ่งที่ควรทำเรียบร้อยคนอย่างจั๋วหรูซิน ไม่จำเป็นต้องมาอยู่ในสายตานางอี
แพงไม่ว่า แต่บางทีมีเงินก็หาซื้อไม่ได้พวกเขาตอนนี้เพิ่งจะรู้สึกขึ้นได้ว่าตัวตนนักกลั่นยาของจั๋วซือหรานนั้นมีประโยชน์มากจริงๆถ้าหากเดิมทียังรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง ตอนนี้ก็แทบจะไม่เหลืออยู่แล้วสายตาของพวกเขาเปล่งประกายจับจ้องจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานพอได้ยินก็ยิ้มๆ นางมองสายตาเปล่งประกายรอบๆ จากนั้นจึงมองไปทางผู้อาวุโสใหญ่"ถ้าหากให้ข้าตัดสินใจได้ล่ะก็ เงื่อนไขนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน"เสียงของจั๋วซือหรานสงบนิ่งมาก "จะทำเช่นที่มอบให้กับตระกูลฮั่ว มอบยาลูกกลอนให้ตระกูลจั๋ว กระทั่งถ้าอารมณ์ดี จะมอบที่ขั้นสูงกว่าให้ด้วย แต่เงื่อนไขก็คือ ตระกูลจั๋วข้าต้องมีอำนาจตัดสินใจ แล้วก็ไม่ใช่ว่ามีพวกกลุ่มที่กระโจนตัวลากใบหน้าแก่ๆ ออกมาสั่งโน่นสั่งนี่กับข้า"จั๋วหลานฟังถึงคำนี้ ในใจก็อดสั่นกึกขึ้นไม่ได้เขาฟังออกถึงความหมายเชิงลึกในคำพูดนาง...ถ้าหากวันไหนที่นางไม่มีอำนาจตัดสินใจในตระกูลจั๋ว นางก็จะตัดการส่งมอบให้ได้ตลอดเวลา พวกเขาไม่มีทางเลือกเลยแม้แต่น้อยดังนั้น ไม่ว่าในใจเหล่าผู้อาวุโสที่นี่จะมีความคิด 'ฟังนางไปก่อนชั่วคราว หลังจากนี้ค่อยว่ากัน' แค่ไหน ตอนนี้ก็ต้องดับมอดลงไปทันทีจั๋วซือหรานพ
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน หานกวงก็พยักหน้า "ใช่แล้ว"จั๋วซือหรานมุมปากกระตุก "ไม่จบไม่สิ้นเสียที"หานกวงฟังออก ถึงความเย็นชาและขุ่นเคืองในน้ำเสียงของแม่นางจิ่วจั๋วซือหรานผลักประตูออก เดินไปที่ห้องตะวันออกเฟิงหร่านพยุงร่างขึ้นมานั่งบนเตียง นางอยู่ในชุดดำ มีบาดแผลอยู่ไม่น้อย มีเลือดซึมออกมาข้างนอกด้วยจั๋วซือหรานแค่เหลือบมอง ก็รู้ว่าปัญหาไม่ใหญ่นักนางเดินเข้าไป ใช้มือหนึ่งจับชีพจรของเฟิงหร่าน อีกมือหนึ่งโยนขวดใบหนึ่งให้นางเฟิงหร่านก็รับไปแบบมือไม้พัลวัน "พี่จั๋ว นี่คือ...""เจ็บไม่หนักมาก กินยาเอาเองเลย" จั๋วซือหรานตอบมาเฟิงหร่านเดาว่าด้านในน่าจะเป็ยารักษาอะไรบางอย่าง นางพยักหน้า "ได้เลย ขอบคุณพี่จั๋วมาก"นางเดิมทียังคิดจะเอ่ยปาก บอกเรื่องในตระกูลเฟิงกับจั๋วซือหรานแต่ก็เห็นว่าว่าหลังที่จั๋วซือหรานส่งยาให้นางแล้ว ก็หมุนตัวเดินไปนอกประตูทันทีเฟิงหร่านรีบถามขึ้น "พี่จั๋ว ท่านจะไปไหน?"จั๋วซือหรานมุถมปากกระตุก "คนตระกูลเฟิงที่ไล่สังหารเจ้ามาพวกนั้น มาล้อมอยู่นอกบ้านข้าแล้ว พอดีเลย คืนนี้ข้าจะได้ไม่ต้องไปหาพวกเขา"พูดจบ นางก็เดินออกจาห้องไปเฟิงหร่านนั่งลงบนเตียงงงๆ แล
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วหวาย สีหน้าจั๋วซือหรานก็ชะงักไปพอนึกถึงจั๋วเฮ่ออิงที่สีหน้าเปลี่ยนแล้วรีบร้อนออกไปวันนั้นนางรู้สึกว่าการคาดเดาของเสี่ยวหวาย...ดูสมเหตุสมผลดียังไม่ต้องพูดถึงว่าจั๋วเฮ่ออิงไปหาเซี่ยอวิ๋นซี แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไรจั๋วซือหรานแม้จะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่ก็มีความรู้สึกรักอย่างจริงใจต่อเซี่ยอวิ๋นซีด้วยความเข้าใจต่อตัวเซี่ยอวิ๋นซีของนาง จั๋วซือหรานรู้สึกว่า เซี่ยอวิ๋นซีเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งในการที่นางสามารถเลี้ยงลูกสองคนจนโตได้เพียงลำพังก็มองออกได้ไม่ยากคนแบบนี้ ในสถานการณ์ปกติขีดจำกัดจะชัดเจนมากนางจะอ่อนโยนกับคนของตนเอง แต่มีนิสัยที่แข็งกร้าวในสายตาไม่อาจทนเห็นสิ่งไม่ดีได้ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอตอนที่นางรักจั๋วเฮ่ออิงก็คือรักจริงๆ ถ้าหากไม่มีลูกน้อยสองคนคอยรั้งนางไว้ นางคงฆ่าตัวตายตามจั๋วเฮ่ออิงไปตั้งแต่ตอนรู้ว่าเขาตายแล้วแต่พอมีตัวตนอย่างสุ่ยจิ้งหลาน เซี่ยอวิ๋นซีก็ไม่แน่ว่าจะอดทนต่อจั๋วเฮ่ออิงได้อีกตอนที่ไม่รัก ก็อาจจะไม่รักได้จริงๆแต่แล้วทำไมล่ะ แค่จั๋วเฮ่ออิงไปบอกเรื่องของนาง ด้วยนิสัยของเซี่ยอวิ๋นซี ต่อให้ฟ้าถล่มก็คงจะรีบมาหาอยู่ดีจั๋วซือหรานถอนห
ตอนนี้ จั๋วซือหรานเห็นหน้าตนเองในน้ำได้เห็นสภาพของตนเองชัดๆ ดีขึ้นมากแล้วจริงๆแต่นางยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าสภาพของตนเองก็กำลังแย่ลงอย่างรวดเร็วดังนั้น ตนเองตอนนี้...อยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ได้จริงๆถ้าแค่ห่างจากชายคนนั้น ตนเองก็อาจจะทนต่อไปไม่ไหว แล้วกลับไปอยู่ในสภาพก่อนหน้านี้อีก นั่นมันอันตรายเอามากๆส่วนตนเองถ้าหากยังตามชายคนนี้อยู่ตลอดล่ะก็...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ในใจก็อดคิดไม่ได้ ตอนนี้ตนเองอย่างน้อยยังพอทนไหว ไม่ต้องตัวติดกับเขาตลอดเวลาก็ได้แต่...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นนะจั๋วซือหรานเป็นคนที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่เสมอ นางยกมือขึ้นลูบท้องน้อยเบาๆในใจยังคิดขึ้นอย่างกังวล ถ้าหากอายุครรภ์มากขึ้น สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยถึงตอนนั้นหากตนเองต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาถึงจะรักษาสภาพให้คงที่ได้ล่ะ?ถ้าตนเองเป็นอย่างที่เขาบอกล่ะ ที่ว่าต้องการแสงแดดแล้วในเวลากลางวันแบบนั้น...คนนึงต้องการแสงแดด แต่อีกคนกลับถูกแสงแดดทำร้ายสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆนางผ่อนคลายลงหน่อย แต่เขากลับทรมานขึ้นมาถ้าพอนางทรมาน เขาถึงจะผ่อนคลายลงมาได
ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ
ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร
จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส
จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต
แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว
ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ
กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย