มีร่องรอยบางสิ่งที่ถูกลากไปบนพื้นนางเดินตามรอยนั้นไปในป่าตรงจุดที่พุ่มไม้หนาทึบที่สุด ลั่วชิงยวนเห็นคนนอนอยู่บนพื้นนางรีบวิ่งเข้าไปดู ชายคนนั้นมีรอยไหม้ทั่วร่าง เสื้อผ้าไหม้เกรียมจนมองมิออกว่าเป็นใครมีเสียงเหมือนสัตว์กำลังเลื้อยคลานดังมาจากด้านข้างลั่วชิงยวนมองไปตามเสียงในความมืดมีงูเลื้อยเข้าไปในพุ่มไม้ มีรอยไหม้ทั่วตัวจนเผยให้เห็นเนื้อหนังพุพอง น่าสยดสยองลั่วชิงยวนตกตะลึง“ฉู่จิ้ง!”แต่เขามิตอบ เลื้อยหายไปในพุ่มไม้เป็นแผลไฟไหม้ทั้งตัวไฟที่ไหม้สำนักหุบเขาซีหลิงจี้เยวี่ยคือเพลิงประกายแก้วเมื่อติดไฟแล้วจะดับมิได้ เป็นไฟที่ร้อนแรงที่สุด ผู้ขับไล่สิ่งชั่วร้ายหลายคนใช้ไฟนี้ปราบสิ่งชั่วร้ายและภูตผีปีศาจฉู่จิ้งเข้าไปช่วยคนโดยยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองคงบาดเจ็บหนักและสูญเสียพลังไปมากแน่นอนลั่วชิงยวนนั่งลงตรวจชีพจรให้ชายคนนั้น ปรากฏว่ายังมีชีวิตอยู่นางรีบร้องเรียก “เชียนฉู่!”เมื่อได้ยินเสียงนาง เซียวชูก็หน้าซีด รีบวิ่งเข้าไปในป่าเพราะกลัวว่าพระชายาจะเป็นอันตรายซ่งเชียนฉู่กับเฉินเซี่ยวหานก็รีบตามมาเมื่อเห็นคนนอนอยู่ที่พื้น ซ่งเชียนฉู่ก็โผเข้าไปหา “ท่านพ่อ!”ลั่วชิ
ทุกคนต่างหน้าซีด“ท่านพ่อ ท่านบาดเจ็บสาหัส อย่าเพิ่งร้อนใจ ค่อย ๆ พูดเถิดเจ้าค่ะ” ซ่งเชียนฉู่ร้อนใจพ่อของซ่งเชียนฉู่พยายามพยุงตัวนั่ง แล้วจับมือซ่งเชียนฉู่ “เชียนฉู่ เจ้ามิน่ากลับมาเลย”“พวกเจ้ารีบไปเถิด หากมิไปตอนนี้จะมิทันแล้ว!”ซ่งอวี่ร้อนรน และผลักซ่งเชียนฉู่ “ไปเถิด มิต้องสนใจพ่อ รีบลงเขาไป ออกไปจากซีหลิงเสีย!”“ท่านพ่อ ข้าจะทิ้งท่านไปได้อย่างไร หากจะลงเขาก็ต้องลงไปด้วยกัน!”เฉินเซี่ยวหานเข้ามาแบกซ่งอวี่ขึ้นหลัง “ขอรับท่านลุง พวกเราจะทิ้งท่านได้อย่างไร จะไปก็ต้องไปด้วยกัน”ลั่วชิงยวนเห็นซ่งอวี่ร้อนรนเช่นนั้น ก็เดาว่าเขาน่าจะรู้อะไรบางอย่างแต่ไม่มีเวลาถาม พวกเขาจึงตัดสินใจลงเขาก่อนเพราะท่าทางของซ่งอวี่แสดงว่าบนเขามีอันตรายทุกคนระแวดระวัง เดินกลับทางเดิมแล้วลงเขาไปภูเขาลูกนี้สูงชัน ทางขึ้นลงมีเพียงทางเดียวกลางคืนน้ำค้างลงหนัก การเดินทางจึงล่าช้าเพราะต้องระวังลื่นตกจากบันไดหินแต่เมื่อเดินมาถึงกลางเขาก็มีเหยี่ยวตัวหนึ่งบินโฉบลงมา ทำให้ทุกคนตกใจ“อาเสิน...”แล้วก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างล่างทุกคนหยุดเดินมินานก็เห็นหล่างมู่วิ่งขึ้นมาอย่างเหนื่อยหอบ“พี่หญิง ท
ซ่งอวี่ก็ตกใจ“ว่ากระไรนะ?”“หากเป็นเช่นนั้นก็ต้องหยุดพวกมัน!”กล่าวจบ ซ่งอวี่ก็พูดว่า “สมุนไพรในสำนักมิได้ถูกเผาหมด! ยังมีเก็บไว้ในห้องใต้ดินอีกมากหลาย อยู่ติดกับห้องเก็บน้ำแข็ง ไฟไหม้เข้าไปมิถึง”“เชียนฉู่ เจ้ารู้วิธีเปิดกุญแจ”“เมื่อปลอดภัยแล้วให้นำสมุนไพรทั้งหมดออกไปช่วยเหลือผู้คน อย่าให้ตกอยู่ในมือโจร!”ซ่งเชียนฉู่พยักหน้า “เจ้าค่ะ”ทันใดนั้นอาเสินก็บินมาบนฟ้า แล้วส่งเสียงร้องเตือนลั่วชิงยวนหน้าซีด “พวกมันกำลังมาแล้ว”หล่างมู่รีบวิ่งกลับมา “พี่สาว พวกมันใกล้มาถึงแล้ว พวกเราอ้อมไปหลบหลังสำนักก่อนเถิด”“บางทีพวกมันค้นหามิพบก็อาจจะถอนกำลัง”ทุกคนจึงออกเดินทางอีกครั้ง อ้อมไปหลบหลังสำนักหลบกลุ่มโจรที่กำลังขึ้นเขาซ่อนตัวในป่าทึบหลังสำนัก มองเห็นไฟในสำนักยังมิมอดดับลั่วชิงยวนครุ่นคิดสักพักก็มองหาพื้นที่ราบเรียบ จากนั้นหยิบกระดาษยันต์ออกมาหลายแผ่น ก่อนกรีดฝ่ามือวาดยันต์ด้วยเลือด“พี่หญิง ท่านทำอะไร?”ลั่วชิงยวนวาดยันต์ไปพลางตอบ “วงเวทสะกดวิญญาณ”“หากพวกมันค้นมาถึงที่นี่ก่อนฟ้าสางจะได้หลอกล่อพวกมันได้”วาดเสร็จ นางก็แบ่งให้หล่างมู่ “เจ้าไปทางนั้น แปะไว้บนต้นไม้”“ขอร
“หล่างมู่ เซียวชู!” ลั่วชิงยวนร้องเรียกพลางชักกระบี่ แล้วหยุดฝีเท้าหันหลังกลับหล่างมู่กับเซียวชูก็หยุดเช่นกัน รีบเข้าต่อสู้ขัดขวางศัตรูที่ไล่ตามมา“ชิงยวน!” ซ่งเชียนฉู่ร้องด้วยความเป็นห่วง“พวกเจ้าไปก่อน พวกเราจะตามไป!” ลั่วชิงยวนตะโกนเร่งซ่งเชียนฉู่กับเฉินเซี่ยวหานรีบหนีไปอย่างรวดเร็วยิ่งลั่วชิงยวนต่อสู้กับศัตรูเหล่านี้ก็ยิ่งมั่นใจว่าพวกเขาคือคนแคว้นหลีมิใช่โจรธรรมดามิน่าแปลกใจที่ใช้เพลิงประกายแก้วเผาสำนักหุบเขาซีหลิงจี้เยวี่ยหลังจากต่อสู้กันอย่างดุเดือดก็สังหารศัตรูไปได้ส่วนหนึ่งมีคนกลุ่มใหญ่ปรากฏตัวขึ้น นำโดยชายผู้ถือกระบี่พิชิตมารเดินเข้ามาอย่างดุดันดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองลั่วชิงยวนหล่างมู่จะเข้าไปสู้ แต่ลั่วชิงยวนรีบดึงไว้ “ไป!”“อย่ามัวสู้ติดพัน”ถ่วงเวลาให้ซ่งเชียนฉู่ได้มากที่สุดก็พอทั้งสามคนรีบวิ่งหนีชายผู้ถือกระบี่พิชิตมารเร่งฝีเท้า แล้วกระโจนเข้ามา คมกระบี่พุ่งเข้าใส่ลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนรู้ตัว รีบหันไปรับมือทันทีทันใดนั้นก็มีเงาดำพุ่งลงมาจากฟ้า แล้วใช้กรงเล็บแหลมคมตะปบชายผู้นั้นอย่างแรง เขายกมือขึ้นป้องหน้าลั่วชิงยวนชะงักอาศัยจังหวะที่อาเส
ซ่งอวี่ที่นั่งพักอยู่ด้านข้างกล่าวว่า “เมื่อรอดพ้นภัยครั้งนี้ พวกเจ้าก็นำเครื่องยาสมุนไพรออกไปช่วยเหลือผู้คนได้”เฉินเซี่ยวหานพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “พวกมันรู้แล้วว่าเราอยู่บนเขา คงจะพยายามตามฆ่าเราให้ได้แน่นอน หากจับเรามิได้ คงมิยอมจากไปง่าย ๆ ““ที่นี่จะซ่อนได้นานสักเท่าใด”คงซ่อนได้มินานจริง ๆลั่วชิงยวนถาม “หล่างมู่ ก่อนเจ้าจะขึ้นมา ซีหลิงเป็นอย่างไรบ้าง? มีโจรกลุ่มอื่นอีกหรือไม่?”หล่างมู่พยักหน้า “มีขอรับ”“มีมิน้อยเลย พวกมันก่อกวนหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านต้องหลบหนี และปล้นชิงอาหาร”“แต่พี่หญิงวางกำลังไว้แล้ว น่าจะป้องกันได้”ลั่วชิงยวนมิแปลกใจ นางพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “พวกนั้นมิใช่โจรธรรมดา แต่เป็นคนแคว้นหลีปลอมตัวมา”“สาเหตุที่ก่อกวนชาวบ้านคงเพื่อแพร่เชื้อโรคระบาด”“ยากที่จะรับมือ”“ทหารม้าสามพันนายที่เรานำมากระจายกำลังกันป้องกัน ต้องดูแลความปลอดภัยของชาวบ้าน ถอนกำลังมิได้”“มิเพียงแต่ถอนกำลังมิได้เท่านั้น แต่เรายังต้องส่งยาไปให้พวกเขาด้วย!”“มิเช่นนั้นหากโรคระบาดลุกลาม ต่อให้มีทหารหมื่นนายก็ควบคุมมิได้”ซ่งอวี่ได้ฟังดังนั้นก็กังวล “เครื่องยาสมุนไพรที่นี่ จะนำออกไปท
ลั่วชิงยวนฉวยแขนหล่างมู่ไว้พลางดึงให้ถอยหลังกลับเปลี่ยนทิศทางหนีเอาชีวิตรอด แม้ร่างจะพุ่งผ่านไปเพียงชั่วพริบตา แต่ก็มิอาจรอดพ้นสายตาของชายผู้ตามล่าดวงตาคมดุจเหยี่ยวของเขาฉายแววเยือกเย็นราวกับสัตว์ป่าที่ได้กลิ่นเลือด เขาชักกระบี่พิชิตมารขึ้น กระโจนตามติดไปอย่างมิลดละลั่วชิงยวนดึงหล่างมู่วิ่งหนี แสงไฟจากเพลิงไหม้ที่ลุกโชนในสำนักใหญ่ส่องสว่างให้เห็นเงาของทั้งสองอย่างชัดเจนเมื่อรู้สึกว่าคนข้างหลังไล่ตามมาติด ๆ ลั่วชิงยวนจึงดึงหล่างมู่เปลี่ยนทิศทางวิ่งเข้าไปในความมืดมิด“พี่หญิง ท่านหนีไปก่อนเถิดขอรับ ข้าจะขัดขวางเขาไว้เอง!”หล่างมู่เอ่ยพลางจะส่งถุงยาให้นาง แล้วหันไปเผชิญหน้ากับชายผู้ตามหลังแต่ลั่วชิงยวนกลับจับแขนหล่างมู่ไว้แน่น “มิได้! เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”“มิได้ลองดูจะรู้ได้อย่างไรขอรับ!” หล่างมู่ปรารถนาจะปกป้องลั่วชิงยวน และคอยคุ้มกันให้นางหนีไปก่อนแต่ลั่วชิงยวนมิยินยอม“เจ้ามิเชื่อฟังคำของพี่หญิงหรือ?”หล่างมู่จึงเงียบไปลั่วชิงยวนหยิบเข็มทิศขึ้นมา แล้วกรีดฝ่ามือเพื่อใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาอัญเชิญวิญญาณมาต่อสู้แต่ภูตผีปีศาจบนภูเขาลูกนี้มีน้อยจึงมิค่อยทรงพลังนัก
ทั้งสองแวะเก็บผลไม้ระหว่างทาง เผื่อมีโอกาสจะนำไปให้พวกซ่งเชียนฉู่ด้วยมินานอาเสินก็กลับมาลั่วชิงยวนมอบห่อสมุนไพรชุดที่สองให้ทั้งสองคนรีบเปลี่ยนที่ซ่อนอีกครั้งคนพวกนั้นมิลงจากเขา ยังคงค้นหาไปทั่วบางครั้งลั่วชิงยวนกับหล่างมู่ก็เผชิญหน้ากับศัตรู แต่พวกเขาก็สามารถจัดการได้อย่างเงียบเชียบ แล้วหนีไปจากนั้นก็ยังวนเวียนอยู่บนเขาค่อย ๆ ส่งห่อสมุนไพรออกไปจนหมดในป่าแห่งหนึ่ง เฉินชีเดินมามองศพที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสายตาเย็นชา“นายท่าน พวกมันหนีไปอีกแล้ว ทั้งสองคนมีฝีมือ จะเพิ่มกำลังคนหรือไม่ขอรับ?”เฉินชีหรี่ตาครุ่นคิด ดวงตาเป็นประกาย มุมปากพลันแสยะยิ้ม “สตรีผู้นี้ช่างน่าสนใจ”“เรียกคนทั้งหมดมา”“ข้าต้องการตัวนาง!”ผู้ใต้บังคับบัญชาตกใจ “ทั้งหมดเลยหรือขอรับ? แต่พวกเขายังมีภารกิจอื่น”เฉินชีกล่าวเสียงเย็น “เหยี่ยวตัวนั้นบินลงเขาหลายครั้ง คาบอะไรบางอย่างไปด้วย น่าจะเป็นห่อยา”“เจ้าจิ้งจอกเฒ่าซ่งอวี่ยังมีสมุนไพรอยู่ ตอนนี้จะขัดขวางก็มิทันแล้ว ภารกิจของพวกมันต้องล้มเหลว”“ยิ่งกว่านั้น ข้าสนใจนางมากกว่าชีวิตพวกต่ำต้อยเหล่านั้น”ดวงตาของเฉินชีเป็นประกาย “ส่วนคนที่เหลือต้องซ่อนอยู่ใ
เหล่าศัตรูจำนวนมากบุกเข้าล้อมพวกเขาอย่างรวดเร็วซ่งอวี่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “วางข้าลงเถิด หากพาข้าไปด้วย พวกเจ้าจะหนีมิพ้น”“ท่านพ่อ ข้าจะมิทิ้งท่านไปไหนทั้งนั้น” ซ่งเชียนฉู่กล่าวอย่างแน่วแน่ทุกคนเตรียมพร้อมจะต่อสู้จากนั้นศึกอันดุเดือดก็ปะทุขึ้นครั้งนี้รุนแรงยิ่งนักคมกระบี่และคมดาบปะทะกัน จิตสังหารลุ่งพล่านรุนแรงในการต่อสู้ ฝ่ายที่มีคนน้อยกว่าต่างเหนื่อยล้า ลั่วชิงยวนจำต้องใช้กลวิธีพิเศษ นางรู้สึกได้ว่าสายตาของเฉินชีจ้องมองนางอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่ที่ทำลายวงเวทสะกดวิญญาณ เฉินชีคงจับตามองนางมาแล้วแต่ลั่วชิงยวนไม่มีทางเลือกอื่น ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ การเอาชีวิตรอดสำคัญที่สุด!นางกรีดฝ่ามือตัวเอง แล้วใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาอัญเชิญวิญญาณมาต่อสู้นางเรียกวิญญาณของผู้คนในสำนักใหญ่ทั้งหมดออกมาครั้งนี้เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ ลมพายุปั่นป่วน ทำให้เฉินชีเปลี่ยนสีหน้าเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงตาของเขามิได้แสดงความหวาดกลัว แต่กลับมีเปลวไฟแห่งความกระหายที่ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น“น่าสนใจ”วิญญาณมากมายส่งเสียงร้องครวญครางโหยหวนอย่างน่าสยดสยอง เสียงนั้นดุร้ายอย่างยิ่งพลั
ร่างที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่งถือกระบี่เดินเข้ามาหาลั่วชิงยวน โซ่เหล็กด้านหลังลากคนสามคนไว้แม้จะออกแรงสุดกำลังแล้วก็ยังฉุดรั้งโหยวจิ้งเฉิงไว้มิได้แต่ร่างของโหยวจิ้งเฉิงในตอนนี้ไม่มีศีรษะแล้ว ยากที่จะควบคุมร่างกายได้ลั่วชิงยวนถือกระบี่เงื้อฟันไปยังร่างของฝูเหมิ่ง เช่นเดียวกับตอนที่โหยวจิ้งเฉิงตัดแขนขาของอวี๋ตันเฟิ่งนางกำลังแก้แค้นและระบายความแค้นอย่างบ้าคลั่งตัดแขนของเขาขาดทีละข้างกระบี่ห้วงสวรรค์ร่วงลงสู่พื้นไปพร้อมกับแขนจากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ขาดกระเด็นอวี๋ตันเฟิ่งอาละวาดแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อมองไปยังซากศพที่กองอยู่บนพื้น ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ราวกับถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานใต้หล้าเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทั้งสามที่อยู่มิไกลต่างตกตะลึงมิเคยเห็นฉากที่นองเลือดเช่นนี้มาก่อนแต่ถึงแม้ร่างกายจะแหลกละเอียด โหยวจิ้งเฉิงก็ยังมิตายทันใดนั้นมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากซากศพ แล้วลอยละลิ่วไปอวี๋ตันเฟิ่งกรีดร้องแหลม “โหยวจิ้งเฉิง เจ้าอย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้อีก! ข้าจะทำให้เจ้ามิได้ผุดได้เกิด!”พลังในร่างของนางพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ ลั่วชิงยวนรู้สึกราว
ใบหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นโหยวจิ้งเฉิง“ต่อไปก็ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งเย็นเยือกโฉวสือชีกำกระบี่ในมือแน่น ปกป้องคนใบ้และอวี๋โหรวไว้ส่วนลั่วชิงยวนค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าในดวงตาค่อย ๆ ก่อเกิดจิตสังหารนางหลับตาลง แล้วกล่าวว่า “อวี๋ตันเฟิ่ง ไปแก้แค้นของเจ้าเถิด”ลั่วชิงยวนมอบร่างของตนให้อวี๋ตันเฟิ่งโดยสมบูรณ์เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงเป็นใบหน้าเดิม เพียงแต่แววตานั้นกลับดุดันยิ่งนัก ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความแค้นเสียงของอวี๋ตันเฟิ่งดังขึ้น “โหยวจิ้งเฉิง ความแค้นระหว่างข้ากับเจ้า วันนี้ถึงคราวสะสางแล้ว”“สิบกว่าปีที่ผ่านมา ข้าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ อย่างไรถึงจะสาสมกับความแค้นในใจข้า”“แต่คาดมิถึงว่าเจ้าจะตายไปแล้ว”“แต่ก็มิเป็นไร วันนี้ข้าจะฉีกร่างเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ ให้ได้!”เมื่อกล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็กระโจนเข้าไปเสียงอาวุธปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้นแต่ในเวลานี้เอง โหยวจิ้งเฉิงก็พุ่งไปยังกำแพง คว้ากระบี่ห้วงสวรรค์มาได้ จากนั้นกระโจนออกนอกห้องไปอวี๋ตันเฟิ่งรีบไล่ตามไปสีหน้าคนใบ้เปลี่ยนไป กระบี่ห้วงสวรรค์! หากฝูเหมิ่ง
ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว
ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ
ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ
นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต
“เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ
โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย
ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน