“ท่านอ๋อง… เขา… เขามิไหวแล้วเพคะ! เขาเป็นโรคหัวใจ หม่อมฉันช่วยอะไรมิได้แล้ว!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นคุณชายกลืนยาเข้าไปแล้ว ก็แสร้งทำเป็นร้องขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก“หา... ร้ายแรงถึงเพียงนั้นเลยหรือ? พระชายาอ๋องอี้ท่านเป็นหมอชั้นเซียนมิใช่หรือ? ท่านจะช่วยอะไรมิได้เลยได้เยี่ยงไร?”คนที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างร้องขึ้นมาอย่างประหลาดใจหลิงอวี๋เอ่ยอย่างเศร้า ๆ “ข้าเป็นหมอ มิใช่เทพเจ้า! ข้าก็มีคนที่มิสามารถช่วยได้เช่นกัน!”“ข้าพยายามอย่างเต็มที่แล้วจริง ๆ แต่ข้ามิสามารถแก่งแย่งกับพญายมได้!”ขณะที่พูดอยู่นั้น มือกับเท้าของคุณชายก็สั่นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหัวของเขาเอียงไปอีกข้างหนึ่ง“นั่น เขาตายแล้ว! องค์หญิงตานรั่วทุบตีคนจนตาย!”จากนั้นเสียงโกรธเกรี้ยวก็ดังมาจากทุกทิศทุกทาง“องค์หญิงแห่งฉีตะวันออกบ้าคลั่งเกินไปแล้ว ทุบตีจนคนของฉินตะวันตกตาย!”“จับพระนางไปพบทางการที! องค์ชายทำผิดก็ต้องรับโทษเช่นคนทั่วไป เราจะปล่อยพระนางไปเช่นนี้มิได้!”“ไปพบทางการ… ต้องไปพบทางการ!”คุณชายหวางปิดหน้าที่บวมแดงไว้แล้วเซียวหลินมู่ก็พยุงเขาขึ้นมา ครั้นได้ยินหลิงอวี๋บอกว่าสหายของเขาตายแล้ว เขาก็ตกตะลึงไปหลังจากตกตะลึงอ
ซินจิ้งอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา เซี่ยโฮ่วตานรั่วตื่นตระหนกแล้วพูดผิดพลาดไปอีกแล้วเมื่อนางเห็นว่าทุกคนพากันล้อมเข้ามาอย่างขุ่นเคือง นางก็ปกป้องเซี่ยโฮ่วตานรั่วพลางตะโกน“ท่านอ๋องอี้ แม้ว่าองค์หญิงของเราจะตรัสอะไรผิดไป! แต่บ้านเมืองก็มีขื่อมีแป หากองค์หญิงของเราฆ่าคนตาย ก็ควรสอบสวนไปตามขั้นตอน ทุกคนจะประชาทัณฑ์พระนางมิได้กระมังเพคะ!”“แจ้งทางการ... พวกเราร้องขอให้จักรพรรดิอู่อันรับพิจารณาคดีนี้ด้วยพระองค์เอง! เช่นนี้พวกเราถึงจะมั่นใจ!”เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินดังนี้ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยเสียงดัง “ทุกคนถอยออกไปก่อน! แล้วหาคนไปแจ้งทางการ!”“ที่นางพูดก็ถูก บ้านเมืองมีขื่อมีแป ข้ามิอาจเป็นผู้นำในการประชาทัณฑ์แล้วทำลายรากฐานของแคว้นได้!”“ทุกคนมิต้องกังวล ความยุติธรรมเรื่องที่หลี่ว์กังกับคุณชายหวางถูกเฆี่ยนตีพวกเราจะต้องเรียกร้องกลับมาให้พวกเขาได้แน่นอน!”ตอนนี้ทุกคนถือว่าเซียวหลินเทียนเป็นผู้นำของพวกเขา หลังจากได้ยินคำพูดของเขาทุกคนจึงถอยกลับไปอย่างเงียบ ๆเวลานี้พวกเขาล้วนเป็นคนฉินตะวันตก ก็ควรร่วมแรงร่วมใจกันปกป้องศักดิ์ศรีของฉินตะวันตก!อย่าปล่อยให้ศัตรูดูถูกฉินตะวันตกได้
“ได้ เช่นนั้นก็ตรวจสอบเถิด!”หลิงอวี๋ยืนอยู่ด้านข้างอย่างสงบเซี่ยโฮ่วตานรั่วผลักซินจิ้งให้เข้าไปตรวจสอบด้วยกันซินจิ้งนั่งยอง ๆ ตรวจสอบการหายใจของหลี่ว์กังแล้วก็จับชีพจรแต่หลี่ว์กังมิหายใจและไม่มีชีพจรแล้วซินจิ้งตื่นตระหนก แต่ยังคงสงบสติอารมณ์ไว้ “พวกเราต้องเชิญหมอที่ติดตามพวกเรามาตรวจสอบ!”“มิว่าใครจะมาตรวจสอบก็ได้ทั้งนั้น!”หลิงอวี๋หัวเราะเยาะ “ข้าหวังว่าหมอของพวกเจ้าจะเก่งกาจมากพอช่วยเขาให้มีชีวิตกลับมาได้นะ!”“เพราะว่าเขายังหนุ่ม! เขาน่าจะยังมีหลายเรื่องที่อยากทำ และมีความปรารถนาที่มิสมหวังอีกมากมาย!”คุณชายหวางอยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดของหลิงอวี๋ เขาก็สะอื้นพลางเอ่ย “พระชายาอ๋องอี้พูดถูก ข้ากับหลี่ว์กังจะเข้าร่วมการสอบคัดเลือกช่วงฤดูใบไม้ผลิหลังจากนี้ เขาถึงขั้นปฏิเสธครอบครัวที่มาคุยเรื่องแต่งงานกับเขาเพื่อที่จะสอบให้ได้ดี!“เขายังมิได้แต่งงานเลย! ไหนเลยจะ…ไหนเลยจะคิดว่าจะประสบเคราะห์เช่นนี้!”ทุกคนรู้สึกหดหู่กับสิ่งที่คุณชายหวางพูดออกมา พวกเขามองหลี่ว์กังวัยหนุ่มที่อยู่บนพื้น พลางคิดว่าเขามีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เลย!ตอนนี้ ทุกอย่างกลายเป็นความว่างเปล่าไปหม
หลิงอวี๋กับทุกคนเห็นว่าสีหน้าของฮูหยินสามค่อย ๆ ดีขึ้นแล้วหลิงอวี๋รู้สึกผิดเล็กน้อย นางให้หลี่ว์กังแกล้งตาย ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะมิยอมให้เซี่ยโฮ่วตานรั่วหลบหนีการลงโทษไปได้อีก!อีกครึ่งหนึ่งคือหลิงอวี๋รู้ว่าเรื่องที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วยิงธนูเย็นใส่เซียวหลินเทียนนั้นหากไม่มีหลักฐานก็มิสามารถตัดสินลงโทษนางได้!ตนกับเซียวหลินเทียนเกือบตายเพราะสิ่งนี้ แต่เซี่ยโฮ่วตานรั่วยังคงมิรู้จักเจียมตัว ยังเฆี่ยนตีหลี่ว์กังกับคุณชายหวาง มิเห็นชีวิตของคนอยู่ในสายตาเลย!มันแตะขีดจำกัดของนางสุด ๆ แล้ว!ดังนั้น หลิงอวี๋จึงคิดแผนนี้ขึ้นมา นางอยากให้เซี่ยโฮ่วตานรั่วชดใช้ในสิ่งที่นางทำ!เวลานี้ เมื่อเห็นฮูหยินสามที่มิรู้ความจริงเศร้าใจจนกลายเป็นเช่นนี้ หลิงอวี๋ก็ทั้งทุกข์ใจทั้งรู้สึกผิด คิดว่าหลังจากเรื่องนี้จะต้องชดเชยให้กับฮูหยินสามอย่างเต็มที่หลี่ว์กังร่วมมือกับตนแกล้งตายเช่นนี้ เมื่อจัดการเซี่ยโฮ่วตานรั่วได้แล้วจะต้องให้เขาออกไปซ่อนตัวสักพักเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนรูปลักษณ์แล้วก็ต้องให้ตระกูลหลี่ว์เปลี่ยนชื่อให้เขา แล้วเขาก็จะได้กลับเมืองหลวงอย่างเปิดเผยในภายภาคหน้าค่อยให้เซียวหลินเทียนเลื่อนตำแหน่งที
ยังมิทันที่ดาบของเซี่ยโฮ่วตานรั่วจะฟันลงไป เซียวหลินเทียนก็เหวี่ยงแส้ออกมาก่อนแส้นั้นเป็นราวกับมังกรสีเงิน พัดพาเอาสายลมรุนแรงกวาดไปทางเซี่ยโฮ่วตานรั่วแส้พันรอบดาบยาวนั้นไว้ เซี่ยโฮ่วตานรั่วรู้สึกราวกับว่ามือที่ถือดาบถูกไฟเผา เจ็บปวดจนต้องปล่อยมือออกแต่นางมิคาดคิดว่าหางแส้ของเซียวหลินเทียนจะลอยขึ้นมาฟาดที่แก้มของนางกรี๊ด...เซี่ยโฮ่วตานรั่วกรีดร้องออกมา นางถูกหางแส้ฟาดล้มลงกับพื้น“ฟรึบ...”ทุกคนเห็นเพียงเซียวหลินเทียนถอนแส้กลับมาแล้วสะบัดดาบลอยขึ้นผ่านหัวของซินจิ้งไปปักเข้าที่เสาด้านหลังนางซินจิ้งตกใจจนเสียขวัญ จนสมองว่างเปล่าไปหมดนางเห็นดาบลอยมาหาตนก็คิดว่าเซียวหลินเทียนโกรธมากจนจะฆ่าตนเสียแล้วไหนเลยจะคิดว่าดาบแค่ผ่านผมของนางไปเท่านั้น...แม้ว่ามิได้ทำให้ตนบาดเจ็บ แต่คมดาบที่เย็นเยียบแหลมคมเมื่อครู่นี้ก็ทำให้นางมองเห็นหุบเหวแห่งความตายอย่างใกล้มาก ๆ!การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตานี้!หลายคนยังตั้งสติมิได้เลย!แต่คนเยี่ยงพวกคุณชายหวางและเซียวหลินมู่กลับเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเซียวหลินมู่ตกใจกับการเคลื่อนไหวของเซียวหลินเทียนอยู่เงียบ ๆ มิคาดคิดเ
ชั่วครู่หนึ่งเซียวหลินเทียนอยากจะปล่อยให้คนเหล่านี้ทุบตีเซี่ยโฮ่วตานรั่วจนตายไปเสีย นางกล้ายิงธนูเย็นใส่หลิงอวี๋กับตน การลงเอยเช่นนี้ก็คือสิ่งที่นางสมควรได้รับแล้ว!ขณะที่เซียวหลินเทียนกำลังลังเลว่าควรจะทำเช่นนั้นหรือไม่เสียงตะโกนแหลมคมก็ดังขึ้นมา“พระราชโองการมาแล้ว...”หลังจากเสียงนั้น ทหารกองทัพหลวงหลายนายก็ตามขันทีฉางเข้ามาหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนสบตากัน ทั้งคู่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีลับลมคมใน เหตุใดขันทีฉางจึงมาพร้อมกับพระราชโองการได้ทันเวลาเช่นนี้!“ด้วยพระราชโองการแห่งสวรรค์ องค์จักรพรรดิจึงมีพระบัญชา คดีที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วแห่งฉีตะวันออกเฆี่ยนตีคนจนตาย แม่ทัพเฉินจะรับช่วงต่อ!”“จนกว่าคดีจะสอบสวนชัดเจน เซี่ยโฮ่วตานรั่วจะถูกกักบริเวณอยู่ในที่พัก หลังจากที่คดีได้รับการตรวจสอบชัดเจนแล้วค่อยดำเนินการตัดสินชี้ขาดกัน!”“ท่านอ๋องอี้เซียวหลินเทียน พระชายาอ๋องอี้หลิงอวี๋ให้เข้าวังไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ!”เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋แววตาเคร่งขรึมทั้งคู่ พวกเขาสังเกตเห็นว่าตั้งแต่ต้นจนจบองค์ชายหนิงมิได้ปรากฏตัวเลยเซี่ยโฮ่วตานรั่วประสบหายนะครั้งใหญ่เช่นนี้ แต่องค์ชายหนิงกลับมิปรากฏ
ก่อนที่หลิงอวี๋จะไปก็ดึงหลี่ว์จงเจ๋อออกไปอีกด้านอย่างเงียบ ๆ พลางกระซิบเรื่องที่หลี่ว์กังแกล้งตาย หลี่ว์จงเจ๋อเองก็รู้จักหลิงอวี๋ หลังจากได้รับแจ้งเช่นนี้ก็เข้าใจในทันทีเขามิรู้สึกว่าหลิงอวี๋เป็นคนเลวร้าย ครั้นได้ยินพระราชโองการขององค์จักรพรรดิ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าการจะจัดการกับคนเช่นเซี่ยโฮ่วตานรั่วนั้นมีเพียงต้องตาต่อตาฟันต่อฟันเท่านั้น!เขาพยักหน้า เป็นการบอกว่าตนรู้แล้วว่าต้องทำเยี่ยงไร จากนั้นก็ประคองฮูหยินสามที่โศกเศร้า แล้วนำ “ศพ” ของหลี่ว์กังกลับบ้านก่อนหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเข้าไปในวัง แม้ว่าหลี่ว์เซียงจะมิได้มีพระราชโองการให้เข้าวัง แต่ผู้ที่ตายคือหลานของตน เขาก็อยากรู้สิ่งที่องค์จักรพรรดิจะบอกเช่นกันพวกเขาทั้งสามมาห้องทรงพระอักษรด้วยกัน จ้าวฮุยกับขุนนางว่าการหลายคนรวมทั้งองค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังก็มาแล้วหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนต่างก็รู้สึกแปลก ๆ เซี่ยโฮ่วตานรั่วฆ่าคนไปหนึ่งคน มันคุ้มหรือที่ต้องระดมผู้คนมาเช่นนี้?หลิงอวี๋คำนับองค์จักรพรรดิ แต่องค์จักรพรรดิมิยอมให้พวกเขาลุกขึ้นหลิงอวี๋คุกเข่าและแอบมองท่าทีของจักรพรรดิอู่อัน ท่าทางของจักรพรรดิอู่อันดูแปลก ๆ ในความ
หลี่ว์เซียงอยู่ข้างหลังได้ยินคำพูดนี้ก็ทนมิไหวอีกต่อไปแล้ว เขาก้าวไปคุกเข่าลงแล้วเอ่ย “ฝ่าบาท เรื่องในวันนี้มิเกี่ยวข้องกับท่านอ๋องอี้และพระชายาอ๋องอี้เลยพ่ะย่ะค่ะ แต่เป็นเซี่ยโฮ่วตานรั่วที่เย่อหยิ่งเกินไปจริง ๆ...”ยังมิทันที่หลี่ว์เซียงจะพูดจบ จักรพรรดิอู่อันก็ขัดจังหวะเขา พลางตะคอกด้วยความโกรธ “เย่อหยิ่งอะไรกัน? พวกเจ้าให้สมองคิดดู ในแผ่นดินฉินตะวันตก พวกเขาจะกล้าหยิ่งผยองด้วยเหตุใดกัน?”“องค์ชายหนิงเด็กผู้นั้นกล้าเข้าวังมาเดิมพันกับข้า บอกว่าพวกเขาจะชนะการแข่งขันล้อมเมืองอย่างแน่นอน! นี่มิเพียงแต่หยิ่งผยองเท่านั้น แต่มิเห็นพวกเจ้าอยู่ในสายตาเลย!”“หากพวกเจ้าอยากให้ข้ารักษาความยุติธรรมให้พวกเจ้า เช่นนั้นก็ต้องชนะการแข่งขันนี้ มิเช่นนั้น ข้าจะมีอะไรมั่นใจพูดให้พวกเจ้าเล่า?”จักรพรรดิอู่อันนึกถึงสิ่งที่องค์ชายหนิงเอ่ยกับตนแล้วก็มิพอใจแม้ว่าองค์ชายหนิงจะมีน้ำเสียงถ่อมตัว แต่เมื่อเอ่ยถึงเดิมพันกลับดูถูกเหยียดหยามว่าฉินตะวันตกสู้ฉีตะวันออกมิได้จักรพรรดิอู่อันพูดความคิดของตนไป แคว้นจะต้องแข็งแกร่ง มีเพียงต้องแข็งแกร่งกว่าแคว้นอื่นในทุก ๆ ด้าน จึงจะสามารถพูดอย่างมั่นใจได้ มิเช่นนั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร