LOGINรองแม่ทัพตะโกนอยู่หลายประโยค ถึงเห็นฟางเจ๋อสวมเกราะเต็มยศนำทหารสิบกว่านายเดินออกมาพวกเขายืนอยู่ภายในด่านตรวจ ฟางเจ๋อหัวเราะอย่างเย็นชา “อ๋องซู่เกณฑ์ให้เราไปยอดเขาเกาหลิ่งด้วยเหตุอันใดหรือ?”เจี่ยงชิงก้าวออกมาขมวดคิ้วกล่าว “ฟางเจ๋อ คำสั่งก็คือคำสั่ง เจ้าเพียงแค่ต้องปฏิบัติตาม ไหนเลยเจ้าจะมีสิทธิ์มาตั้งคำถามถึงเหตุผลของอ๋องซู่ได้!”“อีกอย่าง เจ้าได้ออกจากกองทัพไปแล้ว มิได้มีสิทธิ์มาตั้งคำถามต่ออ๋องซู่ พวกเจ้าจงกลับไปเรียกแม่ทัพออกมาพูดคุยเสีย!”ฟางเจ๋อเหลือบตามองเจี่ยงชิงด้วยความดูแคลน แล้วยิ้มเยาะ “ข้าเพียงพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ออกจากกองทัพตั้งแต่เมื่อใดกัน?”“เจี่ยงชิง เมื่อพบกับบิดาข้า แม้แต่อ๋องซู่ยังต้องให้ความเคารพถึงสามส่วน แล้วเจ้าซึ่งเป็นชายมิใช่หญิงมิเชิงเช่นนี้ มีสิทธิ์อันใดมาตะโกนเอะอะในค่ายของพวกเรา!”เจี่ยงชิงเริ่มหงุดหงิด ทางอ๋องซู่ยังรอการสนับสนุนอยู่ ไฉนฟางเจ๋อผู้นี้กลับมาพูดจาเหลวไหลอยู่ที่นี่ นี่กำลังถ่วงเวลากระนั้นหรือ?“ฟางเจ๋อ รีบเรียกแม่ทัพฟางออกมาเสีย มิฉะนั้นข้าจะสังหารเจ้าที่ทำให้การศึกล่าช้า!”เจี่ยงชิงตวาดเสียงกร้าวฟางเจ๋อหัวเราะหึหึ ก่อนชี้หน้าด่า
“ท่านพ่อ ข้าจะไปกับท่านด้วย!”ฟางเจ๋อกดความปีติยินดีในใจไว้ เขาจะได้รับการรักษาแล้ว!แม้หลิงอวี๋จะรักษาเขามิได้ แต่คำพูดของหลิงหว่านเมื่อครู่นั้นก็เพียงพอให้เขาตัดสินใจกลับตัวกลับใจ ละทิ้งบาดแผลในใจ และกลับคืนสู่ครอบครัวอีกครั้งแล้วเมื่อเขาเห็นเส้นผมสีขาวที่ขมับของบิดา ก็ให้สัตย์สาบานว่าจะมิทำให้บิดาต้องเจ็บปวดใจอีก และจะมิทำให้บุตรของตนต้องผิดหวังในตัวบิดาเช่นเขาอีกแล้วแม่ทัพฟางมองฟางเจ๋อที่ตามมา ในใจปนเปไปด้วยความรู้สึกหลากหลายถ้อยคำที่หลิงหว่านตักเตือนฟางเจ๋อนั้นเขาได้ยินอยู่ข้างนอกทั้งหมดคำพูดเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เขามิกล้าด่าว่าฟางเจ๋อเอง เกรงว่าจะกระตุ้นให้ฟางเจ๋อคิดสั้นหาทางตายไปจริง ๆ!แต่เมื่อมีผู้อื่นกล่าวแทนเขา อีกทั้งยังทำให้บุตรได้สติกลับคืนมาในฉับพลัน สิ่งนี้ทำให้แม่ทัพฟางรู้สึกขอบคุณหลิงหว่านเป็นอย่างยิ่ง! เมื่อเห็นบุตรชายกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง และเต็มใจที่จะร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับตน แม่ทัพฟางจะมิปลื้มใจได้อย่างไร! “ดี ไปด้วยกัน...”เพียงได้ยินคำนี้จากฟางเจ๋อ แม่ทัพฟางก็มิเสียใจเลยที่ได้ยอมสวามิภักดิ์ต่อหลิงอวี๋เห็นฟางเจ๋อฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง หยา
แม่ทัพฟางแววตาหรี่ตาลง มองแสงสีม่วงนับมิถ้วนส่องวูบไหวอยู่ตรงหน้าอย่างตื่นตระหนก พลังอันแข็งแกร่งจำนวนมหาศาลนั้นทำให้เขาไร้หนทางหลบเลี่ยงเขารู้สึกได้ว่าลมแรงจนเส้นผมของตนตั้งชันขึ้นมาแล้วเขาคิดอย่างสิ้นหวังว่าตนประเมินหลิงอวี๋ต่ำไป หากฝ่ามือนี้ฟาดลงมา กระดูกทั่วร่างของเขาย่อมแตกละเอียดจนสิ้นชีพแน่“ฮูหยินอู่... โปรดไว้ชีวิตด้วย!”ฟางเจ๋อกับฮูหยินหยางร้องขึ้นพร้อมกันโครม!ยังมิทันที่ทั้งสองจะพูดจบ ก็เกิดเสียงดังกึกก้องขึ้น ในสวนมีแสงสีเทาสายหนึ่งพวยพุ่งขึ้นเป็นในสวน ดินทรายกระเด็นไปทั่ว ทำให้ทุกคนในที่นั้นมองมิเห็นสิ่งใดเลยชั่วขณะ“หึหึ... แม่ทัพฟาง บัดนี้ยอมรับหรือยังเล่า!”พร้อมเสียงหัวเราะแผ่วเบาของหลิงอวี๋ ฝุ่นดินจึงค่อย ๆ ร่วงลงพื้นเมื่อฟางเจ๋อและผู้อื่นมองเห็นอีกครั้ง แม่ทัพฟางก็ล้มอยู่กับพื้น ทั้งตัวเปื้อนฝุ่นจนขาวโพลนไปทั้งศีรษะและใบหน้าข้างกายเขามีหลุมใหญ่ลึกอยู่หนึ่งหลุมหลุมนั้นเกิดจากฝ่ามือเดียวของหลิงอวี๋ที่ฟาดมาตอนนั้นเอง!ฟางเจ๋อมองดูหลุมที่ลึกลงไปหลายเมตรนั้นด้วยความตะลึง ใจยังหวาดผวามิหายหากฝ่ามือนั้นโจมตีบนร่างท่านพ่อของเขา ท่านพ่อคงได้ไปพบยมบาลแล้
หลิงอวี๋เผชิญหน้ากับคมกระบี่ของแม่ทัพฟางด้วยเพียงรอยยิ้มเย้ยหยัน แล้วก้าวออกไปด้านนอกหลิงหว่านถึงกับนิ่งอึ้ง พวกนางมาวันนี้ก็เพื่อโน้มน้าวให้แม่ทัพฟางช่วยเหลือหยางเฉิง ไฉนเพียงถูกแม่ทัพฟางยั่วเพียงนิด หลิงอวี๋กลับจะจากไปเสียแล้วเล่า!หยางหนานกับฮูหยินหยางก็ตกตะลึงเช่นกัน จะละทิ้งกันง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือ?หลิงอวี๋เดินถึงนอกห้องทำสมาธิแล้วจึงหันกลับมาโบกมือเรียกแม่ทัพฟาง“แม่ทัพฟาง ในห้องคับแคบเกินไป ทั้งยังเป็นห้องทำสมาธิของฟางเจ๋อ มิสะดวกจะลงมือ!”“อยากจะสังหารข้าก็ออกมาเถิด ข้าจะได้ดูว่าท่านมีความสามารถนั้นจริงหรือไม่!”แม่ทัพฟางพลันโกรธจัดจนใบหน้ากระตุกเมื่อครู่ยังเข้าใจว่าตนขู่จนหลิงอวี๋หวาดกลัวได้แล้วแท้ ๆ ที่แท้นางกลับเห็นว่าในห้องแคบเกินไป!“หลิงอวี๋ เจ้าอาจเป็นฮองเฮาแห่งฉินตะวันตก แต่ในแดนเทพของข้า เจ้าก็เป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่งเท่านั้น!”“เจ้ายังคิดว่าแม่ทัพผู้นี้กลัวเจ้าจริงรึ?”แม่ทัพฟางชักกระบี่ขึ้น และเดินก้าวยาวออกจากห้องไปหลิงหว่านและคนอื่น ๆ ก็รีบตามออกมาหลิงอวี๋ยิ้มบาง “แม่ทัพฟาง ท่านจะมิใส่ใจเรื่องชั่วที่หลงซู่กระทำก็ช่างเถิด ท่านกับฟางเจ๋อก็รู้สึกเช่
หลิงอวี๋กับฮูหยินหยางมิได้มีท่าทีจะห้ามปรามหลิงหว่านที่ตำหนิฟางเจ๋อเลยแม้แต่น้อยหยางหนานกลับเห็นว่าพูดแรงเกินไป แต่เมื่อคิดตามก็รู้ว่าที่หลิงหว่านพูดนั้นมีเหตุผล จึงมิได้เอ่ยปากออกมาครานี้ฟางเจ๋อมิอาจรักษาใบหน้าเยียบเย็นเช่นภูผาน้ำแข็งไว้ได้อีกเขามิรู้จักเถาจื่อที่หลิงหว่านกล่าวถึง ทว่าเมื่อลองคิดในมุมของอีกฝ่าย หากตนเองเป็นเถาจื่อ เขาจะมีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความเกลียดชังของผู้คนทั้งหลายแล้วมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?คำตอบคือมิอาจทำได้!คำตอบเดียวที่เขาคิดได้ คือเขาคงยอมตายเพื่อชดใช้ความผิดนั้นดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างอัปยศเช่นนี้คำตำหนิของหลิงหว่านทำให้ฟางเจ๋อรู้สึกละอายอย่างรุนแรงบิดามารดายังอยู่ก็ควรอยู่ใกล้ ๆ ท่านเข้าไว้!ทว่าเขาหลบซ่อนอยู่ในที่นี้ มิได้ปรนนิบัติบิดามารดา มิได้เลี้ยงดูบุตรสาวทั้งหลายของตนเขาในฐานะบุตร เป็นบุตรก็เหมือนมิได้เป็น!เขาในฐานะบิดา เป็นบิดาก็เหมือนมิได้เป็น!การที่เขามีชีวิตอยู่ มีความหมายอันใดต่อพวกเขากันเล่า?หรืออาจเป็นดังที่หลิงหว่านกล่าว หากเขาตายไป พวกเขาคงเสียใจอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แล้วก็คงสามารถดำเนินชีวิตตามปกติต่อไปได้สีหน้าข
“นั่งสิ!”ฟางเจ๋อเอ่ยเรียบง่ายประโยคเดียวหยางหนานถึงกับมิรู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี ภายในห้องมีเพียงเก้าอี้อยู่สองตัว ตัวหนึ่งอยู่ข้างโต๊ะตำรา เห็นได้ชัดว่าเป็นที่นั่งของฟางเจ๋ออีกตัวหนึ่งวางอยู่ข้างชั้นตำรา เป็นที่นั่งของฟางเจ๋อเวลาอ่านตำราเช่นนี้แล้วจะให้ใครนั่งกันเล่า?หยางหนานแน่นอนว่าไม่มีสิทธิ์จะนั่งเก้าอี้ตัวนั้นคงต้องเป็นของฮูหยินหยาง มารดาของตนแต่หลิงอวี๋เป็นถึงฮองเฮาผู้เป็นใหญ่เหนือแผ่นดิน อีกทั้งยังมาเพื่อรักษาอาการป่วยให้ฟางเจ๋อ หากฟางเจ๋อมิมอบเก้าอี้ให้นาง นั่นมิเท่ากับละเลยนางหรือ?หลิงอวี๋เห็นหยางหนานลำบากใจ จึงส่งสัญญาณทางสายตาให้หลิงหว่านหลิงหว่านรีบเดินเข้าไป ยกเก้าอี้ไปให้ฮูหยินหยางนั่งฮูหยินหยางยิ้มจาง ๆ มิได้นั่ง และยืนเอ่ยปากขึ้นทันทีว่า “ฟางเจ๋อ วันนี้พวกเรามาด้วยสองเรื่อง หนึ่งคือขอให้เจ้าช่วยเหลือ!”“อีกเรื่องหนึ่งคือตรวจรักษาโรคให้เจ้า!”“ฮูหยินอู่ผู้นี้ คือหมอผู้มีวิชาแพทย์สูงส่งกว่าข้ามากนัก ให้นางตรวจดูอาการของเจ้าก่อนเถิด!”ฟางเจ๋อนั่งอยู่แล้ว ได้ยินดังนั้นก็กล่าวเย็นชาว่า “เรื่องตรวจรักษาโรคมิต้องแล้ว!”“ฮูหยินหยางควรกล่าวก่อนเถิดว่





![เฟิ่งหวง [鳳凰]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

