หลิงอวี๋ถามเช่นนั้นมู่หรงชิ่งก็พลันตกใจ และนึกถึงคำพูดของพี่ชายบนเรือเช่นกันมู่หรงชิ่งสีหน้าลำบากใจ พูดอย่างอึดอัดว่า “พี่หญิงหลิงหลิง ข้ามิรู้! เสด็จพี่มิได้บอกข้าเรื่องนี้เลย เขาบอกว่าไว้รอคุยกับพวกท่านทีเดียว ข้าก็จะรู้พร้อมกัน!”หลิงอวี๋รู้สึกหงุดหงิด หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ควรจะพามู่หรงเหยียนซงกลับไปที่ตำหนักอ๋องอี้เพื่อถามให้ชัดเจนแล้ว“พี่หญิงหลิงหลิง พวกท่านไปที่ตระกูลเฮ่อและพาเสด็จพี่ของข้าออกมา แล้วถามค่อยเขามิได้หรือ?!”มู่หรงชิ่งเป็นห่วงความปลอดภัยขององค์ชายจิ้น จึงพูดอย่างรีบร้อน “เสด็จพี่ของข้าเป็นองค์ชายแห่งเยวี่ยใต้ ตระกูลเฮ่อไม่มีสิทธิ์กักขังเขา!”“ใจเย็นลงก่อน!”คิ้วของเซียวหลินเทียนขมวดเข้าหากัน กล่าวอย่างสงบใจว่า “องค์หญิงชิ่ง เจ้าคิดได้ ตระกูลเฮ่อก็คิดได้เช่นกัน! แต่เหตุใดตระกูลเฮ่อถึงกล้ากักขังพี่ชายของเจ้าเล่า?”“ข้าคิดว่าเรื่องนี้มิง่ายอย่างที่คิด หากเรามิทำให้เรื่องนี้กระจ่าง ต่อให้เราไปที่นั่นก็คงพาพี่ชายของเจ้ากลับมาพร้อมพวกเรามิได้!”“องค์หญิงชิ่ง ท่านอ๋องตรัสถูกแล้ว เราต้องคิดให้รอบคอบ!”หลิงอวี๋ดึงมู่หรงชิ่งให้นั่งลง แล้วถามว่า “ท่านอ๋
เมื่อกล่าวถึงองค์หญิงใหญ่ หลิงซวนก็ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น “อาจารย์ ข้ารู้จักองค์หญิงใหญ่มิมากนัก เพราะในวังแทบไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงองค์หญิงใหญ่เลย นี่เป็นเรื่องต้องห้ามเจ้าค่ะ!”“ข้ารู้เพียงว่าตั้งแต่ที่องค์หญิงใหญ่เสด็จไปยังอารามจิ้งซือ ก็มิเคยเสด็จกลับวังหลวงมาเยี่ยมไทเฮาอีกเลยเจ้าค่ะ!!”หลิงอวี๋รู้สึกเหลือเชื่อ ถึงอย่างไรไทเฮาก็เป็นพระมารดาขององค์หญิงใหญ่ มีธิดาองค์ใดที่จากไปหลายปีแล้วมิห่วงใยพระมารดาของตนเองบ้าง“แล้วไทเฮาเคยเสด็จไปเยี่ยมบ้างหรือไม่?”หลิงซวนพยายามนึกอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า “น่าจะเคยเสด็จไปเยี่ยมครั้งหนึ่ง นั่นคือสามปีหลังจากที่องค์หญิงใหญ่เสด็จไปที่อารามจิ้งซือ ไทเฮาทรงพาฮองเฮาเว่ยไปด้วย เมื่อเสด็จกลับมา ไทเฮาก็ทรงประชวรหนัก!”“ตอนนั้นมีข่าวลือว่า องค์หญิงใหญ่มิกตัญญู ทำให้ไทเฮาเสียพระทัย จึงทรงประชวรเมื่อเสด็จกลับมา!”“ต่อมาไทเฮาออกมาปฏิเสธข่าวลือด้วยพระองค์เอง โดยกล่าวว่า ที่ทรงประชวรนั้นเป็นเพียงเพราะความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง มิเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่ ข่าวลือจึงค่อย ๆ เงียบหายไป!”“ดูเหมือนว่าตั้งแต่นั้นมา ไทเฮาก็มิเคยเสด็จไปเยี่ยมอีกเลย! ฝ่าบา
ไทเฮาและพระราชธิดาที่พลัดพรากจากกันมานานโผเข้ากอดกันพลางร่ำไห้ ฉากเช่นนี้ฟังดูซาบซึ้งใจยิ่งนัก!กระนั้น หลิ่งอวี๋กลับพบบรรยากาศที่แตกต่างออกไปเมื่อมินานมานี้ ฮองเฮาเว่ยเพิ่งถูกไล่ไปอยู่ตำหนักเย็น ตระกูลเว่ยก็รับตัวองค์หญิงใหญ่กลับคืนมาในเวลานี้ ทั้งยังมีเรื่องการพระราชทานสมรสระหว่างเฮ่อหรงกับมู่หรงชิ่งอีกหากพิจารณาเหตุการณ์เหล่านี้แยกกันก็อาจไม่มีอะไร ทว่าหากนำมารวมกันแล้ว กลับมีความแปลกประหลาดซ่อนอยู่ในทุกเรื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลิงอวี๋คิดว่า ก่อนหน้านี้ฮองเฮาเว่ยวางยาพิษไทเฮา แล้วมู่หรงเหยียนซงก็ยังเอ่ยถึงสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิสูงสุดที่ผิดปกติอีก...องค์หญิงผู้นี้เป็นพระราชธิดาของไทเฮา หากนางคิดร้ายต่อไทเฮา ก็ยากที่จะรับรองได้ว่าไทเฮาจะมิถูกพิษของนาง!“เซียวหลินเทียน ท่านลองเข้าไปหาทางใกล้ชิดกับมู่หรงเหยียนซงดู ส่วนหม่อมฉันจะเข้าวังไปสืบข่าวในวันพรุ่ง!”หลิงอวี๋มิรู้ว่าเมื่อองค์หญิงใหญ่กลับมา ไทเฮาจะยังคงปฏิบัติต่อตนเช่นเดิมหรือไม่มิว่านางจะสนิทสนมกับไทเฮาเพียงใด ก็เทียบมิได้กับพระราชธิดาแท้ ๆ ของพระองค์!ยิ่งไปกว่านั้น หลิงอวี๋ยังต้องการสืบถามข่าวคราวจากข
เซียวหลินเทียนถูขมับเล็กน้อย เพราะปวดศีรษะจากการนอนหลับมิสนิทตลอดทั้งคืน“เฮ่อหรงอาจจะมีส่วนร่วม แต่ท่านจินต้ายังไม่มีหลักฐาน! เพราะเพิ่งพบเบาะแสจากบัญชีของตระกูลหยางที่รวบรวมไว้ก่อนหน้านี้!”“ตระกูลหยางขายอาวุธ อาหาร และยาให้องค์ชายเว่ย แต่เงินบางส่วนถูกบันทึกเป็นชื่ออ๋องกำมะลอ! แม้จำนวนเงินแต่ละครั้งมิมาก แต่เมื่อรวมกันก็นับว่ามากทีเดียว!”“ท่านจินต้าตรวจสอบรายชื่อเหล่านี้แล้วพบว่าเป็นชื่อปลอมทั้งหมด ไม่มีผู้ใดรู้แน่นอนว่าบุคคลนี้เป็นใคร!”“ไม่มีเหตุผล เหตุใดตระกูลหยางจึงให้เงินมากมายและอำนาจกับคนพวกนั้น?”หลิงอวี่พึมพำ “อ๋องกำมะลอ... อ๋องกำมะลอ... อ๋องกำมะลอ! เฮ่อหรงไม่มีอำนาจ และไม่มีตำแหน่งใด ๆ ดังนั้นเขาจึงถูกเรียกว่าอ๋องกำมะลอ!”“เช่นนั้นมันเป็นชื่อที่เฮ่อหรงตั้งให้ตัวเองจนเกือบถูกเยาะเย้ยหรือ?”เซียวหลินเทียนเหน็บแนม “ก่อนหน้านี้ข้ามิเคยสนใจเขาเลย เพราะคนผู้นี้มักทำตัวมิโดดเด่น! แต่คราวนี้กลับหลุดพิรุธออกมา หากพวกเราตรวจสอบ เขาต้องปกปิดมันมิได้แน่นอน!”“ข้าขอให้ท่านจินต้าและอิ๋นฮู๋รวบรวมข้อมูลของเขาไว้แล้ว ครั้งนี้ข้าจะมิปล่อยให้หางจิ้งจอกของเขาหดกลับเข้าไปได้อีก!”หลิ
“พี่สะใภ้สี่ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือ?”เมื่อเห็นหลิงอวี๋จมอยู่ในห้วงความคิด จูหลานจึงถามด้วยความสงสัย “ท่านสงสัยเหมือนกันใช่หรือไม่ว่าเหตุใดองค์หญิงใหญ่จึงเสด็จกลับมา?”หลิงอวี๋ออกจากห้วงความคิดแล้วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ข้ายังมิเคยเข้าเฝ้าองค์หญิงใหญ่เลยสงสัยว่าพระองค์มีนิสัยอย่างไรน่ะ?”จูหลานตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็อยากรู้เช่นกัน! เราจะได้เข้าเฝ้าพระนางเร็ว ๆ นี้แล้ว! ไทเฮาคงทรงพระเกษมสำราญมิน้อยที่ในที่สุดองค์หญิงใหญ่ก็ทรงคิดได้และทรงยินดีที่จะดูแลรับใช้พระนาง!” จูหลานมิรู้เรื่องการเมืองสักเท่าไร ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาด้วยการพูดคุยเรื่องเสี่ยวเป่าให้หลิงอวี๋ฟังว่าเหตุใดเสี่ยวเป่าถึงยังหัวเราะได้ในตอนที่ฟันงอกในฐานะแม่ ลูก ๆ คือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับนางหลิงอวี๋เห็นความตื่นเต้นของอีกฝ่ายจึงรู้สึกอิจฉาแม้หลิงเยวี่ยจะเป็นลูกของนาง แต่ก็มิเคยมีประสบการณ์ในการคลอดและมิเคยมีประสบการณ์เลี้ยงหลิงเยวี่ย จึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับการหัวเราะครั้งแรก หรือเริ่มเดินครั้งแรกน่าเสียดายอย่างยิ่ง!ในภายภาคหน้านางจะต้องมีลูกเป็นของตัวเองเท่านั้นจึงจะได้สัมผัสความสุขเช่นนี้!“ตอนนี
ก่อนที่ไทเฮาและองค์หญิงใหญ่จะนั่งลงประจำที่ พระชายาเส้าและจักรพรรดิอู่อันก็เดินจับมือกันเข้ามา ขณะที่ด้านหลังเป็นองค์หญิงหกเซียวทงวันนี้พระชายาเส้าแต่งตัวอย่างรัดกุมและเต็มยศรูปหกเหลี่ยมสีม่วงบนเสื้อคลุมแสดงถึงความมั่งคั่ง พร้อมด้วยดอกโบตั๋นที่ปักด้วยมือตั้งแต่ช่วงหน้าอกจนถึงไหล่ กลุ่มดอกไม้บนเสื้อช่วยให้ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มอย่างวิจิตรงดงามเปล่งประกายพระชายาเส้าปักปิ่นลูกปัดไว้ในมวยผม ซึ่งทำจากลูกปัดทองคำหกเม็ดเข้าคู่กับหินโมราสีแดง ส่งเสริมให้นางดูสง่างามและโอ่อ่าในฐานะที่เป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในวังหลัง ใบหน้าที่เชิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจของนางหลิงอวี๋หันไปสังเกตสีหน้าขององค์หญิงใหญ่ เพราะเมื่อเห็นปิ่นปักผมของพระชายาเส้า นางก็หันมององค์หญิงใหญ่อย่างมิรู้ตัวอีกครั้งนางเห็นว่าองค์หญิงใหญ่ปักปิ่นลูกปัดบนมวยผมที่เกล้าสูงของนาง ช่างเหมือนกับปิ่นของพระชายาเส้า แต่แตกต่างเพียงขององค์หญิงใหญ่ฝังด้วยลูกปัดทองคำเก้าเม็ด!เลขเก้าคือเลขที่มีเพียงผู้ที่ได้รับความเคารพสูงสุดเท่านั้นที่สามารถใช้ได้!หัวใจของหลิงอวี๋พลันวูบไหว ปิ่นเล่มนี้เป็นของไทเฮา!มันอาจจะเป็นสมบัติที่ไท
เมื่อถึงคราวที่จักรพรรดิอู่อันแนะนำเซียวหลินเทียนและหลิงอวี๋ หลังจากแนะนำทั้งสองคน องค์หญิงใหญ่ก็ยิ้มกว้างและจับมือหลิงอวี๋ด้วยท่าทางดีใจ“เมื่อคืนตัวข้าได้ยินเสด็จแม่พูดถึงเจ้า เสด็จแม่เล่าว่าเจ้าดูแลนางเป็นอย่างดี และยามที่เสด็จแม่ทรงประชวร เจ้าก็ยังอุทิศตนเพื่อดูแลพระนาง!”สิ้นคำ องค์หญิงก็ถอดสร้อยข้อมือหยกมอบให้หลิงอวี๋“นี่คือความต้องการของข้า ขอบใจที่ดูแลไทเฮาเพื่อข้า ไทเฮามอบสิ่งนี้ให้ข้าครั้นเมื่อแต่งงาน ข้าขอส่งต่อมันให้เจ้า!”ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจะปฏิเสธ องค์หญิงใหญ่ก็ปรามนางเอาไว้และพูดหยอกล้อ “เจ้ากับข้ามิเจอกันมาก่อน เจ้าเลยมินับว่าข้าเป็นเสด็จป้างั้นหรือ!”ไทเฮากล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาอวี๋ รับไปเถิด! ในภายภาคหน้าพวกเราแม่ลูกต้องรบกวนเจ้าอีกมาก!”หลิงอวี๋จึงพูดได้เพียงว่า “หลิงอวี๋ขอบพระทัยเสด็จป้าเพคะ!”เมื่อนางเดินกลับมาพร้อมกับสร้อยข้อมือหยก หลิงอวี๋ก็เห็นจ้าวเจินเจินมองตนด้วยสายตาเหยียดหยามพระชายาเว่ยยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์พระชายาเส้าในองค์จักรพรรดิหันมองหลิงอวี๋อย่างมีนัยก่อนหันหลังกลับหลังจากแนะนำตัวพระชายาเย่แล้ว หลิงอวี๋ก็พบว่า ในบรรดาพระชายาทั้งสี่คน นางเป็
จักรพรรดิอู่อันและไทเฮาดูเหมือนจะมิรู้เรื่องนี้ พวกเขาพูดคุยกันอย่างมีความสุขเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตหลิงอวี๋มิได้ตั้งใจฟังมากนัก นางคอยสังเกตท่าทีองค์หญิงใหญ่อย่างใจเย็นนางพำนักอยู่ที่อารามจิ้งซือนานหลายปีจึงมีท่าทีสงบนิ่ง หากพูดตามหลักเหตุผลแล้ว นางควรถือครองพรหมจรรย์และมีจิตใจบริสุทธิ์ แต่หลิงอวี๋มิได้รู้สึกเช่นนั้นทุกย่างก้าวขององค์หญิงใหญ่ดูสง่างามและสูงส่ง ซึ่งเป็นกลิ่นอายที่ผู้บำเพ็ญเพียรมานานมิอาจมีได้อาหารมื้อนี้จบลงด้วยบรรยากาศแห่งความคิดถึง จักรพรรดิอู่อันและพระชายาเส้านั่งรถม้ากลับวังหลวงเป็นคนแรกหลังจากที่หลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนกล่าวลา ทั้งสองคนก็เดินออกจากวังหลวง ทันใดนั้นหลิงอวี๋ก็สังเกตเห็นแม่นมซ่งนางกำนัลส่วนตัวของพระชายาเส้ายืนอยู่ข้างต้นไม้หัวใจของหลิงอวี๋เต้นแรง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ นางจึงเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายแม่นมซ่งถอยไปสองก้าวเพื่อซ่อนตัวอยู่ใต้เงาต้นไม้แล้วกระซิบว่า“พระชายาอ๋องอี้ พระชายาสั่งให้ข้ามาบอกบางอย่างให้ท่าน... การลอบสังหารที่ทะเลสาบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระชายาเจ้าค่ะ!”พูดจบ แม่นมซ่งก็เดินจากไปหลิงอวี๋เดินกลับไปหาเซียวหลิน
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี