หมิ่นกูกับหลิงซวนมองวิธีการที่หลิงอวี๋พิชิตคนแล้วก็แอบตกใจ ในขณะเดียวกันก็นับถือมาก ๆ เช่นกันพวกนางต่างก็เห็นมากับตาว่าหลิงอวี๋ถูกบีบให้เติบโตอย่างไรวังหลวงนี้เป็นหุบเหวที่มองมิเห็นก้นบึ้งของมัน หากมิอยากถูกฝังอยู่ที่นี่ก็ทำได้เพียงแค่ต้องบีบตนเองให้ปีนขึ้นไปหลังจากหลิงอวี๋ส่งคนที่จัดการงานต่าง ๆ ออกไปแล้ว ในที่สุดก็แอบหาเวลาว่างกินอะไรสักหน่อยได้หลิงซวนมองหลิงอวี๋ที่กินมูมมามอย่างปวดใจ แล้วรีบส่งถ้วยน้ำชาให้นางหลิงอวี๋ดื่มไปสองอึกก็นึกถึงเรื่องจักรพรรดิอู่อันขึ้นมาได้ จึงรีบเอ่ยกับหลิงซวน “เจ้าไปบอกกับลู่หนานหน่อยว่า ให้เขาคอยใส่ใจอาหารของท่านอ๋อง… เอ่อ องค์จักรพรรดิเป็นพิเศษหน่อย อย่าให้มีผู้ใดเล็ดลอดเข้าไปยุ่งได้เด็ดขาด!”สาเหตุการตายของจักรพรรดิอู่อันยังตรวจสอบมิชัดเจน หลิงอวี๋กังวลว่ามือสังหารที่ซุ่มซ่อนอยู่จะใช้วิธีเดิมมาลงมือกับเซียวหลินเทียนซ้ำอีก“บอกให้ลู่หนานทำทุกเรื่องด้วยตัวเอง เครื่องนอนเครื่องใช้ในสถานที่พักผ่อนขององค์จักรพรรดิก็ต้องตรวจสอบดูให้หมด หากมีสิ่งที่น่าสงสัยให้เปลี่ยนทั้งหมดทันที!”“ภายในห้องมิต้องเอาดอกไม้ใด ๆ มาจัดวาง พวกถุงหอมเครื่องหอมอะไรก็ยิ่
ลู่หนานเองก็มิได้ประกาศเรื่องนี้ออกไปครึกโครม เขาให้ขันทีเหอผู้ฉลาดซึ่งเป็นคนที่ขันทีเซี่ยหามาให้เป็นคนเอาผงยากับเครื่องหอมนี้ส่งไปให้หลิงอวี๋ตรวจสอบเล็กน้อยสิ่งที่ตรวจสอบออกมาจะต้องรู้ผลที่แน่ชัดว่าคืออะไร ให้หลิงอวี๋สามารถเตรียมการรับมือสถานการณ์ล่วงหน้าได้ มิเช่นนั้นหากรอจนตกหลุมพรางจะสายเกินไปขันทีเหอผู้นี้ปีนี้อายุยี่สิบ เป็นคนมีหน้าตาหล่อเหลา เข้าวังมาประมาณห้าหกปีแล้วก่อนหน้านี้เขาทำงานเบ็ดเตล็ดทั่วไป แม้ว่าจะเป็นคนฉลาดแต่มิได้แสดงออกมา และมิได้เอาใจองค์จักรพรรดิหรือสนมในวังเพื่อจะเลื่อนตำแหน่งตนให้สูงขึ้นด้วยขันทีเซี่ยกล้าแนะนำเขาให้เซียวหลินเทียนใช้งาน นั่นเป็นเพราะขันทีเซี่ยรู้ความลับของขันทีเหอขันทีเหอเป็นพี่น้องกับพระสนมเหอของจักรพรรดิอู่อัน ตอนนั้นสนมเหอถูกพ่อค้ามนุษย์จับตัวมาขายส่งเข้าวังขันทีเหอจึงเต็มใจขายตัวเองเข้าวังมาเพื่อน้องสาว และทำการชำระร่างกายเข้าวังมาเป็นขันทีแม้ว่าพระสนมเหอจะถูกแต่งตั้งเป็นสนม แต่วังหลังมีสาวงามอยู่เป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่ที่นางเข้าวังมาจนตอนนี้ก็มิเคยถูกจักรพรรดิอู่อันเรียกไปปรนนิบัติเลยตอนที่ขันทีเซี่ยไปหาเขาได้พูดออกไปเพียงป
ตอนนี้เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋จะต้องรับภาระในด้านของตนเพียงผู้เดียว เซียวหลินเทียนรับภาระภายนอก หลิงอวี๋รับภาระภายในทั้งสองคนล้วนไม่มีเวลาและมิสามารถช่วยเหลืออีกฝ่ายในเวลาเดียวกันได้ ทำได้เพียงเป็นผู้นำในหน้าที่ของตนเท่านั้นหลิงอวี๋อยู่ภายในก็ถูกพระชายาเส้าทำให้ลำบาก เซียวหลินเทียนอยู่ภายนอกก็ถูกพวกของจ้าวฮุยและขุนนางที่มิเชื่อฟังเขาทำให้ลำบากแม้ว่าจะคนเหล่านี้จะยอมรับตัวตนจักรพรรดิของเซียวหลินเทียนไปตามพระราชโองการสั่งเสีย แต่ก็มิได้รู้สึกว่าเซียวหลินเทียนจะเป็นจักรพรรดิไปได้ยาวนานนักพวกเขาอยากจะใช้โอกาสที่เซียวหลินเทียนยังมิได้นั่งในตำแหน่งจักรพรรดิอย่างมั่นคงนี้ลากให้เขาลงจากตำแหน่งไปจ้าวฮุยบอกกับพรรคพวกของตนว่า ในหนึ่งวันให้ส่งสาส์นกราบทูลไปเป็นจำนวนมาก แล้วให้บอกว่าทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วนรอข้อคิดเห็นอยู่พวกเขาอยากจะหาโอกาสพิสูจน์ว่าคุณสมบัติของเซียวหลินเทียนมิคู่ควรกับตำแหน่งในคืนนี้เซียวหลินเทียนก็มิได้นอนเลย เอาแค่ร่ำเรียนเรื่องการจัดการบ้านเมืองจากการแนะนำของหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิงอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง เมื่อเห็นว่าพรรคพวกของจ้าวฮุยเสนอสาส์นกราบทูลมาด้วย
เหตุใดเซียวหลินเทียนจะมิรู้เหตุผลนี้ เมื่อครู่เขาเห็นสาส์นกราบทูลที่มีความยาวมากเกือบสองหมื่นตัวอักษร หนึ่งหมื่นเก้าพันตัวอักษรด้านหน้านั้นล้วนเป็นประโยคไร้สาระทั้งสิ้นมีเพียงห้าร้อยคำด้านหลังสุดที่เป็นข้อความที่จริงจังหากเซียวหลินเทียนมิอดทนอ่านจนจบแล้วโยนไปด้านข้างเสียก่อนก็คงติดกับไปแล้วตอนไปว่าราชกิจในเช้าวันพรุ่งจะต้องถูกพวกจ้าวฮุยจับผิดแล้วเอาความผิดในฐานละเลยเรื่องบ้านเมืองมาใส่ตนแน่สาสน์กราบทูลเช่นนี้ หากเซียวหลินเทียนนั่งอยู่ในตำแหน่งจักรพรรดิอย่างมั่นคงแล้วก็จะไม่มีผู้ใดกล้ามาซักไซ้เขาแล้วแต่เซียวหลินเทียนยังมิได้ขึ้นครองบัลลังก์เลย หากทิ้งความทรงจำเช่นนี้ไว้กับพวกขุนนาง เช่นนั้นจะมิเป็นผลดีต่อการจัดการบ้านเมืองในภายภาคหน้าของตนเอง“หลี่ว์เซียง เจ้ากับท่านจินต้าจัดการเรื่องเหล่านี้ให้ข้าสักรอบหน่อยเถิด!”“ข้าจะจัดการสาส์นกราบทูลเหล่านี้ก่อน!”เซียวหลินเทียนผลักสาส์นกราบทูลกองหนึ่งไปให้ทั้งสองคน พลางเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “ลำบากพวกเจ้าแล้ว! ต้องมาเหนื่อยไปกับข้าด้วย!”ท่านจินต้าเป็นที่ปรึกษาของเซียวหลินเทียนอยู่แล้ว การช่วยทำงานก็มิได้เป็นอะไรหลี่ว์เซียงอายุมากแล้ว
ขุนนางพรรคพวกของจ้าวฮุยเองก็มีเจตนาเหมือนกับจ้าวฮุยทั้งนั้นใต้เท้าหลี่ยังคงเอ่ยขึ้นมาอย่างกลัวว่าจะมิวุ่นวายมากพอ “ฝ่าบาท กระหม่อมขอเอ่ยถามสักประโยค มิทราบว่า สาส์นกราบทูลที่กระหม่อมส่งไปเมื่อวานได้ทำการลงข้อคิดเห็นแล้วหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ขุนนางคนอื่น ๆ ที่ส่งสาส์นกราบทูลมาเมื่อวานต่างก็พากันซักถามเช่นกันเซียวหลินเทียนสีหน้าเรียบเฉย เขากวาดสายตามองไปที่พวกขุนนางด้านล่างที่ซักถามแล้วจึงเอ่ยอย่างช้า ๆ“สาส์นที่เหล่าขุนนางทั้งหลายส่งมานั้นข้าได้เขียนข้อคิดเห็นไปหมดแล้ว ประเดี๋ยวจะให้ขันทีน้อยเซี่ยส่งคืนให้พวกเจ้า!”“ใต้เท้าข่งก้าวออกมา!”ใต้เท้าข่งที่ถูกเรียกชื่อเป็นบัณฑิตจากสำนักฮั่นหลิน เขาก็คือขุนนางที่ส่งสาส์นกราบทูลเกือบสองหมื่นตัวอักษรมาให้เซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนพยักหน้า จากนั้นขันทีน้อยเซี่ยก็ส่งสาส์นกราบทูลให้เขายังมิทันที่ใต้เท้าข่งจะได้อ่านข้อคิดเห็นของเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมา“เมื่อวานข้าได้เขียนข้อคิดเห็นในสาส์นกราบทูล เห็นสาส์นกราบทูลของใต้เท้าข่งก็ตกใจมาก เรียกได้ว่าเป็นแบบอย่างของการเขียนสาส์นของขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊เลยทีเดียว!”“ดั
“แม่ทัพอันพูดถูก ใต้เท้าข่ง หากเป็นในสนามรบแล้วทหารมารายงานข้อมูลดั่งเช่นที่ท่านทำ ก็คงมิต้องสู้รบกันแล้ว แค่รอให้กองทัพถูกกวาดล้างไปเถอะ!”แม่ทัพคนหนึ่งก็เออออไปกับคำพูดของอันเจ๋อและดุด่าใต้เท้าข่งเช่นกันขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่งก็ด่าออกมา “ใต้เท้าข่ง นี่มิใช่การเขียนบทความนะ แต่เป็นการเขียนสาส์นกราบทูล ท่านแหกตาดูเอาเถิดว่าบนโต๊ะขององค์จักรพรรดิมีสาส์นกราบทูลกองอยู่มากถึงเพียงนั้น หากพวกเราเขียนคำพูดไร้สาระยืดยาวเช่นท่านกันหมด เช่นนั้นองค์จักรพรรดิคงเหนื่อยจนเป็นลมไปพอดี!”ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ต่างพูดต่อว่าใต้เท้าข่งอย่างเสริมกันไปมาใต้เท้าข่งถูกพูดใส่เช่นนี้ก็หน้าแดงหูแดง แล้วเอ่ยโต้เถียงเสียงดังอย่างหมดแรง“ข้าก็มีที่พูดเรื่องจริงจัง… อีกทั้งก่อนหน้านี้ข้าก็เขียนเช่นนี้ องค์จักรพรรดิสูงสุดมิเห็นทรงตำหนิกระไร พวกท่านมีสิทธิ์อะไรมาต่อว่าข้า!”พรรคพวกของจ้าวฮุยจึงออกมาสนับสนุนใต้เท้าข่งในทันที มีบางคนตะโกนขึ้นมา “แม้ว่าสาส์นกราบทูลของใต้เท้าข่งจะยาวก็เป็นความสามารถในด้านการเขียน ควรค่าให้พวกเราเรียนรู้!”“เมื่อครู่องค์จักรพรรดิก็ยังชื่นชมว่าสาส์นกราบทูลของเขาเขียนดีเลยมิใช่หร
“สาส์นที่ใต้เท้าจางส่งมาเป็นเรื่องสตรีผู้หนึ่งที่เขตหมินเก็บทองได้แล้วมิถือเอาเป็นของตน… นี่เป็นเรื่องดี ใต้เท้าจาง เจ้าส่งป้ายผ้าให้นางเป็นรางวัลแทนข้าที!”เซียวหลินเทียนโยนสาส์นที่เขารู้สึกว่าไร้สาระลงบนพื้นทีละอันอย่างไร้ความปรานี“ใต้เท้าวาง ที่ข้างถนนมีเด็กเล็กสองคนทะเลาะกัน ในสาส์นที่เจ้าส่งมาบอกว่า พ่อแม่ของพวกเขาสั่งสอนมิดี เช่นนั้นข้าขอสั่งให้เจ้าไปช่วยพ่อแม่ทั้งสองครอบครัวดูแลเด็กเล็กสองคนนั้น!”“เมื่อใดที่เด็กสองคนนั้นมิทะเลาะกันแล้วเจ้าค่อยกลับมาทำงานต่อ! จงจำไว้ มิใช่ว่าการที่เขามิทะเลาะกันเพียงหนึ่งถึงสองเดือนก็ถือว่าเจ้าสั่งสอนสำเร็จแล้ว แต่ต้องเป็นเวลาจนกว่าจะถึงอายุยี่สิบปี!”ใต้เท้าวางหน้าซีดเผือด จะดูแลได้อย่างไรกัน!เด็กสองคนนั้นเพิ่งจะอายุห้าหกขวบ รอให้พวกเขาอายุสิบห้ายี่สิบ เช่นนั้นตนเองต้องสิ้นเปลืองเวลาเกือบสิบปีไปอยู่กับพวกเขาหรือ?เขานึกเสียใจอยู่ครู่หนึ่ง มีเรื่องตั้งมากมายไฉนตนกลับบอกเรื่องนี้ในสาส์นกราบทูลกันเล่า!จากที่เซียวหลินเทียนอ่านสาส์นกราบทูลแต่ละอันแล้ว พวกขุนนางลูกน้องของจ้าวฮุยหลายคนก็ถูกเซียวหลินเทียนเปลี่ยนวิธีต่าง ๆ ปรามไปหมดแล้วจ้าวฮ
เซียวหลินเทียนลงโทษพวกใต้เท้าข่งกับใต้เท้าวางก่อน หลังจากนั้นสาส์นน่าเบื่อเหล่านี้ก็มิปรากฏอยู่บนโต๊ะทรงงานของเซียวหลินเทียนอีกเลยแผนการเล็ก ๆ นี้ของจ้าวฮุยถูกเซียวหลินเทียนใช้วิธีการเช่นนี้จัดการไปแล้วอันเจ๋อกับเผยอวี้นับถือเซียวหลินเทียนมาก แต่เซียวหลินเทียนกลับมิกล้าภาคภูมิใจในตนเองด้วยเรื่องนี้จ้าวฮุยเป็นคนที่เฉลียวฉลาดและมีความสามารถ เมื่อแผนการหนึ่งมิสำเร็จจะต้องมีแผนการมาอีกแน่นอนเวลานี้เซียวหลินเทียนยังมิได้ครองบัลลังก์ ไม่มีเหตุผลที่เป็นธรรมและมิสามารถแตะต้องจ้าวฮุยได้ ทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้ก่อนเท่านั้นจ้าวฮุยมองสาส์นกราบทูลที่ว่างเปล่า เขารู้ว่าเซียวหลินเทียนทำวิธีนี้เพื่อปรามขุนนางที่เป็นพรรคพวกของตนแต่เขาทำอย่างสมเหตุสมผล แม้ว่าเขาจะมิพอใจแต่ก็ทำได้เพียงอดทนไว้เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋มิธรรมดาเลย!ระหว่างที่จ้าวฮุยกลับไปก็ได้แต่ครุ่นคิดอยู่ตลอด เขาคิดว่าตนได้พบกับคู่ต่อสู้สองคนที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิตแล้วเซียวหลินเทียนมีความสามารถทั้งทางบุ๋นและบู๊ อีกทั้งยังมีไหวพริบที่โดดเด่นด้วย การจะจัดการเขาสักคนก็ยากมากพอแล้วยังมีหลิงอวี๋เพิ่มเข้ามาอีก สตรีผู้นี้เอ
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี