แต่สิ่งที่หลิงเสียงเซิงคาดคิดมิถึงเลยก็คือ เมื่อเขากลับมาถึงเมืองหลวง ผู้ที่ทำลายความเพ้อฝันในการเลื่อนขั้นของเขาจนแตกสลายไปมิใช่หลิงอวี๋และเซียวหลินเทียน แต่เป็นท่านอดีตเสนาบดีทันทีที่ท่านอดีตเสนาบดีเห็นว่าหลิงเสียงเซิงรีบร้อนกลับมาเช่นนี้ มีหรือที่จะมิรู้ความคิดของเขาท่านอดีตเสนาบดีจึงเรียกหลิงเสียงเซิงมาที่ห้องตำรา และเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา“หลิงเสียงเซิง หากเจ้าคิดจะส่งแผ่นป้ายไปในวังเพื่อขอเข้าเฝ้าฮองเฮาให้ฮองเฮาเลื่อนขั้นให้เจ้า เจ้าก็ถอดใจในเรื่องนี้ไปเสียเถิด!”“เหตุใดเล่า?”หลิงเสียงเซิงร้อนใจขึ้นมาทันที แล้วตะโกนเอ่ยกับท่านอดีตเสนาบดี “ข้าอยู่ในตำแหน่งอาลักษณ์มาหลายปีถึงเพียงนี้แล้ว! หลิงอวี๋โดดเด่นขึ้นมาอย่างยากลำบาก ข้าเลี้ยงดูพวกเขาพี่น้องมา พวกเขามิควรตอบแทนข้าเลยหรือ?”“บังอาจ เจ้าสามารถเอ่ยนามจริงของฮองเฮาออกมาตรง ๆ ได้หรือ?”ท่านอดีตเสนาบดีเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “หลายปีมานี้เจ้าปฏิบัติต่อพวกเราพี่น้องอย่างไร เจ้ามิรู้แก่ใจดีหรอกหรือ? ฮองเฮาใจกว้างมิคิดบัญชีกับเจ้า เจ้ายังจะคิดว่าตนเป็นผู้มีพระคุณของพวกเขาจริง ๆ หรือ!”“หลิงเสียงเซิง ข้าจะบอกเจ้านะ เจ้าต้องสงบเสงี่
สำหรับเด็กที่อายุสิบปีขึ้นไป หลิงอวี๋ยังจัดตั้งวิชาทักษะให้เป็นพิเศษด้วยเด็กที่มาจากตระกูลยากจน จะมีผู้ใดที่เป็นดั่งคุณหนูและคุณชายตระกูลร่ำรวยเหล่านั้นในเมืองหลวงที่เล่นดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์และการวาดภาพอยู่ทุกวัน และโอดครวญโดยที่มิได้เจ็บป่วยใด ๆหากมีคนที่มีทักษะที่สามารถเลี้ยงชีพได้ หลิงอวี๋ก็รู้สึกว่าจะเป็นการช่วยเหลือพวกเขาได้ดีที่สุดวิชาทักษะเหล่านี้ครอบคลุมไปด้วยงานฝีมือ การผลิตและวิชาการแพทย์เป็นต้น และจะแบ่งห้องเรียนตามความสนใจของพวกเด็ก ๆวิชาทักษะเหล่านี้มิเพียงแต่เปิดสอนแต่เด็กผู้หญิงเท่านั้น หออักษรของเด็กผู้ชายก็มีการส่งเสริมเช่นกันเมื่อเป็นเช่นนี้ ครูที่ต้องการจึงมีหลากหลายด้าน หลิงอวี๋จึงได้ทำการตรวจสอบคุณสมบัติของครูที่ได้รับการแนะนำมาทีละคนการศึกษาเป็นรากฐานของแคว้น หลิงอวี๋มิอยากให้ครูที่คุณธรรมจริยธรรมมิดีมาสอนสิ่งที่มิดีให้ศิษย์ครูบุรุษหาได้ง่าย แต่ครูสตรีจะหายากสักหน่อยสตรีจำนวนมากล้วนมีทัศนคติแบบดูเชิงไปก่อน พวกนางได้รับการศึกษาแบบดั้งเดิมจึงรู้สึกว่าการแสดงตัวต่อสังคมมิดีครูที่ได้เรียกตัวมานอกจากจะเป็นครูในด้านดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์และการว
เซียวหลินเทียนก็มิได้โกรธ นี่คือมาตรการปฏิรูปแรกที่เขาเสนอหลังจากที่ได้ครองบัลลังก์ หากเขามิสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น เช่นนั้นในภายภาคหน้าแผนการปฏิรูปอื่นของตนจะดำเนินการอย่างไรเซียวหลินเทียนรอให้ทุกคนโต้แย้งกันไปพอประมาณแล้วจึงยิ้มอย่างเย็นชาพลางเอ่ย “เหล่าขุนนางทั้งหลายที่พวกเจ้าโต้แย้งกันไปมา มิใช่เพราะรู้สึกว่าสตรีมิคู่ควรที่จะเป็นเพื่อนร่วมงานของพวกเจ้าหรือ?”“ในสายตาของข้า พวกเจ้ากับสตรีเหล่านั้นล้วนเป็นราษฎรของข้าทั้งสิ้น แม้ว่าข้าจะยังมิได้มีบุตรสาว แต่ข้าคิดว่าในฐานะพ่อแม่ ขอเพียงเป็นลูกของข้าก็ควรได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน!”“ขุนนางระดับสี่คือรางวัลที่ข้ามอบให้สตรี ข้าจะมิยอมในเรื่องนี้เป็นอันขาด!”“สำหรับเรื่องที่จะให้เบี้ยหวัดตามตำแหน่งที่เท่ากันนั้น ข้าคิดว่างานที่พวกนางทำก็แค่แตกต่างจากงานของพวกเจ้าเท่านั้น มิได้แบ่งแยกสูงต่ำ ในเมื่อทำงานแล้วก็ควรได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม!”“ขุนนางระดับสี่ก้าวออกมา!”เมื่อเซียวหลินเทียนเรียกเช่นนี้ เหล่าขุนนางระดับสี่ก็มองหน้ากันไปมาแล้วก้าวออกมา“หลังจากการว่าราชกิจยามเช้าวันนี้ พวกเจ้าอยู่ก่อน อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในวังหน
เมื่อประกาศเรื่องแผนการที่ขุนนางสตรีสามารถรับค่าตอบแทนเท่าเทียมกับตำแหน่งเดียวกันได้และเลื่อนตำแหน่งได้ดั่งเช่นขุนนางบุรุษออกไป ก็เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันในเมืองหลวงทันที สตรีที่ดูเชิงอยู่เหล่านั้นก็ใจเต้นขึ้นมาทันที นี่ก็หมายความว่า หากพวกนางออกมาสมัครครูก็จะสามารถได้รับค่าตอบแทนมาดูแลครอบครัวได้และโดดเด่นได้ดั่งเช่นบุรุษหรือ?วันแรกก็มีสตรีออกมาลงทะเบียนกันจำนวนมิน้อย สตรีเหล่านั้นส่วนมากล้วนเป็นคนที่สภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตที่บ้านมิดีบางคนถูกแม่สามีทรมานจนมิอาจอยู่ที่บ้านได้ บางคนก็ถูกสามีและแม่สามีทอดทิ้งเพราะให้กำเนิดลูกสาวทั้งยังมีบางคนที่ถูกสามีทุบตีอยู่บ่อยครั้งด้วยหลิงอวี๋ให้ขุนนางสตรีที่รับลงทะเบียนบันทึกข้อมูลของสตรีเหล่านี้ที่มาลงทะเบียนและสาเหตุที่มาสมัครเอาไว้ด้วย เมื่อเห็นสาเหตุเหล่านี้ หลิงอวี๋ก็ยิ่งรู้สึกถึงความยากลำบากในการใช้ชีวิตของสตรี ในตอนที่นางกับเซียวหลินเทียนกินอาหารกันจึงโยนข้อมูลเหล่านี้ไปตรงหน้าของเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนตกใจกับความหงุดหงิดของหลิงอวี๋ไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อเขาอดทนอ่านสาเหตุที่สตรีเหล่านั้นมาสมัครจนจบ ในฐานะที่เซียวหลินเทียนเป็
เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนขอโทษ หลิงอวี๋ก็นึกถึงการตายอย่างมิยุติธรรมของเจ้าของร่างเดิม แล้วก็ยังคงมีความโกรธอยู่ต่อให้ตอนนั้นเจ้าของร่างจะทำความผิดไป แต่โทษก็มิถึงตาย แต่เพราะเซียวหลินเทียนวางตัวอยู่เหนือผู้อื่นจึงได้ตีจนนางตายไปเมื่ออ่านเหตุผลที่สตรีเหล่านี้มาสมัครก็รู้ว่า ใต้หล้านี้มีบุรุษที่ชอบวางตัวอยู่เหนือผู้อื่นอยู่เป็นจำนวนมาก และสตรีที่ต้องตายอย่างมิยุติธรรมด้วยน้ำมือของพวกเขาก็คงจะนับมิถ้วนกระมัง!“ฝ่าบาท ยามจวนขุนนางไต่สวนคดียังต้องขอหลักฐานเพื่อมิให้ผู้บริสุทธิ์ต้องตายโดยมิยุติธรรมเลยเพคะ!”หลิงอวี๋กดความโกรธไว้พลางเอ่ยเหตุผลกับเซียวหลินเทียนอย่างอดทน “แต่ท่านดูสิ่งที่สตรีเหล่านี้ประสบเถิดเพคะ หากพวกนางถูกแม่สามีทรมานจนตาย หรือถูกสามีทุบตีตายไป จะมิยิ่งกว่าการทำผิดแล้วได้รับโทษอย่างมิยุติธรรมหรือเพคะ?”“การตั้งกฎก็เพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์! สตรีเหล่านี้ก็เป็นราษฎรเช่นกัน ความเป็นความตายของพวกนางมิควรขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ใดเพคะ!”“ดังนั้นหม่อมฉันขอเสนอ สำหรับเรื่องเหล่านี้ พวกท่านควรปรับกฎ ใส่รายละเอียดในการคุ้มครองเด็กและสตรีเข้าไปเพคะ!”เซียวหลินเทียนครุ่นคิดอย
นางสามารถสมทบไปตามความเหมาะสมได้ แต่นี่คือหลุมที่ไม่มีวันถมให้เต็มได้ นางเองก็มิสามารถเติมเงินลงไปให้ได้ตลอดในช่วงนี้ นอกจากหลิงอวี๋จะเรียนรู้เรื่องการดูแลวังหลังแล้ว สำหรับเรื่องเงินคลังนี้ หลิงอวี๋เองก็ต้องวางแผนแทนเซียวหลินเทียนเช่นกันว่าจะตัดรายจ่ายและเพิ่มรายรับอย่างไรแต่การช่วยเหลือเป็นสิ่งจำเป็น ต่อให้ประหยัดอย่างไรก็มิอาจตัดค่าใช้จ่ายไปได้“เซียวหลินเทียน ตอนนี้เงินคลังยังเหลืออยู่เท่าใดหรือเพคะ?”หลิงอวี๋เพิ่งจะเอ่ยถามออกไป ขันทีน้อยเซี่ยที่อยู่ด้านนอกก็เข้ามาเอ่ยรายงาน “ฝ่าบาท เกิดเรื่องแล้วพ่ะย่ะค่ะ ใต้เท้าเฝิงขุนนางระดับสูงของกองทหารกับหลี่ว์เซียง และอัครเสนาบดีจ้าวมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนยืนขึ้นทันทีพลางเอ่ยถามเสียงเรียบ “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”ขันทีน้อยเซี่ยได้รับการปลูกฝังจากขันทีเซี่ยมาอย่างลึกซึ้งจึงทำงานอย่างละเอียดรอบคอบ เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเข้ามารายงาน “เห็นว่าเกิดการจลาจลขึ้นที่หลายเมืองทางแถมแม่น้ำเหลืองพ่ะย่ะค่ะ พวกที่ร่วมก่อเหตุมารวมตัวกันเกินสามหมื่นคนแล้ว!”ว่ากระไรนะ?เซียวหลินเทียนชะงักค้าง นี่คือเรื่องใหญ่ที่มิควรประมาทเขารีบบอ
ยังมิทันที่เซียวหลินเทียนจะได้โมโหออกมา ใต้เท้าเฝิงก็สังเกตสีหน้าท่าทางแล้วคุกเข่าลงทันที“ฝ่าบาท กระหม่อมก็เพิ่งได้รับสาส์นนี้ในวันนี้เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ เมื่อถามก็ได้รู้ว่าเจ้าหน้าที่ผู้ส่งสาส์นเจอหิมะตกอย่างหนักในระหว่างทาง จึงติดอยู่ในป่าเขาทำให้ธุระทางการทหารล่าช้าพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาท น่าสงสารเจ้าหน้าที่ผู้นั้นที่เร่งรีบเดินทางจนขาหัก กังวลว่าจะมาส่งสาส์นเร่งด่วนมิทันเวลาจึงฝืนมาทั้งที่เจ็บป่วยอยู่พ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อใต้เท้าเฝิงพูดเช่นนี้ เซียวหลินเทียนก็ระบายความโกรธมิลง ส่วนเรื่องสาเหตุที่แน่ชัดว่าเหตุใดจึงส่งสาส์นมาล่าช้านั้น หลังจากจบเรื่องนี้เขาจะส่งคนไปตรวจสอบให้กระจ่างเอง หากเป็นฝีมือของคน เขาจะไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ แน่“อัครเสนาบดีจ้าว หลี่ว์เซียง ใต้เท้าเฝิง พวกเจ้าดูสาส์นนี่!”เซียวหลินเทียนส่งสาส์นไปให้อัครเสนาบดีทั้งสองหลี่ว์เซียงกับอัครเสนาบดีจ้าวได้รู้เรื่องนี้จากปากของใต้เท้าเฝิงมาก่อนแล้ว หลี่ว์เซียงเองก็รู้สึกเหมือนเซียวหลินเทียนว่ามีลับลมคมในอะไรบางอย่างอยู่ในนั้นจ้าวฮุยรู้เรื่องราวภายในมากกว่าหลี่ว์เซียงแต่มิอยากบอกเซียวหลินเทียน จึงแสร้งทำเป็นอ่านสาส์
คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลินเทียนเป็นการตัดสินเรื่องการปราบโจรไปหากอันเจ๋อมิสามารถจัดการได้อย่างเหมาะสม กลับมาก็จะถูกลงโทษคำพูดที่เซียวหลินเทียนจะจัดการแม้แต่อันเจ๋อนั้นคนอื่นคิดดูก็จะรู้ แม้ว่าจ้าวฮุยจะอยากค้านแต่ก็เงียบพูดมิออก“ใต้เท้าเฝิง เร่งให้กรมกลาโหมจัดการในทันที! วันพรุ่งให้กองกำลังออกเดินทางไปกับแม่ทัพอัน! ผู้ใดกล้าถ่วงให้ธุระทางการทหารล่าช้าอีกก็ให้จัดการด้วยกฎของทหาร!”เซียวหลินเทียนปลดระวางเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ แล้วให้ขันทีเหอประกาศเรียกอันเจ๋อเข้าวังในขณะเดียวกัน เซียวหลินเทียนก็ให้จ้าวซวนไปส่งจดหมายหาเผยอวี้ให้เผยอวี้รีบกลับมาช่วยอันเจ๋อด้วยเป็นครั้งแรกที่อันเจ๋อได้รับมอบหมายภารกิจที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ทำเอาเขารู้สึกค่อนข้างมิสบายใจ กระทั่งได้ยินว่า เซียวหลินเทียนจัดแม่ทัพผู้ช่วยมาให้สองคนนั้นคือลั่วฮั่นกับจี้จื่อ อันเจ๋อจึงโล่งใจแม่ทัพทั้งสองล้วนเป็นสหายที่โตมาด้วยกันกับพวกเขา เมื่อก่อนก็เป็นสหายที่เรียนกับอาจารย์ด้วยกันในวังหลวงพวกเขาทั้งสองก็เหมือนกับอันเจ๋อที่เป็นรัฐทายาทในตระกูลร่ำรวย แม้ว่าจะร่ำเรียนมาด้วยกันกับคนที่อาจจะเป็นจักรพรรดิในภายภาคหน้าอย่างองค์ชายคั
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี