ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ทำภารกิจสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้วโดนองค์กรสั่งเก็บ เธอตื่นขึ้นอีกครั้งในร่างของ จางซินหยาน บุตรสาวของช่างไม้ในหมู่บ้าน ฟาตง
View Moreสืออีถูกปลุกโดยเสียงโทรศัพท์ ปลายสายจากให้เธอเข้าไปพบหัวหน้าองค์กรโดยด่วน สืออีลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว
เธอไม่ได้รับงานมาเกือบเดือนแล้ว เพราะงานในช่วงนี้ขององค์กรมีแต่ระดับล่าง เธอไม่จำเป็นต้องลงมือทำด้วยตนเอง งานแต่ละครั้งที่ได้รับเป็นระดับP (perfect) ค่าตอบแทนที่ได้ก็ทำให้เธอใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสุขสบาย
สืออี ถูกญาติส่งตัวไปอยู่สถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงสามขวบ เพราะสูญเสียบิดามารดาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ญาติทั้งสองฝ่ายก็ไม่อยากจะรับเลี้ยงเธอ
ตอนอายุเจ็ดขวบ ก็มีคนมารับเลี้ยงเพียงแต่เธอถูกเลี้ยงให้เป็นนักฆ่าขององค์กรใต้ดิน ความสามารถรอบด้าน ทั้งความเฉลียวฉลาดทำให้องค์กรเริ่มจะหวาดกลัวเธอ
สืออีก็รู้ตัวดีว่าอีกไม่นานเธอคงต้องถูกกำจัด จากประสบการณ์ที่ได้รู้เห็นมาจนอายุ ยี่สิบเจ็ดปี เพียงแต่ไม่รู้ว่าเวลานั้นจะมาถึงเมื่อไหร่
สืออียืนอยู่หน้าประตูห้องสีดำสนิทที่คุ้นเคย เธอถอนหายใจออกมาก่อนจะเคาะประตูเพื่อขอเข้าไปด้านใน
"เข้ามา" เสียงบุรุษสูงวัยเอ่ยอนุญาต
"สวัสดีค่ะ หัวหน้า" สืออีก้มหัวลง
"สืออี ฉันมีงานให้เธอทำ ครั้งนี้ยากเสียหน่อยแต่แลกกับอิสรภาพก็น่าจะนับว่าคุ้มสำหรับเธอ" หัวหน้าโยนแฟ้มข้อมูลงานมาที่ตรงหน้าเธอ
"ได้ค่ะ" เธอแสร้งยิ้มรับ
สืออีเดินถือแฟ้มออกมาจากห้อง เธอยิ้มเยาะตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องพักในองค์กรของเธอ
งานระดับ P อีกสองวันจะมีงานเปิดตัวโปรแกรมลับที่ทั่วโลกต่างจับตามอง องค์กรต้องการให้เธอไปขโมยชิปที่เป็นโปรแกรมหลักของงานนี้
สืออีอ่านข้อมูลและทำความเข้าใจกับแผนที่จนจดจำได้ทั้งหมด เธอต้องทำลายหลักฐานที่ได้มาทุกอย่างทิ้งเพื่อไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้อีก
สองวันต่อสืออีเตรียมตัวพร้อมก็ออกเดินทางไปโรงแรมที่ใช้เปิดตัวโปรแกรมลับ เธอสวมใส่ชุดสีดำสนิท อุปกรณ์ปลดล็อกห้องนิรภัย หรือแม้กระทั่งอาวุธที่ต้องใช้ก็ล้วนแล้วแต่จัดเตรียมไว้พร้อม
ภายในโรงแรมคนคุ้มกันหนาแน่นเสียยิ่งกว่างานเครื่องเพชรระดับโลกที่เธอเคยเข้าไปขโมยมาเสียอีก จะบอกว่าเธอได้รับงานโจรกรรมของมาก็ไม่น้อย ส่วนมากจะเป็นงานเอาชีวิตผู้มีอิทธิพลเสียมากกว่า
สืออีเข้าไปทางช่องระบายอากาศ ที่เธอเลือกช่องทางนี้เพราะสามารถเข้าถึงสถานที่เก็บชิปได้โดยตรง แต่คนคุ้มกันก็หนาแน่นเช่นเดียวกัน
เมื่อออกมาจากช่องระบายอากาศปืนเก็บเสียงในมือก็พร้อมแล้ว นัดแรกพุ่งเข้ากลางศีรษะของผู้คุ้มกัน นัดที่สองสามตามมา เมื่อกระสุนปืนหมดลง มีดสั้นก็ปรากฏขึ้นมาแทน กว่าจะจัดการคนทั้งหมดลงก็เล่นเสียเธอแทบสิ้นเรี่ยวแรงไปด้วย
เมื่อได้ชิปมาแล้ว คนขององค์กรที่รออยู่ก็ชักปืนขึ้นมาจ่อสืออี เป็นไปอย่างที่เธอคิดไว้ ในเมื่ออยากให้เธอตายสิ่งที่องค์กรต้องการเห็นทีก็คงไม่ได้เช่นกัน
ก่อนหน้านี้สืออีกลืนชิปลงท้องไปแล้ว กระเป๋าในมือก็เป็นชิปที่เธอนั่งอัดด่าองค์กรไว้ให้พวกมันเปิดดูแทน เมื่อสืออีส่งกระเป๋าให้คนขององค์กรแล้ว เสียงปืนที่ยิงมาทางเธอก็ดังขึ้น
สืออีที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วก็หลบกระสุนนัดแรกได้ แต่ไม่ใช่นัดต่อ ๆ มา เธอตัดสินใจพุ่งตัวลงไปในแม่น้ำแทน หากได้ร่างเธอกลับไปย่อมต้องพาเอาตัวชิปออกมาได้
ใครจะยอมให้ง่ายๆ กัน อยากได้ก็ต้องออกแรงเสียหน่อย คนขององค์กรเมื่อได้สิ่งที่ต้องการก็ไม่สนใจร่างที่ตกลงไปในแม่น้ำของสืออี รีบร้อนกลับไปรายการกับหัวหน้าทันที
สืออีที่ถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง เมื่อเธอตัดสินใจกระโดดลงแม่น้ำ เธอก็เตรียมพร้อมที่จะรับความตายไว้แล้ว
ความเย็นของน้ำในแม่น้ำยามค่ำคืน ทำให้สืออีไม่อาจพยุงตัวเพื่อพาร่างที่บอบช้ำขึ้นริมตลิ่งได้ สายน้ำที่เชี่ยวกรากผลัดพาร่างของสืออีจมลงไปก้นแม่น้ำ
จิตสุดท้ายของสืออีได้แต่โทษโชคชะตาที่เล่นตลกกับเธอ ตั้งแต่ที่พ่อแม่เสียชีวิตลง ญาติทั้งสองฝั่งต่างก็โยนตัวภาระเช่นเธอทิ้งไว้ที่สถานสงเคราะห์
เมื่อมีคนมารับไปเลี้ยง เธอก็หวังมาโดยตลอดว่าจะพบกับครอบครัวที่ต้องการเธออย่างแท้จริง แต่เมื่อได้เข้ามาอยู่ในองค์กรจึงได้รู้ว่าคนที่รับเลี้ยงต้องการเพียงแค่สัตว์เลี้ยงที่ซื่อสัตย์ยอมทำงานถวายชีวิตเท่านั้น
สืออียิ้มเยาะตัวเองก่อนจะหลับตาลงเพราะอากาศที่ใช้หายใจเริ่มหมดไป แม้แต่ยามที่อยู่ใกล้สิ้นใจแล้ว ใบหน้าของเธอก็ยังคงมีรอยยิ้มอยู่เสมอ นี่คงเป็นหนทางแห่งการหลุดพ้นเพื่อได้ไปเกิดใหม่ มีชีวิตใหม่เสียที
สืออีได้ยินเสียงร้องเรียก พร้อมทั้งเขย่าตัวเธอไปด้วย 'ใครกันมาช่วยเธอขึ้นจากน้ำ'
"หยานเออร์เจ้าฟื้นสิลูกรัก" สืออีขมวดคิ้วอย่างงุนงง 'คุณแม่หรือ'
ไม่มีใครเรียกเธอว่า หยานเออร์มานับตั้งแต่ที่ถูกรับไปอยู่ในองค์กร แล้วผู้หญิงที่เรียกชื่อเธออยู่จะไม่ใช่แม่เธอได้อย่างไร
หรือตอนนี้เธอจะอยู่กับคุณแม่บนสวรรค์ แต่เป็นไปไม่ได้ เธอฆ่าคนมานับไม่ถ้วนจะได้ขึ้นสวรรค์ได้อย่างไร
ในหัวของสืออีประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างไม่เข้าใจ แต่เสียงร้องเรียกชื่อเธอของผู้หญิงและผู้ชายที่อยู่ข้างหูเธอก็ยังคงได้ยินอยู่
"น้องสาวจะเป็นอันใดหรือไม่ขอรับท่านพ่อ" เสียงสะอื้นของเด็กหนุ่มดังขึ้น
'ไม่ เธอไม่มีพี่ชาย เช่นนั้นก็ไม่ใช่ครอบครัวของเธอ แล้วเป็นเสียงของใครกัน' สืออีพยายามเริ่มตาที่หนักอึ้งเพื่อมองเหตุการณ์ที่เธอได้ยิน เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เธอได้ยินไม่ใช่สิ่งที่คิดไปเอง
"หยานเออร์เจ้าฟื้นแล้ว ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณสวรรค์"
สืออีมองไปรอบตัวก็เห็นคนแปลกหน้าที่อยู่ในชุดโบราณ บริเวณที่เธอนอนอยู่เป็นริมแม่น้ำ ในตอนนี้มีสตรี บุรุษ เด็กหนุ่มกำลังโขกศีรษะกับพื้นเพื่อขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้เธอฟื้นขึ้นมา
'นี่มันเรื่องบ้าบออะไร เกิดอะไรขึ้นกับตัวฉัน' สืออีหมดสติไปอีกครั้งไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อตรงหน้าหรือเป็นเพราะร่างกายนี้อ่อนแอเกินไป
ฮ่องเต้เมื่อเสร็จงานฉลองเดือนของหลานทั้งสาม พระองค์ก็เดินทางไปตรวจดูนาเกลือด้วยพระองค์เอง ยิ่งเห็นก็ไม่อยากจะเชื่อว่า เพียงดึงน้ำทะเลมากักเก็บไว้ก็สามารถทำเป็นเกลือได้แล้วฮ่องเต้กับฮองเฮาอยู่ที่เมืองเจียซวนอีกเกือบเดือนจึงได้ตัดใจกลับเมืองหลวง จางเทียนกับชุยเหมยก็เดินทางกลับพร้อมขบวนเสด็จด้วย เพราะซินหยานนางคิดว่าอีกไม่กี่เดือนให้บุตรทั้งสามพร้อมจะนั่งรถม้านางก็จะเดินทางกลับเมืองหลวงหากนางยังไม่กลับ พวกเขาได้หาเรื่องมาหาหลานที่เมืองเจียซวนหรือไม่ว่าพวกนางจะไปที่ใดก็คงจะออกเดินทางไปด้วยเช่นกันบุตรคนโต นามว่าเซี่ยซีห่าว บุตรคนรองเซี่ยซีฮัน บุตรคนเล็กเซี่ยซีจ้าน ทั้งสามล้วนกินง่าย นอนง่าย ยิ่งตอนที่ซินหยานนางสื่อสารกับเชาชื่อ ทั้งสามดูจะสนใจอย่างยิ่ง"เชาชื่อ เจ้าว่าพวกเขาฟังเจ้ารู้เรื่องหรือไม่" ซินหยานที่สังเกตุบุตรชายหลายครั้งก็เอ่ยถามขึ้น"ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า" เชาชื่อตอบอย่างแปลกใจเพราะทุกครั้งที่เขาสื่อสารกับซินหยาน เด็กทั้งสามจะหันมาหาแสงของเชาชื่อ เหมือนพวกเขาก็ได้ยินเสียงของเชาชื่อเช่นกันในตอนแรกทั้งคู่ก็คิดว่าคิดไปเอง แต่เมื่อบุตรทั้งสามเข้าเดือนที่หก เมื่อเชาชื่อเอ่ยเ
นับจากวันที่รู้ว่าซินหยานนางตั้งครรภ์แฝดสาม หยางอ๋องก็แทบไม่ให้นางไปที่นาเกลืออีกเลย เพราะกลัวจะเกิดอันตราย ถึงแม้ซินหยานนางจะแข็งแรงมากกว่าสตรีตั้งครรภ์ทั่วไปก็ตามซงมามาก็วิ่งวุ่นไปทั่วเมืองเจียซวนเพื่อหาแม่นมและหมอตำแยหลายคนเพื่อพามาอยู่ที่ตำหนัก เพราะเป็นครรภ์แฝดไม่รู้ว่าวันใดจะคลอดอาจจะเป็นเพราะซินหยานนางกินได้มากกว่าเดิมและมีเด็กถึงสามคนอยู่ในท้องนางจึงหิวบ่อยกว่าเดิม หยางอ๋องก็ชื่นชอบซินหยานในยามนี้ ที่ตัวนางนุ่มนิ่มจับเต็มไม้เต็มมือเมื่อเข้าเดือนที่แปด ระหว่างที่หยางอ๋องกำลังนวดขาที่บวมของซินหยานให้นาง นางก็ทำสีหน้าประหลาดออกมา"เซี่ยหยาง ข้า ข้า เจ็บท้อง" นางตะโกนเรียกหยางอ๋องเสียงดัง"แล้วจะทำเช่นไร" หยางอ๋องลุกขึ้นเดินไปมารอบห้องอย่างตื่นตระหนก"ไปเรียกหมอเร็ว โอ๊ยยย" ซินหยานนางปาหมอนใส่หยางอ๋องที่ไร้สติ"หมอใช่ หมอ " หยางอ๋องพุ่งตัวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ซงมามาที่ได้ยินเสียงร้องก็รีบเข้ามาดู นางรีบให้คนจัดเตรียมห้องคลอด และเรียกหมอตำแยมาที่ห้องคลอด "ท่านอ๋องอุ้มพระชายาไปที่ห้องคลอดเพคะ" ซงมามาผลักตัวหยางอ๋องที่ยื่นตระหนกอยู่หน้าห้องให้ไปอุ้มซินหยานแม้แต่เดินมาพานางไ
คนทั้งสิบของซินหยานที่ไม่เคยเห็นคุณหนูของตนเป็นเช่นนี้ อาการที่แสดงออกมาก็ไม่ต่างไปจากหยางอ๋อง เพราะไม่รู้ว่าทำเช่นใด เมื่อได้สติต่างก็รีบไปตามหาหมอมาดูคุณหนูของตนจนวุ่นวายไปหมดหมอมาที่ตำหนักของหยางอ๋องถึงห้าคน ซงมามาส่ายหัวให้คนของซินหยานอย่างเหนื่อยใจ นางเดินพาหมอเข้าไปด้านในห้องที่ซินหยานยังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง"ลงมือตรวจประเดี๋ยวนี้" หยางอ๋องหมดความอดทนเมื่อเห็นหมอเก้ๆ กังๆ ไม่กล้าเข้าไปตรวจให้ซินหยาน"พ่ะย่ะค่ะ" หมอทั้งห้ายืนล้อมรอบเตียงซินหยานอย่างขวัญเสียแต่ละคนไม่กล้าที่จะชักช้า แต่เพราะความหวาดกลัวสายตาของหยางอ๋องทำให้พวกเขาคอยผลัดกับจับชีพจรแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ เพราะไม่มีสมาธิกับการตรวจ"ท่านอ๋องเพคะ" ซงมามาเอ่ยห้ามเมื่อเห็นหยางอ๋องกำลังจะมีโทสะอีกครั้ง"ท่านหมอเร่งมือเสียเถิด" ซงมามาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แม้นางจะตกใจไม่แพ้กันแต่ก็ต้องคุมสติให้ได้"พระชายาตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้วพ่ะย่ะค่ะ" หมอหนึ่งในนั้นพูดขึ้นเมื่อหมอคนแรกพูดเช่นนั้น ที่เหลือต่างก็กล้าเข้าไปจับชีพจร ทุกคนต่างลงความเห็นเช่นเดียวกับหมอคนแรกที่กล้าเอ่ยออกมา หากพระชายามิได้ตั้งครรภ์แต่เป็นโรคร้ายหัวของพวกเ
เมื่อถึงเมืองเจียซวนที่ติดทะเล ซินหยานนางก็คิดจะปักหลักอยู่ที่เมืองนี้เพื่อหาสถานที่ที่เหมาะกับการทำนาเกลือ ขุนนางต่างๆ ที่รู้เรื่องต่างก็ออกมาต้อนรับพร้อมจัดหาที่พักให้ทั้งคู่ท่านเจ้าเมืองถัง ก็ส่งบุตรสาวมาดูแลความเป็นอยู่ของทั้งคู่ โดยที่เขาลืมนึกไปว่าหยางอ๋องมีราชโองการไม่รับอนุเข้าตำหนัก คุณหนูถังก็เห็นดีเห็นงามกับบิดา เมื่อได้เห็นใบหน้าของหยางอ๋อง"ท่านอ๋องเพคะ ชื่นชอบที่พักที่หม่อมฉันจัดให้หรือไม่เพคะ" คุณหนูถังช้อนสายตาขึ้นมองหยางอ๋องอย่างใจกล้า"หมดเรื่องของเจ้าแล้ว กลับไปเสียเปิ่นหวางต้องการพักผ่อน" หยางอ๋องเอ่ยปากไล่ แม้แต่หางตาก็ไม่ปรายมองคุณหนูถังนางทำหน้าหนาไม่สนคำไล่ของหยางอ๋อง แต่กลับไปพูดคุยกับซินหยานแทน งานเลี้ยงต้อนรับหยางอ๋องกับพระชายา นางก็เป็นแม่งานเตรียมการทุกอย่างด้วยตนเองนางรำ สาวใช้ที่เข้ามาดูแลคอยรินสุราก็เป็นนางที่จัดการทั้งหมด ซินหยานมองคุณหนูถังอย่างรู้ทัน แต่แทนที่นางจะจัดการคุณหนูถังแต่ซินหยานกลับเปิดโอกาสให้คุณหนูถังได้เอาใจหยางอ๋องเต็มที่"หยานเออร์ มานั่งข้างเปิ่นหวาง" หยางอ๋องก็เหมือนจะรู้ใจพระชายาของตน เขาเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแต่มันกลับทำ
หยางอ๋องไม่เสียเวลาสนทนาเรื่องอื่น เขาอุ้มซินหยานไปวางลงที่เตียงอย่างเบามือ สิ่งที่เขาต้องอดกลั้นมายาวนานยามนี้ถึงเวลาสิ้นสุดลงแล้ว เขาจะเสียเวลาได้อย่างไรริมฝีปากของหยางอ๋องเคลื่อนไหวช้าๆ ไปตามลำคอ สัมผัสเบาๆ ที่ลูบไล้ไปตามร่างกายของซินหยานทำให้นางส่งเสียงครางอ่อนออกมา เพียงเสียงของนางก็ทำให้ความเป็นชายของหยางอ๋องผงาดเหมือนสิงโตที่พร้อมจะล่าเหยื่อ"หยานเออร์" เขาเอ่ยเรียกนางอย่างปรารถนาเสื้อผ้าของทั้งคู่ถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว หยางอ๋องจ้องมองรูปร่างของนางอย่างหลงใหล เขาฝันถึงเรือนร่างที่ซ่อนอยู่ภายในเสื้อผ้าของนางตั้งแต่ที่บ่อน้ำวิเศษวันนั้นยิ่งได้มาเห็นเช่นนี้ทำให้เขาอดใจไม่ไหว ลูบไล้ไปตามเรือนร่างของนางอย่างละโมบ"อ๊าาา" ซินหยานส่งเสียงหวาน พร้อมสายตาที่หยาดเยิ้มหยางอ๋องเผลอมองอย่างตกตะลึง ก่อนจะมอบจุมพิตที่ดูดดื่ม เต็มไปด้วยความปรารถนาและความกระหาย ซินหยานนางร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อหยางอ๋องส่งความเป็นชายของเขาเข้ามาในร่างของนาง"เจ็บมากหรือไม่" หยางอ๋องจำต้องหยุดนิ่งเพื่อให้นนางปรับตัวเมื่อเห็นว่าซินหยานคลายความเจ็บปวดลงแล้ว หยางอ๋องก็ดันเข้าไปจนสุด ซินหยานรู้สึกถึงความร้อ
ภายในจวนตระกูลจางเต็มไปด้วยผ้าแดงที่ใช้ตกแต่งเต็มเรือน คนงานทั้งหมดล้วนแล้วแต่ใส่มีแดงมงคล ซงมามาเดินตรวจสอบว่ามีสิ่งใดขาดเหลือหรือไม่ซินหยานที่ถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาเตรียมตัวตั้งแต่ปลายยามโฉ่ว(01.00-02.59น.) นางถูกซงมามาจับขัดตัว แช่น้ำนม ครั้งสุดท้ายซินหยานนางให้เสี่ยวเหลียนไปเก็บดอกบัวในบ่อน้ำของนางมาให้นางแช่กลิ่นดอกบัวที่ปลูกอยู่ในบ่อน้ำวิเศษซึมเข้าสู่ผิวของนาง กลิ่นกายของนางในยามนี้ชวนให้ผู้ได้กลิ่นอยากจะดอมดมไม่รู้คลาย ยิ่งสูดดมก็รู้สึกปลอดโปร่งสบายใจอย่างบอกไม่ถูกกว่าจะเสร็จเรื่องอาบน้ำ จนมาแต่งหน้าแต่งตัวก็กินเวลาไปหลายชั่วยาม จนขบวนรับเจ้าสาวมาถึงหน้าจวนตระกูลจางแล้ว องค์ชายใหญ่ที่ในยามนี้โดนแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทเป็นผู้นำขบวนร่วมกับน้องชายเซี่ยหยางก็เพิ่งจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นอ๋อง ยามนี้จึงต้องเรียกเขาว่าหยางอ๋อง แต่เรื่องจะไปปกครองหัวเมืองใด หยางอ๋องรอถามพระชายาของตนก่อนซินหยานนางไม่คิดว่านางจะตื่นเต้นมากเพียงนี้ ฝ่ามือของนางมีเหงื่อออก นางตื่นเต้นยิ่งกว่าได้ฆ่าคนครั้งแรกเสียอีก ซงมามากับเสี่ยวเหลียนช่วยกันประคองซินหยานเดินออกจากห้องเพราะมีผ้าคลุมหน้าอยู่ทำให้นางล
สิ่งของที่ซินหยานนางเตรียมให้พี่ชาย อากุ้ยบุตรชายพ่อบ้านจางก็ได้เช่นเดียวกัน ซินหยานนางไม่ได้ไปส่งพี่ชายที่สนามสอบ เพราะซงมามานางไม่ให้ซินหยานออกจากเรือนแม้แต่ที่เพาะปลูกที่บิดาหาซื้อไว้นางยังไม่ได้ไปดูเลยสักครั้ง ทำได้เพียงให้สืออี สืออู๋ไปดูแทนนางและนำเมล็ดที่แช่น้ำวิเศษไปส่งให้คนงานในสวนคนงานเก่าที่อยู่กันมาตั้งแต่แรกที่เมืองโจวหนานก็พามาอยู่ที่เมืองหลวงทั้งหมดแล้ว เรือนที่หมู่บ้านก็มีท่านผู้นำหมู่บ้านตงเป็นผู้ดูแลให้แทนจางเหลี่ยงอยู่ในสนามสอบสามวัน เมื่อออกมาจากสนามสอบเขาก็ไม่ได้ดูแย่เท่าบัณฑิตผู้อื่น เมื่อกลับถึงเรือนยังพูดอวดน้องสาวว่าข้อสอบไม่ได้ยากอย่างที่คิด ให้น้องสาวรอฟังข่าวดีได้เลย"หากท่านได้ที่ไม่ดี ข้าจะทุบตีท่าน" ซินหยานเอ่ยอย่างหมั่นไส้"ไหนเจ้าบอกให้พี่เพียงสอบผ่านเท่านั้นไงเล่า" จางเหลี่ยงเอ่ยอย่างไม่ยินยอม"ก็ใครให้ท่านอวดเก่งกับข้าเล่า" ซินหยานลากพี่ชายที่เพิ่งกลับมาไปที่ลานฝึกซ้อมของนางทันทีกว่าซินหยานจะปล่อยตัวจางเหลี่ยงเขาก็ลงไปนอนที่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง นับจากนั้นถึงได้รู้ว่าไม่ควรพูดอวดเก่งต่อหน้าน้องสาวที่แสนดีของตนซินหยานลากจางเหลี่ยงมาฝึกวรยุทธทุกวั
เพราะคำพูดของเชาชื่อทำให้ซินหยานส่งยาไปให้จ้าวฟางหรง ม้าเร็วจากเมืองหลวงวิ่งโดยไม่หยุดพัก เปลี่ยนม้าระวังทางไปนับสิบตัวกว่าจะมาถึงชายแดนเหนือสือซานคือผู้นำยามามอบให้ด้วยตนเอง พร้อมทั้งนำคำพูดของซินหยานมาถึงจ้าวฟางหรงด้วย เมื่อจ้าวฟางหรงเห็นหน้าสือซานก็รู้ได้ทันทีว่าเห็นคนของซินหยานจึงไล่คนทั้งหมดให้ออกไป"คุณหนูฝากมาให้ท่านขอรับ" สือซานส่งขวดยาให้จ้าวฟางหรง พร้อมทั้งช่วยประคองเขาให้ดื่มยา"ฝากขอบคุณนางด้วย""คุณหนูยังบอกอีกด้วยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนางไม่โทษท่านอีกแล้ว ขอให้ท่านรักษาตัวด้วยขอรับ" สือซานเมื่อหมดหน้าที่เขาก็กลับออกมาจากจวนท่านแม่ทัพ ก่อนจะเดินทางกลับสือซานหยุดพักที่โรงเตี๊ยมอยู่สองวันจ้าวฟางหรงก็เหมือนคิดได้ เพราะในตอนนี้เขากับนางไม่ได้เป็นอันใดกัน และนางกำลังจะมีครอบครัวของนางเอง เขาควรจะร่วมยินดีกลับนางถึงจะถูกเซี่ยหยางเมื่อมาหาซินหยานในตอนกลางคืนไม่ได้ เขาก็มาที่เรือนตระกูลจางในตอนกลางวันแทน แต่ก็ยังถูกซงมามาขัดขวางไม่ให้พบหน้าซินหยานอยู่ดีซินหยานนอกจากจะเรียนมารยาทกับซงมามา นางยังถูกบังคับให้ปักผ้าคลุมหน้าด้วยตัวเอง มือที่จับแต่มีดสั้น ดาบ พอมาจับเข็มกลับถ
เมื่อถึงวันงานปักปิ่น ฮองเฮาเสด็จมาเป็นผู้ปักปิ่นให้นางด้วยพระองค์เอง ซงมามานางมาช่วยจัดเตรียมงานตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว และในตอนนี้ก็ยังจับซินหยานแต่งตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง"ซงมามา หากแต่งเพิ่มข้าว่าจะสายแล้วนะเจ้าคะ" ซินหยานอดเย้าซงมามาไม่ได้ นอกจากจะจับนางขัดผิวแช่น้ำนมตั้งแต่เมื่อวานตอนนี้ยังจับนางแต่งหน้าเสียจนแป้งที่หน้าจะหนากว่าแป้งขนมแล้ว"ท่านหญิง ท่านก็พูดเกินไปเจ้าค่ะ""ว่าแต่ข้ากับซงมามาวันนี้ใครงามกว่ากัน" ซินหยานกระซิบอย่างขี้เล่นกับซงมามาเมื่อถึงเวลาซงมามาก็พาซินหยานเดินเข้าไปในงาน ความงามของซินหยานทำให้บุรุษที่มาร่วมงานต่างมองนางตาค้าง แต่เมื่อได้ยินเสียงกระแอมขององค์ชายสามต่างก็ก้มหน้าลงอย่างพร้อมเพรียงกันอาหารในงานทำให้ทุกคนยิ่งประหลาดใจ เมื่อรู้ว่าผักที่ถูกส่งมาจากเมืองโจวหนานเป็นผักของตระกูลจางก็ยิ่งอยากจะให้จางเทียนมาปลูกผักขายในเมืองหลวงเมื่องานปักปิ่นดำเนินตามพิธีเสร็จสิ้นลง เซี่ยหยางก็ทำหน้าหนาประกาศฤกษ์แต่งงานที่จะเกิดขึ้นในอีกสามเดือนหลังจากนี้ทันที"เซี่ย หยาง" ซินหยานกัดฟันอย่างมีโทสะ เมื่อคืนเขาก็ลอบเข้ามาหานางแต่ไม่ได้พูดเรื่องฤกษ์มงคลกับนางเลยแม้แ
Comments