ยามที่มาก็เพราะต้องการหาเครื่องยาสมุนไพร การเดินทางจึงเป็นไปอย่างช้า ๆ แต่จะต้องรีบร้อนกลับ ทุกคนจึงพยายามเร่งความเร็ว เดินทางกันอย่างเร่งรีบ เวลาก่อนเที่ยงจึงมาถึงเมืองหลวงแล้วหลิงอวี๋เดินทางต่อเนื่องมิหยุด แล้วเร่งรีบเข้าวังกลับพระตำหนักคุนหนิงเปลี่ยนชุดไว้ทุกข์และตรงไปจัดพิธีศพของไทฮองไทเฮาที่พระตำหนักฉือหนิงทันทีแต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ นางก็ยังเป็นคนที่มาช้าที่สุดไท่เฟยเส้ากับพระชายาคังล้วนเปลี่ยนเป็นชุดไว้ทุกข์ และกำลังทักทายกับเหล่าสตรีบรรดาศักดิ์ที่มาเฝ้าศพไทฮองไทเฮาเมื่อเห็นหลิงอวี๋ที่รีบร้อน ไท่เฟยเส้าก็อดมิได้ที่จะตะคอกอย่างโมโห “ฮองเฮา ท่านเป็นฮองเฮาของแคว้น ไทฮองไทเฮาสิ้นพระชนม์กะทันหันแต่ท่านมิอยู่ในวังออกไปเที่ยวเล่น เช่นนี้ได้หรือ?”“ท่านยังมิคุกเข่าลงขอประทานอภัยไทฮองไทเฮาอีก!”หลิงอวี๋ยิ้มเย็นชา ต่อหน้าสตรีบรรดาศักดิ์จำนวนมากถึงเพียงนี้ ไท่เฟยเส้าคิดจะกล่าวหาว่าตนอกตัญญูและเอาแต่เที่ยวเล่น ทำเช่นนี้ได้หรือ?หากวันนี้ตนทนรับการกล่าวหานี้ เช่นนั้นหากเผยแพร่ออกไปก็จะถูกคนก่นด่าตนกันไปทั่วก่อนหน้านี้นางสงสัยว่า ไท่เฟยเส้ากับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะทำร้ายไทฮองไทเฮา เ
หลิงอวี๋เหลือบมองไท่เฟยเส้าอย่างเฉียบคม พลางเอ่ยเสียงเย็นชา “ไท่เฟยเส้าเข้าใจข้าผิดมาครั้งสองครั้ง ข้าคุ้นชินแล้ว!”“ไท่เฟยเส้า มิใช่ว่าการพูดขออภัยทุกครั้งจะสามารถทำให้เรื่องจบลงได้ คราวก่อนทุกคนล้วนจำได้ที่ใต้เท้าเถี่ยลงโทษเรื่องของนางซุน หากไท่เฟยเส้าจำมิได้ ก็รอหาโอกาสซักถามใต้เท้าเถี่ยดูเถิด!”“ข้าหวังว่าไท่เฟยเส้าจะถือว่านางซุนเป็นคำเตือน ต่อไปให้ระวังคำพูดและการกระทำ...”พูดจบ หลิงอวี๋ก็เดินเข้าไปในห้องโถงที่ตั้งศพก่อนหลิงอวี๋เอ่ยถึงนางซุนขึ้นมาก็เพื่อเตือนไท่เฟยเส้าอย่างจริงจังสตรีบรรดาศักดิ์ที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยล้วนเข้าใจคำเตือนของหลิงอวี๋นางซุนที่เป็นป้าสะใภ้ใหญ่ของหลิงอวี๋ใส่ร้ายนาง ใต้เท้าเถี่ยสามารถสั่งลงโทษตามกฎหมายได้อย่างเคร่งครัดแม้ว่าไท่เฟยเส้าจะมิถูกลงโทษใส่โซ่ตรวนเดินไปตามถนน ทว่าหากทำให้หลิงอวี๋โกรธ หลิงอวี๋ก็สามารถไปฟ้องร้องว่านางใส่ร้ายและให้ราชสำนักฝ่ายในลงโทษนางได้ตามกฎหมาย… ไท่เฟยเส้าถูกหลิงอวี๋ตักเตือนต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ ก็เสียหน้าจนอยากจะพุ่งเข้าไปฉีกปากหลิงอวี๋เสียทว่าหลิงอวี๋มิได้เห็นไท่เฟยเส้าอยู่สายตา นางคุกเข่าลงบนเบาะแล้วแอบสาบานว่า
กระทั่งสั่งการเสร็จ หลิงอวี๋ก็เอ่ยถาม “หลิงซวน ไทฮองไทเฮาสิ้นพระชนม์ได้อย่างไร? มีอะไรผิดปกติหรือไม่?”หลิงซวนคุกเข่าลงแล้วเอ่ยตอบ “ฮองเฮา หลังจากที่ท่านเสด็จออกไป พวกเราคอยใส่ใจดูแลเรื่องพระกระยาหารการเสวยของไทฮองไทเฮาตามคำสั่งของท่านทุกวัน มิพบสิ่งผิดปกติใดเลยเพคะ!”“หลังจากพระกระยาหารเย็นเมื่อวาน ไทฮองไทเฮายังเสด็จออกไปเดินเล่นที่ศาลาในสวนกับแม่นมเว่ยอยู่เลยเพคะ กระทั่งเสด็จกลับไทฮองไทเฮาก็สรงน้ำ หาได้สิ่งใดผิดปกติไม่เพคะ”“เมื่อยามบรรทมไทฮองไทเฮาจึงได้ตรัสว่ารู้สึกมิสบายตรงอก แม่นมเว่ยเองก็มิกล้าประมาท รีบไปรายงานองค์จักรพรรดิและบอกถังถีเตี่ยน!”“แม่นมเว่ยยังให้ไทฮองไทเฮากินโอสถช่วยชีวิตที่ท่านให้ไว้ด้วย ไหนเลยจะรู้ว่าอาการของไทฮองไทเฮาจะยิ่งแย่ลงอย่างรวดเร็ว กระทั่งถังถีเตี่ยนมาถึง ไทฮองไทเฮาก็มีแต่ลมหายใจออกมิหายใจเข้าแล้วเพคะ!”หลิงอวี๋ได้ฟังก็ใจสั่น จึงเอ่ยถาม “พวกเจ้าเก็บโอสถช่วยชีวิตไว้หรือไม่? เคยถูกผู้ใดแตะต้องมาก่อนหรือไม่?”หลิงซวนยิ้มขมขื่น “โอสถช่วยชีวิตไม่มีปัญหาเพคะ ถังถีเตี่ยนตรวจสอบแล้ว หลังจบเรื่องก็มอบให้องค์จักรพรรดิเก็บรักษาไว้แล้วเพคะ!“จริงสิ ฮองเฮาเพคะ
เซียวหลินเทียนเองก็รู้ความสำคัญของเรื่องนี้ จึงพยักหน้าพลางเอ่ย “ยามกลางคืนแล้วกัน! ข้าจะพยายามคิดหาวิธี!”หลิงอวี๋พยักหน้าทางด้านเซียวหลินเทียนยังมีธุระจึงต้องไปจัดการก่อนหลิงอวี๋เรียกผู้ดูแลแต่ละคนมาแล้วจัดการเรื่องที่ต้องเตรียมในพิธีศพต่อ แม้ว่าจะมีประสบการณ์จัดพิธีศพมาหนึ่งครั้ง แต่รายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงก็ยังจำเป็นต้องจัดการหลังจากจัดการงานต่าง ๆ จนถึงตอนอาหารเย็น หลิงอวี๋ก็สั่งให้คนเตรียมห้องอาหารที่โถงด้านข้างของพระตำหนักฉือหนิง นางมิวางใจจึงไปตรวจสอบที่ครัวหลวงอีกครั้งเซียวหลินเทียนจัดการเรื่องบ้านเมืองเสร็จก็ไปเฝ้าศพของไทฮองไทเฮาต่อแขกทั้งบุรุษและสตรีเหมือนกับเมื่อครั้งพิธีศพของจักรพรรดิอู่อัน ตรงกลางจะใช้ผ้าม่านหนา ๆ กั้นเอาไว้เซียวหลินเทียนคุกเข่าลงบนเบาะ แล้วครุ่นคิดว่าจะกันคนเหล่านี้ออกไปได้อย่างไรจึงจะเปิดโลงให้หลิงอวี๋ได้ชันสูตรศพได้สะดวกทางด้านแขกสตรี ไท่เฟยเส้าคุกเข่าอยู่จนทนมิค่อยไหวแล้ว นางมองจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเงียบ ๆ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยรับปากไว้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นมิใช่หรือ?เหตุใดจึงยังมิเกิดขึ้นอีกเล่า!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงส่งสายตาให้นางใจเย็น ๆจ้าวหรุ่ยหร
ไท่เฟยเส้าอยู่ด้านข้างก็ตะโกนขึ้นมาอย่างก้าวร้าวเช่นกัน “ฝ่าบาท… ท่านต้องให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับพวกเรา เหตุใดหีบพระศพของไทฮองไทเฮาจึงมีเลือดไหลออกมาได้?”องค์ชายคังก็ตะโกนใส่ทุกคนอย่างแค้นเคือง “ไทฮองไทเฮาคือเสด็จย่าที่พวกเราให้ความเคารพอย่างสูง ก่อนหน้านี้กระหม่อมคิดว่าพระนางพระทัยวายจริง ๆ ในเมื่อมีเลือดไหลออกมา เช่นนั้นก็แสดงว่าเสด็จย่าสิ้นพระชนม์โดยมิยุติธรรม!”“กระหม่อมต้องการเปิดโลงชันสูตรศพ เพื่อทวงความยุติธรรมให้เสด็จย่า!”“เซียวหลินเทียน ยามนี้กระหม่อมมิใช่ขุนนางของท่าน แต่อยู่ในฐานะของสมาชิกราชวงศ์ ในฐานะพี่ชายของท่าน ข้าขอตั้งคำถามกับท่านว่าเสด็จย่าสิ้นพระชนม์ด้วยเหตุใดกันแน่?”เซียวหลินเทียนสีหน้าเรียบนิ่ง เมื่อวานเขาเห็นไทฮองไทเฮาสิ้นลมหายใจไปด้วยตาตนเอง ยามนั้นไทฮองไทเฮามิได้กระอักเลือด และมิได้มีร่องรอยของการถูกวางยาพิษ แล้วเลือดเหล่านี้มาจากที่ใดกัน?“ก่อนหน้านี้กระหม่อมได้ยินข่าวลือมาว่า คำสั่งเสียเรื่องการขึ้นครองบัลลังก์ขององค์จักรพรรดิในตอนนั้นเป็นของปลอม หรือไทฮองไทเฮาทรงพบความจริงเข้าจึงถูกสังหารปิดปาก!”ขุนนางที่หลบอยู่กลุ่มคนพึมพำขึ้นมาด้วยเสียงที่มิได
“แต่ก่อนที่ท่านอ๋องเฉิงจะพาขุนนางชันสูตรมา ผู้ใดกล้าพูดเหลวไหลหรือคาดเดาถึงสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของไทฮองไทเฮาอย่างไร้สาระ จะถือเสียว่าเป็นการสร้างปัญหาในวัง บ่อนทำลายเสถียรภาพทางการเมืองของฉินตะวันตก จะมีโทษเช่นการก่อกบฏ!”เซียวหลินเทียนยืนอยู่บนขั้นบันไดอย่างมีอำนาจแล้วตะโกนเสียงแข็งไท่เฟยเส้ากับองค์ชายคังรวมถึงเหล่าขุนนางที่เป็นผู้นำการก่อเรื่องเมื่อครู่จึงหุบปากไปหลิงอวี๋มิได้เห็นเหตุการณ์ในตอนนั้น แต่จากที่นางรู้จักไท่เฟยเส้ากับองค์ชายคังก็รู้ว่าเมื่อครู่สองคนนี้จะต้องตะโกนโวยวายไปแค่ไหนหลิงอวี๋ดีใจที่เซียวหลินเทียนควบคุมกองทัพหลวงกับค่ายกองทหารเสือไว้ในมืออย่างมั่นคงแล้วมีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ หากองค์ชายคังกับไท่เฟยเส้าคิดจะก่อเรื่องก็มิได้ง่ายดายเช่นนั้นแต่สาเหตุการตายของไทฮองไทเฮายังมิแน่ชัด ตำแหน่งจักรพรรดิของเซียวหลินเทียนก็จะตกอยู่ในอันตรายก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ยังคิดอยู่ว่าจะหาโอกาสเปิดโลงชันสูตรศพ ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นไปตามที่ต้องการ แต่จากฝ่ายกระทำกลับกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำ เห็นได้ชัดเลยว่าสถานการณ์มิได้เป็นประโยชน์ต่อพวกเขาท่ามกลางสายตาจ้องมองของทุกคน นางกับเซียวหลิ
ตอนนี้แม่ทัพเว่ยยังมิได้แสดงออกถึงตำแหน่งอย่างโจ่งแจ้งนักเพราะความสงบเสงี่ยมขององค์ชายรุ่ย แต่เซียวหลินเทียนมิอาจวางใจกับเขาได้เต็มที่องค์ชายรุ่ยเห็นเลือดแล้วมิได้แสดงท่าทีก้าวร้าวเช่นองค์ชายคัง แต่พ่อตาของเขาเข้าร่วมกำกับดูแลการพิจารณาคดีนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ดูจะชอบ“ฝ่าบาทคงจะมิคัดค้านใช่หรือไม่?”องค์ชายคังมองไปทางเซียวหลินเทียนด้วยท่าทีที่ว่าหากเจ้ามิร้อนตัวก็อย่าได้คัดค้านเมื่อกระทำในสิ่งที่ถูกต้องย่อมมิต้องกลัว!เซียวหลินเทียนมิได้เก็บการยั่วยุเช่นนี้มาใส่ใจแม้แต่น้อย เขากับหลิงอวี๋ต่างก็เคารพไทฮองไทเฮา พวกเขามิเคยมีจิตคิดสังหารไทฮองไทเฮา แล้วเหตุใดจะต้องกลัวว่าผู้ใดไต่สวนคดีหลังจากกำหนดรายชื่อของผู้ที่กำกับดูแลการพิจารณาคดีแล้ว เซียวหลินเทียนก็พาทุกคนเข้าไปหลิงอวี๋ก็ตามเข้าไปโดยมิลังเลเช่นกันองค์ชายคังก็คัดค้านทันที “ฮองเฮาเข้าไปมิได้! ท่านเป็นผู้ต้องสงสัย ควรจะเลี่ยงความสงสัย!”“หึ!”คราวนี้เซียวหลินเทียนมิทนองค์ชายคังแล้ว เขายิ้มเยาะพลางเอ่ย “ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้องอยู่ เจ้ายังกังวลว่าฮองเฮาจะทำสิ่งใดอีกหรือ?”“ฮองเฮาเป็นหมอที่ดีที่สุดในเมืองหลวง นา
องค์ชายเย่กับองค์ชายรุ่ยที่อยู่ข้างนอกได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็อยู่มิเป็นสุข รีบพุ่งเข้าไปพร้อมกันองค์ชายเย่ก้าวไปตรงหน้าโลงศพ เมื่อเห็นไทฮองไทเฮาที่อยู่ข้างในอย่างชัดเจนก็ตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว จากนั้นก็มองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างตกใจและโกรธเกรี้ยว“เสด็จย่ามิได้สิ้นพระชนม์เพราะพระทัยวายเฉียบพลัน เซียวหลินเทียน หากท่านไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล กระหม่อมจะไม่มีทางเคารพท่านในฐานะจักรพรรดิอีก!”หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเห็นท่าทางของไทฮองไทเฮาที่นอนอยู่ในโลงศพ ทั้งสองต่างก็รู้สึกตกใจและโกรธเช่นกัน!เพียงแต่จุดของความโกรธนั้นต่างกัน!สิ่งที่เซียวหลินเทียนโกรธก็คือ มีคนมาทำร้ายศพของไทฮองไทเฮาใต้จมูกของตนเช่นนี้!นี่มิใช่การทำให้ไทฮองไทเฮาตายไปแล้วยังต้องได้รับความทรมานหรือ?ส่วนสิ่งที่หลิงอวี๋โกรธคือ เพื่อที่จะโค่นล้มพวกเขา องค์ชายคังกับไท่เฟยเส้ามิละเว้นแม้แต่คนตายเดิมทีไทฮองไทเฮาควรจะได้นอนอยู่ในโลงศพอย่างสงบ แต่ยามนี้กลับมิเป็นเช่นนั้นใบหน้าของไทฮองไทเฮาถูกบางอย่างกัดจนเป็นชิ้น ๆ อาภรณ์ก็ถูกกัดขาดเสียหายมิเป็นอันดีรูปลักษณ์และอาภรณ์เช่นนี้ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่ามิใช่การตายแบ
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี