Mag-log inช่างเจวียนกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง นางแผดเสียงตะโกนด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวแทบขาดใจ“ท่านพ่อ กลับตัวกลับใจตอนนี้ยังทัน อย่าได้ถลำลึกทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อสตรีเยี่ยงพระชายาอ๋องจิ้นอีกเลย!”“ปล่อยตัวท่านแม่ทัพสวีกับฮูหยินหยางเสียเถิด! อย่าได้ดันทุรังเดินในทางที่ผิดจนกู่มิกลับ ทำให้ตระกูลเราต้องแบกรับข้อหาอกตัญญู มิรู้คุณคนและไร้ซึ่งคุณธรรมน้ำมิตรเลย!”กล่าวจบ ช่างเจวียนก็ทิ้งตัวลงคุกเข่าดังตึง นางร่ำไห้โฮพลางกล่าวว่า“ท่านพ่อ ท่านเป็นบิดาของข้า ต่อให้ท่านทำผิด เดิมทีก็หาใช่หน้าที่ของข้าที่จะลุกขึ้นมาเปิดโปงท่านไม่!”“ทว่าฮูหยินหยางและท่านแม่ทัพสวีมีบุญคุณต่อตระกูลเราอย่างลึกซึ้ง ต่อให้ช่างเจวียนจะชิงชังท่าน แต่ก็มิอาจทนเห็นท่านต้องถูกผู้คนทั่วหล้าตราหน้าก่นด่าไปชั่วชีวิต!”“พี่ชายทั้งสองยังต้องมีหน้ามีตาอยู่ในสังคม ท่านจะเห็นแก่ตัวทำลายอนาคตของพวกเขามิได้นะเจ้าคะ!”ช่างเจวียนมองช่างเผิงด้วยสายตาเว้าวอนสีหน้าของช่างเผิงแปรเปลี่ยนกลับไปกลับมา พระชายาอ๋องจิ้นเกรงว่าเขาจะใจอ่อน จึงขยับเข้าไปกระซิบถ้อยคำบางอย่างข้างหูเขาเสียงนั้นเบายิ่งนัก ต่อให้หลิงอวี๋จะมีโสตประสาทดีเยี่ยมเพียง
พานเหมยเห็นช่างเผิงสาดโคลนใส่ตนเองเช่นนั้น ก็ผิดหวังจนถึงที่สุดทว่าเมื่อความเสียใจพุ่งแตะขีดสุด หัวใจกลับด้านชาจนมิรู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป!พานเหมยหัวเราะอย่างเหยียดหยาม “หากจะพูดถึงผลประโยชน์ ข้าก็รับมาจริง!”“เพราะการที่ข้าอาการดีขึ้นจนมายืนอยู่ที่นี่ได้ ล้วนเป็นความดีความชอบของฮองเฮาหลิง!”“พระนางเป็นผู้ช่วยชีวิตข้า!”พานเหมยหันไปมองช่างอี้และช่างเฉียง กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “แม่ทัพฟางมิได้คิดสังหารข้าแต่แรก! เขาเพียงใช้การกระทำนี้เพื่อให้พวกเจ้าสองคนได้เห็นธาตุแท้ท่านพ่อของพวกเจ้า!”“ช่างอี้ ช่างเฉียง ข้าถูกพิษ ท่านพ่อเจ้ามิได้ช่วยข้า! ยามข้าถูกจับเป็นตัวประกัน ท่านพ่อเจ้าก็เอาแต่อ้างคุณธรรมจอมปลอม อ้างความถูกต้องเพื่อแคว้นบ้านเมือง…”“พวกเจ้ายังดูมิออกอีกหรือ? เขาหวังให้ข้าตายมาตั้งแต่ต้นแล้ว!”ช่างอี้ตะลึงงัน เขามองมารดาด้วยความกังวลระคนสับสน แล้วหันไปมองบิดาช่างเฉียงยังเด็กนัก มิเข้าใจเล่ห์กลซับซ้อน จึงเอ่ยถามออกไปตรง ๆ ว่า “ท่านแม่ เหตุใดท่านพ่อถึงอยากให้ท่านตายขอรับ?”“เพราะว่า…”ช่างเจวียนทนต่อไปมิไหวอีกแล้ว นางมองพระชายาอ๋องจิ้นที่ยืนเคียงข้างช่างเผิง และรู้
ช่างเผิงรีบตะโกนขึ้นมาว่า “ได้ ข้าตกลงตัดขาดกับเจ้า!”“แม่ทัพฟาง ตอนนี้ข้ากับพานเหมยไร้ซึ่งความเกี่ยวข้องฉันสามีภรรยากันแล้ว ท่านจะสังหารผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจมิได้!”ช่างเฉียงและช่างอี้ได้ยินดังนั้น แววตาก็เป็นประกายพวกเขาต่างเข้าใจผิดคิดว่าเป็นอุบายเอาตัวรอดของมารดา จึงพากันตะโกนขึ้นมา“ถูกต้อง ท่านแม่กับท่านพ่อของข้าตัดขาดความสัมพันธ์กันแล้ว นางมิได้เกี่ยวข้องกับพวกเราอีก แม่ทัพฟาง ท่านรีบปล่อยพวกเขาไปเถิด!”ฟางเจ๋อค่อย ๆ ลดกระบี่ลงเขากับหลิงอวี๋ต่างรู้ดีว่าหนังสือตัดขาดฉบับนี้มิใช่เรื่องเท็จ ฮูหยินช่างตั้งใจจะตัดขาดความสัมพันธ์กับช่างเผิงจริง ๆน่าขันนักที่ช่างเผิงยังหลงคิดว่าเป็นเพียงแผนถ่วงเวลาของนาง!หารู้ไม่ว่าเป็นเรื่องจริง!“ตัดขาดความสัมพันธ์รึ!”พานเหมยเห็นช่างเผิงเข้าใจเจตนาของตนผิดไป นางจึงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ช่างเผิง ท่านคิดว่านี่เป็นเรื่องลวงหรือ?”“หามิได้... นี่คือเรื่องจริง! ข้าพานเหมย ต่อให้ต้องตายก็ขอตัดความสัมพันธ์กับท่าน!”“เพราะท่านมิคู่ควรให้ข้าเป็นสามีภรรยากับท่านอีกต่อไปแล้ว มิคู่ควรที่ข้าจะต้องทุ่มเทเสียสละให้อีกแล้ว!”พานเหมยหันไปทางโจวฮุยแ
ใบหน้างดงามเย้ายวนนั้น ถูกขับเน้นด้วยอาภรณ์หรูหราจนแลดูสง่างามสูงศักดิ์ความสูงส่งของพระชายาอ๋องจิ้น เมื่อนำมาเทียบกับฮูหยินช่างที่แต่งกายเรียบง่ายธรรมดา ช่างแตกต่างกันราวดินกับฟ้าเมื่อหลิงหว่านเห็นดังนั้น ในใจก็บังเกิดความรู้สึกสงสารเห็นใจฮูหยินช่างจับใจพระชายาอ๋องจิ้นเดินไปหยุดยืนข้างช่างเผิง ยืนเคียงบ่าไหล่ชายร่างสูงใหญ่ผู้นี้ช่างดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างยิ่ง“ฟางเจ๋อ เจอท่านน้ายังมิทำความเคารพอีก!”พระชายาอ๋องจิ้นราวกับมิเห็นท่าทีที่ตึงเครียดราวกับพร้อมปะทะของฟางเจ๋อ นางยังคงแย้มยิ้มทักทายฟางเจ๋อตวัดสายตามองพระชายาอ๋องจิ้นอย่างรังเกียจก่อนที่เขาจะล่วงรู้เรื่องที่พระชายาอ๋องจิ้นลอบคบชู้กับช่างเผิง ฟางเจ๋อและนางเป็นเพียงผู้ที่มีความคิดเห็นทางการเมืองต่างกัน มิร่วมทางกันเท่านั้นทว่าเมื่อรู้ความจริง ความรู้สึกที่ฟางเจ๋อมีต่อพระชายาอ๋องจิ้นก็เหลือเพียงความขยะแขยงชิงชัง“พระชายาอ๋องจิ้น เมื่ออยู่ต่อหน้าทัพสองฝ่าย ย่อมมินับญาติ ความสัมพันธ์ทางเครือญาติระหว่างเรา มิต้องกล่าวถึงจะดีกว่า!”ฟางเจ๋อกล่าวเสียงเย็นชาประโยคหนึ่ง ก่อนจะนับต่อ “เจ็ด...”พระชายาอ๋องจิ้นยังคงประดั
ช่างอี้และช่างเฉียงมองกระบี่อันเย็นเยียบของฟางเจ๋อที่จ่ออยู่บนลำคอของมารดาตนเองด้วยความตึงเครียดช่างเฉียงร้อนใจจนเผลอคว้าแขนเสื้อของช่างเผิง “ท่านพ่อ แลกเปลี่ยนเถิดขอรับ!”ช่างเผิงสะบัดมืออย่างแรงจนมือของช่างเฉียงหลุดออกไป แล้วตวาดกร้าวว่า “พูดจาเหลวไหลอันใด!”“ในค่ายทหารไม่มีสัมพันธ์พ่อลูก มีเพียงข้าที่เป็นแม่ทัพและเป็นผู้บังคับบัญชาของเจ้า อย่าได้ทำตัวมิรู้จักที่ต่ำที่สูง!”“ยามนี้สองทัพกำลังเผชิญหน้ากัน หากข้าผู้เป็นแม่ทัพยอมอ่อนข้อ แล้วจะปกครองเหล่าทหารได้อย่างไร?”คำตำหนิของช่างเผิงทำให้ช่างเฉียงรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจนน้ำตาคลอเบ้านี่มันจะเหมือนกันได้อย่างไร?นั่นคือมารดาของเขาเชียวนะ!ช่างอี้เองก็ร้อนใจดั่งไฟสุม มองมารดาที่ถูกคมกระบี่ข่มขู่ที สลับกับมองบิดาผู้ยึดมั่นในหลักการจนมิเห็นแก่หน้าใครที ทำได้เพียงยืนนิ่งทำอะไรมิถูกช่างเผิงรับตำแหน่งอยู่ในค่ายทหาร แทบจะมิได้กลับบ้านเลยเป็นมารดาที่เลี้ยงดูพี่น้องทั้งสามคนมาจนเติบใหญ่หากจะนับกันตามจริง สองพี่น้องช่างอี้สนิทสนมกับมารดามากกว่าบิดาการต้องทนมองดูมารดาตายไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ เขาจะทำใจได้อย่างไรกัน!ทว่าเหล่าทหา
“ฟางเจ๋อ ปล่อยท่านแม่และน้องสาวข้ามาเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นข้ามิไว้ชีวิตท่านแน่!”ช่างอี้คำรามลั่นฮูหยินช่างเห็นดังนั้น จึงคิดจะก้าวออกไปเจรจา แต่กลับถูกหลิงอวี๋ขวางไว้หลิงอวี๋โน้มกายกระซิบถ้อยคำเพียงมิกี่ประโยคที่ข้างหู ฮูหยินช่างก็ชะงักงันทันทีจากนั้นหลิงอวี๋ก็เดินไปเบื้องหน้าฟางเจ๋อ เอ่ยกระซิบกับเขาอีกมิกี่ประโยคแววตาของฟางเจ๋อไหววูบก่อนจะพยักหน้าครั้นแล้วฟางเจ๋อก็ก้าวออกไปเบื้องหน้า และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ช่างอี้ เจ้าไม่มีอำนาจตัดสินใจ ให้ท่านพ่อของเจ้าออกมาเจรจาเถิด!”ช่างอี้จ้องเขม็งไปยังฟางเจ๋ออย่างอาฆาต ทว่าครั้งนี้แตกต่างจากเมื่อครู่ ด้วยมารดาและน้องสาวตกอยู่ในเงื้อมมืออีกฝ่าย เขาจึงมิกล้ากำเริบเสิบสานดังเดิม“มีคนไปเชิญแล้ว! ท่านก็รอไปเถอะ!”ช่างอี้เห็นช่างเฉียงวิ่งออกไป ก็รู้ว่าเขาไปเชิญท่านพ่อ จึงกล่าวอย่างมิสบอารมณ์นักรอเพียงมินาน ช่างเผิงและช่างเฉียงก็รีบร้อนวิ่งมาครั้นช่างเผิงมาถึงหน้าแนวรบ ก็เหลือบไปเห็นฮูหยินช่างและช่างเจวียน สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมลง“ฟางเจ๋อ เจ้าต้องการสิ่งใด?”ช่างเผิงตวาดถาม “ข่มขู่สตรีและเด็ก นี่คือสิ่งที่แม่ทัพใหญ่พึงกระทำห







