ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็เคยเห็นวิชากลไกที่เจ้าตำหนักปีกเงินคนก่อนรวบรวมไว้เช่นกัน เขาได้ทำการศึกษาพร้อมกับฉินซานและผ่านไปได้หลายด่านโดยไม่มีอันตรายใด ๆแต่ก็เป็นดังเช่นที่หุ่นไม้เตือน ด่านต่อ ๆ ไปจะยากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากเผยอวี้และเซียวหลินเทียนแล้ว คนอื่น ๆ ล้วนจะถูกกลไกหลอกในระดับที่ต่างกันผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุดก็คือจ้าวซวน เขาเกือบจะถูกกลไกตัดแขนขาดครึ่งหนึ่ง ทว่าเซียวหลินเทียนเห็นว่าสถานการณ์มิดี จึงพุ่งเข้าไปแล้วใช้กระบี่คุนอู๋ตัดกลไกได้ทันกาล สุดท้ายก็ช่วยจ้าวซวนออกมาได้แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ จ้าวซวนก็ถูกเฉือนจนเนื้อหนังเปิดอย่างน่าสยดสยอง และเลือดก็ยังคงไหลมิหยุดด้วยเผยอวี้รีบหยิบโอสถสมานแผลออกมาเทลงบนมือของจ้าวซวนจนหมดขวด แต่ก็ต้องใช้โอสถสมานแผลถึงสองขวดจึงจะห้ามเลือดที่แขนของจ้าวซวนได้เซียวหลินเทียนเห็นว่ายังเดินกันมิถึงครึ่งทางของตำหนักใต้ดิน แต่คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาก็ได้รับบาดเจ็บกันแล้ว ในใจจึงแอบด่าทอเจ้าสำนักซิงหลัวคนก่อนว่าช่างวิปริตเสียจริง ไม่มีอะไรจะเล่นแล้วหรือไร ถึงได้ต้องมาทำของอันตรายร้ายกาจเยี่ยงนี้!แต่ก็เพราะตำหนักใต้ดินอันตราย คนชุดขาวจ
“ฉินซาน เจ้าเห็นอะไรหรือไม่?”เซียวหลินเทียนมองไปทางฉินซานอย่างให้กำลังใจ เมื่อครู่ฉินซานค่อนข้างท้อแท้กับความสามารถของตนเอง เซียวหลินเทียนจึงอยากใช้สิ่งนี้กระตุ้นความมั่นใจของฉินซานฉินซานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ชี้ไปที่แผนที่พลางเอ่ยออกมา “ในผังภาพหยินหยางมีเส้นอยู่สองเส้น เส้นหยินเริ่มจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนเส้นหยางเริ่มจากทิศตะวันออก”“หากเส้นหยินเคลื่อนที่ไปตามนี้แสดงว่าหยินแข็งแกร่งหยางอ่อนแอ และหากเส้นหยางเคลื่อนที่ไปทิศทางนี้ก็แสดงว่าหยางแข็งแกร่งหยินอ่อนแอ”“กลไกที่พวกเราผ่านมาได้เมื่อครู่นี้หากอิงตามผังแปดทิศ ถูกแบ่งและเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะของมัน กลไกเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นตามแบบของผังแปดทิศ หากพวกเราเดินไปที่กลไกในตำแหน่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ก็จะง่ายหน่อย ทว่าหากเป็นตำแหน่งทิศตะวันออก ก็จะมีกับดักกลไกอันตรายทุกย่างก้าว!” เมื่อเผยอวี้ ลู่หนานและคนอื่น ๆ ได้ฟังเช่นนั้นก็ต่างรู้สึกสับสนกันไปหมดลู่หนานจึงเอ่ยถามขึ้นมาอย่างร้อนใจ “แล้วทำอย่างไรพวกเราจึงจะแยกแยะตำแหน่งของทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันออกให้ชัดเจนได้เล่า มิใช่ว่าเดินไปตามนี้หรือ? มีโอกาสเลือกได้ที่ไหนกั
ในขณะที่พวกของเซียวหลินเทียนและเผยอวี้ติดอยู่ในตำหนักใต้ดิน เย่หรงและหลงจิ้งก็เข้าไปในบ่อนพนันของสำนักซิงหลัวได้อย่างราบรื่นแล้วเนื่องจากสถานะของหลงจิ้งคือแขกผู้มีเกียรติ เย่หรงที่อยู่ในฐานะผู้คุ้มกันจึงดูราวกับว่าเป็นคนที่พวกเขาคุ้นเคยด้วยเช่นกัน ทั้งสองจึงได้รับการต้อนรับให้เข้าไปอย่างราบรื่นก่อนหน้านี้เย่หรงก็เคยไปที่บ่อนพนันสำนักซิงหลัว ทั้งยังเคยเล่นการพนันที่นั่นอยู่สองสามครั้งด้วย แต่เนื่องจากบรรดาแขกที่มาส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนคุ้นเคยกัน พวกเขาจึงเป็นเช่นเดียวกับเย่ซวินที่เมื่อเจอเย่หรงก็จะเยาะเย้ยทุกครั้งหลังจากนั้นเย่หรงก็มิกลับมาอีกเลยบ่อนพนันใหญ่โตมาก และคนที่มาต้อนรับพวกเขาก็คือผู้ดูแลเฝิง เขาเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ อายุประมาณห้าสิบกว่าปีเมื่อก่อนเย่หรงก็รู้จักเขาเช่นกัน บุรุษผู้ไว้หนวดจิ๋มผู้นี้ก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นเฉียบคม มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นตัวตึงคนหนึ่ง“สองวันที่ผ่านมาคุณชายสามมีธุระหรือ? ไฉนมิแวะเวียนมาที่บ่อนบ้างเล่าขอรับ?”ผู้ดูแลเฝิงเอ่ยออกมาพร้อมยิ้มตาหยีคำพูดเหล่านี้แฝงด้วยกับดัก ระหว่างทางที่มาหลงจิ้งก็คิดไว้แล้ว เดิมทีเมื่อวานตนควรจะต
ผู้ดูแลเฝิงยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างปลอบโยน “คุณชายสามอย่าได้ร้อนใจ พวกเราจะคิดไปรายงานกับบิดาของท่านได้อย่างไรกัน! พวกเรามีความลำบากจริง ๆ จึงได้ต้องจำกัดการจำหน่าย! หวังว่าคุณชายสามจะเข้าใจขอรับ!”หลงจิ้งมีใบหน้าเศร้าหมอง ดูคล้ายว่าจะถูกผู้ดูแลเฝิงทำให้หงุดหงิดเสียแล้ว “ข้าเองก็อยากจะรู้อยู่พอดีว่าข้าเป็นหนี้สำนักซิงหลัวอยู่เท่าไร เจ้าไปคำนวณให้ข้าก่อนแล้วกัน!”“เช่นนั้นข้าน้อยจะไปตรวจสอบที่ห้องบัญชีดูขอรับ!”ผู้ดูแลเฝิงมิอาจโต้แย้งกับหลงจิ้งได้ จึงเดินออกไปอีกครั้งหลงจิ้งมองขี้ผึ้งหอมบนโต๊ะแล้วเอ่ยกับเย่หรงอย่างสบาย ๆ “หยิบขี้ผึ้งหอมกับกล้องสูบยามาให้ข้าที!”เย่หรงตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นหลงจิ้งขยิบตาให้ตน ก็เข้าใจทันทีแล้วยื่นขี้ผึ้งหอมและกล้องสูบยาให้กับเขาหลงจิ้งจุดไฟแล้วแสร้งทำเป็นสูบเข้าไปสองสามครั้ง เขามิได้สูบเข้าไปจริง ๆเมื่อได้กลิ่นของขี้ผึ้งหอม หลงจิ้งต้องใช้ความตั้งใจอันแข็งแกร่งอย่างยิ่งเพื่อต้านทานแรงดึงดูดของกลิ่นหอมนี้ที่มีต่อตนเขาปล่อยให้ตนจินตนาการถึงความเจ็บปวดจากอาการติดยากำเริบ ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของเขา เมื่อต้องเผชิ
เย่หรงเห็นว่าหลงจิ้งยิ่งแสดงยิ่งสมจริงขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็แอบหัวเราะอยู่ในใจ คาดมิถึงว่าท่านชายผู้สง่างามเช่นหลงจิ้งจะมีด้านนี้ด้วย!โชคดีที่หลงจิ้งมาด้วยตนเอง มิฉะนั้นตนก็คงคิดวิธีการก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้มิออกหรอก“ไปนำหนังสือบัญชีมา มิฉะนั้นข้าจะไปแจ้งทางการว่าพวกเจ้าหลอกลวง!”เย่หรงก็เอ่ยข่มขู่ตามไปด้วย“ผู้คุ้มกันหลิน หากไปแจ้งทางการเจ้ามิกลัวว่าคุณชายของเจ้าจะถูกเจ้าแห่งทิศใต้ลงโทษเอาหรือ?”ผู้ดูแลเฝิงเผชิญหน้ากับคำขู่ของเย่หรงแล้วหัวเราะเยาะออกมา เมื่อเห็นว่าหลงจิ้งพุ่งเข้ามาหาตนอีกครั้ง เขาก็ถอยหนีไปที่หน้าประตู“เจ้าไปเกลี้ยกล่อมคุณชายของเจ้าว่าอย่าก่อเรื่องจะดีกว่า สำนักซิงหลัวของข้ากล้าเปิดบ่อนในเมืองหลวงแดนเทพเช่นนี้ก็ย่อมมิใช่คนที่จะมารังแกได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว!”ผู้ดูแลเฝิงยิ้มเย็นชา “พวกเจ้าไปพักผ่อนอยู่ในห้องก่อนเถิด รอให้คุณชายของเจ้ามีสติเต็มที่แล้วข้าค่อยมาคุยกับเขาอีกที!”หลังจากพูดจบ ผู้ดูแลเฝิงก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป“จัดการมัน!”หลงจิ้งทำท่าทางให้เย่หรง จากนั้นก็เดินนำไปเตะที่ประตู“เจ้าสุนัขรับใช้ เจ้ากลับมาคุยกับข้าให้ชัดเจน อย่าแม้แแต่จะคิดหนี!”ผู้
เมื่อเหล่าคุณชายที่มายืนดูได้ยินจำนวนนี้ ต่างก็ตกใจกันไปหมดแม้ว่าคนที่สามารถมาเล่นการพนันที่บ่อนสำนักซิงหลัวได้นั้นจะล้วนเป็นพวกที่อยู่ในตระกูลที่ร่ำรวย แต่มิว่าเงินของตระกูลใครก็มิได้ปลิวมาตามสายลม หากเป็นหนี้มากเกินไป จะไปอธิบายให้คนในบ้านฟังอย่างไรเล่า?“ผู้ดูแลเฝิง เจ้าคำนวณให้ข้าทีว่าข้าเป็นหนี้พวกเจ้าอยู่เท่าไร?”คุณชายคนหนึ่งเป็นผู้นำเอ่ยถามขึ้นมาก่อน จากนั้นคุณชายคนอื่น ๆ ก็พากันซักถามผู้ดูแลเฝิงผู้ดูแลเฝิงรู้สึกปวดหัวจัด เรื่องนี้จะสามารถบอกพวกเขาได้หรือ?คนมากมายถึงเพียงนี้ หากให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาเป็นหนี้สำนักซิงหลัวอยู่เท่าใด คาดว่าคืนนี้บ่อนแห่งนี้คงได้ถูกพวกเขาทำลายเป็นแน่“ไยเล่า เจ้ามิกล้าบอกรึ?”เย่หรงตะโกนออกมาเสียงดัง “ทุกคนดูท่าทางของเขาเถิด หากมิได้โกง แล้วจะทำหน้ามีพิรุธเยี่ยงนี้หาปะไร?”“ให้เจ้าสำนักของพวกเจ้าออกมาอธิบายให้ชัดเจนว่า เป็นสำนักซิงหลัวที่โกง หรือว่าผู้ดูแลเฝิงปลอมแปลงบัญชีกันแน่?”เมื่อคุณชายเหล่านั้นเห็นว่าผู้ดูแลเฝิงสีหน้ามิสู้ดีก็รู้ดีแก่ใจแล้ว พวกเขาคงจะเป็นหนี้มากเกินไปจนผู้ดูแลเฝิงมิสะดวกพูดในยามนี้เป็นแน่“ผู้ดูแลเฝิง ไปเรียกเจ้าส
“ไปให้พ้น เจ้าคนชั้นต่ำ! เจ้าคิดจะนำหนังสือบัญชีปลอมมาหลอกพวกเรารึ? วันนี้มีเพียงพวกเราต้องได้เห็นหนังสือบัญชีหนี้สินของพวกเรากับตาเท่านั้นจึงจะเชื่อ!”หลงจิ้งใช้บานประตูเป็นอาวุฟาดไปทางผู้ดูแลเฝิงเมื่อผู้ดูแลเฝิงเห็นว่าหลงจิ้งมีท่าทีคุกคามก็แค้นจนอยากจะฟาดเขาให้ตายในทีเดียวแต่ตัวตนของหลงจิ้งสูงส่ง อย่าว่าแต่จะสังหารเขาเลย แม้ว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บก็คาดว่ามิถึงครึ่งชั่วยามทหารจากจวนเจ้าแห่งทิศใต้ก็คงจะมาล้อมบ่อนไว้แล้วผู้ดูแลเฝิงชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียแล้วก็ไม่มีทางเลือกจึงต้องหลบให้ จากนั้นหลงจิ้งก็นำทุกคนพุ่งเข้าไปในห้องบัญชีห้องบัญชีของบ่อนพนันมิได้มีเพียงนักบัญชีคนเดียว แต่มีอยู่เจ็ดแปดคน เมื่อพวกเขาเห็นคนมากมายถึงเพียงนี้พุ่งเข้ามา ทุกคนพากันตกตะลึง นี่มันเกิดเรื่องกระไรขึ้น?“เย่หรง ประเดี๋ยวฉวยโอกาสตอนชุลมุนจุดไฟเผาไปเสีย!”หลงจิ้งสั่งการเย่หรงอย่างเงียบ ๆ แล้วกระซิบต่อ “ข้ารู้สถานที่ที่พวกเขาเก็บขี้ผึ้งหอมไว้ เจ้าจุดไฟเผาที่นี่เสีย ส่วนข้าจะไปแอบจุดไฟเผาสถานที่เก็บขี้ผึ้งหอม!”“เช่นนี้ทุกคนก็จะไม่มีขี้ผึ้งหอมไว้สูบ แล้วก็จะรู้ถึงอันตรายของขี้ผึ้งหอม ทำเช่นนี้ได้ผลก
“ไฟไหม้ หนีเร็วเข้า!”“รีบดับไฟเร็ว!”เมื่อเย่หรงเห็นว่าหลงจิ้งออกไปแล้ว ก็ตะเบ็งเสียงออกมาอย่างดังผู้คุ้มกันเหล่านั้นมิสนใจที่จะจัดการกับคุณชายเหล่านี้แล้ว พวกเขารีบกระจายกันไปคนละทิศคนละทางเพื่อหาน้ำมาดับไฟเมื่ออากาศแห้ง หากความรุนแรงของไฟที่ห้องบัญชีมากเกินไป เช่นนั้นไฟก็จะลามไปยังห้องอื่น ๆ หรืออาจจะเชื่อมไปจนหมดทั้งบ่อนก็เป็นได้บรรดาแขกที่กำลังเล่นพนันอยู่ในบ่อนส่วนหน้า เมื่อพวกเขาได้ยินว่าไฟไหม้ก็มิสนใจเล่นพนันแล้ว ต่างก็พากันหนีไปข้างนอกเจ้าแห่งทิศใต้อยู่ในบ้านก็เป็นห่วงความปลอดภัยของหลงจิ้งและเย่หรงอยู่ตลอด เมื่อนั่งมิติดจึงเป็นคนพารองแม่ทัพไปที่เรือนที่ใช้ชั่วคราวแห่งหนึ่งที่อยู่แถว ๆ สำนักซิงหลัวด้วยตนเองเมื่อเห็นแขกเหล่านั้นต่างพากันหนีออกมาข้างนอก เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิรู้ว่าเกิดกระไรขึ้น แต่ในขณะที่กำลังกังวลอยู่นั้นสายลับผู้หนึ่งก็พุ่งเข้ามารายงาน“องค์ชาย ด้านในบ่อนพนันเกิดไฟไหม้พ่ะย่ะค่ะ ท่านชายสามเป็นผู้นำบุกเข้าไปในห้องบัญชีแล้วก่อความวุ่นวายขึ้นมา!”“ท่านชายสามยังอยู่ข้างในพ่ะย่ะค่ะ คนของพวกเราเห็นท่านชายสามเดินไปทางด้านหลัง คาดว่าจะไปจุดไฟเผาพ่ะย่ะค่ะ!”อ
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร