ภายในห้องหลิงอวี๋เล่าเรื่องที่ตนได้ประสบที่จวนเจ้าแห่งทะเลให้เซียวหลินเทียนฟังเมื่อเล่าถึงท่านอาสุ่ยใช้วิชาดูดกลืนวิญญาณกับหลิงอวี๋เพื่อหลอกล่อให้นางบอกความลับของหยกหล้าสุขาวดี เซียวหลินเทียนก็รู้สึกกังวลขึ้นมา“สตรีผู้นั้นปลอมเป็นท่านแม่ของข้า เพียงแต่ข้าลืมหลานฮุ่ยจวนไปจึงมิได้หลงกล!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “หลังจากนั้นข้าก็นึกถึงสิ่งที่ปรมาจารย์เย่พูดกับข้าไว้ จึงได้ลองใช้หยกหล้าสุขาวดีควบคุมนาง และนั่นคือวิธีที่ข้าหนีรอดจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้!"“เสียดายที่พลังของข้าสู้เจ้าแห่งทะเลมิได้ อีกทั้งเขาก็ยังเป็นคนที่จิตแข็งมากด้วย มิฉะนั้นข้าคงจะลองควบคุมเจ้าแห่งทะเลดู!”หลังจากเซียวหลินเทียนได้ยินเช่นนี้ก็แอบรู้สึกดีใจที่หลิงอวี๋สูญเสียความทรงจำไป มิฉะนั้นก็คงจะหลงกลไปกับแผนการร้ายของท่านอาสุ่ยไปแล้ว“เซียวหลินเทียน ก่อนหน้านี้ข้าได้ยอมรับตัวตนไปภายใต้การควบคุมของท่านอาสุ่ยแล้ว! เจ้าแห่งทะเลเองก็รู้ว่าพวกเราใกล้ชิดกัน และเขาก็รู้ตัวตนของท่านด้วย!”หลิงอวี๋เอ่ยออกไป “ท่านพักฟื้นสักสองวัน แล้วหาโอกาสออกจากเมืองหลวงแดนเทพไปโดยเร็วจะดีกว่า!”เซียวหลินเทียนมองไปที่นาง “เจ้ามิไปห
คำถามในชุดนี้คือสิ่งที่พวกเขาทั้งสองคนมิสามารถตอบได้ทั้งสองมองหน้ากันไปมา รู้สึกเพียงว่าแดนเทพเต็มไปด้วยวิกฤติ ความซับซ้อนในความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเหล่านี้ทุกสิ่งเป็นดังหลุมลึกหลุมหนึ่ง“พวกเราทำทั้งสองสิ่งไปพร้อมกันดีกว่า ด้านหนึ่งคือการตามหาที่อยู่ของแม่นมอูและขันทีโม่ ส่วนอีกด้านหนึ่งคือคิดหาวิธีช่วยมารดาของเย่หรง!”หลิงอวี๋เอ่ยขึ้นมาด้วยความกังวล “วันนี้เจ้าแห่งทะเลมิสามารถล้วงความลับของหยกหล้าสุขาวดีไปได้ เขาจะต้องมีแผนสำรองอยู่เป็นแน่ พวกเรามีเวลามิมากแล้ว!”เซียวหลินเทียนพยักหน้า “ตอนนี้พวกเขารู้ตัวตนของพวกเราอย่างชัดแจ้งแล้ว มหาปราชญ์เองก็คงจะมิปล่อยไปง่าย ๆ เช่นกัน หากช่วยเหลือมารดาของเย่หรงและแม่นมอูออกมาได้แล้ว พวกเราก็ไปจากเมืองหลวงแดนเทพกันก่อนเถิด!”หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนแล้วอดมิได้ที่จะเอ่ยถามออกไป “เซียวเยวี่ยสบายดีหรือไม่?”ที่จวนเจ้าแห่งทะเล ชายาเจ้าแห่งทะเลก็เอ่ยถึงเซียวเยวี่ยเช่นกัน ทั้งคำพูดและน้ำเสียงล้วนใช้ชีวิตของเซียวเยวี่ยมาข่มขู่หลิงอวี่เรื่องนี้ทำให้หลิงอวี๋คิดเรื่องปัญหาของเซียวเยวี่ยอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยบอกว่า เซียวเยวี่ยถูก
เซียวหลินเทียนเอ่ยขึ้นมาด้วยความรู้สึก “ตอนนี้เผยอวี้ก็กังวลว่าหากหลิงหว่านแข็งแกร่งเกินไปจนมิยอมพึ่งพาใครแล้วจะยิ่งมิยอมแต่งงานกับเขา!”หลิงอวี๋มิได้ต่อต้านเซียวหลินเทียนมากถึงเพียงนั้นแล้วเมื่อนางฟังมาถึงตรงนี้ แม้ว่าจะยังจำเรื่องราวในอดีตมิได้ แต่รู้สึกได้ว่าหลิงหว่านสามารถยืนด้วยตนเองได้ หากต้องเผชิญหน้ากับตระกูลเผยก็เชิดหน้าชูตาได้เช่นกันขณะที่นางกำลังฟังเซียวหลินเทียนพูดถึงบรรดาคนที่ตนรู้จักในฉินตะวันตก ในใจของนางก็เกิดความปรารถนาขึ้นมา นางอยากจะไปพบญาติสนิทมิตรสหายเหล่านี้ที่ฉินตะวันตก“อาอวี๋ เมื่อเรื่องที่นี่จบสิ้นแล้ว เจ้ากลับฉินตะวันตกกับข้าเถิด!”เซียวหลินเทียนเอ่ยออกมาอย่างจริงใจ “ข้าพูดกับเก๋อเฟิ่วฉินไปอย่างชัดเจนแล้ว ชาตินี้จะไม่มีใครมาแทนที่ตำแหน่งของเจ้าในใจข้าได้!”“พวกเรากลับไป ไปเลี้ยงดูเยวี่ยเยวี่ยให้ดี! สิ่งที่ข้าติดค้างพวกเจ้าไว้เมื่อก่อน ข้าจะชดเชยให้ทั้งหมด!”หลิงอวี๋พยักหน้า “เมื่อช่วยแม่นมอูและแม่ของเย่หรงออกมาได้แล้ว ข้าจะกลับไปกับพวกท่าน!”หลิงอวี๋รับปากที่จะกลับไปกับเซียวหลินเทียนก็เพื่อไปพิสูจน์ความจริง ส่วนเรื่องที่ว่าจะยังเป็นสามีภรรยากับเซียวห
“หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร
“อย่าตีท่านแม่ของข้า...” หลังจากที่เสี่ยวเมาล้มบนพื้น กระอักเลือดออกมาแล้วก็คลานเข้าไปหาหลิงอวี๋อย่างไม่ยินยอม ยังคิดที่จะใช้ร่างกายที่อ่อนแอของตนช่วยรับแส้ให้กับนางอีก หลิงอวี๋มองไปยังมุมปากของเสี่ยวเมาที่ยังคงมีเลือดไหลซึม ในใจก็ยิ่งสั่นสะท้านขึ้นมา… ในความทรงจำนั้น หลิงอวี๋ใส่ใจเสี่ยวเมาน้อยนัก ทำให้เสี่ยวเมาที่คลอดมาแข็งแรงมาก กลับยิ่งเลี้ยงดูก็ยิ่งผอมบาง... “ท่านอ๋อง… นี่? โบยต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” มือเฆี่ยนเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง “ลากลูกนอกสมรสนั่นออกไป โบยต่อ!” ชายหนุ่มสูงส่งราวกับเทพเจ้านั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นเสี่ยวเมากระอักเลือดออกมา ก็ยังคงดูเฉยชาไร้ซึ่งอารมณ์ดั่งเก่า “เสี่ยวเมา ไปเถอะ ปกตินางก็ไม่ได้ดูแลเจ้าดีนัก เจ้ายังสนใจว่านางจะเป็นตายไปเพื่อเหตุอันใด!” หญิงชราคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เมื่ออุ้มเสี่ยวเมาได้ก็ออกไป “อย่าตีท่านแม่… ปล่อยข้า!” เสี่ยวเมายังคงร้องตะโกนออกมาอย่างเศร้าโศก ไม่สนใจว่าตรงมุมปากของตนจะมีเลือดไหลออกมา ดิ้นรนอย่างแรงอยู่ในอ้อมแขนของหญิงชรา หญิงชรากอดเขาเอาไว้แน่น มือเฆี่ยนยังคงโบยแส้ลงไปบนกายของหลิงอวี๋ เสี่ยวเมาเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาแรง
“ตึกตึก… ตึก...” ไม่รู้ว่าสลบไปนานเท่าใด หลิงอวี๋ได้ยินเสียงนาฬิกาดังตึกตึกแว่ว ๆ จนลืมตาขึ้นมา... ทันใดนั้น ดวงตาของหลิงยวี่ก็สว่างขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องทดลองอิสระของตนที่วิทยาลัยแพทย์ หรือว่าตนจะเดินทางข้ามเวลากลับมาแล้ว? หลิงอวี๋ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นขึ้นมา ทว่าเพียงเคลื่อนไหวร่างกายก็รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างเจ็บปวด และยังมีเลือดสดไหลออกมา... เธอก้มหัวลงไปมองก็พบว่าร่องรอยบาดเจ็บของแส้ก็ถูกนำกลับมาด้วย! เธออดทนต่อความเจ็บปวดตามหากล่องยา แล้วฉีดยาบาดทะยักให้กับตนเอง ก่อนจะรีบจัดการบาดแผลอย่างรวดเร็ว มีรอยแส้มากมายอยู่ตรงหน้าอก แผ่นหลัง และบนใบหน้า ล้วนแต่ลึกลงสู่ผิวหนัง มองดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวและโหดร้าย ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจัดการอาการบาดเจ็บบนร่างกายอยู่ทางนี้นั้น ก็ก่นด่าสาปแช่งเซียวหลินเทียนไปพลาง สาปแช่งให้เขาไม่ได้ตายดี ขาดลูกหลานสืบสกุล... เมื่อคำด่า “ขาดลูก” สองคำนี้ออกมา ก็คิดถึงเสี่ยวเมาที่ปกป้องตนจนไม่อาจสาปแช่งต่อไปได้ เธอไม่ได้หวังให้เสี่ยวเมาตายไป! บาดแผลของหลิงอวี๋เพิ่งจะใส่ยาลงไป ขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังลอยมา เ
หลิงอวี๋คิดที่จะหยิบเครื่องมือและยาเพื่อไปช่วยรักษาเสี่ยวเมา ทว่าประตูห้องใหญ่ก็ถูกเปิดขึ้นในทันที นางรับใช้แม่นมที่อยู่ด้านนอกอาจจะเข้ามาได้ทุกเมื่อ หลิงอวี๋จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม ทำได้เพียงแต่สงบนิ่งรอคอยเวลา พ่อบ้านฟั่นด้านนอกนั้นถูกแม่นมลี่ถามไถ่จนรู้สึกรำคาญใจ จึงใช้เท้าเตะแม่นมลี่ แล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาไร้ปรานี “ไสหัวไป สุนัขดี ๆ จะต้องไม่มาขวางทาง” เมื่อหลิงอวี๋มองออกไป ก็พบว่าแม่นมลี่ถูกผลักจนล้มลงบนพื้นอย่างแรง ดูเหมือนว่า แม่นมลี่เองก็คงจะถูกแส้หวดมาก่อน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บนใบหน้ายังมีคราบเลือดอยู่ไม่น้อย... “แม่นมลี่ เจ้าอย่ามามัวเสียเวลาอีกเลย รีบจัดการเก็บกวาดอยู่ในเรือนบุหงาเสียดี ๆ เถิด!” นางรับใช้ที่ดูหยิ่งยโสคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของแม่นมลี่ เอ่ยออกมาอย่างได้ใจ “พ่อบ้านฟั่นได้เลื่อนขั้นให้ข้าเป็นนางรับใช้ใหญ่แล้ว ต่อไปทุกคนในเรือนบุหงาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของข้า” “ท่านอ๋องทรงรับสั่งมาแล้วว่า หากพวกเจ้ายังจะไม่เชื่อฟัง ข้าก็มีอำนาจทีจะทุบตีพวกเจ้าจนตายได้!” “หลิงผิง เจ้าเป็นนางรับใช้ข้างกายของพระชายา สัญญาทาสยังอยู่ในมือของพระชายา เจ้าม
หลิงอวี๋ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนหลุมธรรมดา มีตะเกียงน้ำมันแสงสลัวแขวนอยู่บนกำแพงดินเก่า ๆ ส่วนเสี่ยวเมาที่นอนข้างกายเธอนั้น อาการบาดเจ็บก็สาหัสมากยิ่งขึ้น! หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดตรงหน้าอก นี่เป็นความรู้สึกของเสี่ยวเมาที่เธอรับรู้ได้! หลิงอวี๋คุ้นชินกับความรับรู้ที่เหนือธรรมชาติของตนเองได้แล้ว จึงได้คลานไปอย่างต้องการจะช่วยเสี่ยวเมาตรวจอาการอีกสักครั้ง ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงของคนพูดคุยกันอยู่ด้านนอก น้ำเสียงดูเขินอาย “พี่หลิงหลาน พี่ช่วยไปขอร้องพี่หลิงผิง ให้นางช่วยตามหมอมาให้กับคุณชายน้อยและแม่นมลี่ทีเถิด! แม่นมลี่อายุมากแล้ว นางไม่มีทางทนได้!” หลิงหลานเอ่ยออกมาด้วยความโมโห “แม่นมลี่และข้าถูกเจ้าหมูโง่นั่นทำให้ลำบากแล้ว ต่างก็ถูกเฆี่ยนกันคนละสามสิบครั้ง ทั่วทั้งร่างกายของข้าล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผล! จะมีหมอที่ไหนมาดูพวกเรากัน! ท่านหมอที่มีชื่อในเมืองหลวงล้วนแต่ถูกท่านอ๋องเรียกไปทางด้านของเฮยจื่อหมดแล้ว!” “ข้าเพิ่งจะได้ยินมาว่า หมอเหล่านั้นเองก็มิอาจทำอะไรกับอาการบาดเจ็บของเฮยจื่อได้เลย คุณชายเฮยจื่อหากว่าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ พวกเราทั้งหมดคงจะต้องถ
เซียวหลินเทียนเอ่ยขึ้นมาด้วยความรู้สึก “ตอนนี้เผยอวี้ก็กังวลว่าหากหลิงหว่านแข็งแกร่งเกินไปจนมิยอมพึ่งพาใครแล้วจะยิ่งมิยอมแต่งงานกับเขา!”หลิงอวี๋มิได้ต่อต้านเซียวหลินเทียนมากถึงเพียงนั้นแล้วเมื่อนางฟังมาถึงตรงนี้ แม้ว่าจะยังจำเรื่องราวในอดีตมิได้ แต่รู้สึกได้ว่าหลิงหว่านสามารถยืนด้วยตนเองได้ หากต้องเผชิญหน้ากับตระกูลเผยก็เชิดหน้าชูตาได้เช่นกันขณะที่นางกำลังฟังเซียวหลินเทียนพูดถึงบรรดาคนที่ตนรู้จักในฉินตะวันตก ในใจของนางก็เกิดความปรารถนาขึ้นมา นางอยากจะไปพบญาติสนิทมิตรสหายเหล่านี้ที่ฉินตะวันตก“อาอวี๋ เมื่อเรื่องที่นี่จบสิ้นแล้ว เจ้ากลับฉินตะวันตกกับข้าเถิด!”เซียวหลินเทียนเอ่ยออกมาอย่างจริงใจ “ข้าพูดกับเก๋อเฟิ่วฉินไปอย่างชัดเจนแล้ว ชาตินี้จะไม่มีใครมาแทนที่ตำแหน่งของเจ้าในใจข้าได้!”“พวกเรากลับไป ไปเลี้ยงดูเยวี่ยเยวี่ยให้ดี! สิ่งที่ข้าติดค้างพวกเจ้าไว้เมื่อก่อน ข้าจะชดเชยให้ทั้งหมด!”หลิงอวี๋พยักหน้า “เมื่อช่วยแม่นมอูและแม่ของเย่หรงออกมาได้แล้ว ข้าจะกลับไปกับพวกท่าน!”หลิงอวี๋รับปากที่จะกลับไปกับเซียวหลินเทียนก็เพื่อไปพิสูจน์ความจริง ส่วนเรื่องที่ว่าจะยังเป็นสามีภรรยากับเซียวห
คำถามในชุดนี้คือสิ่งที่พวกเขาทั้งสองคนมิสามารถตอบได้ทั้งสองมองหน้ากันไปมา รู้สึกเพียงว่าแดนเทพเต็มไปด้วยวิกฤติ ความซับซ้อนในความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเหล่านี้ทุกสิ่งเป็นดังหลุมลึกหลุมหนึ่ง“พวกเราทำทั้งสองสิ่งไปพร้อมกันดีกว่า ด้านหนึ่งคือการตามหาที่อยู่ของแม่นมอูและขันทีโม่ ส่วนอีกด้านหนึ่งคือคิดหาวิธีช่วยมารดาของเย่หรง!”หลิงอวี๋เอ่ยขึ้นมาด้วยความกังวล “วันนี้เจ้าแห่งทะเลมิสามารถล้วงความลับของหยกหล้าสุขาวดีไปได้ เขาจะต้องมีแผนสำรองอยู่เป็นแน่ พวกเรามีเวลามิมากแล้ว!”เซียวหลินเทียนพยักหน้า “ตอนนี้พวกเขารู้ตัวตนของพวกเราอย่างชัดแจ้งแล้ว มหาปราชญ์เองก็คงจะมิปล่อยไปง่าย ๆ เช่นกัน หากช่วยเหลือมารดาของเย่หรงและแม่นมอูออกมาได้แล้ว พวกเราก็ไปจากเมืองหลวงแดนเทพกันก่อนเถิด!”หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนแล้วอดมิได้ที่จะเอ่ยถามออกไป “เซียวเยวี่ยสบายดีหรือไม่?”ที่จวนเจ้าแห่งทะเล ชายาเจ้าแห่งทะเลก็เอ่ยถึงเซียวเยวี่ยเช่นกัน ทั้งคำพูดและน้ำเสียงล้วนใช้ชีวิตของเซียวเยวี่ยมาข่มขู่หลิงอวี่เรื่องนี้ทำให้หลิงอวี๋คิดเรื่องปัญหาของเซียวเยวี่ยอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยบอกว่า เซียวเยวี่ยถูก
ภายในห้องหลิงอวี๋เล่าเรื่องที่ตนได้ประสบที่จวนเจ้าแห่งทะเลให้เซียวหลินเทียนฟังเมื่อเล่าถึงท่านอาสุ่ยใช้วิชาดูดกลืนวิญญาณกับหลิงอวี๋เพื่อหลอกล่อให้นางบอกความลับของหยกหล้าสุขาวดี เซียวหลินเทียนก็รู้สึกกังวลขึ้นมา“สตรีผู้นั้นปลอมเป็นท่านแม่ของข้า เพียงแต่ข้าลืมหลานฮุ่ยจวนไปจึงมิได้หลงกล!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “หลังจากนั้นข้าก็นึกถึงสิ่งที่ปรมาจารย์เย่พูดกับข้าไว้ จึงได้ลองใช้หยกหล้าสุขาวดีควบคุมนาง และนั่นคือวิธีที่ข้าหนีรอดจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้!"“เสียดายที่พลังของข้าสู้เจ้าแห่งทะเลมิได้ อีกทั้งเขาก็ยังเป็นคนที่จิตแข็งมากด้วย มิฉะนั้นข้าคงจะลองควบคุมเจ้าแห่งทะเลดู!”หลังจากเซียวหลินเทียนได้ยินเช่นนี้ก็แอบรู้สึกดีใจที่หลิงอวี๋สูญเสียความทรงจำไป มิฉะนั้นก็คงจะหลงกลไปกับแผนการร้ายของท่านอาสุ่ยไปแล้ว“เซียวหลินเทียน ก่อนหน้านี้ข้าได้ยอมรับตัวตนไปภายใต้การควบคุมของท่านอาสุ่ยแล้ว! เจ้าแห่งทะเลเองก็รู้ว่าพวกเราใกล้ชิดกัน และเขาก็รู้ตัวตนของท่านด้วย!”หลิงอวี๋เอ่ยออกไป “ท่านพักฟื้นสักสองวัน แล้วหาโอกาสออกจากเมืองหลวงแดนเทพไปโดยเร็วจะดีกว่า!”เซียวหลินเทียนมองไปที่นาง “เจ้ามิไปห
หัวใจของเก๋อเฟิ่งฉิงจมดิ่งลงนี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนพูดกับตนชัดเจนเช่นนี้ ้เช่นนั้นก็แสดงว่าเซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วและไม่มีทางยอมรับนาง!“พี่ใหญ่ ข้า… ข้าจะมิแย่งชิงความโปรดปรานกับพี่หญิงหลิงอวี๋ ขอเพียงได้อยู่ข้างกายท่าน จะให้ข้าเป็นนางสนมข้าก็ยินดี!”เก๋อเฟิ่งฉิงทุ่มสุดตัวแล้ว ทั้งยังเอ่ยออกไปอย่างร้อนรน“ข้าจะให้ความเคารพพี่หญิงหลิงอวี๋ จะมิทำให้ท่านลำบากใจ!”เซียวหลินเทียนส่ายหัว “เฟิ่งฉิง อาอวี๋เป็นคนที่มิยอมทนกับสิ่งที่ตนยอมรับมิได้! ข้ามิอยากให้เป็นเพราะเจ้าจึงเกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของข้ากับอาอวี๋!”“ในเวลาเดียวกัน ข้าก็มิยินดีที่จะให้เจ้าได้รับความอยุติธรรมเช่นกัน!”“เฟิ่งฉิง ข้ามองเจ้าเป็นน้องหญิงของข้า นี่คือคำพูดจากใจจริง!”“ข้าหวังว่าเจ้าจะได้พบกับบุรุษที่ดี คนที่จะปฏิบัติกับเจ้าเช่นเดียวกับที่ข้าปฏิบัติต่ออาอวี๋ คนที่จะมิยอมให้เจ้าเสียใจ และมิยอมให้เจ้าได้รับความอยุติธรรมแม้เพียงเล็กน้อย!”“เฟิ่งฉิง จะต้องมีคนที่มองเห็นความดีของเจ้าแน่นอน แล้วเหตุใดเจ้าถึงต้องฝืนใจตนเองด้วยเล่า!”ใต้หล้านี้มีบุรุษเช่นนี้ด้วยหรือ?เก๋อเฟิ่งฉิงรู้สึกสิ้นหวัง
หานเหมยพูดทุกสิ่งที่ควรจะพูดออกไปจนหมดหลังจากที่นางออกไป เซียวหลินเทียนก็ครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่นานหานเหมยพูดถูก นิสัยของหลิงอวี๋เป็นคนประเภทที่ยอมหักมิยอมงอ นางไม่มีทางยอมที่ตนจะแต่งงานกับเก๋อเฟิ่งฉิงแน่ส่วนก่อนหน้านี้เขาเองก็มิได้มีแผนที่จะแต่งงานกับเก๋อเฟิ่งฉิงเช่นกันหากว่าเพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณที่เก๋อเฟิ่งฉิงที่ช่วยชีวิตไว้แล้วต้องแต่งงานกับนาง เช่นนั้นก็ดูจะเลอะเลือนมากเกินไปดังนั้นเมื่อเก๋อเฟิ่งฉิงมาดูแลเขา เซียวหลินเทียนจึงเอ่ยออกไปตรง ๆ “น้องหญิงเก๋อ ประเดี๋ยวข้าจะให้คนไปส่งเจ้ากลับไปที่บ้านตระกูลเก๋อนะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นก็ฝืนยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “พี่ใหญ่ เป็นเพราะข้าอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้แล้วรบกวนพวกท่านใช่หรือไม่?”“ซูจู๋เด็กมิรู้ความผู้นั้น นางไปบอกกับท่านย่าของข้าว่าข้าออกไปเที่ยวเล่นกับท่าน หากจู่ ๆ กลับไปเช่นนี้ ท่านย่าของข้าจะต้องสงสัยเป็นแน่!”เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินเรื่องนี้ก็รู้ทันทีว่าเก๋อเฟิ่งฉิงกำลังอ้าง แต่เขาก็มิอยากเปิดโปงนางเขาจึงนิ่งไปสักพักหนึ่งแล้วเอ่ยออกมา “เจ้านั่งลงสิ! ข้าอยากคุยกับเจ้าสักหน่อย!”เก๋อเฟิ่งฉิงมีลางสังหรณ์ที่มิ
หยางหงหนิงพูดพลางทำท่าทีหวาดกลัว และน้ำตาก็ไหลลงมาท่าทีที่ดูจริงใจอย่างมากต่อเย่หรงนั้นทำให้หลงเพ่ยเพ่ยมองแล้วรู้สึกขัดตาอย่างยิ่งนางจึงลากหลิงอวี๋หันหลังเดินไปแล้วเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิด “พี่หญิงหลิงหลิง ข้าขอไปส่งท่านกลับเองแล้วกัน! วันนี้เหนื่อยสุด ๆ ตอนนี้ข้าคิดแค่อยากกลับบ้านไปนอนให้เสียเต็มอิ่มนัก!”หลงเพ่ยเพ่ยขึ้นรถม้าแล้วหันไปเห็นหยางหงหนิงยังคงร้องไห้ทั้งกำชับเย่ซื่อฝานว่าต้องดูแลเย่หรงอย่างไรนางจึงกระแทกม่านลงอย่างแรงความรู้สึกเช่นนี้ช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง เหตุใดเมื่อก่อนจึงมิรู้สึกว่าหยางหงหนิงน่ารำคาญถึงเพียงนี้นะ!แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นมิว่าจะมองหยางหงหนิงอย่างไรก็รู้สึกขัดหูขัดตาไปหมดหลิงอวี๋มิได้สังเกตเห็นความผิดปกติของหลงเพ่ยเพ่ย เมื่อครู่ตอนที่นางลงจากรถม้าส่งเย่หรงเข้าไป นางเพิ่งพบว่าในสายคาดเอวของตนมีเศษกระดาษอยู่หนึ่งใบแต่ต่อหน้าคนจำนวนมากถึงเพียงนี้ หลิงอวี๋มิสะดวกที่จะเปิดกระดาษออกมาดูตอนนี้นางจึงคิดเพียงแค่อยากรีบกลับ จะได้ดูว่าในกระดาษนั้นเขียนสิ่งใดเอาไว้นางกล้าสาบานว่าก่อนที่ตนจะเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์มิได้มีกระดาษใดอยู่ในสายคาดเอวทั้งสิ้นต
หลิงอวี๋ครุ่นคิดไปพลางเอ่ยไปด้วย “เพ่ยเพ่ย ข้าคาดเดาไว้เรื่องหนึ่ง”“สำนักซิงหลัวใช้ขี้ผึ้งหอมมาควบคุมบุตรหลานผู้มีอำนาจมิใช่หรือ? ขี้ผึ้งหอมนั้นสกัดออกมาจากพืชชนิดหนึ่งที่เรียกว่าฝิ่น!”“ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดอยู่ว่า สำนักซิงหลัวได้ขี้ผึ้งหอมมาจากที่ใด?”“ตอนนี้รู้แล้วว่าอูอวี๋หลานจัดหาเครื่องยาสมุนไพรให้มหาปราชญ์ เช่นนั้นจะเป็นไปได้หรือไม่ว่า อูอวี๋หลานปลูกต้นฝิ่นในแนวเขาของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ยึดครองอยู่ มิฉะนั้นสำนักซิงหลัวไม่มีทางมีขี้ผึ้งหอมมากถึงเพียงนั้นแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที “พี่หญิงหลิงหลิง การคาดเดาของท่านอาจจะเป็นเรื่องจริง!”“รอข้ากลับไปคุยกับท่านพ่อและพี่สามก่อน แล้วพวกเราค่อยอาศัยโอกาสที่ไปช่วยแม่นมอูขึ้นเขาไปสืบสวน หากยืนยันแล้วว่าเป็นเรื่องจริง ก็จะสามารถกำจัดขี้ผึ้งหอมของสำนักซิงหลัวให้หมดสิ้นไปได้!”ดวงตาของเถาจื่อเปล่งประกายยิ่งขึ้นอีก หากส่งข่าวเหล่านี้ไปให้ชายาเจ้าแห่งทะเล ชายาเจ้าแห่งทะเลจะต้องดีใจเป็นแน่!นางแอบรู้สึกภูมิใจ หลิงอวี๋เชื่อใจตนจริง ๆ มิได้มีการปิดบังอะไรต่อหน้าตนเลยแม้แต่น้อยหากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะต้องทำภารกิจที่ชายาเจ้าแ
ทุกคนเดินทางออกจากเขาเทพธิดาแล้วนั่งรถม้ากลับสู่เมืองหลวงแดนเทพกันหยางหงหนิงใช้ข้ออ้างว่าต้องดูแลเย่หรง จึงไปนั่งรถม้าคันเดียวกับเย่หรงส่วนหลงเพ่ยเพ่ยและหลิงอวี๋นั่งรถม้าคันเดียวกันหลิงอวี๋ได้ยินจากมู่ตงมาเพียงว่าเกิดอุบัติเหตุกับเย่หรง ยังมิได้เข้าใจสถานการณ์โดยละเอียด นางจึงเอ่ยถามขึ้นหลงเพ่ยเพ่ยจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลิงอวี๋ฟัง จากนั้นนางก็ยิ้มขมขื่นแล้วเอ่ยออกมา “ก่อนหน้านี้ข้ากังวลว่าเย่หรงจะต้องตายไปเช่นนี้เสียแล้ว โชคดีที่เขามีบุญ สุดท้ายจึงรอดชีวิตมาได้!”หลิงอวี๋สังเกตเห็นความผิดปกติอย่างรวดเร็ว “เจ้าบอกว่ามีคนผลักเจ้าหรือ?”“อืม ตอนนั้นพวกนางกำนัลเหล่านั้นกำลังช่วยท่านหญิงอวิ๋นช่วยเหลือหยวนซานอยู่ คาดว่าคงจะมิระวังจึงมาชนข้าเข้า!”หลงเพ่ยเพ่ยนึกถึงภาพน่าหวาดเสียวก่อนหน้านี้แล้ว ก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่ตอนนั้นนางคิดว่าจะต้องตายแน่ ๆ คาดมิถึงว่าเย่หรงจะสละชีวิตมาช่วยตนไว้หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่หยางหงหนิงก็อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย แล้วนางก็ขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้นมา “กลัวก็แต่ว่าเรื่องราวจะมิได้ง่ายเช่นนั้นสิ!”“เพ่ยเพ่ย เรื่องระวังคนอย่าได้ขาด ความคิดของหยางหงหนิงท
สตรีศักดิ์สิทธิ์เอ่ยถึงตรงนี้ด้วยสีหน้าจนใจ “คนเหล่านั้นอาศัยอยู่บนภูเขากันมาเป็นเวลานาน ทั้งยังมีความคิดซื่อบริสุทธิ์ จึงมิได้สงสัยว่าอวี๋หลานโกหก!”“พวกเขาล้วนเชื่อคำโกหกของอวี๋หลาน บอกกันว่าข้าเป็นแม่มด ข้าสาปแช่งพวกเขา และต้องการจะจับตัวข้าไปเผาสังหารข้าเสีย!”“หลิงอวี๋ คนตระกูลข้าถูกพวกเขาลอบโจมตีอยู่บ่อยครั้ง ในช่วงสิบปีนี้จำนวนคนจึงลดน้อยลงเรื่อย ๆ”“ข้าเคยคิดว่าจะละทิ้งภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด และมอบภูเขาศักดิ์สิทธิ์ให้กับอูอวี๋หลานไปเสีย จากนั้นก็จะพาคนของข้าลงจากภูเขาไปหาแนวทางกันใหม่ แต่พวกเขาล้วนมิยอม!”“พวกเขาอาศัยอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์กันมาหลายชั่วอายุคน จึงมิยินดีที่จะไปจากแผ่นดินแห่งนี้!”หลิงอวี๋เข้าใจความคิดของคนเหล่านี้ หากมิได้ถึงขั้นจำใจต้องทำ ใครจะอยากจากบ้านเกิดไปเริ่มต้นใหม่ในสถานที่ที่มิคุ้นเคยกันเล่า!“ข้าสามารถช่วยอะไรได้บ้าง?”หลิงอวี๋นึกถึงเด็กที่ไม่มีความผิดอะไรเหล่านั้น บิดามารดาทอดทิ้งพวกเขาไป คงจะคิดว่าพวกเขาตายไปแล้วอย่างแน่นอนหากอูอวี๋หลานได้ครอบครองแผ่นดินแห่งนี้ นางจะต้องสังหารเด็กทั้งหมดนี้เป็นแน่“ช่วยข้าช่วยอูจิ่งออกมาที!”เมื่อสตรีศัก