หลิงอวี๋พูดไปถึงท้ายประโยคแล้วก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา“พระชายาเจ้าแห่งทะเลให้เถาจื่อใช้ตัวนางเองเป็นข้ออ้างมาถามข้าว่ารักษาอย่างไรมิใช่หรือ?”“แค่เรื่องนี้ ข้าก็สามารถดำเนินการบางอย่างได้แล้ว เสนอวิธีรักษาด้วยอาหารให้เจ้าแห่งทะเล เพื่อช่วยให้เขาสูญเสียพลังโดยเร็วที่สุด!”หลงเพ่ยเพ่ยรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาด้วยคำพูดของหลิงอวี๋ แม้ว่านางจะมิรู้ว่าจะทำอย่างไร แต่ในเมื่อหลิงอวี๋บอกว่านางมีวิธี เช่นนั้นนางก็ต้องมีวิธีอย่างแน่นอน!“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านเป็นดาวนำโชคของพวกเราจริง ๆ!”หลงเพ่ยเพ่ยกอดหลิงอวี๋อย่างตื่นเต้น พร้อมยิ้มอย่างเอาใจแล้วเอ่ยออกไป “หลังจากนี้ข้าเรียนแพทย์กับท่านดีหรือไม่?”“ตอนนี้ข้าค้นพบว่าสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดก็คือทักษะการแพทย์ สามารถช่วยชีวิตคนได้ และยังสามารถทำร้ายคนอย่างเงียบ ๆ ได้ด้วย!”เย่หรงอดมิได้ที่จะเอ่ยออกไป “นั่นก็ต้องดูที่คนด้วย ท่านดูหยางหงหนิงสิ นางชำนาญเครื่องยาสมุนไพรมิใช่หรือ?”“แต่ความฉลาดของนางล้วนนำไปใช้ทำร้ายคนทั้งสิ้น!”เมื่อเอ่ยถึงหยางหงหนิง หลงเพ่ยเพ่ยก็นึกถึงเรื่องของเสิ่นฮ่าวขึ้นมาทันที จึงตะโกนออกไปอย่างหงุดหงิด“เสด็จพ่อ หากเสิ่นฮ่า
สีหน้าเจ้าแห่งทิศใต้มิสู้ดีนัก เขาเห็นทุกคนต่างมองมาที่ตน จึงครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยออกมา“ก่อนหน้านี้รู้ว่าเจ้าแห่งทะเลเข้าวัง ข้าก็คาดการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้บ้างแล้ว”“ข้าจะบอกพวกเจ้าทั้งหมดก็แล้วกัน เช่นนี้ทุกคนจะได้เตรียมใจไว้ด้วย”“ข้าคาดการณ์ไว้ว่า ขั้นแรกเจ้าแห่งทะเลอาจจะช่วยล้างมลทินให้เสิ่นฮ่าว… ด้วยวิธีของเจ้าแห่งทะเล การหาแพะรับบาปสักสองสามคนมารับผิดแทนเสิ่นฮ่าวนั้นเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งนัก!”“ยิ่งไปกว่านั้น คืนนี้ท่านอู่สังหารโค่วกวงไปแล้ว ทำให้เจ้าแห่งทะเลสูญเสียแม่ทัพใหญ่คนหนึ่งไป เขาจะต้องรีบทำให้เสิ่นฮ่าวออกมาช่วยเหลือตนโดยเร็วเป็นแน่!”“ขั้นที่สอง เจ้าแห่งทะเลอาจจะแนะนำให้มหาเทพสั่งย้ายข้าออกจากเมืองหลวงแดนเทพไป!”เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยขึ้นมาทันที “เสด็จพ่อ เขามีสิทธิ์อะไรมาทำเช่นนั้นเล่า?”“พี่ใหญ่และพี่รองของจวนเจ้าแห่งทิศใต้ล้วนอยู่ที่ชายแดน ตอนนี้แม้แต่พี่สามก็ไปช่วยหวงฝู่หลินแย่งชิงวังเทพกลับมาเพื่อตระกูลหลง!”“นี่หากให้ท่านไปอีก จวนเจ้าแห่งทิศใต้ของเราก็เหลือแต่ชื่อแล้ว!”เจ้าแห่งทิศใต้ยิ้มให้หลงเพ่ยเพ่ยอย่างขมขื่น “หากเจ้าแห่งทะเลป่วยด้วยโ
คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้ทุกคนเงียบลงใครเล่าจะมิอยากมีชีวิตยืนยาว?โดยเฉพาะคนที่มีอำนาจอยู่ในมือเช่นเจ้าแห่งทะเล!หากเจ้าแห่งทะเลรู้ว่าตนใกล้ตาย นอกจากเขาจะพยายามทุกวิถีทางให้ตนได้มีชีวิตอยู่ต่อแล้ว ยังต้องจัดการกับศัตรูของตนอย่างบ้าคลั่งแน่นอนโดยเฉพาะหลิงอวี๋!เซียวหลินเทียนคิดแล้วก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันทีหากเจ้าแห่งทะเลรู้ว่าหลิงอวี๋มิได้รับรังสีของก้อนหินประหลาดก้อนนั้น เพราะว่าหยกหล้าสุขาวดีที่นางครอบครองอยู่ เขาจะมิพยายามจับตัวหลิงอวี๋ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้หยกหล้าสุขาวดีมาหรือ?วันนี้เจ้าแห่งทะเลแค่ให้เถาจื่อกลับมาสืบข่าว เพราะว่าเขายังมีความหวังลม ๆ แล้ง ๆ อยู่ คิดว่าหากมิแตะต้องหลิงอวี๋ เขาอาจจะได้วิธีรักษาก็เป็นได้แต่หากเขาสิ้นหวังขึ้นมา เขาจะปล่อยให้พวกตนอยู่กันสบายเช่นนี้หรือ?“อาอวี๋...”เดิมทีเซียวหลินเทียนอยากจะบอกให้หลิงอวี๋ซ่อนตัว แต่คำพูดนั้นก็ติดอยู่ที่ปากแล้วกลืนลงไปเขามองไปตรงที่นั่ง ครอบครัวของเจ้าแห่งทิศใต้รวมถึงเหล่าบริวารของตน แม้ว่าคนของตนจะซ่อนตัวได้ แล้วพวกคนของเจ้าแห่งทิศใต้เล่า?ขอเพียงเจ้าแห่งทะเลใช้ชีวิตของพวกเขามาบีบหลิงอวี๋ แม้ว่าหลิงอวี๋จะซ่อ
หลิงอวี๋เดินกลับมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง“อาอวี๋ อาการมิค่อยดีใช่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนเห็นสีหน้าของหลิงอวี๋แล้วก็รู้สึกกังวลขึ้นมาเถาจื่อและหานเหมยเองก็มองไปทางหลิงอวี๋อย่างคาดหวังเช่นกัน“หลิงอวี๋ เจ้านึกออกแล้วหรือไม่ว่าสิ่งใดที่ทำให้เจ้าแห่งทะเลต้องกินยา?”สิ่งที่เจ้าแห่งทิศใต้ห่วงยิ่งกว่าคือเรื่องนี้“อื้ม!” หลิงอวี๋พยักหน้า แล้วมองเถาจื่อ จากนั้นก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงเคร่งขรึม “เหตุใดชายาเจ้าแห่งทะเลมิถามผู้อื่น แต่เอ่ยปากถามอาการของข้า จากนั้นก็ถามเถาจื่ออีก!”“และจุดประสงค์ของนางก็คือถามแทนเจ้าแห่งทะเล!”“สถานที่เดียวที่ข้า เจ้าแห่งทะเลและเถาจื่อเคยอยู่ด้วยกัน ก็มีเพียงห้องปรุงโอสถของอูอวี๋หลานเท่านั้น!”“เจ้าแห่งทะเลเองก็อยู่ที่ห้องปรุงโอสถเช่นกัน และหลังจากที่ก้อนหินลึกลับก้อนนั้นของอูอวี๋หลานระเบิด เขาก็ได้รับบาดเจ็บและหนีไป!”“นี่ก็หมายความว่า อาการเหล่านี้ของเจ้าแห่งทะเลเกิดขึ้นตั้งแต่วันนั้น!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างหนักใจ “ทุกคนยังจำเด็กพิการเหล่านั้นที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้หรือไม่?”“พ่อแม่ของพวกเขาก็สัมผัสก้อนหินก้อนนั้นของอูอวี๋หลานอยู่บ่อย ๆ จึงได้ให้กำเ
เซียวหลินเทียนก็รู้สึกผิดปกติเช่นกัน เขาจึงรีบส่งจดหมายถึงสือหรงทันที บอกให้คนของเขาไปสืบข่าวกระทั่งผ่านไปครึ่งชั่วยาม สือหรงส่งจดหมายกลับมาบอกว่าเจ้าแห่งทะเลเข้าวังไปแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังมิได้ออกมาเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกกังวลขึ้นมา นี่เจ้าแห่งทะเลคิดจะทำการใดกัน?เซียวหลินเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงเคร่งเครียด “ฉินซาน เจ้ากลับคฤหาสน์อู่ไปก่อน เตรียมพร้อมสำหรับการล่าถอย!”“เจ้าแห่งทิศใต้ ทางพวกท่านก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือเช่นกัน!”ฉินซานกำลังจะออกไป สวีฮุ่ยหัวหน้าองครักษ์ของหลงเพ่ยเพ่ยก็เดินเข้ามา “ท่านหญิง หานเหมยกับเถาจื่อจากคฤหาสน์อู่มาที่นี่ขอรับ พวกนางบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับคุณหนูหลิง!”หลิงอวี๋ตาเป็นประกายทันทีแล้วเอ่ยออกไป “เพ่ยเพ่ย ให้พวกนางเข้ามาเถิด!”“วันนี้เถาจื่อเพิ่งไปที่จวนเจ้าแห่งทะเลมา นางน่าจะรู้แน่ชัดว่าเพราะเหตุใดเจ้าแห่งทะเลถึงมิลงมือกับพวกเรา!”หลงเพ่ยเพ่ยจึงให้สวีฮุ่ยไปพาหานเหมยกับเถาจื่อเข้ามาทันทีกระทั่งทั้งสองคนเข้ามา หลิงอวี๋ก็อดใจมิไหวรีบเอ่ยถามออกไปทันที “เถาจื่อ เกิดกระไรขึ้นกับเจ้าแห่งทะเล? ตอนที่เจ้าเจอเขาได
ฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เข้าใจความหมายของเก๋อเฟิ่งฉิงขึ้นมาทันทีนางจึงรีบเอ่ยออกไป “เฟิ่งฉิง ก่อนหน้านี้ย่ากับพ่อของเจ้ามีทัศนคติแคบกันเกินไป จึงขาดสติไปชั่วขณะ!”“เอาเช่นนี้เถิด พ่อของเจ้าจะให้เฟิ่งเจียวนำหนังสือบัญชีทั้งหมดมามอบคืนให้เจ้าทันที และต่อจากนี้ไปก็ยังเป็นเจ้าที่ดูแลตระกูลเก๋อ!”ท่านเก๋อเองก็ได้สติขึ้นมาเช่นนั้น เขาจึงรีบพยักหน้า “ใช่ ๆ ๆ เฟิ่งฉิง เจ้ารู้หนังสือและมีเหตุผล เวลาทำการสิ่งใดก็มีความกล้าหาญ เจ้าเหมาะกับการดูแลตระกูลมากกว่า!”“พ่อจะให้เก๋อเฟิ่งเจียวนำหนังสือบัญชีและกุญแจคลังมามอบให้เจ้าทันที!”เก๋อเฟิ่งฉิงยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ไปนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง“อ้อ เช่นนั้นท่านพ่อก็ไปทำเถิด บางทีหากข้าได้เห็นหนังสือบัญชีกับกุญแจแล้วอารมณ์ดีขึ้น วันพรุ่งข้าอาจจะไปคฤหาสน์อู่ก็เป็นได้!”ทันทีที่ท่านเก๋อเห็นท่าทางมิบรรลุเป้าหมายก็มิยอมเลิกราของเก๋อเฟิ่งฉิง เขาก็จนใจทำได้เพียงรีบเดินออกไป แล้วบังคับให้เก๋อเฟิ่งเจียวส่งมอบหนังสือบัญชีกับกุญแจมาแต่สิ่งที่เก๋อเฟิ่งเจียวได้มาแล้ว ไหนเลยจะยอมส่งมอบให้ง่าย ๆ นางจึงทะเลาะกับท่านเก๋ออยู่ในห้องของตน