Masukมิทันที่หยางเฉิงจะได้เอ่ยปาก แม่ทัพหยวนก็ชักกระบี่แทงเข้าใส่เขาแต่ไหนเลยเซียวหลินเทียนยจะยอมให้เขาทำร้ายหยางเฉิงได้ บัดนั้นเขาปล่อยเข็มเงินในมือออกไปข้างหนึ่ง พลางตวัดฝ่ามือเข้าใส่แม่ทัพหยวนสัมผัสได้ถึงพลังอันเกรียงไกรที่จู่โจมมาจากด้านหลัง หากยังยืนกรานจะสังหารหยางเฉิง ตนย่อมต้องบาดเจ็บเป็นแน่แม่ทัพหยวนหันกลับมาตามสัญชาตญาณ แล้วตวัดกระบี่ยาวในมือแทงเข้าใส่เซียวหลินเทียนจังหวะที่หันกลับมานั้นเอง เข็มเงินก็พุ่งปักเข้าที่ช่องท้องของแม่ทัพหยวนความเจ็บแปลบเล็กน้อยทำให้แม่ทัพหยวนรู้สึกตัว แต่เขามิอาจแม้แต่จะก้มลงมอง เพราะพลังฝ่ามือของเซียวหลินเทียนพุ่งเข้ามาแล้วแม่ทัพหยวนเห็นพลังฝ่ามือนั้นรุนแรงดุดัน จึงเบี่ยงตัวหลบตามสัญชาตญาณ“หยางเฉิง ที่แท้ท่านก็...!”มีเจตนามิดี…คำหลังยังมิทันหลุดจากปาก แม่ทัพหยวนก็รู้สึกว่าร่างกายครึ่งซีกชาหนึบ ก่อนจะทรุดฮวบลงคุกเข่ากับพื้น“เร็วเข้า หยางเฉิงคิดสังหารแม่ทัพหยวน!”เฝิงกังที่อยู่ด้านข้างเห็นสถานการณ์ก็ชักกระบี่พุ่งเข้ามาเหล่าสมุนของเฝิงกังต่างก็ชักกระบี่กรูกันเข้ามาเช่นกัน“จับกุมพวกเขาให้ข้า!”หยางเฉิงตวาดลั่น องครักษ์หลายนายที่เข
“ใต้เท้าหยาง ท่านช่างเป็นขุนนางตงฉิน! พวกเราสมควรยกท่านเป็นเยี่ยงอย่าง!”มิรู้ว่าผู้ใดเป็นผู้เริ่มตะโกน ทหารมากมายต่างก็โห่ร้องตามกันเซ็งแซ่ดวงตาของหยางเฉิงพลันเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา สิ่งที่เขาทุ่มเททำมาทั้งหมดยังมีคนมองเห็นและยอมรับ!แม่ทัพหยวนยืนมองอยู่ด้านข้างด้วยสายตาเย็นชา เขารู้สึกว่าหยางเฉิงกำลังทำตัวเป็นที่โอ้อวด อาศัยชื่อเสียงของตนเพื่อชักจูงใจผู้คนหยางเฉิงยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้หยุด เหล่าทหารด้านล่างจึงเงียบเสียงลงหยางเฉิงเหลือบมองแม่ทัพหยวน กล่าวเสียงเคร่งขรึมว่า “สิ่งที่หยางเฉิงได้ทำลงไปล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย ที่ข้าเอ่ยถึงเรื่องนี้แค่ต้องการบอกทุกคนว่า เจตจำนงดั้งเดิมของข้าหยางเฉิงมิเคยเปลี่ยน ข้าเพียงต้องการทำความดีเพื่อราษฎรอย่างแท้จริง!”“เพียงแต่...”หยางเฉิงชะงักไป กล่าวอย่างเจ็บปวดราวกับทั้งโกรธทั้งเศร้า "ข้าคาดมิถึงว่า จะมีคนชูธงว่าทำเพื่อบ้านเมืองเพื่อราษฎร แต่ลับหลังกลับลอบทำเรื่องชั่วช้าที่มิอาจให้ผู้ใดล่วงรู้!”สิ้นคำพูดนี้ ใจของแม่ทัพหยวนก็พลันกระตุกวูบมาแล้วหรือ? นี่ต่างหากคือจุดประสงค์ที่แท้จริงที่หยางเฉิงมาในวันนี้!มือของแม่ทัพหยวนกดลงบนด้ามกระบี่ใน
เมื่อหยางเฉิงได้รับความเห็นชอบจากเซียวหลินเทียนแล้ว ก็ยิ่งบังเกิดความมั่นใจมากขึ้นครั้นมาถึงลานฝึกทหาร เขาก็กล่าวกับแม่ทัพหยวนว่า “ท่านจงเรียกคนของค่ายกองหมาป่ามารวมพลเถิด! ข้าอยากเห็นฝีมือของพวกเขา!”ในใจแม่ทัพหยวนนึกดูแคลนยิ่งนัก ทว่ายังคงรับบัญชา และสั่งให้เฝิงกังเป่าแตรรวมพล“ปู๊น ปู๊น...”เสียงแตรรวมพลดังขึ้น เหล่าทหารที่ฝึกฝนอยู่โดยรอบพลันวิ่งกรูกันเข้ามาจากทั่วทุกทิศทาง และเข้าประจำที่ตามหน่วยของตนอย่างเป็นระเบียบเพียงชั่วพริบตา เบื้องล่างลานกว้างก็ปรากฏร่างทหารเจ็ดแปดสิบคนยืนเรียงรายกันเซียวหลินเทียนเฝ้าสังเกตการณ์อย่างสงบนิ่งทหารเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือที่คัดเลือกมาจากแต่ละหน่วยอย่างแท้จริง ผู้ที่ด้อยที่สุดยังมีวรยุทธ์ดินแดนที่ห้า ส่วนผู้ที่สูงหน่อยก็อยู่ดินแดนที่เจ็ดขึ้นไปการมาเยือนครั้งนี้ เซียวหลินเทียนได้พาจู้เฉียงมาด้วยจู้เฉียงปลอมแปลงโฉมแล้ว และได้นำพาแม่ทัพเซวียและเซวียกวงไปค้นหาศพก่อนหน้านี้ เซียวหลินเทียนล่วงรู้จากจู้เฉียงแล้วว่า ทหารในกองพันนี้ส่วนใหญ่ล้วนมีพื้นเพมาจากครอบครัวยากไร้ที่พวกเขาพากเพียรพยายามจนเข้าค่ายกองหมาป่า ก็เฉกเช่นเดียวกับจู้เฉีย
“ใต้เท้าหยาง! ขออภัยที่ข้าน้อยมารับท่านช้าไป!”แม่ทัพหยวนมิได้ลงจากม้า เขานั่งอยู่บนหลังม้าพลางประสานมือคารวะหยางเฉิง และกล่าวอย่างสุภาพ ทว่าแฝงแววคลางแคลงใจ“ข้าน้อยได้ยินมาว่า เป็นท่านอ๋องของพวกเราที่เชิญท่านมาตรวจการที่ค่ายกองหมาป่า? แล้วเหตุใดข้าน้อยจึงมิเคยได้ยินท่านอ๋องตรัสถึงเรื่องนี้เลย?”หยางเฉิงยิ้มเย็นชา “อ๋องซู่มิได้บอกท่านหรือ? นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?“หรือเป็นเพราะอ๋องซู่งานยุ่งมาก จึงหลงลืมไป?”“ช่างเถิด หากเจ้าเด็กนั่นหลงลืมไป ตัวข้าก็จะมิถือสาหาความ! ในเมื่อมาถึงแล้ว ก็ขอดูเสียหน่อยเถิด!”ทว่ากลุ่มของแม่ทัพหยวนยังคงขวางอยู่เบื้องหน้ามิยอมเปิดทางให้หยางเฉิงสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที “แม่ทัพหยวน เหตุใดกัน มิต้อนรับข้างั้นหรือ?”“ท่านอย่าได้ลืมเลือนไปว่า งบประมาณทหารครึ่งหนึ่งของค่ายกองหมาป่าแห่งนี้ ล้วนมาจากศาลาว่าการของข้า!”“ข้ามาดูว่ากองกำลังที่พวกเราสนับสนุนนั้นฝึกฝนไปถึงขั้นใดแล้ว นี่มิใช่เรื่องที่สมควรหรือ?”แม่ทัพหยวนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มกล่าวว่า “ใต้เท้าหยางพูดเล่นแล้ว ท่านมาตรวจการ พวกเราหรือจะกล้ามิยินยอม!”“เมื่อครู่ข้าน้อยเพียงกำลังครุ่นคิดว่
ทางด้านเซียวหลินเทียนเองก็ได้รับสาส์นขอความช่วยเหลือจากข้าหลวงหยาง จึงได้นำคนมาสมทบเมื่อถึงจุดนัดรวมพล หยางเฉิงก็จัดแจงแผนการ เขาและเซียวหลินเทียนเป็นกองหน้าไปรับมือกับคนสนิทของหลงซู่ที่ประจำการอยู่ที่ยอดเกาหลิ่งก่อนส่วนแม่ทัพเซวียและเซวียกวงก็จะให้จู้หาวนำทางมุ่งตรงไปยังสถานที่ที่เฝิงกังใช้ฝังซากศพแห้งเหล่านั้นเพียงแค่มีหลักฐานมัดตัวแน่นหนา แผนของหยางเฉิงก็คือการเกลี้ยกล่อมกองกำลังหน่วยนี้ของค่ายกองหมาป่าให้แข็งข้อต่ออ๋องซู่ระหว่างทาง หยางเฉิงเกรงว่าเซียวหลินเทียนจะมิคุ้นเคยกับยอดเขาเกาหลิ่ง จึงได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งของยอดเกาหลิ่งตลอดจนค่ายกองหมาป่าให้เขาฟังอย่างละเอียดเซียวหลินเทียนเองก็มิอาจล่วงรู้ได้ว่า การกระทำของหยางเฉิงในครั้งนี้นับเป็นการตัดสินใจสวามิภักดิ์ต่อเจ้าแห่งทิศใต้อย่างเด็ดขาดแล้วหรือไม่ทว่าหยางเฉิงแสดงความจริงใจถึงเพียงนี้ เซียวหลินเทียนก็มิอาจเพิกเฉยได้เช่นกัน“อ๋องซู่เดินทางไปยังในเมืองแล้ว ยามนี้ที่ยอดเขาเกาหลิ่งจึงมีเพียงแม่ทัพหยวนที่คอยรักษาการอยู่!”“แม่ทัพหยวนผู้นี้เป็นคนของอ๋องซู่ เขาปฏิบัติต่อข้าอย่างนอบน้อมก็จริง แต่ทั้งหมดน
ยามนี้ เซียวหลินเทียนและข้าหลวงหยางได้เดินทางมาถึงยอดเขาเกาหลิ่งแล้วเซียวหลินเทียนปลอมตัวเป็นองครักษ์ใต้บังคับบัญชาของข้าหลวงหยางติดตามมาด้วยข้าหลวงหยางนำกำลังคนกลุ่มหนึ่งมา และผู้ที่ติดตามมาด้วยยังมีแม่ทัพเซวียวัยสี่สิบกว่าปีผู้หนึ่งแม่ทัพเซวียผู้นี้มีรูปร่างสูงใหญ่กำยำ เขาและข้าหลวงหยางเป็นสหายพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกันเซียวหลินเทียนรู้ดีว่าแม่ทัพเซวียผู้นี้ก็รับผิดชอบดูแลกองกำลังหน่วยหนึ่งของอ๋องซู่เช่นกัน เซวียกวงบุตรชายของเขา หยางหนานและหยางรั่วหลานล้วนเติบโตมาด้วยกันแบบสหายวัยเด็กเพียงแต่ว่ามารดาของอ๋องซู่ได้จัดการหมั้นหมายระหว่างอ๋องซู่และหยางรั่วหลานไว้ก่อนแล้ว แม้ว่าเซวียกวงจะหลงรักหยางรั่วหลานเพียงใด แต่ด้วยภูมิหลังตระกูลมิอาจเทียบอ๋องซู่ได้ จึงทำได้เพียงเก็บงำความรักนั้นไว้ก้นบึ้งหัวใจเซวียกวงเองก็ได้ตำแหน่งถึงรองแม่ทัพ นั่นย่อมหมายความว่า สองพ่อลูกตระกูลเซวียต่างก็ถูกพิษแล้วหลังจากหยางเฉิงล่วงรู้ว่าโอสถที่อ๋องซู่มอบให้มีพิษ เขาก็รู้สึกผิดต่อสหายพี่น้องผู้นี้ของตนที่สุดเขามิได้นอนทั้งคืน ครั้นรุ่งเช้าก็รีบไปยังศาลาว่าการ เชิญแม่ทัพเซวียและเซวียกวงมาพบเมื่อทั







