“มิใช่...”หลิงอวี๋ไม่อยากให้หลิงหว่านเข้าใจผิด จึงเอ่ย “ข้าขอถามเจ้าหน่อย เจ้าหมายเปิดร้าน อยากทำให้ใหญ่โต หรือเจ้าแค่ทำไปแบบสบาย ๆ?”หลิงหว่านถูกถามเช่นนี้ก็ก้มหน้าลง พลางเอ่ยอย่างเศร้า ๆ “ท่านพี่ หลังจากที่ท่านพ่อของข้าไปแล้ว บ้านใหญ่ของเราในจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนก็ถูกครอบครัวของสะใภ้สองดูถูกเข้า”“เวลาท่านปู่อยู่บ้าน พวกเขาก็ยังแสร้งทำสุภาพ! แต่พอท่านปู่มิอยู่บ้าน ครอบครัวของพวกเขาก็สั่งเราอย่างกับคนใช้!”“หลิงเยี่ยนยังพูดอีกว่า ครอบครัวของพวกเราเป็นบ้านรอง! บอกว่าพวกเราอยู่กินแบบมิทำอันใด... คำพูดเหล่านั้นช่างน่าเกลียดนัก!”หลิงหว่านนึกถึงพวกสิ่งที่หลิงเยี่ยนพูดแล้วก็รู้สึกเสียใจมากจนอยากจะร้องไห้ออกมา “ข้ามิอยากให้ท่านแม่ได้รับสายตาเย็นชาอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นพอเห็นว่าท่านพี่เปิดโรงเหยียนหลิง ก็เกิดความคิดอยากทำการค้าขึ้นมา!”“ข้ามิได้แช่งท่านปู่… แต่ท่านพี่… หากวันใดท่านปู่มิอยู่แล้ว ข้ากับท่านแม่ต้องถูกครอบครัวของลุงรองขับไล่ออกไปเป็นแน่!”“แทนที่เมื่อถึงเวลานั้นต้องเข้าตาจนไร้ทางไป สู้ข้าหาหนทางให้ครอบครัวเราเสียตั้งแต่บัดนี้มิดีกว่าหรือ”หลิงอวี๋เข้าใจแล้ว หลิงหว่านมีค
คนที่ยืนอยู่ข้างองค์หญิงหกคือหวางซือแม่เลี้ยงของหลิงอวี๋ นางพาหลิงเยี่ยนไปคุยกับฮูหยินเหล่านั้นด้วยหลิงอวี๋เหลือบมองหวางซือ นึกถึงสิ่งที่หลิงหว่านบอกเมื่อครู่ด้วยความรู้สึกรังเกียจในใจใบหน้าของหวางซือดูซีดเซียวเล็กน้อย แม้ว่านางจะทาแป้งหนา ๆ แต่ก็มิสามารถซ่อนความซีดเซียวได้ดูเหมือนว่ากู่ซุ่ยจะมีความดีความชอบมาก!หลิงเยี่ยนดูท่าทางมีความสุขดี นางสวมชุดสีชมพู ตรงกระโปรงกับคอเสื้อมีด้ายสีทองประดับอยู่เมื่อเทียบหลิงเยี่ยนกับหลิงหว่านแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าหลิงหว่านดูโทรมมาก“องค์หญิงหก!”หลิงอวี๋เป็นฝ่ายพาหลิงหว่านเข้าไปทักทายหลิงหว่านทำความเคารพอย่างรู้มารยาท นางเป็นลูกสาวของคนที่มีความผิด เทียบมิได้กับหลิงอวี๋เลยองค์หญิงหกแสร้งทำเป็นมองมิเห็นหลิงหว่าน แต่ยิ้มให้หลิงอวี๋อย่างอบอุ่น“พี่สะใภ้สี่ ข้าคิดว่าท่านจักมิมาร่วมงานชมบุปผาเสียแล้ว แต่ท่านก็มา!”“วันนี้ต้องสนุกมากแน่!”หลิงอวี๋ยิ้มเล็กน้อย “องค์หญิงเชิญ หลิงอวี๋จักมิมาได้เยี่ยงไร!”“งานบุปผาขององค์หญิงจัดได้ประสบความสำเร็จอย่างมากทีเดียว หลิงอวี๋ได้เห็นบุปผานานาพันธุ์ องค์หญิงหกคงใช้ความตั้งใจอย่างมากในการเตรียมงานเพ
คำพูดของหลิงอวี๋ทำเอาฮูหยินจูหน้าซีดเหมือนกับหวางซือไปแล้ว นางจะกล้าบอกว่าตนรู้กฎเกณฑ์ดีกว่าไทเฮาหรือ?ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่หลิงอวี๋พูดนั้นเป็นความจริง นางคือพระชายาอ๋องอี้ ส่วนตนเป็นเพียงฮูหยินตราตั้งขั้นสี่เท่านั้น เมื่อพบกับหลิงอวี๋จะต้องทำความเคารพตนเสียมารยาทไปก่อน แล้วมีสิทธิ์อะไรไปกล่าวหาหลิงอวี๋?พอเซียวทงเห็นว่าเพื่อนร่วมทีมสองคนที่พูดช่วยเหลือตนเองถูกหลิงอวี๋ทำให้พูดไม่ออก ก็จ้องหลิงอวี๋อย่างมิพอใจ“พี่สะใภ้สี่ อย่ามายกตนข่ม งานเลี้ยงชมบุปผาของข้ามิใช่สถานที่ที่ท่านจักมาแสดงอำนาจ!”หลิงอวี๋ยิ้ม “องค์หญิงหก หลิงอวี๋แค่พูดไปตามเรื่องตามราว… ยกตนข่มที่ใดกันเพคะ?”“อีกทั้งหม่อมฉันเป็นพระเชษฐนี(1)ของท่าน หม่อมฉันอยู่ในตระกูลเซียวแล้ว! องค์หญิงหกกับหม่อมฉันต่างหากที่เป็นครอบครัวเดียวกัน แม้ว่าท่านเห็นแก่เหตุผลมากกว่าคนในครอบครัว แต่จะไปเข้าข้างคนนอกมิได้สิเพคะ!”“หม่อมฉันที่อยู่ในฐานะพระเชษฐนีของท่านจักเสียใจมากเพคะ!”เซียวทงโกรธมากจนริมฝีปากสั่น แต่ก็พูดอะไรโต้แย้งไม่ออกทั้งหวางซือกับฮูหยินจูล้วนไม่มีเหตุผลเลย!หากนางพูดอีก เช่นนั้นคงเป็นการเข้าข้างคนนอกอย่างโจ่งแจ้ง เ
หลิงอวี๋ก้มมองโดยสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นจี้หยกรูปหงส์อยู่ในฝ่ามือของตน“ท่านพี่ นี่มิใช่ของข้า… ข้ามิรู้ว่ามันมาได้เยี่ยงไร! ข้าควรทำเยี่ยงไรดี?”หลิงหว่านกังวลมากจนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วทันใดนั้น พวกขององค์หญิงหกที่กำลังเดินมาจู่ ๆ ก็หยุดชะงักองค์หญิงหกกรีดร้องออกมา “จี้หยกของข้าเล่า?”หัวใจของหลิงอวี๋จมดิ่งลง ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่องค์หญิงหกเท้าพลิก และหลิงหว่านไปพยุงไว้หลิงหว่านเป็นบุตรีของคนที่มีความผิด แต่องค์หญิงหกกลับเชิญนางมา!ยิ่งไปกว่านั้น เท้าขององค์หญิงหกจะพลิกตรงไหนก็ได้แค่กลับมาพลิกตอนที่เดินผ่านหลิงหว่านพอดี นี่มิใช่แผนจัดการหลิงหว่านหรือ?“ใจเย็น ๆ!”หลิงอวี๋ไม่มีเวลาปลอบหลิงหว่าน จึงตบไหล่นางพลางเอ่ยกับเถาจื่อที่ยืนอยู่ไม่ไกล“เถาจื่อ เอาต่างหูของข้ามาใส่ให้ข้าหน่อยสิ!”เถาจื่อตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พลางเดินมาอย่างรวดเร็วหลิงอวี๋ไม่เคยชินกับการใส่ต่างหู ครั้นออกมาวันนี้ก็ถูกแม่นมลี่บังคับให้ใส่ถึงได้เอามาด้วยขณะที่เถาจื่อกำลังใส่ต่างหูให้หลิงอวี๋ หลิงอวี๋ก็ยัดจี้หยกไว้ในมือของนาง พลางกระซิบสั่ง“ทิ้งสิ่งนี้ไว้ระหว่างทางที่พวกท่านอ๋องเดินมา!”
ฮูหยินลั่วเองก็ไม่ยอมแล้ว พลางตะโกนอย่างร้อนใจ“พระชายาอ๋องอี้ นี่พระชายากล่าวหาหรือเจ้าคะ? พระชายามีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ว่าอวี้จูของพวกเราขโมยไปเล่า?”“พระชายาจะเอ่ยปากใส่ร้ายอวี้จูของเรามิได้นะเจ้าคะ! พวกพระชายามิต้องการชื่อเสียง แต่พวกเรายังต้องการศักดิ์ศรีเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋โต้กลับทันที “สิ่งที่ฮูหยินลั่วเอ่ยออกมานั้นตลกนัก บุตรีของท่านมิใช่หรือที่ใส่ร้ายน้องสาวของข้าโดยไร้หลักฐาน? นางต้องการศักดิ์ศรี แล้วเรามิต้องการชื่อเสียงหรือ?”“ไฉนถึงอนุญาตเพียงบุตรีของท่านให้ใส่ร้ายผู้อื่นได้ แต่มิอนุญาตคนอื่นให้สงสัยนาง?”เมื่อฮูหยินลั่วเห็นว่าสู้หลิงอวี๋ไม่ได้ ก็หันไปเอ่ยกับพระสนมหรงและจ้าวเจินเจินทั้งน้ำตา“พระสนมหรง พระชายาคัง พวกท่านเห็นหรือไม่ พระชายาอ๋องอี้ใช้อำนาจรังแกผู้อื่น… นางต้องการปกป้องลูกพี่ลูกน้องของนางที่เป็นขโมย นางจึงใส่ร้ายอวี้จูของเราเจ้าเพคะ!”“พวกท่านต้องตัดสินให้อวี้จูเพคะ!”พระสนมหรงมองหลิงอวี๋อย่างเย็นชา พลางเอ่ยอย่างรังเกียจ“หลิงอวี๋ หยุดสร้างปัญหาโดยไร้เหตุผลได้แล้ว! น้องสาวของเจ้าขโมยจี้หยกที่องค์จักรพรรดิมอบให้องค์หญิงหกไป เจ้าก็รีบให้นางเอาออกมาเถิด!”
หลิงหว่านพูดถูก ในฐานะเจ้าภาพ องค์หญิงหกจะเอาอาภรณ์ของแขกมาทำให้พวกเขาอับอายได้เยี่ยงไร?เจียงอวี้เองก็พูดถูกเช่นกัน ผู้ใดจะแต่งตัวได้ดีกว่าองค์หญิงหกกันเล่า?หลิงอวี๋มองเพื่อนสนิททั้งสามของหลิงหว่านด้วยความโล่งใจ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับองค์หญิงหก พวกนางมิได้เลือกปกป้องตัวเอง แต่กลับพูดช่วยหลิงหว่านโดยมิเกรงกลัวอำนาจขององค์หญิงหกเลยเพื่อนสนิทที่ดีเช่นนี้สิถึงจะเป็นเพื่อนแท้!แต่หลิงเยี่ยนและหวางซือที่เป็นคนในครอบครัวเดียวกันของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน กลับมิกล้าแม้แต่จะทำอะไรเลย!หลิงเยี่ยนกับหวางซือยืนกระอักกระอ่วนอยู่ตรงที่เดิม พวกนางเป็นคนในครอบครัวของหลิงหว่าน ย่อมมิสามารถช่วยคนนอกเหยียบย่ำหลิงหว่านได้!หลิงหว่านถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมย มิได้ส่งผลดีต่อจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนของพวกนางเลยแม้แต่น้อย หลิงเยี่ยนก็ทนแบกรับชื่อเสียงของการมีพี่สาวเป็นขโมยมิได้ดังนั้นแม้ว่าหลิงเยี่ยนจะอยากซ้ำเติมมากแค่ไหน แต่ก็รู้ว่าหากความผิดของหลิงหว่านได้รับการพิสูจน์แล้ว หลิงเยี่ยนเองจะมิได้รับผลดีอะไรเลยแต่พวกนางก็มิสามารถช่วยพูดให้หลิงหว่านได้ เช่นนั้นจะเป็นการทำให้องค์หญิงหกกับพระสนมหรงขุ่นเคืองหลัง
เสิ่นจวนอยู่ข้างกายพระสนมหรงพลางยิ้มอย่างมีความสุขวันนี้นางได้เรียนรู้บทเรียนที่นางถูกไทเฮาตำหนิเมื่อครั้งที่แล้ว นางจึงไม่พูดอะไรมาก แค่อยากหาโอกาสที่เหมาะสมเหยียบย่ำหลิงอวี๋กับหลิงหว่านอย่างโหดเหี้ยมสักหน่อยหลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของลั่วอวี้จูก็โกรธมากหลิงหว่านเป็นสตรีที่ยังมิได้แต่งงาน องค์หญิงหกยังกล้าให้ทหารของฉินซานมาค้นตัวของนางอีกหรือ?หากสิ่งนี้แพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของหลิงหว่านก็จะเสียหาย!หลิงอวี๋มองลั่วอวี้จูด้วยสายตาเย็นชานางเสียใจ เมื่อครู่นางน่าจะให้เถาจื่อเอาจี้หยกไปไว้ที่ตัวลั่วอวี้จูเสีย!ในเมื่อลั่วอวี้จูอยากทำลายหลิงหว่านมากถึงเพียงนี้ เช่นนั้นนางก็ควรได้ลิ้มรสความรู้สึกของการถูกทำลายเสียบ้าง!“จะค้นตัว? ได้… เริ่มจากคุณหนูลั่วเลยแล้วกัน!”หลิงอวี๋หัวเราะเยาะพลางเอ่ย “ข้ายังคงยืนยันคำเดิม ช่วงเวลาที่คุณหนูลั่วอยู่กับองค์หญิงหกยาวนานที่สุด นางเป็นคนที่มีความเป็นไปได้ที่จะขโมยจี้หยกขององค์หญิงหกมากที่สุด!”“ขอเพียงคุณหนูลั่วตกลงให้ค้นตัวก่อน พวกเราก็จะให้ความร่วมมืออย่างแน่นอน!”ฮูหยินลั่วตะโกนด้วยความโกรธ “พระชายาอ๋องอี้ เหตุใดพระชายาถึงใจร้ายถึงเพียงนี
เมื่อเห็นพระชายาผิงหนานช่วยพูดแทนหลิงหว่าน พระสนมหรงก็เอ่ยเสียงทุ้ม “คำพูดของพระชายาผิงหนานผิดไปสักหน่อยกระมัง!”“ข้ารู้สึกว่าองค์หญิงหกทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว องค์หญิงหกให้โอกาสหลิงหว่านแล้ว แต่นางมิยอมคืนจี้หยกมาให้เอง! เช่นนั้นก็ควรรับผลที่ตามมาด้วยตนเอง!”ในใจจ้าวเจินเจินมิชอบการวางกลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ขององค์หญิงหกเลย นางรู้สึกว่าการจะจัดการกับหลิงอวี๋กับหลิงหว่าน การวางกลอุบายนี้มิอันตรายมากนักจ้าวเจินเจินมิอยากมีส่วนร่วมในเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นพระชายาเย่กับพระชายาผิงหนานช่วยพูดแทนหลิงอวี๋ ก็รู้สึกมิสบายใจเท่าไหร่นางครุ่นคิด แล้วยิ้มมองสถานการณ์ไป“น้องสี่ วันนี้องค์หญิงหกเชิญให้ทุกคนมาเข้าร่วมงานเลี้ยงชมบุปผาที่นางจัดขึ้น มันควรมีความสุขกันสิ! เราอย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องนี้เลย รีบจัดการให้เสร็จแล้วทุกคนก็มาเพลิดเพลินกับบุปผากันต่อเถิด!”“หลิงหว่าน หากเจ้าเอาจี้หยกไปก็คืนมาเถิด! ถือว่าเห็นแก่น้องสี่ ยอมรับความผิดพลาดของเจ้าอย่างจริงใจ องค์หญิงหกมิเอาความเจ้าหรอก!”หลิงอวี๋ยิ้มเย็นชา จ้าวเจินเจินกำลังช่วยเซียวทงหรือ?นางนึกได้ถึงเรื่องที่จ้าวเจินเจินใช้การตายของ
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี