เมื่อหลิงอวี๋พบว่าไร้ทางหนีจึงเชิดปากยิ้มกล่าวว่า“องค์หญิงหก ในเมื่อมีบทลงโทษก็ควรมีรางวัลด้วยเพคะ! มิทราบว่ารางวัลคืออันใดเพคะ?”“มีการแข่งขันสี่รายการ ได้แก่ ดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์และการวาดภาพ การปฏิเสธสิ่งใดสิ่งหนึ่งบทลงโทษคือสุราสามจอก สำหรับรางวัลขององค์หญิงพึงควรเป็นสิ่งล้ำค่าจึงจะกระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วมเพคะ!”“องค์หญิงหกทรงได้รับความเอ็นดูอันลึกซึ้งจากองค์จักรพรรดิ แน่นอนว่าต้องมีของล้ำค่ามากมายที่เรามิเคยพบ ได้โปรดองค์หญิงนำของมีค่าสี่ชิ้นมาเป็นรางวัลเถิดเพคะ!”“หม่อมฉันคิดว่าปิ่นบนพระเศียรองค์หญิงนั้นงามนัก มิสู้องค์หญิงเอามาเป็นรางวัลเล่าเพคะ?”เมื่อหลิงอวี๋เอ่ยเช่นนี้ เซียวทงก็แตะปิ่นที่ปักบนศีรษะโดยสัญชาตญาณครั้นนึกถึงคุณค่าของปิ่น เซียวทงก็ค่อนข้างลังเลใจ“องค์หญิงหกคงตัดใจจากปิ่นอันนี้มิได้! หรือว่าปิ่นที่ดีที่สุดในตำหนักขององค์หญิงมีแค่อันนี้ ไม่มีปิ่นดี ๆ อันอื่นอีกแล้วหรือเพคะ?”“หากองค์หญิงตัดใจมิได้ก็ช่างเถิด… เป็นหม่อมฉันพลั้งปากไปเองเพคะ!”หลิงอวี๋กล่าวด้วยยิ้มตาหยีเมื่อเซียวทงถูกหลิงอวี๋ปลุกปั่นก็พลันร้องเรียกทันควัน “ผู้ใดตัดใจมิได้กัน…! รางวัลช
“หม่อมฉันว่าสร้อยไข่มุกบนคอองค์หญิงหกช่างพิเศษนัก จี้สีเขียวนั่นทำจากวัสดุกระไรเพคะ? ดูมีระดับยิ่งนัก!”หลิงอวี๋กล่าวพลางยิ้มตาหยี “องค์หญิงหกเพคะ สร้อยไข่มุกเส้นนี้นำมาเป็นรางวัลชิ้นที่สามได้หรือไม่เพคะ?”เซียวทงปิดจี้หินโมราเขียวโดยสัญชาตญาณนี่คือของที่องค์จักรพรรดิยึดได้จากสนามรบข้าศึกแห่งฉีตะวันออกในคราก่อน ซึ่งมันมีมูลค่ามหาศาล!นางตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ไม่ว่าหลิงอวี๋จะพูดอะไรนางจะไม่นำสร้อยหินโมราเขียวมาเป็นรางวัลเด็ดขาดสิ่งนี้นางกะจะเก็บไว้เป็นสินเดิมในอนาคต!เซียวทงยังไม่ทันเอื้อนเอ่ย หลิงอวี๋พลันพูดว่า “องค์หญิงหกได้รับความเอ็นดูจากองค์จักรพรรดิและไทเฮาโดยแท้!”“เครื่องประดับที่ดูธรรมดาบนพระวรกายล้วนคือของล้ำค่าหายากทั้งสิ้น ในพระตำหนักขององค์หญิงยังต้องมีสมบัติหายากอีกมากโขเป็นแน่!”“องค์หญิงหก สร้อยไข่มุกเส้นนี้ท่านนำมาเป็นรางวัลเถิดเพคะ! โปรดอย่าเสียดายไปเลย… พวกเราต่างไม่เคยพบเห็นสมบัติดี ๆ ขนาดนี้มาก่อน ได้โปรดท่านมอบประสบการณ์แก่เราด้วยเถิด!”“เห้อ เมื่อเทียบกับท่าน พวกเราช่างต่ำต้อยเกินไป! เราไม่มีกระทั่งเครื่องประดับดี ๆ สักชิ้นด้วยซ้ำเพคะ!”หลิงอวี๋เสแสร้งทอด
ครั้นหลิงอวี๋พบว่าบรรลุเป้าหมายก็ปรบมือทั้งกล่าวยิ้ม ๆ “ข้าว่าแล้วเชียว องค์หญิงต้องมีเครื่องประดับมากมาย พี่ ๆ น้อง ๆ ทั้งหลาย ผู้ใดที่คว้าชัยได้จักต้องขอบพระทัยองค์หญิงหกเป็นแน่!”หลิงอวี๋เชิดริมฝีปาก หัวใจเซียวทงเต้นรัวทันใด สีหน้าผกผันไปเล็กน้อย ราวกับกลัวว่าหลิงอวี๋จะเล็งเครื่องประดับบางอย่างของตนอีกบนตัวเซียวทงไม่มีของล้ำค่าอะไรเหลือแล้ว ยกเว้นหยกห้อยเอวชิ้นนั้นที่องค์จักรพรรดิมอบให้ หรือนางจะเอาหยกห้อยเอวไปเป็นรางวัลอีกเล่า?“เป็นไปมิได้เด็ดขาด!”หากหลิงอวี๋กล้าขอหยกห้อยเอวเป็นรางวัลอีก นางจะชักสีหน้าใส่นางเดี๋ยวนี้เลย!เมื่อหลิงอวี๋เห็นสีหน้าเซียวทงเป็นสีเขียวก็ยิ้มน้อย ๆ กล่าวอย่างใส่ใจ“องค์หญิงหกนำสมบัติล้ำค่าออกมามากปานนี้แล้ว สำหรับชิ้นที่สี่ก็ให้คนอื่นออกแทนเถอะเพคะ!”หลิงอวี๋มองทางจ้าวเจินเจิน กล่าวพลางยิ้มตาหยีว่า“เมื่อครู่องค์หญิงหกตรัสว่าภาพเขียนของพี่สะใภ้รองไร้ผู้ใดเทียม หลิงอวี๋จำได้ว่าพี่สะใภ้รองได้ที่หนึ่งของงานบุปผาในปีที่แล้ว ทั้งยังลือว่าผู้ที่ได้ที่หนึ่งนั้นได้รับรางวัลเป็นมงกุฎดอกโบตั๋น!”“ว่ากันว่ามงกุฎดอกโบตั๋นได้รับการสนับสนุนจากตระกูลกวนในคร
เซียวทงถลึงมองหลิงอวี๋พลางกล่าวเหลืออด“พี่สะใภ้สี่ช่างรอบคอบจริง ๆ! โปรดวางใจ ตัวข้าเตรียมผู้ตัดสินไว้เรียบร้อย! ผู้ที่รับเชิญมาทั้งสี่ในวันนี้ต่างคือปรมาจารย์ทั้งสิ้น!”“ด้านศิลปะดีดพิณคือแม่นางชางหัวหน้านักดนตรีแห่งวังหลวง… ด้านหมากล้อมคือหลวงจีนอวี๋ ด้านอักษรศิลป์คือหลวงจีนซุนอดีตประมุขแห่งสำนักเยวี่ยลู่ ส่วนด้านวาดภาพคือแม่ชีเฉินแห่งสำนักชิงเถิง”เมื่อวาจานี้ขององค์หญิงหกได้เอื้อนเอ่ยก็ดึงดูดความปั่นป่วนทันที ปรมาจารย์ทั้งสี่ท่านต่างคือผู้อาวุโสมากชื่อแห่งลัทธิเต๋าแม่นางชางเชี่ยวชาญเครื่องดนตรีหลายประเภท และมีหูที่แหลมคมจนชวนคนอิจฉานางสามารถจับผิดจังหวะของเครื่องดนตรีได้ทุกประเภทท่ามกลางเสียงอันวุ่นวายส่วนหลวงจีนอวี๋ที่อายุหกสิบในปีนี้ เขาเริ่มเรียนหมากล้อมตั้งแต่สามขวบ และเมื่ออายุได้ยี่สิบปีก็ไม่มีคู่ต่อสู้คนใดในแผ่นดินคว่ำเขาลงหลวงจีนซุนอดีตประมุขแห่งสำนักเยวี่ยลู่เป็นผู้เชี่ยวชาญมีชื่อด้านอักษรศิลป์ เขาไม่เพียงช่ำชองลายมือหลายแบบ แต่เขายังมีลายเส้นโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วยที่ยิ่งสำคัญกว่านั้นคือ หลวงจีนซุนอบรมบ่มเพาะศิษย์มาทั้งชีวิต และลูกศิษย์ก็มีทั่วทุ
เมื่อเซียวทงเห็นจ้าวเจินเจินพูดแบบนี้ก็พยักหน้าทันทีนางปรายมองหลิงอวี๋อย่างขุ่นเคืองพลางกล่าวเย้ย“พี่สะใภ้สี่ ตอนนี้ผู้ตัดสินก็มีแล้ว เจ้าคงไม่มีข้อโต้แย้งอื่นอีกใช่หรือไม่?”ความนัยแฝงคือการเย้ยที่หลิงอวี๋เป่าขนหาข้อด้อย(1)เนื่องตัวเองไร้ความสามารถหลิงอวี๋บรรลุเป้าหมายของตัวเองแล้ว พลันกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่มีข้อโต้แย้ง เริ่มเลยเถิดเพคะ!”หลังจากที่เซียวทงให้อาคันตุกะเลือกผู้ตัดสินสิบคนก็เรียนเชิญปรมาจารย์ทั้งสี่นั่งลงตัดสินเหล่าองค์ชายต่างเป็นผู้ตัดสินอย่างกระตือรือร้นเพราะคนมิพอ พวกเขาจึงเพิ่มสวีฮ่าวตงที่รับตำแหน่งจอหงวน(2)คนใหม่ของปีที่แล้ว เว่ยอี้หลานชายของฮองเฮาเว่ย และจูเฮ่าพี่ชายของพระชายาเย่ ทั้งยังมีโจวเจียงชายผู้มีความสามารถที่กำลังโด่งดังอยู่เมืองหลวงในช่วงนี้เซียวทงสั่งให้นางกำนัลอุ้มกระบอกไม้เซียมซีมาให้ฝูงชนจับฉลากหลิงอวี๋จับมาหนึ่งแท่งโดยไม่ได้มองจ้าวเจินเจินและองค์หญิงหกตั้งใจทำให้ตนขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล ฉะนั้นต้องมีปัญหากับกระบอกไม้เซียมซีอย่างแน่นอนไม่ว่าตนจะจับได้ไม้ใด ผลลัพธ์ก็จะเหมือนเดิม…พระชายาเย่กับหลิงอวี๋นั่งโต๊ะเดียวกัน เมื่อเห็นหลิง
เซียวหลินเทียนชายมองเขาพลางกล่าวบ่ายเบี่ยง“วันหลังข้าจักเลี้ยงสุราต้อนรับเจ้ากลับจากแดนไกล ถึงครานั้นค่อยคุยกัน! ตอนนี้… อย่ารบกวนในขณะที่ตัวข้าเป็นผู้ตัดสิน!”เมื่อเผยอวี้ฟังก็โน้มเข้าใกล้เขาทันควัน กล่าวทั้งยิ้มอ่อนจาง“อย่างไรเสียไม่ช้าก็เร็วท่านก็ต้องหย่ากับนาง… วันนี้มีคุณหนูที่ทั้งเก่งและงดงามมากหลายอยู่ที่นี่ ท่านลองมองดูสิว่ามีใครเข้าตาท่านหรือไม่ แล้วกระหม่อมจักให้ท่านแม่กระหม่อมเป็นแม่สื่อให้ท่านเองพ่ะย่ะค่ะ!”“สตรีผู้นั้นทั้งแสนหยาบคายและโง่เขลา เดิมทีมิคู่ควรกับท่านด้วยซ้ำ! และวันนี้ท่านมิควรให้นางมาร่วมงานชมบุปผา เพื่อเลี่ยงให้ท่านขายหน้า!”เมื่อหลี่ว์จงเจ๋อฟังก็ทนมิไหวพลางกล่าวอย่างไม่พอใจ“ท่านพี่อวี้ ท่านกลับเมืองหลวงได้มินาน ท่านหาได้รู้สิ่งใดไม่ก็อย่าพูดจาส่งเดช! หลิงอวี๋… พระชายาอ๋องอี้มิใช่คนอย่างที่ท่านพูดเสียหน่อย!”“นางฉลาดยิ่งนัก… และยังมีความสามารถ! อีกทั้งจิตใจดี!”“หือ… คนที่เจ้าบอกกับคนที่ข้าพูดถึงคือคนเดียวกันหรือ?”เผยอวี้ทักขึ้นอย่างแปลกใจ ซึ่งน้ำเสียงนี้ดึงดูดคนมองมามิน้อยเลยมีสตรีหลายคนที่ยกย่องเผยอวี้ เมื่อเห็นรอยยิ้มของเขาก็พลันตาพร่าหมดสิ
มีคนสองสามคนกำลังคุยกันอยู่ฝั่งนี้ ครั้นแล้วทางฝั่งองค์หญิงหกจึงตะโกน “มีคนจะสละสิทธิ์หรือไม่?”“เมื่อครู่ลืมบอกไปว่าการสละสิทธิ์นั้นต้องถูกลงโทษ และผู้ที่แข่งแต่ละรายการได้ที่สุดท้ายก็ถูกลงโทษเช่นกัน! สิ่งนี้กำหนดขึ้นเพื่อป้องกันคนไม่อยากสละสิทธิ์เนื่องกลัวโดนลงโทษโดยเฉพาะ!”ขณะที่เซียวทงพูดก็จงใจชายมองหลิงอวี๋ไปด้วยสตรีมากมายกำลังพะวงว่าจะทำอย่างไรดีหากได้ตกเป็นที่สุดท้ายแล้วต้องสวมกระโปรงน่าอายตัวนั้นเต้นรำ!เมื่อเซียวทงจ้องไปทิศทางหลิงอวี๋ พวกนางก็เหมือนรู้สึกสบายใจไปอักโขมีพระชายาอ๋องอี้ที่แสนโง่เขลา และไม่มีวิชาความรู้คอยอยู่รั้งท้าย พวกนางคงไม่มีทางได้ที่สุดท้ายหรอก!เสิ่นจวนมองทางหลิงอวี๋ก็อดเบะปากไม่ได้หลังจากที่หลิงอวี๋สวมกระโปรงนั่นเต้นรำ ท่านพี่ต้องแบกรับความอัปยศมิไหวเป็นแน่ เขาต้องกลับไปหย่ากับหลิงอวี๋แน่นอน!เมื่อถึงคราวนั้นพระสนมหรงจะกราบทูลองค์จักรพรรดิ แล้วตนก็จะออกเรือนกับท่านพี่ในฐานะพระชายาอ๋องอี้!ณ นอกงาน ฉินซานกับเหล่าองครักษ์กำลังยืนตัวตรงถึงแม้เขาจะมาคุ้มครองความปลอดภัยของงานชมบุปผา แต่ทุกสิ่งที่เกิดในสวนดอกไม้ล้วนอยู่ในสายตาพวกเขาหมดสายตาของเข
ซ่งเสี่ยวเจินบุตรีอีกคนจากตระกูลตำแหน่งผู้บัญชาการเจ้าพนักงานก็ได้พูดอย่างเที่ยงธรรมเช่นกัน“ใช่แล้ว! ดีดพิณคือการผ่อนคลายจิตใจ ทั้งยังฝึกกายบ่มใจ แม้เจ้าจะไร้ความรู้พื้นฐานการดีดพิณ แต่เจ้าก็มีสิทธิ์เข้าใจมัน!”“เอะอะกระไรกัน? นี่คือที่ที่ให้พวกเจ้ามาทะเลาะกันรึ?”แม่นางชางที่เป็นผู้ดูแลกำลังนั่งอยู่กลางเวทีได้ปรายเห็นลั่วอวี้จูผู้ตกเป็นเบี้ยล่าง พลันตะโกนปรามเสียงเฉียบขาดอย่างไม่พอใจ“คุณหนูซ่ง ในเมื่อเจ้าช่างพูดขนาดนี้ เช่นนั้นเจ้าก็มาก่อนเลย!”หลี่ว์ฟางฟางคือลูกสาวของหลี่ว์เซียง แม่นางชางยังนับว่ามีแววจึงไม่กล้าล่วงเกินหลี่ว์ฟางฟางตรง ๆทว่าซ่งเสี่ยวเจินมีบิดาเป็นแค่ขุนนางยศเล็ก ๆ นางจึงกลั่นแกล้งได้ตามใจนึก!แต่ซ่งเสี่ยวเจินก็ไม่ขลาด นางเดินอาด ๆ ไปหน้าพิณคันหนึ่งพลางล้างมือแล้วนั่งลงทักษะพิณของซ่งเสี่ยวเจินจัดว่าไพเราะ นางดีดเพลง {บัวพ้นน้ำ} ได้อย่างช่ำชอง แต่กลับไม่มีตรงใดโดดเด่นเป็นพิเศษครั้นซ่งเสี่ยวเจินบรรเลงจบก็ผลัดเป็นสตรีอีกสองคนขึ้นไป และแทบจะไม่ได้ยินเสียงการแสดงเลยทักษะพิณของหลี่ว์ฟางฟางดีกว่าซ่งเสี่ยวเจินกับคนอื่น ๆ ก่อนหน้าเล็กน้อย นางขยับนิ้วได้คล่องแคล่
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี