ลูกพี่ลูกน้องของชายาผิงหยางเป็นรองเจ้ากรมวังที่แจกเทียบเชิญ ครั้นได้ยินเข้าก็คิดว่าชายาผิงหยางยังไม่ยอมแพ้ในเรื่องเมื่อเช้าแล้วจึงกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า“อย่าขอให้ข้าจัดหาเทียบเชิญช่วยเจ้าอีก! ข้าพูดไปแล้วมิใช่หรือ? ข้าทำไม่ได้!”“ข้าบอกเจ้าไปตอนเช้าแล้วว่ามีคนยอมจ่ายหนึ่งแสนตำลึงเงินเพื่อเทียบเชิญเพียงใบเดียว!”“เอาล่ะ เจ้าลองถามขันทีหลาย ๆ คนดู พวกเขาติดตามข้า เมื่อสักครู่เผอิญเจอใต้เท้าหลี่… ใต้เท้าหลี่เสนอสองแสนตำลึงเงินให้ข้า...สองแสนเชียวนะ!”ผู้คนล้วนตะลึงเบิกตากว้าง สองแสนกับเทียบเชิญใบเดียวนี่มันจะราคาสูงเกินไปแล้ว!“สองแสนเยอะมากงั้นหรือ? แต่ในสายตาคนรวยหาเป็นอะไรแบบนั้นไม่!”รองเจ้ากรมวังมองท่าทางตกตะลึงของฝูงชนจึงกล่าวอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องไปหลายส่วน“งานเฉลิมฉลองพระราชสมภพของไทเฮาในปีนี้ ผู้ที่เชิญมีจำกัด เพื่อเทียบเชิญใบเดียวเสนาบดีผู้มีคุณธรรมบารมีสูงส่งหลายท่านล้วนมาหาและขอร้องข้า!”“แต่ข้าก็จนปัญญาแล้วเช่นกัน! ถ้าสามารถหาวิถีทางเอาเทียบเชิญได้จริง ๆ ข้าจะมิเอาไว้พึ่งความร่ำรวยทางนี้ได้อย่างไรเล่า?”เขามองค้อนพระชายาผิงหยางและเอ่ยดุ “ฉะนั้นอย่าหยิบเรื่องเล็กน้อยน
เสิ่นจวนพลันส่งเสียขึ้นมาทันใด “เจ้าคือเจ้า ผู้พี่ของข้าคือผู้พี่ของข้า… บาปที่เจ้าก่อเองมีสิทธิ์อะไรมาพัวพันถึงผู้พี่ของข้า!”“ช่างโหดร้ายจริงเชียว! เดิมทีควรโทษท่านอ๋องอี้ที่ปฏิบัติต่อนางอย่างเย็นชาถึงได้ปลอมแปลงเทียบเชิญ นั้นก็เพื่อแก้แค้นท่านอ๋องอี้!”“ผู้พี่ สตรีโฉดผู้นี้ไม่คู่ควรเป็นพระชายาของท่าน! ท่านหย่ากับนางเดี๋ยวนี้!”“นางอยากรนหาที่ตายก็ปล่อยนางไปตายคนเดียว!”เสิ่นจวนรีบรุดไปข้างกายเซียวหลินเทียนและตะโกนเสียงดังพัลวัน“จะหย่ากับข้าหรือไม่ พูดกับผู้พี่ของเจ้าไปก็ไร้ประโยชน์!”หลิงอวี๋ยิ้มหยันกล่าวว่า “องค์จักรพรรดิพระราชทานงานอภิเษกสมรสให้แก่ข้าผู้เป็นพระชายา หากต้องการหย่าก็ให้ผู้พี่เจ้าไปขอรับสั่งจากองค์จักรพรรดิสิ!”“นางหญิงคนนี้โหดร้ายเกินไปแล้ว!”“ใช่แล้ว… นี่อยากลากท่านอ๋องอี้ไปตายด้วยกันหรือไร!”“ท่านอ๋องอี้ ท่านไม่ต้องกลัวนะเพคะ พวกเราล้วนยินดีพิสูจน์ความจริงช่วยท่าน เป็นสตรีนางนี้ปลอมแปลงเทียบเชิญเองไม่เกี่ยวกับท่านเพคะ!”ชายาผิงหยางกล่าวเสริมว่า “ตัวข้าผู้เป็นพระชายาก็จะช่วยท่านยืนยันความจริงเช่นกันว่า เรื่องนี้เป็นหลิงอวี๋ทำเพียงผู้เดียวไม่เกี่ยวกับท่าน
ห้องสุขาอยู่หลังเรือน เสี่ยวเอ้อร์พาหลิงอวี๋ส่งอยู่ประตูเข้าหลังเรือนกล่าวว่า “พระชายาอ๋องอี้ สุขาอยู่นั้น ข้าจะรอท่านอยู่ตรงนี้ขอรับ!”หลิงอวี๋ยิ้มสักพักและกล่าวตรง ๆ ว่า “ข้ามิได้อยากใช้สุขาจริง ๆ ข้าต้องการพบท่านเกิ่งเอ้อร์ของพวกเจ้าหรือคนดูแลที่นี่!”แม้เสี่ยวเอ้อร์ของในร้านแห่งนี้จะมีมารยาทดี แต่บนหน้าก็ยังปรากฏความดูถูกไปชั่วแวบหนึ่งเขากล่าวอย่างนิ่งสงบ “พระชายาอ๋องอี้ ท่านเกิ่งเอ้อร์ของเรากำลังดูแลแขกคนสำคัญอยู่ขอรับ สั่งไว้ว่าห้ามรบกวนเขาถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอะไร”“พระชายาอ๋องอี้หากจ่ายค่าอาหารไม่ไหว ท่านอ๋องอี้ก็อยู่ที่นี่มิใช่หรือขอรับ? ท่านไปขอเขาก็ได้!”แต่ที่เมืองหลวงนี้ มีผู้ที่ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยาอ๋องอี้ด้วยหรือ?ทันทีที่หลิงอวี๋ยืมเงินกู้ดอกเบี้ยสูง เซียวหลินเทียนก็เอ่ยออกมาว่าเขาจะไม่ชดใช้ให้หลิงอวี๋สักเฟินเดียว(1)ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่ชายาอ๋องอี้ถูกเหล่าสตรีรุมทำให้อับอายขายขี้หน้า ท่านอ๋องอี้ก็อยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่ก็แสดงท่าทีอะไรทั้งสิ้น!หลิงอวี๋กล่าวอย่างอดทนว่า “เจ้าช่วยไปแจ้งให้ข้าสักหน่อย บอกว่าข้าอยากคุยเรื่องคืนเงินกู้ดอกเบี้ยสูงกับเข
บุตรีสกุลเลื่องชื่อ ยกตนข่มท่านขณะไปข้างนอก ผู้ที่รู้จักกล่าวว่า เจ้าไร้เดียงสาร่าเริง แต่ผู้ที่ไม่รู้จักกลับคิดว่าเจ้าไร้การศึกษาใช่หรือไม่? “อายุเจ้าก็ไม่น้อยแล้ว เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า อากัปกิริยาภายนอกที่มิเหมาะสมจะส่งผลต่อบุพเพสันนิวาสของเจ้า?”“แขกผู้มั่งมีสูงส่งที่มาภัตตาคารจี๋เสียงแห่งนี้ แล้วเจ้ากล้ารับรองหรือไม่ว่าในหมู่พวกเขาจะมีพ่อแม่สามี รวมถึงสามีในอนาคตของเจ้า?”“เจ้ามักให้คนโขกหัวคำนับอยู่บ่อย ๆ อุปนิสัยใช้อำนาจบาตรใหญ่ระยําตําบอนเช่นนี้ของเจ้า ผู้ใดจะกล้ามาตบแต่งกับเจ้า?”แม้คำพูดเหล่านี้ของหลิงอวี๋จะมุ่งไปที่เสิ่นจวน แต่ก็ได้เหมารวมเหล่าบรรดาคุณหนูพวกนี้เข้าไปด้วย เมื่อได้ฟังก็พากันหน้าแดงหน้าดำสิ้นคำเอ่ยตอบเสิ่นจวนรู้สึกทั้งอายเละเคืองอยากด่าหลิงอวี๋ ทว่ามีดก็ยังแตะอยู่บนหน้านาง แม้ว่านางจะมีความหาญกล้าอยู่ประปราย แต่ก็ไม่กล้าด่าอยู่ดี!กระทั่งความแค้นในหัวใจก็ไม่กล้าเผยออกมา“รู้ความผิดหรือยัง?”หลิงอวี๋ได้ยินเสียงฝีเท้าชุลมุนแพร่มาจากที่ไกล ๆ และเอ่ยถามตรงไปตรงมาจริงจังว่า“ท่านพี่สะใภ้ ข้ารู้ความผิดแล้ว!” เสิ่นจวนขานตอบและแสร้ง
คำพูดที่กล่าวไปพักหนึ่งของหลิงอวี๋ทำให้เซียวหลินเทียนนิ่งอึ้งไป เขากำลังจ้องหลิงอวี๋อย่างมึนงงมิใช่ว่าเขากลัวเสียเปรียบเลยไม่ลงมือ ทว่า… คำพูดของหลิงอวี๋คล้ายมีความจริงหลายส่วน!แต่ความนิ่งเงียบไม่กล่าวคำของเขาทำให้ลู่หนานเข้าใจผิด ลู่หนานเคยเห็นเซียวหลินเทียนถูกหลิงอวี๋ห้อยไว้บนต้นไม้ด้วยตาตัวเอง เลยหวั่นเซียวหลินเทียนจะออกมือต่อหลิงอวี๋ภายใต้อารมณ์ชั่ววูบ!แต่นี่อยู่ข้างนอก พวกเขาจะขายหน้าเพราะคนผู้นี้มิได้!“ท่านอ๋อง อาจจะมีความเข้าใจผิดบางอย่างในหมู่พวกนางจริง ๆ หาไม่แล้ว เราลองฟังที่พระชายาพูดดูเป็นอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”ลู่หนานกล่าวโน้มน้าวเมื่อเสิ่นจวนได้ยินเช่นนั้นก็รีบกล่าว “ผู้พี่ หรือว่าท่านมิเชื่อใจหม่อมฉันเพคะ? หม่อมฉันเป็นคนเช่นไรท่านยังไม่รู้แจ้งหรือ?”“ท่านดูสิ นางตบหน้าหม่อมฉัน ร่องรอยล้วนยังอยู่! อีกอย่างหม่อมฉันยังมีพยานบุคคล...”เสิ่นจวนดันเจิงจื่ออวี้ออกไป แล้วเจิงจื่ออวี้ก็กล่าวอย่างปราดเปรื่องว่า“กราบบังคมทูลท่านอ๋อง เป็นพระชายาอ๋องอี้ตบเสิ่นจวนจริงเพคะ แถมยังกล่าวว่าต้องการทำลายดวงหน้าของนาง! เราทุกคนเป็นพยานให้เสิ่นจวนได้เพคะ!”“หม่อมฉันก็เป็นพยานได้เพ
ครั้นผู้อาสุโวกล่าวจบ ประหนึ่งนึกอะไรขึ้นได้บ่ายศีรษะไปมองทางเซียวหลินเทียน ยิ้มตาหยีกล่าวคำ“ท่านอ๋องอี้ นี่คือกฎของภัตตาคารจี๋เสียงที่จะลงโทษแขกที่ทานอาหารไม่จ่ายเงิน ท่านพอพระทัยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” เซียวหลินเทียนไม่ชอบรอยยิ้มเหน็บแนมนี้ของท่านผังอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด เพียงมองไปยังหลิงอวี๋ด้วยความเย็นชาเมื่อหลิงอวี๋เห็นสายตาเขาพลันเข้าใจทันที เจ้าใช้แววตานี้สื่อเป็นนัยว่าเพียงขอโทษนาง เขาก็จะช่วยจ่ายเงินให้ทว่าหัวใจของหลิงอวี๋ล้วนถูกเขาทำให้เยือกเย็นไปแล้ว ไฉนเลยจะรู้สึกซาบซึ้งได้!หลิงอวี๋มิใช่เป็นคนที่โค้งคำนับเพื่อข้าวสารหาถัง!เซียวหลินเทียนต้องการให้นางละทิ้งหลักการของตนเพื่อเงินสองสามร้อยตำลึง แล้วนี่มีสิ่งใดแตกต่างจากท่านผังที่ทำให้นางต้องอัปยศกัน!ในเมื่อเซียวหลินเทียนต้องการแบ่งแยกชัดเจนถึงเพียงนี้ ได้ หากเขาไม่กลัวขายหน้าตำหนักอ๋องอี้ นางหลิงอวี๋ผู้นี้ก็จะไม่หวั่นเกรง!“ข้าจะใช้หนี้เอง ข้าจะคืนเอง!”“พวกเจ้าให้ข้าพบกับท่านเกิ่งเอ้อร์สักหน่อย บอกไปว่าข้ามีธุรกิจจะคุยกับเขา!”“ท่านเกิ่งเอ้อร์ของพวกเรากำลังยุ่งอยู่ มิใช่ว่าผู้ใดอยากคุยธุรกิจกับเขาก็
นางสลัดการเกาะกุมตนของเสี่ยวเอ้อร์ ก่อนจะยกชายกระโปรงขึ้นวิ่งรุดตามไปชั้นบนเพียงตนช่วยชีวิตท่านเกิ่งเอ้อร์ได้ ความอัปยศในวันนี้ก็จะล้างมลทินออกไปได้…หลิงอวี๋เพิ่งวิ่งถึงชั้นสองก็พลันเห็นแม่นมลี่ดึงหลิงอวี๋เอาไว้ หลิงซินยืนอยู่ทางออกใกล้บันไดอย่างพะว้าพะวังครั้นเห็นเช่นนั้นก็รีบดึงแม่นมลี่มากล่าวปลอบขวัญ “พวกเจ้าไปนั่งรอข้าเถอะ หากอยากกินสิ่งใดสั่งได้เลย!”“พวกเจ้าเชื่อข้า วันนี้พวกเราจะไม่ต้องจ่ายอาหารมื้อนี้สักเฟินเดียว!”เมื่อนางเอ่ยจบก็รีบไล่ตามขึ้นไปแม่นมลี่น้ำตาแทบไหล นางเพิ่งกลับมาก็เห็นหลิงอวี๋จะถูกลากไปประจาน!หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้แต่แรก เมื่อกี้ก็ไม่น่าขอเทียบเชิญกับแม่นมเว่ย ควรจะขอเงินสองสามร้อยตำลึงแค่นี้ก็แก้ไขเรื่องจวนตัวเพื่อคุณหนูได้แล้วเฮ้อ จะมาเสียใจภายหลังก็ไม่ทันแล้ว!“ดูสิ หลิงอวี๋กำลังคุยโวอย่างไม่กระดากอายอีกแล้ว!”ครั้นได้ยินคำพูดนี้เสิ่นจวนที่ยืนอยู่ด้านล่างบันไดก็ลั่นวาจาเย้ยหยันทันใดนางรั้งสายตาไปยังเซียวหลินเทียนแล้วกล่าวคำ “ผู้พี่ เราขึ้นไปดูสักหน่อยเถอะ! หม่อมฉันยังไม่เคยเห็นคนที่ถูกก้างปลาติดคอตายเลยเพคะ!”“อีกทั้งเปี่ยวจิ้วก็ไปแล้วด้วย
เกิ่งเสี่ยวหาวหันหน้ากลับมามองบิดาของตนเอง พบว่าเกิ่งเสี่ยวเหยนิ่งเงียบไปแล้ว เหลือเพียงหน้าอกที่ยังกระเพื่อมแผ่วเบา“เรามาเดิมพันกันเถอะ! ภายในเวลาหนึ่งก้านธูป ข้าจะช่วยชีวิตท่านพ่อของเจ้า!”“หากข้าทำสำเร็จ เจ้าต้องยอมรับข้าเป็นพี่สาว! แต่หากข้าทำล้มเหลว ข้าจะชดใช้ให้เจ้าด้วยชีวิต!”หลิงอวี๋พบว่าคนสกุลเกิ่งผู้นี้ในแววตาค่อนข้างพอใจ แม้ว่าเขาจะพุ่งปราดมาตรงหน้าตนแล้ว แต่หมัดนั้นกลับไม่เคยโดนนางเลยอีกนัยหนึ่งคือนางอยากสร้างรายได้นั่นเอง ถ้ามีลู่ทางสายนี้ของเกิ่งเสี่ยวหาวคงจะราบรื่นยิ่งความคิดเรื่องยอมรับเป็นน้องชายนี้ก็พลันแวบสว่างเข้ากลางใจทันใด“คุณชายเกิ่ง อย่าฟังนาง! เดิมทีนางมิได้วิชาแพทย์ด้วยซ้ำ! หมอของโรงหมอยังไม่มีวิธี แล้วนางจะมีวิธีทำอะไรได้!” เจิงจื่ออวี้กล่าวดังลั่นครั้นหมอเหวินได้ยินชื่อตนหยิบยกขึ้นก็กระแอมไอเบา ๆ และกล่าวคำ“เรารอหมอหลวงจางดีกว่าเถอะ! ถ้าหมอหลวงไม่มีวิธี เช่นนั้นผู้ใดก็ไม่มีวิธีเหมือนกัน! คงต้องปล่อยไปตามยถากรรมแล้ว!”แต่เกิ่งเสี่ยวหาวกลับจ้องเขม็งไปยังหลิงอวี๋และนางก็กำลังมองเขาอย่างยั่วยุเช่นกัน สายตาทั้งสองประสานกัน“เสี่ยวหาว อย่าเสียแรงเป
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร