เมื่อองค์หญิงหกเซียวทงเห็นว่าอู่เวยพูดเช่นนี้ ก็คิดว่าเซียวหลินเทียนทำอะไรตนมิได้จึงพยักหน้า “เช่นนั้นก็พักสักหน่อย!”นางให้นางกำนัลพยุงตนลงไปหาสถานที่เงียบสงบพักผ่อนสักหน่อย แล้วก็กินขนมที่นางกำนัลเตรียมมาอย่างสบาย ๆ เสียเวลาไปกว่าครึ่งชั่วยามกว่านางจะกลับขึ้นรถม้าแล้วออกเดินทางต่อทางกลุ่มของฉินซานติดตามเซียวหลินเทียนไปอย่างรวดเร็ว เขาคิดว่าเซียวทงจะตามมาก็เลยมิได้ใส่ใจอะไรภารกิจการเดินทางในวันที่สองนั้นหนักหนากว่าเดิม เซียวหลินเทียนวางแผนที่จะไปให้ถึงจุดพักอาศัยให้กลุ่มของพวกเขาได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม ดังนั้นกลุ่มใหญ่จึงไม่พักผ่อนในช่วงเวลาอาหารเย็น แล้วเร่งไปให้ถึงจุดพักอาศัยก่อนมืดเมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงจุดพักอาศัยแล้ว ฉินชานจึงหันหลังไปมองอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เห็นกลุ่มของเซียวทงเส้นทางนี้เต็มไปด้วยถนนบนภูเขา ไม่มีการอยู่อาศัยของผู้คนอยู่เลยฉินชานเห็นว่ากลุ่มของเซียวทงยังตามไม่ทันก็ทั้งกังวลทั้งโกรธเขากังวลว่าหากไม่รอเซียวทงแล้วมีอะไรเกิดขึ้นจะทำให้ท่านอ๋องอี้ลำบากจนถูกองค์จักรพรรดิตำหนิเอาได้ในขณะที่กำลังตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลี่ว์จงเจ๋อก็เร่งม้ามาข้างหน้
หัวหน้าโจรทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นก็แยกกันไปดำเนินการหัวหน้าคนหนึ่งพาคนไปดักจากด้านหน้า ส่วนอีกคนไปดักพวกเขาระหว่างทางขณะที่รถม้าของเซียวทงกำลังเคลื่อนไปอยู่นั้น ก็ได้ยินคนขับรถม้าที่อยู่ด้านหน้าตะโกน“หัวหน้าองครักษ์ มาดูทางนี้เร็ว มีต้นไม้โค่นข้างหน้า ขวางทางเราอยู่!”อู่เวยเกือบจะหลับอยู่แล้ว พอได้ยินเสียงตะโกนเรียกก็เลยต้องขี่ม้าไปดูข้างหน้าในขณะนั้นเอง ก็มีโจรสิบกว่าคนวิ่งออกมาจากริมทางถนนบนภูเขาแล้วตะโกนเสียงดังบุกเข้ามาโจรคนหนึ่งเห็นว่ารถม้าขององค์หญิงหกเป็นรถที่หรูหราที่สุดในขบวนรถม้า จึงพาพวกพี่น้องบุกเข้าไป“เกิดอะไรขึ้น?”เซียวทงได้ยินเสียงตะโกนอันวุ่นวายก็ตะโกนอย่างรำคาญยังมิทันสิ้นเสียงก็รู้สึกได้ว่าตัวรถสั่น จากนั้นม่านรถก็ถูกเปิดออก ชายที่มีหนวดเครายาว สวมเสื้อผ้าสกปรกมีกลิ่นเหม็นปรากฏตัวที่ประตูรถม้าเขาถือมีดอยู่ พร้อมทั้งเลือดบนมีดที่ยังคงหยดอยู่ด้วย...“กรี๊ด…”ฉินรั่วซือกับพวกนางกำนัลหลายคนเห็นเข้าก็กรีดร้องทันที จากนั้นก็ถอยไปขดตัวอยู่ด้วยกันเซียวทงเองก็ตกใจเช่นกัน แล้วก็ได้ยินอู่เวยตะโกนจากข้างนอก “มีโจรปล้น รีบคุ้มกันองค์หญิงหกเร็วเข้า…”ทหาร
เสียงการต่อสู้ข้างนอกดังมาอย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากนั้นไม่นานก็สิ้นสุดลงกองทหารประจำของฉินซานได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี สามารถจัดการกับโจรเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายและราบรื่นเลยทีเดียวโจรสิบกว่าคนนั้น ไม่ถูกฆ่าทันทีก็ถูกทุบตีจนไม่สามารถขยับตัวได้แล้ว!และองครักษ์ที่ฉินชานพามานั้นมีแต่คนฉลาดอยู่ไม่น้อย เกรงว่าหากจับเป็นพวกโจรเหล่านี้ ต่อไปก็จะต้องลำบากตนพาพวกเขากลับไปเมืองหลวงอีก ดังนั้นจึงลงมืออย่างไร้ความปรานีไปเลยกระทั่งการต่อสู้สิ้นสุดลง ก็มีโจรไม่กี่คนที่รอดชีวิตไปได้สิ่งของในรถม้าสองคันถูกพวกโจรพลิกคว่ำจนกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นฉินชานเห็นแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เอาของมามากมายถึงเพียงนี้ มันลำบากมากจริง ๆ ในการที่จะเก็บข้าวของหากองค์หญิงหกผู้นี้ติดตามกองทัพใหญ่ไปติด ๆ เรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร!“องค์หญิงหก ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”ฉินชานให้องครักษ์ช่วยนางกำนัลจัดการรถม้า จากนั้นตนจึงเดินไปเอ่ยถามเมื่อเซียวทงเห็นว่าไม่มีอันตรายแล้ว ก็นึกถึงความกลัวเมื่อครู่แล้วตะโกนใส่ฉินชานอย่างเสียใจ“แม่ทัพฉิน เหตุใดท่านถึงเพิ่งมาเล่า! ท่านมิรู้อะไร เมื่อครู่ข้ากลัวแทบตาย…”
ฉินรั่วซือถูกหยิกจนอยากจะกรีดร้องออกมา แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาเตือนของเซียวทง นางก็กัดริมฝีปากล่างไว้มิกล้าส่งเสียงออกไปในเวลานี้ ฉินรั่วซือรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด หากองค์หญิงหกผู้วางอำนาจและโหดร้ายแต่งงานกับพี่ชายของตน เช่นนั้นจะไม่ทำร้ายพี่ชายตนหรอกหรือ?ตอนนี้องค์หญิงหกยังมิได้แต่งงานเข้าตระกูลฉินก็กล้ารังแกตนเช่นนี้แล้ว ถึงตอนนั้นหากให้นางแต่งงานเข้าตระกูลฉินจริง ๆ เช่นนั้นทั้งครอบครัวของตนก็จะถูกนางรังแกกันหมด!ไม่ได้… นางต้องหาทางป้องกันมิให้เซียวทงแต่งงานเข้าตระกูลฉิน!รถม้ายังคงดำเนินต่อไปภายใต้การเร่งของฉินซาน แต่ในไม่ช้าท้องฟ้าก็มืดลง การเดินทางก็ช้าลงไปด้วยพวกองครักษ์เหล่านั้นยังมีอาหารแห้งอยู่ แต่น้ำหมดไปแล้ว ความหิวและความเหนื่อยล้าจึงทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่สบายมีองครักษ์สองคนที่ดูแลด้านหลังรถม้าเห็นว่าฉินซานอยู่ข้างหน้า มิได้ยินที่ตนเอ่ย จึงเริ่มก่นด่าขึ้นมาอย่างหยาบคาย“ลากการเดินทางไปมาเช่นนี้มันลำบากพวกเรามิใช่รึ! วันนี้แค่วันแรกก็เหนื่อยเช่นนี้แล้ว… ข้าว่าเราได้เหนื่อยเลยระหว่างทางก่อนถึงชายแดนแน่เลย!”“เฮ้อ ก็ใครให้นางเป็นองค์หญิงเล่า! แค่เอ่ย
“จะเปลี่ยนไปที่ใด? กลับวังหรือไม่เล่า?”เซียวหลินเทียนอดทนกับเซียวทงมาทั้งวันแล้ว เมื่อเห็นว่านางยังคงดื้อรั้นเอาแต่ใจเช่นนี้ ก็ทนมิไหวพลางตะคอกด้วยความโกรธ“องค์จักรพรรดิสั่งให้ข้าไปที่ชายแดนกำจัดโรคระบาด! เซียวทง ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะติดตามพวกข้ามา เจ้าก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า!”“ข้าบอกไปแล้วในช่วงอาหารกลางวันว่ามิให้พักผ่อนและให้เดินหน้าเต็มกำลัง! แต่เจ้ากลับเพิกเฉยต่อคำสั่งของข้าแล้วพักผ่อนตามใจตนเอง! ถ่วงเวลาการเดินทางของกองทัพใหญ่!”“เพื่อความปลอดภัยของเจ้า ข้าต้องส่งแม่ทัพฉินกลับไปหาเจ้า! วันนี้ถือว่าเจ้าโชคดีมากแล้วที่แม่ทัพฉินกลับไปช่วยเจ้าได้ทันเวลา!”“หากเขามิกลับไป เจ้าก็คงจะตายด้วยน้ำมือของพวกโจรพวกนั้นไปแล้ว!”ยังมิทันที่เซียวหลินเทียนจะเอ่ยจบ เซียวทงก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ“ใครให้เขากลับไปเล่า! เขามันจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง! ต่อให้เขาไม่ไป องครักษ์ของหม่อมฉันก็ฆ่าพวกโจรเหล่านั้นได้!”“อวดดี!”เซียวหลินเทียนตะคอกเสียงแข็ง “แม่ทัพฉินช่วยเจ้าไว้ แต่เจ้ากลับมิรู้สึกขอบคุณ! เจ้าคิดว่าไม่มีใครสามารถควบคุมเจ้าได้จริง ๆ ใช่หรือไม่?”“เซียวทง เจ้าทำให้แม่ทัพฉินกับองคร
“กลุ่มของข้ามิเลี้ยงคนไร้ประโยชน์ หากเจ้ามิทำการใด ก็อย่าคิดว่าจะได้กินอิ่มนอนหลับสบาย!”“ข้าจะให้คนจับตาดูเจ้าไว้! หากเจ้าอยู่มิไหวก็หนีไปเสีย อย่าหวังว่าข้าจะส่งทหารพาเจ้ากลับไปเมืองหลวงเลย!”“เซียวทง จำสิ่งที่ข้าพูดในวันนี้ไว้ อย่าท้าทายความอดทนของข้า เพราะเจ้าทนรับผลที่ตามมาทนมิไหวแน่!”หลังจากที่เซียวหลินเทียนพูดจบก็พาคนออกไป เซียวทงมองแผ่นหลังของเขาแล้วบ่นเบา ๆองค์ชายพิการผู้นี้ แค่อยากจะอาศัยตนมาสร้างความน่าเกรงขามของตนเท่านั้น!นางมิเชื่อว่าเขาจะกล้าตีนางจริง ๆ หรอก!ดูสิ หากตอนนี้ตนยื่นบันไดให้เขา เขาก็ลงมิได้มิใช่หรือ?แม้ว่าเซียวทงจะคิดเช่นนี้ แต่ก็ยังคงเก็บคำพูดของเซียวหลินเทียนไว้ในใจนางเหนื่อยมากจึงเร่งให้พวกฉินรั่วซือเตรียมน้ำให้ตน อยากจะอาบน้ำคลายความเหนื่อยล้าเสียหน่อยแต่จะมีถังไม้สำหรับอาบน้ำในที่พักเรียบง่ายแห่งนี้ได้เยี่ยงไรกัน?นางถูกบังคับให้ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องอาบน้ำง่าย ๆ แล้วเข้านอนแต่รู้สึกเหมือนเพิ่งหลับตาไปได้ครู่หนึ่งก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงแตรเดินทัพแล้ว“องค์หญิงหก รีบตื่นบรรทมเร็วเพคะ เราจะออกเดินทางในอีกสิบห้านาทีเพคะ!”นางกำนัลวิ่งเ
หลิงอวี๋พยักหน้า นางแค่คิดว่าบางทีเซียวหลินเทียนอาจจะไม่มีประสบการณ์ในการจัดการกับโรคระบาด จึงเอ่ยเตือนเสียหน่อยเมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนพิจารณาอย่างรอบคอบเช่นนี้ก็รู้สึกโล่งใจวันนี้เซียวทงรู้สึกดีขึ้นมาก กลุ่มของนางติดตามกลุ่มของเซียวหลินเทียนได้อย่างใกล้ชิดกระทั่งไปถึงจุดพักผ่อน ฉินซานก็เข้ามากับบอกให้พวกเขาให้อาหารม้าเซียวทงสั่งให้อู่เวยพาคนไปให้อาหารม้า ขณะที่ตนนอนอย่างเกียจคร้านในรถม้าโดยไม่ขยับไปไหนฉินซานเองก็ไม่พูดอะไร เขามองนางแล้วเดินจากไปกระทั่งถึงเวลากินข้าว เซียวทงก็ยังคงรอให้นางกำนัลนำอาหารมาให้ตนเองกิน แต่หลังจากรอเป็นเวลานานแล้วนางกำนัลเพิ่งจะมา จากนั้นก็มอบอาหารแห้งให้นางอย่างเงียบ ๆ“สิ่งใดกัน? นี่มันของกินของคนรึ?”เซียวทงเคาะอาหารแห้งในมือของนางกำนัล พลางตะคอกด้วยความโกรธ“ข้านำขนมมาเยอะมากมิใช่รึ? หากพวกเขามิให้ข้ากิน เจ้าก็เอาขนมของข้ามาให้หน่อยมิได้หรือไร?”ใบหน้าของนางกำนัลกระตุก พลางกระซิบ “ขนมเหล่านั้นถูกคนของท่านอ๋องอี้มาค้นไปแล้วเพคะ!”“องค์หญิง ในรถม้าของเราตอนนี้ไม่มีอะไรให้กินแล้วเพคะ!”“ไม่เพียงเท่านั้น ท่านอ๋องยังสั่งให้รถม้าหลายคันที่บ
พวกเขายุ่งอยู่กับการเด็ดผัก แล้วเอาถุงใหญ่ไปหาที่ที่มีน้ำมาใส่ล้างแล้วเอากลับมาทางด้านเซียวทงกำลังทำน้ำแกงให้ทุกคนอยู่ พอหลิงอวี๋กับเถาจื่อเดินมาพร้อมกับผักป่าในอ้อมแขน นางกำนัลคนหนึ่งเห็นเข้าจึงตะโกนเสียงดัง “พระชายาอ๋องอี้ มาแล้วหรือเจ้าคะ?”หลิงอวี๋เอียงหัวเล็กน้อย รู้สึกค่อนข้างแปลกใจ เซียวทงก็อยู่ไม่ไกล นางกำนัลผู้นี้กลัวว่าเซียวทงจะไม่ได้ยินเลยตะโกนดังถึงเพียงนี้เลยหรือ?ทันทีที่เซียวทงได้ยินเสียงนี้ ก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วหลิงอวี๋เห็นนางซ่อนอะไรบางอย่างไว้ในแขนเสื้ออย่างรวดเร็วหลิงอวี๋จึงระวังตัวทันที“พี่สะใภ้สี่ ท่าน… ท่านมาทำอะไรที่นี่?” เซียวทงเอ่ยถามอย่างตะกุกตะกัก“ข้าเก็บผักป่ามา อยากจะเพิ่มลงในน้ำแกงเพื่อเป็นการเพิ่มอาหารให้ทุกคน!” หลิงอวี๋เอ่ย“อ๋อ พี่สะใภ้สี่ทำเถิด! ข้าจะไปพักผ่อนแล้ว!”เซียวทงยิ้มแล้วจะเดินออกไป“เดี๋ยวก่อน เจ้ายุ่งมานาน คงจะเหนื่อยแล้ว อาหารของข้าจะสุกในอีกไม่ช้า จะให้เจ้าก่อนชามหนึ่ง!”หลิงอวี๋คว้าตัวเซียวทงไว้เซียวทงผละออกจากหลิงอวี๋ทันที “ข้าไม่หิว พวกท่านกินก่อนเลย ข้าจะไปอาบน้ำแล้วค่อยกิน!”หลิงอวี๋คว้าตัวนางไว้อีกครั้ง พลางตะโ
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร