เกิ่งเสี่ยวหาวหันหน้ากลับมามองบิดาของตนเอง พบว่าเกิ่งเสี่ยวเหยนิ่งเงียบไปแล้ว เหลือเพียงหน้าอกที่ยังกระเพื่อมแผ่วเบา“เรามาเดิมพันกันเถอะ! ภายในเวลาหนึ่งก้านธูป ข้าจะช่วยชีวิตท่านพ่อของเจ้า!”“หากข้าทำสำเร็จ เจ้าต้องยอมรับข้าเป็นพี่สาว! แต่หากข้าทำล้มเหลว ข้าจะชดใช้ให้เจ้าด้วยชีวิต!”หลิงอวี๋พบว่าคนสกุลเกิ่งผู้นี้ในแววตาค่อนข้างพอใจ แม้ว่าเขาจะพุ่งปราดมาตรงหน้าตนแล้ว แต่หมัดนั้นกลับไม่เคยโดนนางเลยอีกนัยหนึ่งคือนางอยากสร้างรายได้นั่นเอง ถ้ามีลู่ทางสายนี้ของเกิ่งเสี่ยวหาวคงจะราบรื่นยิ่งความคิดเรื่องยอมรับเป็นน้องชายนี้ก็พลันแวบสว่างเข้ากลางใจทันใด“คุณชายเกิ่ง อย่าฟังนาง! เดิมทีนางมิได้วิชาแพทย์ด้วยซ้ำ! หมอของโรงหมอยังไม่มีวิธี แล้วนางจะมีวิธีทำอะไรได้!” เจิงจื่ออวี้กล่าวดังลั่นครั้นหมอเหวินได้ยินชื่อตนหยิบยกขึ้นก็กระแอมไอเบา ๆ และกล่าวคำ“เรารอหมอหลวงจางดีกว่าเถอะ! ถ้าหมอหลวงไม่มีวิธี เช่นนั้นผู้ใดก็ไม่มีวิธีเหมือนกัน! คงต้องปล่อยไปตามยถากรรมแล้ว!”แต่เกิ่งเสี่ยวหาวกลับจ้องเขม็งไปยังหลิงอวี๋และนางก็กำลังมองเขาอย่างยั่วยุเช่นกัน สายตาทั้งสองประสานกัน“เสี่ยวหาว อย่าเสียแรงเป
ฝูงชนมองไปทางท่านเกิ่งเอ้อร์อีกครั้ง พบเพียงท่านเกิ่งเอ้อร์ไอค่อกแค่กสองสามครั้งและหายใจทางปาก“มา นี่คือลูกอมเย็นสดชื่นเป็นยาอมแก้เจ็บคอ ให้ท่านพ่อเจ้าอมเสีย!”เมื่อเห็นลมหายใจเข้าออกของท่านเกิ่งเอ้อร์ค่อย ๆ สม่ำเสมอ ดังนั้นจึงถอดถุงมือหยิบยาอมแก้เจ็บคอสองสามเม็ดส่งให้เกิ่งเสี่ยวหาวครั้นเกิ่งเสี่ยวหาวเห็นสีหน้าบิดาดีขึ้นเยอะแล้วก็ถอดถุงมืออย่างเชื่อฟัง ก่อนจะแกะยาอมแล้วป้อนเข้าในปากเขาท่านเกิ่งเอ้อร์คว้าตัวเขาไว้ แค่นกล่าวสองคำ “ช่วย… นั่ง!”เกิ่งเสี่ยวหาวรีบคุกเข่าลงทันควัน พยุงเขาขึ้นนั่งหายใจได้ราบรื่นมากแบบนี้ทำให้ท่านเกิ่งเอ้อร์รู้สึกสบายขึ้นเยอะเมื่ออมยาอมแก้เจ็บคอที่หลิงอวี๋ให้ไว้ในปาก ความรู้สึกเจ็บปวดแผดเผาที่ถูกก้างปลาแทงในลำคอก็เริ่มมลายหายไปอย่างช้า ๆเขามองไปยังหลิงอวี๋ด้วยความซึ้งใจ เมื่อครู่เขาพูดไม่ได้เพราะถูกก้างปลาแทงคอ ทว่าก็รู้กระจ่างถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวและเขาก็รู้ด้วยว่าถ้าไม่มีหลิงอวี๋ ตนก็คงสิ้นใจไปธารเหลือง(1)แล้วจริง ๆ“ดียิ่ง… ขอบคุณพระชายาอ๋องอี้...”ท่านเกิ่งเอ้อร์บีบมือเกิ่งเสี่ยวหาวอย่างลึกซึ้งพ่อลูกเกิ่งเสี่ยวหาวมีความสัมพันธ์แน่
วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋กำลังคิดว่าต้องพูดคุยเรื่องธุรกิจกับเกิ่งเสี่ยวหาว นางสั่งให้หลิงเยวี่ยเชื่อฟังแม่นมลี่ จากนั้นก็ออกตำหนักพร้อมกับหลิงซินหลิงซินได้สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ซื้อใหม่และกำลังถือกระปุกยารักษาแผลที่หลิงอวี๋เตรียมไว้ เดินตามนางออกตำหนักอย่างเบิกบานคราวนี้พอทั้งสองคนมาถึงภัตตาคารจี๋เสียงก็ได้รับการปฏิบัติแตกต่างไปจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิงเสี่ยวเอ้อร์ของร้านคนนั้นก็ไม่เหมือนเมื่อวานแล้ว สีได้หน้าผันแปรใหม่ครั้นเห็นหลิงอวี๋ก็กล่าวอย่างเคารพนบน้อม “พระชายาอ๋องอี้ ท่านมาแล้ว คุณชายน้อยเหลือห้องส่วนตัวไว้ให้ท่านที่ชั้นสามขอรับ!”“ท่านขึ้นไปดื่มชาก่อนเถิด กระผมจะส่งคนไปแจ้งคุณชายน้อยและท่านเอ้อร์เดี๋ยวนี้ขอรับ!”หลิงอวี๋ผงกศีรษะด้วยรอยยิ้มแล้วเดินตามขึ้นไปชั้นสามการตกแต่งของชั้นนี้หรูหราโอ่อ่ากว่าชั้นสองเสียอีก!เมื่อวานหลิงอวี๋วุ่นอยู่กับการช่วยคน ไม่ได้สังเกตให้ละเอียดวันนี้มีเวลาว่างแล้วจึงได้ดูละเอียดถี่ถ้วนหลิงซินสับสนวุ่นใจจนทำสิ่งใดไม่ถูก สถานที่หรูหราแห่งนี้ทำให้นางรู้สึกประหม่ายิ่งผ่านไปสักพักหนึ่ง เสี่ยวเอ้อร์ก็ยกชาดีกับขนมอบมาหลิงอวี๋ดึงหลิงซินให้นั่งล
สีหน้าของท่านเกิ่งเอ้อร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกมาหลิงอวี๋แย้มรอยยิ้ม “ท่านเอ้อร์ ท่านกล้าเปิดบ่อนการพนัน กล้าปล่อยเงินกู้! แต่กลับมิกล้าผูกมิตรกับผู้หญิงคนหนึ่ง! นี่ดูไม่คล้ายนิสัยของท่านเลย!”ท่านเกิ่งเอ้อร์กระแอมไอเบา ๆ พลางพูด “นั่นมันไม่เหมือนกัน พระชายากับข้าต่างก็รู้ดี เรื่องบางเรื่องให้อยู่ได้แค่ในที่ลับ ไม่สามารถให้มาอยู่ในที่แจ้งได้!”หลิงอวี๋พยักหน้า “แต่ผลมันไม่เหมือนกันหรือ? เขาคิดจะจัดการท่าน จะที่ลับหรือที่แจ้งเจ้าก็หนีไม่พ้นหรอก!”“ท่านไม่ให้เสี่ยวหาวไปทำให้ผู้สูงศักดิ์ขุ่นเคือง แต่ผู้สูงศักดิ์คิดจะจัดการท่าน จะไปทำให้ขุ่นเคืองหรือไม่ผลก็ไม่ต่างกัน!”สีหน้าของท่านเกิ่งเอ้อร์เรียบนิ่ง พลางพูด “นี่พระชายากำลังขู่ข้า หรือว่าจะตีสนิทแทนท่านอ๋องเล่า?”“แน่นอนว่าไม่ใช่”หลิงอวี๋โบกมือ พลางยิ้มเย็นชาแล้วพูด “เมื่อวานข้าก็พูดไปแล้ว ว่าเซียวหลินเทียนก็คือเซียวหลินเทียน ส่วนข้าก็คือข้า! หนี้ที่ข้าติดไว้ข้าจะชดใช้คืนเอง!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าติดหนี้อยู่มากถึงเพียงนี้ เซียวหลินเทียนไม่เคยสนใจข้าอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ของข้ากับเขาก็มิได้ดี ท่านเอ้อร์อย่ามาพูดว่าไม่รู
“ท่านเอ้อร์รวดเร็วดีมาก!”หลิงอวี๋ชอบที่จะคบค้าสมาคมกับคนฉลาดมาโดยตลอด เมื่อเห็นว่าท่านเกิ่งเอ้อร์เข้าใจสิ่งสำคัญที่อยู่ข้างในได้ทันที ก็ยิ่งชื่นชมท่านเกิ่งเอ้อร์นางเอ่ยขึ้นมาอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “ท่านเอ้อร์ ข้านั้น ก็มิได้ชอบที่จะเข้าไปอยู่ในเรื่องถูก ๆ ผิด ๆ อะไรเช่นกัน!”“ในเมื่อท่านเอ้อร์ให้ความสนใจ ต่อไปหากมีการคบค้าสมาคมใดที่หาเงินได้ ข้าก็จะร่วมงานกับแค่ท่านเอ้อร์เท่านั้น!”“หากท่านเอ้อร์หลอกข้า! เช่นนั้นเราจะคบค้ากันแค่ครั้งเดียว!”หลิงอวี๋เอ่ยคำพูดที่แฝงความนัย “ข้าหวังว่าเราจะใจเดียวกัน พยายามหาเงินก็เพียงพอแล้ว!”“ย่อมแน่อยู่แล้ว! ข้าเองก็คิดเพียงแค่จะพยายามหาเงินเท่านั้น!”ท่านเกิ่งเอ้อร์เข้าใจความนัยของหลิงอวี๋ จึงยิ้มพลางพยักหน้าขอเพียงไม่เข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งภายในราชสำนัก เขาก็ไม่คิดอะไรให้มากเรื่องหรอก!“เช่นนั้นเรามาพูดกันให้ชัดเลยแล้วกัน นี่คือตำรับโอสถ!”“ท่านเอ้อร์ไปลองสรรพคุณโอสถ หลังจากแน่ใจว่าจะร่วมงานกันแล้ว เสี่ยวหาวก็ไปรวบรวมเครื่องยาสมุนไพรตามตำรับ แล้วค่อยเลือกสถานที่หนึ่งเพื่อเตรียมผลิตในจำนวนมาก!”หลิงอวี๋เอาตำรับยาที่เขียนไว้แล้วส่งให้
หลิงอวี๋รับจดหมายมา แล้วเปิดออกดู ข้างในมีธนบัตรบาง ๆ อยู่ห้าใบทันทีที่นางหยิบออกมาดู ก็รู้สึกเจ็บที่ปลายจมูก คิดไม่ถึงว่ามันคือเงินห้าหมื่นตำลึงเงิน!นึกถึงภาพที่เกิ่งเสี่ยวหาววิ่งเข้าไปแล้ววิ่งออกมา หลิงอวี๋ก็รู้เลยว่าเกิ่งเสี่ยวหาวเป็นคนใส่เข้าไป!เขากลัวว่าถ้าให้ต่อหน้าแล้วนางจะไม่รับ จึงได้หาข้ออ้างเอาของกินให้ลูกชายนางแล้วใส่มาให้นางน้องชายผู้นี้นี่… เหตุใดจึงได้จริงใจกับตนเองเยี่ยงนี้นะ!หลิงอวี๋ซึ้งใจจนอยากจะร้องไห้!น้องชายผู้นี้ นางมิได้ถูกเอาเปรียบเลยจริง ๆ !ในชั่วพริบตา ความโกรธที่หลิงอวี๋มีต่อท่านเกิ่งเอ้อร์ที่กังวลต่อตัวตนของนาง และไม่ยอมให้เกิ่งเสี่ยวหาวเรียกนางว่าพี่นั้นก็พลันหายไป!นี่นับว่าเป็นความจริงใจแรกนอกจากแม่นมลี่ หลิงเยวี่ย และหลิงซินที่นางได้รับตั้งแต่ที่มาถึงในโลกนี้เลย!หลิงอวี๋แอบสาบานในใจว่า นางจะต้องทำดีกับเกิ่งเสี่ยวหาวให้มากยิ่งขึ้นอีก!เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ช่วยเหลือในยามยากนี้!เซียวหลินเทียนกินอาหารเย็นเสร็จแล้ว กำลังสูดอากาศอยู่กับลู่หนานในสวน แล้วก็เห็นหลิงอวี๋ยกหีบมาเดินเข้ามา“นี่คือมรดกของท่านอ๋อง! รับไปสิเพคะ!”หลิงอวี๋ก็ไม่พูดพร
สิบกว่าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ววันงานฉลองวันเกิดไทเฮา แขกเหรื่อทุกครัวเรือนที่ได้รับเทียบเชิญ ต่างก็ตื่นแต่เช้าเพื่ออาบน้ำแต่งตัวกันตรวจดูเสื้อผ้าอาภรณ์ ตรวจดูของขวัญ และเตรียมคำแสดงความยินดีครั้งแล้วครั้งเล่าการได้รับเทียบเชิญอันล้ำค่านี้นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ไม่มีใครอยากจะทำผิดพลาดเลยแม้แต่น้อยหลังจากตรวจดูครั้งแล้วครั้งเล่าและเตรียมพร้อมแล้ว ผู้ที่ได้รับเทียบเชิญก็ขึ้นรถม้ารีบไปที่ประตูวังงานฉลองวันเกิดปีนี้ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ เพื่อป้องกันมิให้มีใครแอบเข้าไป จึงมีการจัดทหารองครักษ์สามกลุ่มคอยเฝ้าระวังอยู่ที่ประตูวังองครักษ์สองแถวซ้ายขวาล้วนสวมหมวกบนศีรษะ ที่ตัวก็สวมชุดเกราะแวววาวใหม่เอี่ยม ที่เท้าสวมรองเท้าบูตยาว และต่างก็ถือดาบไว้ในมือองครักษ์อีกกลุ่มหนึ่ง ในมือจะมีคันธนูและลูกธนู แล้วกระจายกำลังกันอยู่ข้างนอกเมื่อเห็นท่าทางนี้ ลูก ๆ ของขุนนางระดับสูงที่มากับบิดามารดาต่างก็ตัวสั่นด้วยความกลัว พูดจาก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา กลัวว่าจะทำให้องครักษ์เหล่านี้โกรธแล้วต้องเผชิยกับผลที่ตามมาเจิงจื่ออวี้กับเสิ่นจวนลงจากรถม้าก็พบกันเลย ทั้งสองคนรวมตัวกัน แล้วเสิ่นจวนก็เอ่ยถาม
ดาบส่องประกายเจิดจ้าเมฆดำอึมครึมเข้าปกคลุมทั้งเมือง...เพียงชั่วพริบตา คนที่รอคอยดูเรื่องสนุกอยู่ด้านนอกวังต่างก็ตกใจจนกลั้นหายใจกันหมด...แม้ว่าจะคาดเดาไว้แล้วว่าหลิงอวี๋จะต้องถูกสกัดเอาไว้ หรืออาจจะถึงขั้นถูกแทงเลยด้วย!แต่พอเห็นภาพนี้กับตา คนจำนวนนับไม่ถ้วนก็ตกใจจนตัวสั่นอันเจ๋อเองก็ตกใจจนกำมือทั้งสองข้างแน่นเช่นกัน ใจเด้งขึ้นมาถึงลำคอ รู้สึกว่าใจของตนเต้นตุบ ๆๆๆ...ไกลออกไป เซียวหลินเทียนเองก็ชะโงกหน้าอยู่บนรถเข็นไปดูโดยไม่รู้ตัว พลันใจก็เต้นลู่หนานก็ตกใจจนจับตรงที่จับรถเข็นเซียวหลินเทียนแน่นเช่นกัน มือที่กำแน่นนั้นเส้นเลือดแทบจะพุ่งออกมา...มีเพียงชิวเหวินซวงที่ยิ้มอย่างเย็นชาหลิงอวี๋ ครั้งนี้ดูสิว่าเจ้าจะยังตายยากตายเย็นอยู่หรือไม่?ข้าบอกไว้ตั้งนานแล้วว่า หากเจ้าไม่รู้จักความเป็นความตายกล้ามาร่วมงานฉลองวันพระราชสมภพ เจ้าก็จะมาแล้วไม่ได้กลับ!หึ… ข้าพูดไว้ถูกต้องทีเดียว!เสิ่นจวนกับเจิงจื่ออวี้จับมือกันไว้แน่นจนเจ็บ แต่กลับไม่สังเกตเลยสักนิด ได้แต่จ้องดาบพวกนั้นเขม็ง หัวสมองว่างเปล่าไปหมดพระชายาผิงหยางหัวเราะขึ้นมา “หลิงอวี๋คนโง่ คิดไม่ถึงว่าจะยังกล้าเอาเทียบเชิ
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี