เพราะท่านพ่อเจิ้งแก่แล้ว หลังจากได้ยินคำพูดของฉินซานก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลดี จึงปรามเจิ้งหง“แม่ทัพฉิน ข้าเข้าใจความลำบากของท่านอ๋องอี้! เราจะออกไปหลบภัยตามที่แม่ทัพฉินบอก เพื่อให้ท่านอ๋องอี้มีเวลาตรวจสอบอย่างละเอียด!”“พวกเนื้อร้ายเหล่านี้ควรถูกกำจัดออกไปให้สิ้น มิเช่นนั้นฉินตะวันตกของเราจะตกอยู่ในอันตราย! แม่ทัพฉิน เราจะร่วมมือกับท่านติดต่อกับพ่อค้าเหล่านั้นแล้วรวบรวมหลักฐานการทำผิดของข้าหลวงหยางมาให้จงได้!”ฉินซานพยักหน้าอย่างยินดี "ท่านพ่อเจิ้ง เช่นนั้นก็ตามนี้! ในช่วงนี้ เจ้าก็ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของเว่ยโจวเอาไว้ หากเจ้ารู้ว่าท่านอ๋องอี้ยึดเว่ยโจวไว้แล้ว เจ้าก็พาคนของเจ้ากลับมาได้เลย!”“พวกเจ้าต้องระวังเรื่องความปลอดภัยด้วย!”หลังจากอธิบายเสร็จแล้ว ฉินซานก็ลงจากรถม้า กำลังจะกลับไปที่โรงน้ำชา ก็พลันเห็นความวุ่นวายที่อีกฟากหนึ่งของถนนเจ้าหน้าที่ทหารกลุ่มหนึ่งเข้ามา คนที่เป็นผู้นำเดินไปก็ตะโกนไปด้วย“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เว่ยโจวจะอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก เข้าออกเมืองจะต้องได้รับการตรวจสอบ คนที่บอกที่มาที่ไปมิได้จะถือว่าเป็นสายลับของแคว้นศัตรู และจะถูกสังหารอย่างไร้ควา
ฉินซานนึกถึงคำพูดของหลิงอวี๋ ใจเขาก็บีบรัดขึ้นทันที หรือว่าคนที่แขกที่กล่าวถึงคือหลิงเสี่ยงพี่ชายของหลิงอวี๋?ฉินซานนั่งมิติดทันที ไม่ว่าจะเป็นหลิงเสี่ยงหรือไม่ เขาก็ต้องช่วยแม่ทัพผู้นี้ให้จงได้บนถนน เจ้าหน้าที่ทหารกำลังค้นหาจากบ้านหนึ่งไปอีกบ้านหนึ่ง ฉินซานกับเหอโปคุยกันเสียงต่ำ พอแขกลุกขึ้นฉินซานก็เดินตามลงไปชั้นล่างเรื่องลับ ๆ เช่นนี้ หยางจื้อฟางไม่มีทางบอกกับภายนอก แต่แขกผู้นี้กลับรู้เรื่องราวภายในมากมายถึงเพียงนี้ ฉินซานวางแผนจะถามจากปากเขาดูอีกครั้งแขกผู้นั้นเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็พบกับเจ้าหน้าที่ทหาร ฉินซานกดปีกหมวกลง แล้วเห็นแขกทักทายนายทหารที่เป็นผู้นำกลุ่มนายทหารยิ้มพลางเอ่ย “พี่หลิว จะกลับบ้านหรือ!”หลิวเหว่ยก้าวไปวางมือบนไหล่นายทหารพลางเอ่ยยิ้ม ๆ “เมื่อไรจะออกเวรเล่า? ข้าเตรียมอาหารกับเครื่องดื่มไว้แล้ว รอพวกเจ้าออกเวรพวกเราพี่น้องจะได้จิบกันเสียหน่อย!”นายทหารยิ้มขมขื่นพลางเอ่ย “วันนี้อย่าคิดที่จะได้ออกเวรเลย หากจับนักโทษมิได้ ใต้เท้าไม่มีทางอนุญาตให้เราพักหรอก! ไว้วันอื่นเถิด!”“ทำงานหนักแล้ว เช่นนั้นก็วันอื่นเถิด!”หลิวเหว่ยปล่อยเขาไป พลางหยิบอาหารเครื่องดื่มแ
ฉินซานได้ยินแล้วรู้สึกปวดใจขึ้นมา การทรมานเช่นนี้ มีเพียงคนที่มีใบหน้าเป็นมนุษย์แต่จิตใจเป็นเดรัจฉานเยี่ยงหลิวฮุยเท่านั้นที่ทำได้ลง!“แม่ทัพผู้นี้หรือไม่ที่หนีออกจากคุกเมื่อคืนนี้?”ฉินซานเอ่ยถามหลิวเหว่ยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ใช่ขอรับท่าน… ท่านแม่ของข้าทำงานในคุก นางกลับมาบอกข้าเมื่อเช้า…”“นางบอกว่าแม่ทัพซ่อนชามแตก ๆ ไว้ใบหนึ่ง เมื่อผู้คุมประมาท ก็ฆ่าผู้คุมแล้วสวมเสื้อผ้าของเขาหนีออกจากห้องขัง!”“ท่านแม่ยังบอกอีกว่า แม่ทัพผู้นั้นมีบาดแผลเต็มตัว จะหนีไปได้ไกลแค่ไหนกัน!”“ท่าน ปล่อยข้าไปเถิด เมื่อท่านแม่ของข้ากลับมา ข้าจะให้นางช่วยสืบดูว่าพวกหลิวฮุยจับแม่ทัพผู้นี้ได้หรือไม่!”ฉินซานมิสนใจเขา และครุ่นคิดว่าแม่ทัพผู้นั้นจะหนีไปได้ไกลแค่ไหนในเมื่อเขาได้รับบาดเจ็บ!ทันทีที่คนของข้าหลวงหยางพบว่าเขาหลบหนีไป ก็ค้นหาเขาไปทั่วทั้งเมือง เขาไม่มีทางที่จะหลบหนีออกจากเมืองได้เลย!แต่ตอนนี้เขาซ่อนอยู่ที่ใดกัน?“พาข้าไปดูที่เรือนจำที!”ฉินซานใช้ปลายมีดจ่อที่คอของหลิวเหว่ยพลางเอ่ยขู่ “หากเจ้าเชื่อฟังข้าจะมิทำร้ายเจ้า แต่หากเจ้ากล้าเล่นตุกติกกับข้า ข้าจะแทงเจ้าเป็นอย่างแรก!”หลิวเหว่ยร้องไห
ฉินซานแบกขอทานขึ้นลงหลังคา เขากังวลมาก เขามิสามารถอยู่บนหลังคาตลอดเวลาได้!แต่เจ้าหน้าที่ทหารมากมายถึงเพียงนั้น เขาจะพาขอทานผู้นี้ออกไปได้เยี่ยงไร!“พี่ชาย มิต้องสนใจข้าหรอก เจ้าแบกข้าไปเช่นนี้ เราจะหนีมิได้ทั้งคู่!”ขอทานเอ่ย “วางข้าลงแล้วหนีไปเถิด!”“เจ้นามว่าอะไร?” ฉินซานเอ่ยถามขอทานลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “หลิงเสี่ยง…”“หลิงเสี่ยง… เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย!”ฉินซานตะโกนอย่างตื่นเต้น “ข้าคือฉินซาน! ท่านอ๋องอี้กับหลิงอวี๋อยู่ที่นี่ พวกเขาอยู่ในเจ่าจวง…”“หลิงอวี๋ได้ยินว่าท่านปู่บอกว่าเจ้าขาดการติดต่อไป จึงขอให้ข้าตามหาเจ้า…”ก่อนที่ฉินซานจะเอ่ยจบ ลูกธนูหลายลูกก็ยิงมาจากด้านล่างหลิงเสี่ยงชะงัก เขามิได้เห็นฉินซานมาหลายปีแล้ว อีกทั้งฉินซานก็ปลอมตัวด้วย เมื่อครู่จำเขามิได้เลย“ฉินซาน วางข้าลง… แล้วหนีไปเถิด!”หลิงเสี่ยงพยายามดิ้นรนและกระซิบข้างหูของฉินซาน “ข้าซ่อนของไว้ที่ศาลหลักเมืองนอกเมืองเว่ยโจว เจ้ารีบเอาไปมอบให้ท่านอ๋องอี้…”“ข้ามิไหวแล้ว หากเจ้ามิทิ้งข้าไว้ เราจะตายกันทั้งคู่! เจ้ารีบไป ข้าจะช่วยเจ้าสกัดพวกที่ตามมาเอง!”หลิงเสี่ยงพูดแล้วกำลังจะกระโดดลงไป แต่ฉินซานคว้
พี่เหลียนบอกลานางรับใช้แล้วเดินไปอีกทางฉินซานแอบดีใจที่ตนเองโชคดี รออยู่ก็มีนางรับใช้ขององค์หญิงหกมาพอดีเขาเดินตามนางรับใช้ไปที่เรือนหนึ่งอย่างเงียบ ๆที่ทางเข้าเรือนมีองครักษ์สองคนเฝ้าอยู่ ฉินซานมิกล้าผลีผลามเข้าไป จึงย่องตามไปด้านหลังเขาเห็นห้องหนึ่งมีแสงไฟสว่างอยู่ จึงย่อตัวไปใต้หน้าต่างแล้วก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ในห้องแว่ว ๆ“มิไหวแล้ว… น่าเบื่อจะตาย สถานที่ห่างไกลแห่งนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย ได้แต่เล่นหมากรุกฆ่าเวลาในทุก ๆ วัน มิรู้ว่าต้องอยู่อีกนานแค่ไหนจึงจะได้กลับ!"เซียวทงเอ่ยเสียงเบื่อหน่าย “อู่เวย วันพรุ่งเจ้าไปหาเซียวหลินเทียน ให้เสด็จพี่สั่งฉินซานมาพาข้ากลับเมืองหลวง! ข้าทนอยู่ในสถานที่แย่ ๆ เยี่ยงนี้มิไหวแล้ว!”อู่เวยยิ้มพลางเอ่ย “องค์หญิงหก เส้นทางกลับไกลถึงเพียงนั้น ท่านอ๋องอี้ไม่มีทางให้แม่ทัพฉินไปส่งองค์หญิงกลับหรอกพ่ะย่ะค่ะ! อดทนอีกหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”“ทนอะไร? ข้ามิทน… หากรู้ว่าออกมาแล้วมิสนุกเลยสักนิด ข้าก็คงมิมาหรอก!”เซียวทงก่นด่า “ฉินรั่วซือนางสารเลวนั่น กล้าทรยศข้า กลับไปข้ามิปล่อยนางไปแน่!”“นางคิดว่าการที่ฉินซานกับหลิงอวี๋ปกป้องนางแล้วข้าจะทำอะไร
ฉินซานรอให้อู่เวยออกไปอย่างอดทน แต่มิรู้ว่าสองคนนี้ไปเอาเรื่องคุยมาจากไหนเยอะแยะ คุยเรื่อยเปื่อยมิจบเสียทีฉินซานยิ่งฟังก็ยิ่งรำคาญ แล้วก็ยิ่งดูถูกองค์หญิงหกชายหญิงอยู่กันตามลำพัง ทั้งยังเป็นเวลาดึกแล้วด้วย องค์หญิงหกมิรู้จักหลีกเลี่ยงเลยหรือ?นางยังมิได้แต่งงาน แต่กล้าให้บุรุษที่เป็นคนนอกอยู่คุยกับตนที่ห้องจนดึกดื่น ผู้ใดจะกล้าแต่งงานกับสตรีเช่นนี้กัน?หลังจากรอให้อู่เวยออกไปอย่างยาวนาน ฉินซานก็เห็นนางกำนัลสองคนยุ่งอยู่ข้างนอก จึงรีบมุดเข้าไปทางหน้าต่างเซียวทงกำลังจะเปลี่ยนอาภรณ์ จู่ ๆ เห็นคนบุกเข้ามาก็ตกใจแต่ก่อนที่นางจะกรีดร้อง ฉินซานก็เข้าไปปิดปากนางไว้ก่อน“องค์หญิงหก กระหม่อมคือฉินซาน มาที่นี่เพื่อพาองค์หญิงออกไปตามคำสั่งของท่านอ๋องอี้! องค์หญิงอย่าร้อง รีบเก็บของสำคัญแล้วไปกับกระหม่อม!”ฉินซานปล่อยองค์หญิงหกแล้วเร่งให้เซียวทงเก็บข้าวของเซียวทงมองฉินซานอย่างสงสัย ฉินซานมีหนวดเคราบนใบหน้าเช่นนี้ นางจึงเอ่ยถามอย่างมิแน่ใจ “ท่านคือฉินซานจริง ๆ หรือ?"“องค์หญิงฟังเสียงของกระหม่อมมิออกหรือ?”ฉินซานเอ่ยอย่างฉุนเฉียว “อย่ามัวโอ้เอ้เลย รีบเก็บของเร็วเข้า… องค์หญิงหก กระหม่
ยังมิทันที่ฉินซานจะคิดมาตรการตอบโต้ได้ ก็เกิดเสียงฝีเท้าวุ่นวายดังขึ้นด้านนอก แล้วข้าหลวงหยางก็เดินเข้ามาพร้อมกับองครักษ์หลายคนฉินซานเห็นเช่นนี้ ก็มิสามารถพาเซียวทงออกไปได้อย่างปลอดภัยแล้ว จึงต้องหลบไปซ่อนตัวอยู่หลังม่านเตียง รอดูว่าข้าหลวงหยางมาเพื่อสิ่งใดหากข้าหลวงหยางจะจับตัวเซียวทงจริง ๆ เขาก็ทำได้เพียงออกไปฆ่าข้าหลวงหยางแล้วพาเซียวทงออกไป“องค์หญิงหก กระหม่อมมารบกวนตอนดึก เพราะมีเรื่องด่วนจะคุยกับองค์หญิงหกจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”หยางจื้อฟางเข้ามาพร้อมเอ่ยอย่างกังวล“โอ้ ข้าหลวงหยางมีเรื่องด่วนอะไรหรือ?”เซียวทงเหลือบมองม่านเตียงแล้วยิ้มเย็นชาฉินซาน ข้ามิใช่คนที่เจ้าคิดจะทำให้อับอายก็ทำได้ตามต้องการหรอกนะ รอข้าก่อนเถอะ วันนี้ข้าจะแก้แค้นกลับแน่นอน“เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ… วันนี้กระหม่อมไปที่เจ่าจวง เห็นว่าท่านอ๋องอี้ติดเชื้อโรคระบาด… องค์หญิงหก เรื่องนี้จะมองเป็นเรื่องเล็ก ๆ มิได้พ่ะย่ะค่ะ!”หยางจื้อฟางเอ่ยอย่างกังวล “กระหม่อมเห็นผู้ป่วยติดโรคระบาดมามากแล้ว เพียงมิกี่วันก็ตายไป! หากเกิดเหตุมิคาดคิดกับท่านอ๋องจะทำเยี่ยงไรดีพ่ะย่ะค่ะ?"“ว่ากระไรนะ? พี่สี่ของข้าติดโรคระบาดหร
เสียงตะโกนของเซียวทงทำให้ฉินซานตกตะลึงไม่คิดเลยว่าตนเองเสี่ยงชีวิตมาช่วยเซียวทง แต่เซียวทงกลับเชื่อคำพูดของข้าหลวงหยางแล้วหักหลังตนเช่นนี้!“ใครก็ได้! จับฆาตกรที!”พอหยางจื้อฟางเห็นเซียวทงชี้ไปทางม่านเตียง เขาก็ตะโกน แล้วคว้าตัวองค์หญิงหกพุ่งไปที่ประตูฉินซานกัดฟันวิ่งไปหาองค์หญิงหกแม้ว่าองค์หญิงหกจะหักหลังตนแต่เขาก็ยังต้องทำภารกิจที่ท่านอ๋องอี้มอบหมายให้ตนเองทำให้สำเร็จ!ฉินซานเพิ่งจะคว้าคอเสื้อด้านหลังของเซียวทง เซียวทงก็ผละตัวออกด้วยความตกใจ พลางตะโกน “ใครก็ได้ ฉินซานจะลอบสังหารข้า จับเขาไว้เร็วเข้า!”พวกผู้คุ้มกันที่ข้าหลวงหยางพามาพุ่งเข้าไป ฉินซานรีบชักดาบออกมาต่อสู้กับพวกเขาข้าหลวงหยางใช้โอกาสนี้ลากเซียวทงออกไปข้างนอก แล้วเขาก็ตะโกน “ฉินซานจะลอบสังหารองค์หญิงหก รีบมาเร็วเข้า…”เดิมทีศาลาว่าการก็ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกของข้าหลวงหยาง หลิวฮุยก็พาคนพุ่งเข้าไปเจ้าหน้าที่ทหารล้อมรอบเรือนอย่างรวดเร็ว แล้วกลุ่มนักธนูก็เล็งหน้าไม้เหล็กไปที่ฉินซานเมื่อมีคนเข้ามามากถึงเพียงนี้ เซียวทงก็ตะโกนอย่างภาคภูมิใจ "ฉินซาน หากท่านยังมิยอมโดนจับ
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี