หยางจื้อฟางยังมิทันได้พูดอะไร เซียวทงก็ทนมิไหว ก้าวไปตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว“ไอ้ทาสเลว… เรารู้แล้วว่าเสด็จพี่ของข้าติดโรคระบาด… แล้วหลิงอวี๋ก็สมรู้ร่วมคิดกับหลิงเสี่ยงพี่ชายของนางสมคบคิดกับแคว้นศัตรู นางอยากยึดอำนาจทางทหารในขณะที่เสด็จพี่ของข้าป่วย!"“พวกเจ้าอย่าไปหลงกลนาง รีบจับตัวหลิงอวี๋กับหลิงเสี่ยงเร็วเข้า! ข้าจะให้อภัยพวกเจ้าที่ถูกหลอก แล้วปล่อยผ่านความผิดของพวกเจ้าไป!”ลู่หนานจ้องมองเซียวทงด้วยความโกรธ พลางตะโกน “องค์หญิงหก คนที่ถูกหลอกคือองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ! หยางจื้อฟางสมรู้ร่วมคิดกับหยางต้าหู่ขายข้าวปลาอาหารกับเครื่องยาสมุนไพรให้กับฉีตะวันออก!”“เขาต่างหากที่เป็นคนสมคบคิดกับแคว้นศัตรู องค์หญิงอย่าได้ไปหลงกลเขา ให้คนขององค์หญิงจับหยางจื้อฟางไว้พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวทงมิเชื่อ แล้วมองลู่หนานอย่างดูถูก พลางตะโกนออกไป “ทาสเยี่ยงเจ้า ถูกหลิงอวี๋ติดสินบนไว้ใช่หรือไม่?”“หรือว่าเจ้าเคยนอนกับหลิงอวี๋แล้ว? ถึงได้ช่วยนางอย่างสุดจิตสุดใจเช่นนี้!”“เสด็จพี่ของข้าเล่า? เหตุใดมิออกมา? เขาถูกพวกเจ้าฆ่าไปแล้วใช่หรือไม่?”เมื่อลู่หนานเห็นว่าเซียวทงยังหลงงมงายอยู่ก็พูดไม่ออก เขากัดฟันมองไปทางหลิ
ก่อนหน้านี้อู่เวยเคยถูกฉินซานดูถูกมาก่อน จึงมีความแค้นอยู่ในใจมาโดยตลอดตอนนี้เมื่อมีโอกาสได้แสดงอำนาจแล้ว จึงเข้าไปลากฉินซานลงจากรถม้าด้วยตัวเอง“หลิงอวี๋ เจ้าอยากช่วยฉินซานหรือไม่? หากอยากช่วยเจ้าก็เอาตัวออกมายอมให้จับเสียโดยดี…”เซียวทงชี้ไปที่ฉินซานอย่างภาคภูมิใจพลางตะโกน “หลิงอวี๋ นี่คือคนรักของเจ้าเชียวนะ หรือว่าเจ้าจะยอมปล่อยให้เขาทนทุกข์ทรมาน?”หลิงอวี๋เห็นฉินซานถูกอู่เวยกดให้คุกเข่าอยู่ที่พื้น นางก็รู้สึกใจเสียเซียวทงชอบฉินซานมิใช่หรือ?นางปฏิบัติต่อฉินซานเช่นนี้ มิกังวลหรือว่าฉินซานจะยิ่งห่างไกลจากนางมากขึ้นเรื่อย ๆ“เซียวทง อย่าได้หลงงมงายไปเลย! ข้าหลวงหยางกำลังใช้องค์หญิงอยู่ เขาทำผิดร้ายแรงเช่นนี้ จะปล่อยองค์หญิงไปได้เยี่ยงไร?”หลิงอวี๋ยังอยากให้โอกาสเซียวทง จึงเกลี้ยกล่อมอย่างอดทน “รีบให้คนขององค์หญิงจับข้าหลวงหยางแล้วปล่อยแม่ทัพฉินไปเสียเถิด!”เซียวทงถอนหายใจะลางก่นด่า "หลิงอวี๋ อย่าได้คิดจะโกหกข้า! เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับฉินซาน คิดจะแปรพักตร์ไปเข้ากับฉีตะวันออก ข้าจะจับพวกเจ้าหั่นเป็นชิ้น ๆ แน่!”“รีบยอมให้จับแต่โดยดี มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าฉินซาน!”ข้าหลวงหยางอยู่ด้
“หากเจ้ากล้าฟังนาง...”ก่อนที่ฉินซานจะพูดจบ หลิวฮุยก็ตบหน้าฉินซานอย่างแรง จนฟันของฉินซานโยก และปากเต็มไปด้วยเลือดฉินซานกัดฟันกับกลืนเลือดลงไป เขาไม่มีทางแสดงความอ่อนแอกับหลิวฮุยต่อหน้าทหารของตนเด็ดขาด...ชุยหรงเห็นเข้าก็ตกใจ เขารู้วรยุทธ และมองออกถึงความรุนแรงที่หลิวฮุยทำกับฉินซานแต่เขาก็เข้าใจฉินซานด้วย ที่ฉินซานอดทนอยู่เช่นนี้ ก็เพื่อจะมิให้พวกเขาเป็นห่วง“ฉินรั่วซือ เจ้าอยากจะช่วยฉินซานหรือไม่ หากมิช่วยพวกเราจะลงมือแล้วนะ?”เซียวทงแสร้งมิเห็นการทำร้ายฉินซาน แล้วตะโกนใส่ฉินรั่วซือฉินรั่วซือจึงตะโกนใส่หลิงอวี๋ด้วยความโกรธ “พระชายาอ๋องอี้ สิ่งที่พวกเขาต้องการคือให้ท่านยอมจำนนแต่โดยดี ท่านก็เห็นแล้วว่าพี่ชายของข้าถูกทุบตีจนเป็นเช่นนี้ ท่านออกไปยอมแพ้มิได้หรือ?"“บังอาจ! เจ้าคิดว่าเป็นใครกัน? ถึงกล้ามาพูดกับคุณหนูของข้าเช่นนี้!”เถาจื่อเฝ้าอยู่ข้าง ๆ หลิงอวี๋ พอได้ยินคำพูดของฉินรั่วซือก็โกรธขึ้นมาทันที พลางตะคอก “มันใช่เรื่องที่จะออกไปยอมแพ้แล้วแก้ไขปัญหาได้หรือ?”“คนโง่เง่า เจ้ามิคาดคิดบ้างหรือว่าถึงแม้คุณหนูของข้าจะออกไป เมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผย แล้วพวกเขาจะปล่อยพวกเราทุกคน
หลิวฮุยถูกตบยังมิหายโกรธ จึงเตะที่ท้ององค์หญิงหกไปอีกหลังจากเตะนางลงไปที่พื้นแล้ว เขาก็หันไปมองหลิงอวี๋พลางเอ่ยอย่างดุร้าย“หลิงอวี๋… ฉินซานกับองค์หญิงหกอยู่ในมือของเราแล้ว หากเจ้ายังมิยอมให้จับแต่โดยดี ข้าจะสับพวกเขาเป็นชิ้น ๆ ต่อหน้าเจ้า!”เซียวทงตะลึง พอตั้งสติได้ก็ตะโกนด้วยความโกรธ “อู่เวย ฆ่าเขาเสีย!”“เดรัจฉานผู้นี้กล้าตีข้า ข้าต้องการให้มันตาย!”อู่เวยเห็นการกระทำของหลิวฮุยก็ตกใจ ขณะที่เขากำลังจะชักดาบออกมา ผู้คุ้มกันหลายนายที่ข้าหลวงหยางพามาก็เอาดาบมาจ่อที่คอของเขาแล้วอู่เวยตะลึงนิ่งค้างไปทันใดมิกล้าขยับตัวเซียวทงตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมองไปทางข้าหลวงหยาง แล้วก็เห็นข้าหลวงหยางมองตนอย่างเย็นชาเหงื่อเย็นผุดออกมาบนหลังของเซียวทงทันที นางเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ“ขะ… ข้าหลวงหยาง พวกเจ้าคิดทำสิ่งใด?”“ทำสิ่งใด? ข้าคาดหวังให้เจ้ายึดอำนาจทางการทหารของท่านอ๋องอี้! แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเจ้าเป็นขยะที่ไร้ประโยชน์! แม้แต่พระชายาอ๋องอี้เจ้ายังจัดการมิได้ ข้าเก็บเจ้าไว้จะมีประโยชน์อันใดเล่า!”ข้าหลวงหยางยิ้มอย่างเย็นชาเสียน้ำลายคุยไปมากมาย เสียเวลาไปก็มิน้อย เขาไม่มีเวลามาพู
“พระชายา ออกคำสั่งเถิด!”ลู่หนานก็ตาแดงเช่นกัน เขาเองก็ลงมือกับฉินซานไม่ลงแต่เขาติดตามเซียวหลินเทียนมาหลายปีแล้ว รู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้ หากเป็นตนก็คงเลือกเสียสละตัวเองเพื่อช่วยทุกคน!ลู่หนานเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “แม่ทัพฉินเป็นวีรบุรุษ เขาเลือกที่จะเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องพวกเรา! เราควร… ทำตามที่เขาปรารถนา..."หลิงอวี๋ก็รู้ดีว่าในสถานการณ์วิกฤติ หากคนของข้าหลวงหยางบุกเข้ามา พวกเขาจะถูกกำจัดทั้งหมดนางจ้องมองฉินซาน แล้วค่อย ๆ ยกมือขึ้น...ฉินซานแย้มรอยยิ้มให้นาง รอยยิ้มนั้นช่างโล่งใจ มีความสุข เป็นความรักที่อธิบายมิได้เลย...เขากำลังจะตาย เขามิอยากปิดบังความรักที่เขามีต่อหลิงอวี๋อีกต่อไปแล้ว!......ในเวลานี้ เซียวหลินเทียนยังอยู่ห่างออกไปสามสิบกว่าลี้การเดินทางของพวกเขาก็มิราบรื่นเช่นกันจ้าวซวนกับเขาแบ่งทหารออกเป็นสองกลุ่ม แล้วพาคนไปจัดการกับเส้นทางแม่น้ำก่อนแม่ทัพเซี่ยส่งคนหลายร้อยคนไปช่วยบรรเทาภัยพิบัติเซียวหลินเทียนให้เฉาอี้พาคนไปที่คลังเก็บพืชผลในเว่ยโจว แล้วจุดไฟล่อคนของแม่ทัพเซี่ยหลายร้อยคนออกไปแต่ยังมีทหารเกือบพันนายประจำอยู่ในค่ายทหารเซียวหลินเทียนพาคนเข้า
ดีที่พวกเขาโชคดีมากแซงหน้าแม่ทัพเซี่ยได้เซียวหลินเทียนขี่ม้ามาล่วงหน้า ถือโอกาสสำรวจภูมิแคว้นไว้แล้วกระทั่งกลุ่มของตนตามทัน เซียวหลินเทียนก็สั่งให้ทุกคนแบ่งม้าศึกส่วนหนึ่งออกทันที แล้วมัดหญ้าไว้กับม้าเซียวหลินเทียนแบ่งคนยี่สิบกว่าคนออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มหนึ่งเฝ้าอยู่ข้างหน้า รอให้คนของแม่ทัพเซี่ยเข้ามาในวงล้อม จากนั้นก็งัดก้อนหินขนาดใหญ่จากภูเขากลิ้งลงมาใส่พวกเขาอีกกลุ่มหนึ่งวิ่งไปทางด้านหลัง สกัดกั้นกลุ่มที่หนีไปด้านหน้าส่วนผู้คุมม้าก็เฝ้าอยู่จุดตรงกลาง รอให้คนของแม่ทัพเซี่ยบุกมาที่ตรงกลางเซียวหลินเทียนจัดการทุกอย่างเสร็จ คนของแม่ทัพเซี่ยก็มาถึงตีนเขาแล้วเซียวหลินเทียนกับคนที่เหลือไปซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ รอให้แม่ทัพเซี่ยก้าวเข้าหากับดักของตนทีละก้าวจะสำเร็จหรือล้มเหลวนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ แต่เซียวหลินเทียนทำได้เพียงชนะเท่านั้น!เขาต้องต่อสู้อย่างรวดเร็วเพื่อจัดสรรกำลังคนไปสมทบหลิงอวี๋กับเผยอวี้...……แม่ทัพเซี่ยอายุเกือบห้าสิบปี เขาใช้เวลาครึ่งแรกของชีวิตเหมือนกับท่านอดีตเสนาบดี อุทิศตนให้กับฉินตะวันตกแต่เมื่อตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จิตใจคนก็ล้วนหย่อนลงครั้นตระก
แม่ทัพเซี่ยกังวลมากจนควบม้าเข้าไปในวงล้อมของเซียวหลินเทียนโดยไม่รู้ตัวเขามิได้สังเกตว่ามีสิ่งใดผิดปกติ จนกระทั่งกลุ่มของตนครึ่งหนึ่งวิ่งเข้าไปในวงล้อม ทันใดนั้นก็บนภูเขาก็มีเสียงร้องนับมิถ้วนดังมา จากนั้นก้อนหินขนาดใหญ่หลายก้อนก็ตกลงมาจากท้องฟ้าถล่มลงมาทันทีแม่ทัพเซี่ยที่อยู่ข้างหน้าเห็นว่าสถานการณ์มิดีจึงลงแส้ที่ก้นม้าอย่างดุร้ายม้าควบไปข้างหน้าอย่างเจ็บปวด แม่ทัพเซี่ยไปได้มิไกล ก้อนหินขนาดใหญ่ก็หล่นมากระแทกพื้นทหารกับรองผู้บัญชาการที่ตามมาด้านหลังโชคมิดีนัก บางคนถูกก้อนหินขนาดใหญ่กระแทกใส่ จนผิวหนังกับเนื้อของพวกเขาฉีกขาดทันทีแล้วก็อยู่ที่นั่นรองผู้บัญชาการถูกกระแทกกลิ้งลงจากหลังม้า โดยขาข้างหนึ่งติดอยู่ใต้ก้อนหินเสียงกรีดร้องกับเสียงตะโกนด่าไม่มีที่สิ้นสุด แม่ทัพเซี่ยหันกลับไปมองก็เห็นทหารบางคนบนภูเขาตะโกนขณะที่ยังคงผลักหินลงไป...สิ่งที่ทำให้แม่ทัพเซี่ยตกใจก็คือ คบเพลิงจำนวนนับมิถ้วนกำลังเคลื่อนลงมาตามภูเขา พร้อมกับเสียงตะโกนแย่แล้ว!เวลานี้แม่ทัพเซี่ยมีเพียงสองคำนี้ในหัว!ท่านอ๋องอี้ต้องติดต่อกับแม่ทัพกู่ได้แล้วเป็นแน่!พวกเขาสองฝ่ายรร่วมมือกันรอปิดล้อมตนไว้ที่นี
“ยอมจำนนแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า…”เสียงตะโกนนับมิถ้วนดังมาจากทุกทิศทุกทางเสียงของเซียวหลินเทียนก็ดังมาจากข้างบนที่สูงเช่นกัน “แม่ทัพเซี่ยของพวกเจ้าไม่มีแรงต่อสู้แล้ว! หากยังมิทิ้งอาวุธแล้วยอมจำนน จะบังคับให้ข้าฆ่าพวกเจ้าทั้งหมดจริง ๆ ใช่หรือไม่?”พวกทหารที่มีสติเห็นม้าศึกเหล่านั้นพุ่งเข้ามาหาพวกเขา ก็หลีกทางพลางตะโกนเสียงดังพร้อมกับขว้างอาวุธทิ้งไป“ท่านอ๋องโปรดทรงไว้ชีวิตด้วยเถิด… เรายอมแพ้แล้ว...”เมื่อคนหนึ่งเป็นผู้นำ ก็จะมีคนตามมา ไม่นานนักก็มีแต่เสียงยอมจำนนและร้องขอชีวิตบนเส้นทางภูเขา“ย่อลงอยู่กับที่ให้หมด ผู้ที่ยืนอยู่จะถือว่ามิยอมจำนน! พลธนู… ฆ่าพวกมันให้หมด!”พลธนูแถวหนึ่งค่อย ๆ ออกมาจากต้นไม้แม่ทัพเซี่ยนอนอยู่บนพื้น เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ จึงหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง...พวกเขาแพ้ราบคาบแล้ว!......หลิงอวี๋มองฉินซานถูกผลักเข้ามาทีละก้าวด้วยตาแดง ๆนางมิสามารถออกคำสั่งให้ยิงธนูไปที่ฉินซานได้ แต่นางก็มิสามารถปล่อยให้คนของข้าหลวงโจมตีภูเขาด้านหลังได้เช่นกันจะทำอย่างไรดี?จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้ จึงรีบตะโกน “เถาจื่อ ชุยหรง พวกเจ้ารีบเอาหม้อต้มยาออกมา แล้วใ
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี