เซียวหลินเทียนมิเคยคิดเลยว่าวันหนึ่งการอาบน้ำจะสนุกถึงเพียงนี้เขาล้างตัวด้วยฝักบัวเหมือนเด็ก ๆ รู้สึกว่าการอาบน้ำเช่นนี้สะอาดและสบายกว่าอ่างอาบน้ำเสียอีกขณะที่กำลังอาบอยู่นั้น ก็ได้ยินหลิงอวี๋เอ่ยจากข้างนอก “ท่านต้องรีบหน่อยเพคะ คำนวณไว้แล้วว่าน้ำหนึ่งถังจะอาบได้นานแค่ไหน อย่าให้น้ำหมดก่อนที่จะอาบสะอาดเพคะ!”ความมิพอใจอย่างเดียวของหลิงอวี๋ก็คือสิ่งนี้ การอาบน้ำมิเหมือนกับท่อน้ำในยุคสมัยใหม่ที่สามารถจ่ายน้ำได้อย่างต่อเนื่องฉินตะวันตกยังไม่มีเทคโนโลยีเช่นนี้ น้ำที่พวกเขาอาบคือน้ำที่จ้าวซวนให้องครักษ์เติมน้ำร้อนลงในถังไม้ขนาดใหญ่บนหลังคาห้องอาบน้ำ เช่นนี้น้ำจึงไหลลงมาได้โดยมิต้องเพิ่มแรงดันเมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินเช่นนี้ก็เร่งอาบน้ำให้เร็วขึ้นกระทั่งอาบน้ำเสร็จออกมา เขาก็ยังคงรู้สึกว่ายังมิสะอาดเท่าไหร่ เลยคิดว่าวันหลังจะให้จ้าวซวนขยายถังให้ใหญ่ขึ้นอีกเซียวหลินเทียนเช็ดผมแล้วใช้กำลังภายในบังคับให้มันแห้ง เขาไม่มีความอดทนพอที่จะเปลี่ยนผ้าเช็ดผมไปเรื่อย ๆ หรอกหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็อิจฉา นางคุ้นเคยกับผมสั้นตอนอยู่ในยุคสมัยใหม่ มันแห้งง่ายมากแต่ในสมัยโบราณนางต้องใส่เครื่องหั
“เซียวหลินเทียน หม่อมฉันมิได้ล้อเล่น ในเมื่อท่านแม่ของหม่อมฉันมีเคล็ดลับในการฝึกพลังวิญญาณเช่นนี้ ย่อมมีมากกว่านี้เป็นแน่! ท่านอ๋องนับท่านแม่ของหม่อมฉันเป็นอาจารย์เถิด!”“ต่อไปหากหม่อมฉันพบเคล็ดลับวรยุทธอื่น ๆ อีก ท่านก็สามารถสืบทอดมันได้อย่างสมเหตุสมผลแล้ว!”“ท่านดูสิ่งที่อยู่บนกระดาษก่อนเถิด ท่านคิดว่าเจ้ามีความสามารถต้านทานพลังจิตวิญญาณลึกลับนี้ได้หรือ?”หลิงอวี๋ยัดกระดาษให้เซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนมองอย่างจนใจ เมื่อเขาเห็นก็รู้สึกทึ่งกับมันหากเขาฝึกฝนตามวิธีการฝึกฝนในนี้ วรยุทธของตนจะสามารถพัฒนาอย่างรวดเร็วจนถึงระดับที่เขามิกล้าจะคาดคิดเลยหากตนพัฒนาได้เช่นนี้ จะมิน่ากลัวอย่างยิ่งหากศัตรูของพวกเขามีวิธีฝึกฝนเช่นนี้หรือ?การเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลังเช่นนี้ ด้วยความสามารถของตนในตอนนี้แล้ว มีเพียงการตายทางเดียวเท่านั้นหากเขาตายเพียงผู้เดียวก็มิเป็นไรหรอก แต่แล้วหลิงอวี๋กับหลิงเยวี่ยเล่า?“ได้ หลิงอวี๋ ข้าจะคารวะท่านแม่ของเจ้าเป็นอาจารย์ของข้า!”เซียวหลินเทียนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าคนที่ครอบครองพลังวิญญาณน่ากลัวมาก เพื่อเห็นแก่คนที่เขาต้องการปกป้อง เขาจึงพยักหน้าอย่างแ
ทั้งสองคนมิกล้าเคลื่อนไหวใด ๆ และมิกล้าหายใจตามปกติด้วย เพราะกลัวว่าจะรบกวนอีกฝ่ายหลิงอวี๋เพียงอธิษฐานขอให้เซียวหลินเทียนประหม่าจนหลับไป นางจะได้พลิกตัวได้อย่างอิสระเซียวหลินเทียนก็เช่นกัน ปลายจมูกของเขาได้กลิ่นหอมจากร่างกายของหลิงอวี๋ จิตใจของเขาฟุ้งซ่าน แต่ก็มิกล้าทำอะไรเลยตอนนี้เขาเป็นบุรุษปกติแล้ว!ชั่วครู่หนึ่ง เซียวหลินเทียนอยากกอดหลิงอวี๋มาก เขาต้องการนางอย่างมิสนใจสิ่งใดแล้ว!แต่สัญชาตญาณดั้งเดิมเช่นนี้ยังทำให้เซียวหลินเทียนต้องล่าถอยไป!หลิงอวี๋คือสหายของเขา คือศิษย์น้องของเขา และเป็นคนที่เขาอยากปกป้องในภายหน้า!เขาต้องมิทำร้ายนางก่อนที่เขาจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วเขาคิดอย่างไรกับนางกันแน่!ทั้งสองตัวแข็งทื่อเช่นนี้อยู่เป็นเวลานาน จนหลิงอวี๋ทนมิไหวผล็อยหลับไปด้วยความง่วงเซียวหลินเทียนอยู่จนกระทั่งใกล้รุ่งสางจึงจะหลับลงได้หลังจากนอนหลับไปสักพัก ก็ได้ยินเสียงของหานเหมยดังมาจากข้างนอก “ท่านอ๋อง ถึงเวลาตื่นแล้วเพคะ!”เซียวหลินเทียนตื่นขึ้นมา รู้สึกว่าหลิงอวี๋ยังคงหลับอยู่ จึงค่อย ๆ ลุกขึ้นไปอาบน้ำกระทั่งเปลี่ยนอาภรณ์ออกมาแล้ว หลิงอวี๋ก็ยังคงหลับอยู่เซียวหลินเทียนเดิน
หลังจากที่หลิงอวี๋ตื่นขึ้นมาอาบน้ำแล้ว หานเหมยก็นำอาหารเช้ามาให้หลิงอวี๋หยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วคิดได้ว่าตอนนี้ตนอาศัยอยู่ที่เรือนริมวารี จึงถามอย่างสบาย ๆ “ท่านอ๋องไปแต่เช้าแล้วหรือ? เสวยพระกระยาหารเช้าหรือไม่?”หานเหมยยิ้มพลางเอ่ย “เมื่อวานแม่นมลี่สั่งอาหารกับบ่าวไว้แล้วเจ้าค่ะ ดังนั้นทาสจึงไปที่ครัวแล้วยกพระกระยาการเช้ามาให้ท่านอ๋อง พระองค์เสวยเสร็จแล้วจึงเสด็จไปทรงงานเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋พยักหน้าอย่างชื่นชม แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โชคดีที่มีพวกเจ้าคอยดูแลแทนข้า ข้าลืมเรื่องนี้ไปเสียสิ้นเลย!”หานเหมยเอ่ยอย่างเอาใจใส่ “พระชายามีงานต้องทำมากมาย เรื่องพวกนี้ควรให้พวกบ่าวคิดแทนแล้วเจ้าค่ะ!”“แม่นมลี่บอกว่าที่เกิดเรื่องขึ้นกับท่านครั้งนี้ องค์ชายเย่กับภรรยาทำเพื่อท่านหลายอย่าง นางเตรียมของกำนัลบางอย่างจะมอบให้ตำหนักองค์ชายเย่เจ้าค่ะ ประเดี๋ยวท่านไปดูรายการของกำนัลเถิดเจ้าค่ะ หากเหมาะสมแล้วบ่าวจะไปส่งให้เจ้าค่ะ!”“ได้!”หลิงอวี๋รู้ว่าองค์ชายเย่มิน่ากังวล ครั้งนี้ที่สามารถช่วยตนได้ถึงเพียงนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะพระชายาเย่มิว่าของกำนัลจะมีราคาแพงแค่ไหน ก็มิเพียงพอที่จะแทนความขอบคุณของตนต่อพร
เมื่อทั้งสี่คนข้างนอกได้ยินสุ่ยหลิงมาถ่ายทอดคำพูดของหลิงอวี๋ ก็มองหน้ากันไปมาเสวี่ยเจินรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อชื่อของนางถูกเรียก และแทบรอมิไหวที่จะเดินเข้าไปในเรือนริมวารีจื่อผิงดูสงบลงเล็กน้อย แล้วขมวดคิ้วอันบอบบางพลางเอ่ยถามสุ่ยหลิง “เหตุใดพระชายาถึงจะพบแค่เราสองคน! เนี่ยนจือกับน้องเสวี่ยฉินทำอะไรผิดหรือไม่?”สุ่ยหลิงฟังออกถึงเจตนาของจื่อผิงที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง จึงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง“พระชายามิชอบความวุ่นวาย พวกท่านทั้งสี่คนเข้าไปพร้อมกันจะไปรบกวนนาง นางมิชอบเจ้าค่ะ!”“เหตุใดกัน อนุชายาจื่อ เจ้ามีข้อโต้แย้งใด ๆ กับการจัดการของพระชายาหรือ? หากเจ้ามิยินยอม ก็เปลี่ยนเป็นเสวี่ยฉินเถิด เจ้าค่อยมาวันอื่น!”เสวี่ยฉินเอ่ยอย่างใจร้อน “เช่นนั้นให้ข้าไปเถิด พี่จื่อผิง เจ้าไปวันอื่นแล้วกัน!”พูดแล้ว เสวี่ยฉินก็ลากเสวี่ยเจินเดินเข้าไปจื่อผิงโกรธจนสีหน้าเปลี่ยนไปเลย นางหันไปจะให้เนี่ยนจือช่วยแทนตนเองเนี่ยนจือยิ้มบาง ๆ “ในเมื่อพระชายามิอยากให้เสียงดัง เช่นนั้นเนี่ยนจือจะกลับมาทำความเคารพพระชายาในวันอื่น!”พูดจบ เนี่ยนจือก็พานางรับใช้ออกไปจื่อผิงฝืนยิ้มให้สุ่ยหลิงแล้วเด
เสี่ยวเยวี่ยกุมหน้าแล้วเอ่ยอย่างคลุมเครือ “คุณหนู นั่นมิใช่ว่าท่านอ๋องอี้กับท่านอ๋องเฉิงช่วยนางไว้หรือ? บ่าวมิเห็นว่านางแข็งแกร่งอะไรเลยเจ้าค่ะ!”เนี่ยนจือยิ้มอย่างครุมเครือ “ความแข็งแกร่งของนางก็คือคนเหล่านี้ที่ช่วยเหลือนางมิใช่หรือ?”“ท่านอ๋องเฉิง ไทเฮา ท่านอ๋องอี้ ไหนจะที่ตำหนักก็มีพวกของจ้าวซวน ลู่หนานอีก...”“แต่ละคนที่ว่ามานี้เมื่อเห็นนางตกอยู่ในอันตรายต่างก็กินมิได้นอนมิหลับ ต้องวิ่งวุ่นไปทั่วทุกที่แล้ว หากข้าผู้เป็นคุณหนูของเจ้าตกอยู่ในอันตราย นอกจากพวกเจ้าทั้งสองแล้วจะมีใครบ้างที่จะมายืนอยู่ตรงหน้าข้า?”“ข้าอิจฉาหลิงอวี๋มาก คนที่เมื่อก่อนเคยลือกันว่าไร้การศึกษาไร้ความสามารถ นางเอาชนะใจคนเหล่านี้ได้เยี่ยงไรในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้?”หลานเฟิงมองเนี่ยนจืออย่างครุ่นคิดแล้วช่วยพยุงเสี่ยวเยวี่ยขึ้นมา “ไปเอาน้ำจากบ่อมาล้างหน้าเสียเถิด! ต่อไปก็เชื่อฟังคุณหนู อย่าสร้างปัญหาให้กับคุณหนูอีก!”ทั้งสองจึงออกไปเนี่ยนจือเดินไปที่หน้าต่าง พิงรั้วแล้วมองออกไปไกล ๆ ที่มองเห็นหลังคาของเรือนริมวารีความรุ่งโรจน์ในอดีตของครอบครัวนางได้จางหายไปนานแล้ว ตอนนี้แม้แต่สกุลของตัวเองนางก็มิคู่ควร
หลิงอวี๋ยกมุมปากยิ้ม “อย่าลืมว่ายังมีคนที่แข็งแกร่งอีกสองคนอยู่ข้างหลัง! จื่อผิงแค่มองปราดเดียวก็ดูแผนการของข้าออกแล้ว! คนผู้นี้มิควรประมาท!”“เนี่ยนจือผู้นั้น มิแก่งแย่งมิก่อความวุ่นวาย… มีภาษิตในหมู่ราษฎรมิใช่หรือ? ที่ว่าสุนัขที่มิเห่าจะกัดอย่างโหดร้ายที่สุด!”“พวกเจ้าจะวางใจมิได้เป็นอันขาด ต้องระวังตัวด้วย!”“เจ้าค่ะ!”สุ่ยหลิงกับหานเหมยต่างก็รับปากเมื่อเห็นว่าทางนี้ไม่มีอะไรแล้ว หลิงอวี๋จึงกลับไปดูที่เรือนบุหงาหลิงเยวี่ยเขียนหนังสือเสร็จแล้วเมื่อออกมาก็เห็นผู้เป็นแม่ เขาจึงวิ่งไปหาแล้วโผกอดหลิงอวี๋ พร้อมกับทำหน้ามุ่ยอย่างเสียใจ“เป็นอะไรไปหรือ? ใครมายั่วยุอะไรเด็กน้อยของแม่?”หลิงอวี๋แกล้งเขาฉีป้าวหัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ย “พระชายา เยวี่ยเยวี่ยอยู่ในตำหนักอ๋องอี้แล้วอุดอู้ เขาอยากออกไปเล่น แต่ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องอี้ได้บอกไว้ว่า สองวันนี้เยวี่ยเยวี่ยมิได้รับอนุญาตให้ออกจากตำหนัก!”หลิงอวี๋ได้ยินก็เข้าใจทันที จ่างหนิงของพระชายาเว่ยถูกฆ่า เซียวหลินเทียนกังวลว่าพวกเขาจะลงมือกับหลิงเยวี่ย ดังนั้นจึงมิอนุญาตให้หลิงเยวี่ยออกจากตำหนัก“เยวี่ยเยวี่ยอยากไปไหนหรือ? รอท่านอ๋องเสด็จกลั
และคนที่มีความคิดเช่นเดียวกับองค์ชายเว่ยก็ยังมีองค์ชายคังอีกคนหลายวันมานี้องค์ชายคังเฝ้าดูเซียวหลินเทียนต่อสู้กับองค์ชายเว่ย เมื่อเสือสองตัวต่อสู้กันต้องมีฝ่ายหนึ่งได้รับบาดเจ็บ เขาก็จะรอฉกฉวยผลประโยชน์แต่หลังจากการต่อสู้กันไปมา ทักษะของเซียวหลินเทียนก็ยังคงเหนือกว่าองค์ชายคังรู้สึกเพียงว่า ความกดดันของตนเองนั้นใหญ่มาก เซียวหลินเทียนเปล่งประกายมากขึ้นเรื่อย ๆ หลี่ว์จงเจ๋อ ฉินซาน ท่านอ่องเฉิงต่างก็ยืนข้างเขา!หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ตำแหน่งขององค์รัชทายาทก็จะยิ่งห่างไกลจากตนมากขึ้นเรื่อย ๆ!องค์ชายคังก็อยากจะเอาชนะใจเซี่ยโฮ่วตานรั่วเช่นกัน ดังนั้นในสองวันนี้เขาจึงติดต่อกับองค์ชายหนิงพี่ชายของเซี่ยโฮ่วตานรั่วอยู่บ่อยครั้งองค์ชายหนิงเป็นพระโอรสองค์โตในจักรพรรดิเยี่ยนเป่ย ตำแหน่งขององค์รัชทายาทย่อมต้องเป็นของเขาอยู่แล้ว ขอเพียงองค์ชายหนิงเห็นด้วย ก็สามารถให้เซี่ยโฮ่วตานรั่วแต่งงานกับตนได้แต่องค์ชายหนิงผู้นี้เอาใจยากนัก นอกจากที่ได้พบเขาครั้งหนึ่งในวังวันนั้นแล้ว องค์ชายคังมิเคยเจอองค์ชายหนิงอีกเลยส่งคนไปเชิญเขาอยู่หลายครั้งแต่องค์ชายหนิงก็หาได้มาตามนัดไม่องค์ชายคังโกรธเล็กน้อย
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร