แมวตัวผู้ หลบอยู่ในบ้านลูกกวาด
เยว่จือกำลังดูแลสองแฝดในครัวที่กำลังมีความสุขมากกับอาหารง่าย ๆ ที่ม่านอวี้อันทำให้ พอเด็กสาวเห็นม่านอวี้อันถือของกินเข้ามา เธอจึงกุลีกุจอไปช่วยถือ ขณะนั้นเด็กชายทั้งสองต่างมองตาโต พวกเขาคิดว่าวันนี้คงเป็นปีใหม่หรือวันเด็ก แม่ถึงได้รับของแจกเข้าบ้านเยอะแยะไปหมด
“มัมมี้ ให้น้องช่วยไหม” เซียงเจียวยิ้ม ดวงตากลมโตของเขาเป็นประกาย
“ไม่เป็นไรเจียวเกอ กินข้าวให้เรียบร้อย เวลาเคี้ยวอาหารต้องไม่พูดนะจ๊ะ เดี๋ยวติดคอ”
เซียงเจียวพยักหน้ารับคำม่านอวี้อัน ส่วนผิงกั่วหันมามองเธอ สายตาเขาดูมีพิรุธอยู่สักหน่อย
“เอ ผิงเกอ ไม่ชอบไข่ข้นกับมันฝรั่งบดเหรอลูก กินหมี่ผัดกับไก่ย่างไหม ป้าลี่เอามาฝาก”
เธอบอกลูกคนโตแล้ววางจานอาหารที่ลี่ฮุ่ยเอามาให้ลงบนโต๊ะ เด็กชายไม่ตอบแต่หันไปมองไก่ย่าง พอเห็นน้องชายหยิบขาไก่ขึ้นกัด เขาจึงเลือกชิ้นที่ชอบแล้วนั่งกินเงียบ ๆ ผิงกั่วของเธอช่างเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย
“มาดามเรียกอาหารเข้าบ้านได้จริงด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ” เยว่จือถาม เด็กสาวตื่นเต้นไม่แพ้ฝาแฝด
ม่านอวี้อันไม่ใช่เทพเซียนหรือนางฟ้านางสวรรค์ เธอมาที่นี่โดยไม่มีลิ้นชักมหัศจรรย์ สัตว์เทพช่วยเนรมิตอาหาร หรือห้องเก็บอุปกรณ์ต่างภพที่สามารถหยิบฉวยเครื่องปรุงต่าง ๆ ได้ดั่งใจนึกอย่างหนังสือที่เคยอ่านเมื่อตัวละครเอกย้อนเวลามาในโลกอื่น เธอก็แค่คนธรรมดา ที่จะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองอดอยากและหิวจนเป็นลมตาย ซึ่งตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องปากท้อง เธอย่อมหาทางเอาตัวรอดให้ได้ เมื่อไม่มีเงิน จึงต้องใช้สมองกับความรู้ที่มีในตัวอย่างเต็มที่
“ฉันก็ใช้ฝีมือและการเล่นงิ้วเล็ก ๆ น้อย ๆ บางทีเราก็ควรจะหัดร้องรำให้เกินจริงสักหน่อย จำไว้นะเยว่จือ โลกไม่โหดร้ายเกินไป ขอเพียงเธอลุกขึ้นสู้ด้วยสมองและสองมือ ถ้าล้มก็ลุกขึ้นใหม่ ถ้าล้มอีก ถึงเสียน้ำตาหรือเจ็บหนักก็ต้องลุกให้ได้ด้วยสองขาตัวเอง!”
เยว่จือฟังคุณผู้หญิงของตนอย่างตั้งใจ นับแต่อีกฝ่ายฟื้นขึ้นจากการนอนซมเพราะพิษไข้ ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
“แต่ยังไงมาดามอย่าลืมว่าอีกสามวันเฮียถังจะมากินข้าวเย็นที่ร้านพร้อมพี่อิง น้องสาวเขา”
“ได้สิ ฉันจะเตรียมพรมแดงไว้ต้อนรับเลย หมอนั่นกล้ามาทำให้เธอเจ็บตัว แถมยังคิดจะมาเอาเปรียบกันอีก ยังไงงานนี้ คงได้เลือด! เอ๊ย ได้อิ่มจนพุงกาง และเขาจะต้องเสียน้ำตาให้เธอได้เห็น!”
เด็กสาวได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ประกอบกับสีหน้าสีตาของม่านอวี้อันที่ชวนให้ฮึกเหิม เธอเลยยิ้มออก
“เค้กกล้วยหอมนั่น มาดามคิดว่าพวกเขาจะชอบไหมคะ” เด็กสาวหมายถึงกลุ่มแม่บ้านที่นั่งคุยกันจ้อกแจ้กบริเวณร้านอาหารหน้าบ้าน
“ฉันมั่นใจในฝีมือของตัวเอง แต่อาจไม่เต็มสิบ เพราะของไม่ครบ อีกอย่างต้องบอกว่าฉันพึ่งฟื้นไข้ ลิ้นเลยรับรสชาติแปลก ๆ อยู่สักหน่อย”
“เอ๋ ถ้าอย่างนั้น ป้าลี่จะโม่โวยวายหรือมาดาม”
“อย่าใส่ใจ อีกฝ่ายลิ้นจระเข้ กินอะไรก็คงถูกปากแหละ แต่ว่า... ถ้าเธอรู้ว่าไม่ใช่สูตรตัวเอง คงหาเรื่องจับผิดฉันจนได้”
“แย่จริง บอกตามตรง หนูกลัวแทนมาดามยังไงไม่รู้ โดยเฉพาะเมียเถ้าแก่โจว ผู้หญิงคนนั้นชอบยุ่งเรื่องคนอื่น ป้าลี่ว่าร้ายแล้ว ยายแม่มด โรส ยิ่งไว้ใจไม่ได้เลย”
ม่านอวี้อันพยักหน้าตามสิ่งที่เยว่จือเอ่ย และดีใจอยู่ลึก ๆ ที่อย่างน้อยเด็กสาวก็รู้จักคิดว่าควรระวังตัวจากโรส เมียเถ้าแก่โจว
“เอ่อ มาดามคะ” เยว่จือดึงแขนม่านอวี้อัน พาเธอออกห่างจากฝาแฝดที่กำลังสนุกสนานกับการกินไก่ย่างกับผัดเส้นหมี่ใส่ไข่ของลี่ฮุ่ย
“ตอนที่พาน้องผิงเข้ามาในครัว หนูเห็นมือข้างหนึ่งของผิงเกอกำห่อขนมไว้แน่น!”
“ขนม แล้วทำไมเหรอ”
“คือ... มาดามไม่ได้ซื้อของเข้าบ้านเป็นเดือนเพราะต้องประหยัดเงิน อีกอย่างขนมแบบนั้น หนูเห็นติดป้ายโฆษณาที่ร้านพี่ข่ายว่ามันทำขึ้นเป็นพิเศษต้อนรับการแข็งขันกีฬา ราคาเกือบสองดอลลาร์เลยนะคะ”
เยว่จือกล่าวถึงขนมโกโก้แท่ง ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันกีฬาระดับโลกครั้งนี้ ทั้งยังออกผลิตภัณฑ์มาอย่างหลากหลาย รวมถึงขนมที่เด็กแฝดเพิ่งได้ลิ้มรสด้วย
“หมายความว่า ผิงเกอขโมยเงินในบ้านไปซื้อใช่ไหม” ม่านอวี้อันถาม ถึงแม้ราคาสองดอลลาร์ในยุคของเธอ คงจะซื้อไข่เบอร์ศูนย์ได้แค่ฟองเดียวเท่านั้น ทว่าหากเป็นยุค 80s ราคาดังกล่าวนั้นเท่ากับโจ๊กห้าสหายขึ้นเหลาสักชามหรือข้าวผัดไข่รวมมิตรทะเล
“ไม่ใช่ นายน้อยผิงไม่มีนิสัยแบบนั้น และถึงจะมี เขาคงไม่รู้จะหาเงินจากในบ้านได้ยังไงค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น ตอนที่ฉันนอนซมเพราะพิษไข้ พวกเขาออกไปโมยของบ้านอื่นใช่ไหม” น้ำเสียงม่านอวี้อันสูงผิดปกติ เธอไม่คิดว่าความจนและความหิวจะสามารถบีบบังคับให้เด็กน้อยทั้งสองริเป็นโจรตั้งแต่อายุเพียงเท่านี้
เยว่จือส่ายหน้าและถอนหายใจราวกับมีเรื่องเครียดหนัก
“เอาละ เธออยากจะบอกอะไรกันแน่”
เยว่จือสูดลมหายใจลึก เธอขนลุกซู่ขึ้นมาโดยพลัน ใจคอไม่สู้ดี ภาพดวงตาคม ๆ คู่นั้นที่มองมาในยามที่เธอเผชิญหน้ากับแก๊งมังกรซิ่งลอยเข้ามาในหัว
“เอ่อ ‘เขา’ คงแอบย่องมาหานายน้อยทั้งสองคนแน่นอนค่ะ”
“เยว่จือ เธอกำลังจะทำให้ฉันกรี๊ดลั่นครัวรู้ไหม เลิกอมพะนำ และพูดให้รู้เรื่องเสียทีว่า ‘เขา’ ที่พูดถึงเนี่ยเป็นใครหา!”
ม่านอวี้อันเกือบหมดความอดทน จึงเอ่ยเสียงดังอยู่สักหน่อย
“เขา... ก็คือกู๋กุ่ยไงคะ คงแอบเอาขนมมาให้นายน้อยทั้งสองคนตอนที่หนูไม่อยู่บ้าน ดีไม่ดีแมวตัวโตนิสัยเสียนั่นอาจกำลังหลบอยู่ในบ้านหลังนี้แน่ ๆ”
ได้ฟังคำนั้น ม่านอวี้อันจึงช็อก แล้วความรู้สึกในห้องนั่งเล่นเมื่อครู่ก็ย้อนคืนกลับมา ยามนั้นเธอสัมผัสได้ว่ามีเงาคนอยู่ในห้องดังกล่าว!
จากนั้นม่านอวี้อันก็รีบตัดเค้กกล้วยหอมให้เป็นชิ้นด้วยมือที่สั่นอยู่สักหน่อย ตัดเสร็จจึงห่อด้วยกระดาษแก้ว บอกให้เยว่จือนำไปแจกสมาคมแม่บ้านข้างนอกคนละเท่า ๆ กัน และกำชับว่าให้นำไปแช่ตู้เย็นสักสองสามชั่วโมง หรือให้ดีที่สุด พรุ่งนี้เช้าค่อยกินกับกาแฟหรือนมอุ่น ๆ จะได้รับรสชาติที่เยี่ยมยอดแบบต้นตำรับ เสร็จแล้วเธอจึงกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น ในมือถือไม้นวดแป้งอันใหญ่ไปด้วย หญิงสาวได้กลิ่นกายผู้ชาย กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่ และน้ำยาโกนหนวดที่ผสมกลิ่นเฉพาะตัว ความรู้สึกแรกคือขนลุกซู่ เหตุใดเธอจึงคุ้นเคยกับสัมผัสลึกซึ้งนี้เหลือเกิน ราวกับเป็นกลิ่นกายของผู้ชายที่อยู่เคียงข้างม่านอวี้อันมาโดยตลอด!
“นั่นใคร หลบอยู่หลังตู้ใช่ไหม ออกมานะ ไม่อย่างนั้นฉันจะตัดฟาดให้สลบ จากนั้นก็ตัดหนอนน้อยให้ขาด แล้วโยนให้เป็ดกิน!”
ม่านอวี้อันตวาดเสียงดัง และมันทำให้เธอขจัดความตื่นเต้นลงไปได้เปราะหนึ่ง จากนั้นจึงสืบเท้าไปยังเบื้องหน้า ยามนี้เธอรู้เพียงแต่ว่าเธอต้องเป็นเสาหลักให้ครอบครัวเล็ก ๆ ซึ่งหากไม่ลุกขึ้นสู้หรือมัวแต่ขี้ขลาด เธอก็คงต้องอยู่ในโลกใบนี้อย่างหวาดระแวงไปตลอด และกู๋กุ่ยของลูกชายเธอ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนดี หรือผีร้ายจอมรังควาน ม่านอวี้อันต้องคุยกันให้รู้เรื่อง
แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเดินตรวจทั่วห้องหนังสือแล้ว ม่านอวี้อันกลับไม่พบใครสักคน และแม้ว่าผลออกมาเช่นนั้น แต่เธอกลับไม่สบายใจเอาเสียเลย
เมื่อหญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้น รู้สึกตัวอีกทีกลับเห็นใบหน้าคนที่เธอมักคุ้น และยามนี้ มันไม่ใช่โลกในยุค 80s! “พี่ลิซ่า หนูบอกแล้วยังไงคะ เหนื่อยก็ให้คุณอีธาน พากลับไปคอนโดฯ ก่อนดีไหม ทางนี้หนูกับเด็ก ๆ จะจัดการให้เอง” คนที่เพิ่งลืมตา ยกมือทาบหน้าอก เธอกลับมายังโลกปัจจุบัน และอยู่ในร่างลิซ่า จาง! “อย่าบอกนะคะว่าฝันร้าย เดี๋ยวหนูให้คุณอีธานมาปลอบพี่ดีกว่า” มิเชล ลูกพี่ลูกน้องเธอบอกแล้วยิ้มให้ ก่อนหันไปด้านหลังเพื่อบอกพนักงานให้เรียกหาอีธาน ผู้ชายที่เป็นคนรักของลิซ่า หญิงสาวพยายามตั้งสติ ก่อนรับรู้ได้ว่า เธอย้อนเวลากลับคืนสู่โลกปัจจุบัน เป็นเหตุการณ์ก่อนที่อีธานจะขับรถพาเธอเข้าไปในอุโมงค์ที่มีน้ำขังแห่งนั้น! อีธานเดินเข้ามาหาหญิงสาว และหอมแก้มไปหนึ่งฟอดใหญ่ “เวลาไม่กี่ชั่วโมง ที่รักขายของได้ยอดเยี่ยมมาก ร้อยล้านเหรียญเชียวนะ และออเดอร์ยังเข้ามาต่อเนื่องอย่างถล่มทลาย ในอนาคตธุรกิจอาหารของประเทศนี้ต้องอยู่ในมือคุณแน่” ลิซ่ามองอีธาน เธอควรดีใจกับการประสบความสำเร็จครั้งนี้ แต่หัวใจกับโหวงเหวง ยิ่งมองใบหน้าชายหนุ่มที่แสนสมบูรณ์แบบ เธอกลับไม่ไ
ม่านอวี้อันลุกขึ้นอาบน้ำในตอนเช้ามืด ตลอดคืนเธอครั่นเนื้อครั่นตัวและหนาวสะท้านแปลก ๆ ฝ่ายแจ็คสัน เขานอนกับสองฝาแฝด อีกไม่นานคงตื่นขึ้นมาช่วยงานเธอ ก่อนที่จะออกไปวิ่งเพื่อวอร์มร่างกาย ยามนี้เธอรู้แล้วว่าเขามีค่ายมวยปล้ำ เป็นธุรกิจที่สานต่อจากพี่ชายผู้ล่วงลับ โดยมีเพื่อนสนิทที่คบหากันมาหลายปีช่วยดูแลให้ก่อนหน้านี้ “อาหมวยหน้าซีดมากเลยรู้ไหม” เขาบอก ก่อนจะก้าวมาวางหลังมือที่หน้าผากหญิงสาว “ตัวอุ่น ๆ ด้วย วันนี้ให้ฉันขายของแทนดีไหม หรือไม่ก็ปิดร้านเลย ส่วนคนงานก็จ่ายค่าจ้างรายวันตามปกติ” “ฉันไม่เป็นอะไร แค่คิดมากเรื่องคุณโรส คุณรู้ไหม เธอขายน้ำมันกัญชาด้วย ของพวกนี้มีคุณมากก็มีโทษเช่นกัน” “อาหมวย สามีโรสเป็นเถ้าแก่ร้านขายยา เขาย่อมรู้ว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี เธออย่าห่วงคนอื่นให้มากเลย ดูตัวเองก่อนเถิด คิดแทนเขาจนไม่สบาย” ม่านอวี้อันยิ้มให้แจ็คสัน เขากำลังดุเธอ นี่หากเป็นโลกปัจจุบัน ใครหน้าไหนก็ห้ามพูดเช่นนี้ ความคิดเธออย่างไรย่อมถูกต้องที่สุด “อีกอย่างน้ำหมักของโรส ฉันคิดว่ามันต้องมีบางสิ่งที่ปนเปื้อน หรือไม่ก็อาจส่งผลอันตรายในระยะยาว”
ความอดทนมีขีดจำกัด แจ็คสันรู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องนอนม่านอวี้อันสูงกว่าปกติ ร่างกายเขาร้อนรุ่ม ทั้งที่เมื่อครู่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ทว่าพอก้าวเข้ามาในห้องนอนหญิงสาว คนตัวโตก็รู้สึกเหมือนว่าธาตุไฟกำลังจะแตก! ซึ่งในยามนี้ ดวงตาของม่านอวี้อันที่มองมายังเรือนกายเขาไม่อาจปิดบังความในใจของเธอไว้ได้ ให้ตายเถอะ หญิงสาวเย้ายวนได้ถึงเพียงนี้ มีเสน่ห์ในแบบที่เขาไม่อาจหักห้ามใจตัวเองได้อีกต่อไป ชายหนุ่มอมยิ้ม หัวใจเขาเต้นระรัวแรง ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาอยากสยบอยู่แทบเท้าเธอ ความรู้สึกเช่นนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน “ดึกแล้วนะคะ” เธอว่า และไม่รู้ว่าจะเอามือวางไว้ที่ใด ตอนนี้ว้าวุ่นไปหมด ส่วนคนตัวโตอยู่ในชุดเสื้อผ้าสบาย ๆ เป็นกางเกงนอนผ้าแพรเนื้อบาง ข้างบนสวมเสื้อกล้าม เมื่อได้เห็นเรือนกายกำยำ เปี่ยมด้วยกล้ามแน่น ๆ ม่านอวี้อันก็กระหายน้ำ ลำคอเธอแห้งผาก พื้นที่แห่งความหวานล้ำของผู้หญิงเกิดความรู้สึกเร้นลับที่ไม่อาจเปิดเผยต่อเขา “อืม บอกตรง ๆ ให้เข้าใจ ฉันไม่ได้มาส่งอาหมวยเข้านอนหรอกนะ” เสียงทุ้ม ๆ ของเขาทำให้ดวงหน้าหญิงสาวร้อนผ่าว ดวงตาคมคู่นั
เวลาผ่านไปจนสามทุ่มครึ่ง เยว่จือซึ่งตอนแรกเกือบหิ้วท้องรอสองแฝดอย่างเช่นม่านอวี้อัน แต่ถูกคำสั่งด้วยเสียงเฉียบขาดในแบบที่เด็กสาวต้องรีบกินอย่างไม่กลัวติดคอ “ทำความสะอาดเรียบร้อยก็รีบไปพักผ่อนเสีย และถ้าฉันไม่เรียก ไม่ต้องออกมารู้ไหม” “มาดาม แล้วจะไม่กินอะไรสักคำก่อนหรือคะ” เยว่จือยังทำใจดีสู้เสือ ทว่าพอม่านอวี้อันหันหน้ามา ดวงตาเธอก็จ้องเขม็ง เด็กสาวเลยทำคอหด ก่อนยอบตัวแล้วหายไปทำหน้าที่ของตน กระทั่งสี่ทุ่มตรง เสียงหัวเราะของผิงกั่วฉุดให้ม่านอวี้อันลุกจากเก้าอี้ไปยืนรอลูกชายกับแจ็คสันตรงหน้าประตู ในตอนนั้นเธอควรจะร่าเริงไปด้วย เพราะผิงกั่วดูสนุก ฝ่ายแจ็คสันก็ร้องเพลงไปกับเขา ส่วนเซียงเจียวไม่ต้องพูดถึง เขาส่ายสะโพกด้วยท่าทางแปลก ๆ มันทะลึ่งอยู่สักหน่อย ทว่าเขาอยู่ในวัยแค่นี้ เธอจึงไม่ดุหรือปรามให้หยุดเต้น “ลุงผี! รู้ไหมคะ ตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว” ม่านอวี้อันถามเสียงเข้มอยู่สักหน่อย แม้ไม่ได้เจือความโมโห แต่ใบหน้าเธอยามนั้นชวนให้สองแฝดและแจ็คสันต้องปิดปากเงียบกันเลยทีเดียว “กี่ทุ่มแล้วคะ คุณลุงผี!” เธอถามย้ำเสียงเย็น
แบบนี้มันต้องถูกทำโทษ ม่านอวี้อันสั่งให้เยว่จือจัดโต๊ะอาหาร แต่เธอกลับไม่ยอมกินมื้อค่ำสักที ด้วยแจ็คสันและสองฝาแฝดยังไม่กลับถึงบ้าน ลี่ฮุ่ยเห็นว่าหญิงสาวเครียดอยู่สักหน่อย อันที่จริงทุกคนได้เรียนทำอาหารอย่างสนุกสนาน ระหว่างเรียนก็ชิมกันไปไม่น้อย ดังนั้นเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ หล่อนเลยต้องเปลี่ยนแผนใหม่ “เอ่อ ๆ ตอนทุ่มครึ่งมีรายการแข่งมวยของไทสันใช่ไหม” ไทสันเป็นนักมวยเหรียญทองคนดังที่ขึ้นชกเพื่อการกุศลหาเงินช่วยผู้ด้อยโอกาสและเด็กพิเศษ โรสที่กำลังมองข้าวเหนียวมะม่วงและข้าวเหนียวขนุนอยู่ไม่ทันตอบ เธอกลืนน้ำลายไปหลายอึก ด้วยอยากชิมอีกสักหน่อย แต่เยว่จือกำลังเร่งจัดอาหารคาวและหวานลงกล่องให้ทุกคน “น้องโรส เถ้าแก่โจวคงอยากกินไก่ผัดเม็ดมะม่วงและต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อนร้อน ๆ แล้วมั้ง ยังไงแบ่งใส่ถุงเรียบร้อย เราก็แยกย้ายดีไหม จะได้ไปเชียร์ไทสันต่อยมวยที่บ้านใครบ้านมัน” ลี่ฮุ่ยกล่าวพร้อมสะกิดโรสแรง ๆ จนเธอหันมาทำตาขวาง ๆ ใส่ พอเห็นว่าลี่ฮุ่ยขยิบตาส่งสัญญาณบางอย่าง โรสจึงนึกบางสิ่งออก “เยว่จือ อย่าลืมตักน้ำต้มแซ่บให้ฉันเพิ่มอีกสักหน่อย และ
“แล้วพวกอากับลุงไม่ใช่ยอดมนุษย์เหรอ” คนที่สูงที่สุด มีผมสีทองว่าแล้วอวดกล้ามโต ทำให้เซียงเจียวตาโต เด็กชายกลัวกล้ามเขาจะแตกโพละเหมือนลูกแตงโม “มะ ไม่ใช่ มีคนเก่ง กะ กว่า” ผิงกั่วยืดอกตั้ง แน่นอนสำหรับเขา แต่ก่อนอาจไม่ชอบหน้าลุงผี เพราะแม่บอกว่าอีกฝ่ายเป็นแมวตัวโต ทั้งขี้เกียจ และยังชอบแอบย่องเข้าบ้าน ทว่าพักหลังเขากลับติดลุงผีแจ ที่สำคัญลุงผีสอนเขาหลายอย่าง แถมมีของกินดี ๆ ให้กินตลอด “เฮียผิง พวกเขาเนี่ยเก่งสุดแล้ว ไม่มีใครเก่งกว่านี้หรอก” ผิงกั่วส่ายหน้าเร็วแรง ก่อนเอ่ยว่า “แต่ปะป๊าเป็นยอดมนุษย์!” ไม่รู้คำดังกล่าวหลุดออกมาจากปากผิงกั่วได้อย่างไร แต่เขาคิดอย่างนั้นจริง ๆ “โอ้ จริงด้วย คุณพ่อของพวกหนูต้องแข็งแรงและเก่งที่สุดแน่นอน” คนสวมหน้ากากตุลาการว่าแล้วก็ยิ้มให้ผิงกั่วกับเจียงเซียว หลังจากนั้นแจ็คสันจึงก้าวเข้ามารับเด็ก ๆ หลังจากทำธุระเสร็จเรียบร้อย “เอ๊ะ... คนนี้เหรอ ปะป๊าของพวกหนู” คนในกลุ่มเอ่ยถาม เซียงเจียวส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ผิงกั่วกลับยิ้มกว้าง และบอกว่า “ใช่... คนนี้เป็นยอดมนุษย์!” แจ็คสัน