LOGINภีรดามาหาวราลีที่บ้านหลังจากที่ทั้งคู่เปิดเทอมได้สองสัปดาห์ และสถานะนักเรียนของทั้งสองคนได้ถูกเปลี่ยนเป็นนักศึกษาแล้วในปีนี้
“วันเสาร์นี้พี่เคนจะเดินทางแล้วนะ”
คำบอกเล่าของภีรดาเกี่ยวกับเรื่องที่ภีรวัจน์จะไปเรียนต่อต่างประเทศทำให้วราลีรู้สึกใจหายแปลกๆ ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องคราวนั้นวราลีก็ไม่เคยได้เจอกับภีรวัจน์อีก
“งั้นเหรอ” คำตอบของวราลีเหมือนไม่รู้สึกยินดียินร้าย
“ไหมไปส่งพี่เคนด้วยกันนะ”
“ไม่ไปหรอกพี่ชายพิมไม่ชอบหน้าไหม ไหมไม่อยากไปให้เขาอารมณ์เสีย”
“โห จะจากกันตั้งสามปีเลยนะไหม ไปส่งพี่เคนหน่อยเถอะ” ภีรดาพยามจะอ้อนวอน
“ไหมไม่ว่าง” เธอปฏิเสธเด็ดขาด
“ไหมน่ะ” ภีรดาพูดอย่างอ่อนใจกับความใจเด็ดของเพื่อนรักบทจะเอาจริงขึ้นมาก็ไม่มีใครเปลี่ยนใจได้
ภีรวัจน์มาหาวราลีที่บ้านสวนในขณะที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปในสวน ตาคู่สวยมองเขาอย่างแปลกใจเมื่อเห็นเขาเดินลงมาจากรถ
“กำลังจะไปไหน”
“เข้าสวนค่ะ”
“ไปด้วยคนนะ” เขาพูดหน้าตาเฉย
“ไม่ไปร่ำลาสาวๆ เหรอคะ”
“ไปมาหมดแล้ว” เขาตอบอย่างไม่คิดมาก
วราลีเชิดใส่อย่างไม่สนใจจนเขานึกอยากจะจับมาจูบสั่งสอน
“แล้วมาทำไมที่นี่” เธอพูดห้วนๆ
“ไม่มีที่ไป”
“อ้อ” วราลีสะบัดหน้าหนีและเดินเข้าสวนไปอย่างไม่สนใจคนที่เดินตามหลังมา
“รอด้วยสิ”
เขาช่วยเธอทำนั่นทำนี่ ในขณะที่วราลีรู้สึกหมั่นไส้ท่าทางของเขาซะเต็มประดากับท่าทางเก้ๆ กังๆ แต่อยากช่วย
“ไปพักเถอะค่ะ ไหมเหนื่อยแล้ว” เธอบอกก่อนจะเดินนำหน้าเขาไปใต้ร่มไม้ใหญ่
เขาเดินตามมานั่งลงข้างๆ ลมเย็นๆ พัดมาเอื่อยๆ วราลีถอดหมวกออกและนั่งทอดอารมณ์อย่างสบายใจ เขามองท่าทางนั้นแล้วยิ้มน้อยก่อนจะล้มตัวลงนอนหนุนตักเธอ
“ว้าย” วราลีร้องอย่างตกใจ
“ขอนอนหน่อย”
“ลุกเดี๋ยวนี้นะพี่เคน เดี๋ยวพ่อแม่ไหมก็มาเห็นหรอก” เธอพยายามผลักเขาออก
“ท่านกลับไปแล้ว” เขาบอกอย่างสบายใจ
“คนเจ้าเล่ห์” เธอบ่นแต่ก็ยอมปล่อยให้เขานอนต่อไป เขายิ้มน้อยๆ ก่อนจะดึงมือข้างหนึ่งของเธอมากอดไว้แล้วหลับตาลง
วราลีปลุกเขาเมื่อใกล้เย็น ทั้งสองคนเดินกลับบ้านในขณะที่แม่ของ วราลีทำกับข้าวเสร็จแล้ว และเย็นนั้นพ่อแม่ของวราลีก็ชวนเขาทานข้าวเย็นที่บ้านของเธอ ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ปฏิเสธ
“พรุ่งนี้ผมจะไปแล้วนะ” เขาบอกเมื่อเธอเดินมาส่งเขาที่รถหลังจากทานข้าวเสร็จ
“ค่ะ” เธอตอบสั้นๆ
“ไปส่งผมนะ”
น้ำเสียงนั้นเว้าวอนจนหัวใจของวราลีแกว่งวูบ
“ไม่ว่างค่ะ” เธอปฏิเสธเสียงแข็ง
“ผมจะรอ” เขากลับไม่ฟังคำปฏิเสธของเธอ
“ไม่ไป”
“ถ้าไม่ไปได้เห็นดีกันแน่” คนเอาแต่ใจบอกเสียงห้วนๆ หน้าบึ้งตึง
“ไม่ต้องมาขู่ ไหมไม่กลัวหรอก”
“ถ้าไหมอยากให้พ่อแม่ไหมรู้ว่าผมกับไหมมีอะไรกันถึงไหนก็เอาสิ”
“อย่าพูดบ้าๆ นะพี่เคน ไหมไม่เคยมีอะไรกับพี่”
“ผมก็อยากจะรู้ว่าถ้าผมเล่าให้พ่อแม่ไหมฟัง ท่านจะคิดเหมือนไปไหมหรือเปล่า”
“คนบ้า” วราลีหน้าแดงก่ำอย่างโมโหกับคำขู่ของเขา
“พรุ่งนี้ถ้าผมไม่เจอหน้าไหม เราจะได้เห็นดีกัน” เขาขู่อีกครั้งก่อนจะออกรถไป
ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ครอบครัวของภีรวัจน์อยู่กันพร้อมหน้าเพื่อมาส่งลูกชายคนเดียวไปเรียนต่อต่างประเทศ
ภีรวัจน์ยกมือไหว้ผู้ให้กำเนิดทั้งสอง เมื่อเสียงประกาศเรียกผู้โดยสารครั้งสุดท้ายดังขึ้น
“ผมไปนะครับ”
“โชคดีลูก” คุณประยุทธดึงลูกชายเข้าไปกอดไว้พร้อมทั้งตบไหล่อย่างให้กำลังใจ หลังจากนั้นคุณดาริกาผู้เป็นมารดาก็ดึงร่างลูกชายเข้าไปกอดไว้
“ดูแลตัวเองนะลูก” ผู้เป็นแม่บอกอย่างเป็นห่วง
ภีรดาทำท่าจะร้องไห้พร้อมกับโผเข้าไปกอดพี่ชายเอาไว้เป็นครั้งสุดท้าย เธอกับเขาไม่เคยห่างกันนานแต่ครั้งนี้เขาจะจากเธอไปนานตั้งสามปีมันทำให้เธออดใจหายไม่ได้
“อย่าขี้แย” เขาบอกพร้อมทั้งขยี้ผมเธอเล่นเหมือนทุกครั้ง
“พี่เคนต้องคิดถึงพิมด้วยนะคะ”
“จ้ะยัยตัวแสบ” เขาบอก
วราลียืนมองเงียบๆ อยู่ใกล้ๆ ตรงนั้น เธอตัดสินใจมาส่งเขาในนาทีสุดท้ายเพราะกลัวคำขู่ของเขาหรือเพราะอยากพบหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้ายกันแน่เธอก็ไม่แน่ใจตัวเอง ทั้งๆ ที่ปากบอกว่าเกลียดเขาแต่กลับรู้สึกกระวนกระวาย เมื่อรู้ว่าเขาต้องจากไปแสนไกลและอีกนานกว่าที่เขาจะกลับมา
ภีรวัจน์ถือโอกาสดึงเธอมากอดไว้ในขณะที่วราลีไม่ทันได้ตั้งตัว เธอตกใจจนตัวแข็งทื่อเพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำอย่างนั้นต่อหน้าพ่อแม่และน้องของเขา
“รอนะ ห้ามมีใครล่ะ” เขากระซิบบอกที่ข้างหูเธอพอได้ยินกันแค่สองคน หญิงสาวยังคงมึนงงอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในนาทีนั้น
วราลีรู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่เขาเดินเข้าห้องผู้โดยสารไปแล้วสายตาคู่นั้นของเขามองมายังเธอราวกับจะตอกย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้เธอไม่ได้ฝันไป
“คุณเมธิน” เขาตอบเรียบๆ“แล้วยังไงคะ” เธอถามเขาต่อแต่ลำคอเริ่มตีบตัน“ถ้าคุณจะถอนหมั้นแล้วไปคบกับเขาผมก็ยินดีนะ” น้ำเสียงที่พูดราวกับไม่รู้สึกยินดียินร้ายของเขาบาดลึกลงไปในหัวใจของภีรดาอย่างไม่เคยรู้สึกเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกที่เขาคิดจะผลักไสเธอให้คนอื่นมันเหมือนเธอไม่เคยมีความหมายอะไรต่อเขาเลย ทำให้ภีรดาต้องเมินหน้าหนีจากใบหน้าเข้มๆ ของเขาภวินท์มาจอดรถส่งเธอที่หน้าบ้านหลังจากที่ภีรดานั่งเงียบมาตลอดทาง“ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผม” เขาหันมาพูดก่อนที่ภีรดาจะเปิดประตูรถลงไป“พิมไม่เคยมีความหมายอะไรกับพี่เลยใช่ไหมคะ” เธอหันไปถามเขาอย่างเจ็บปวด น้ำเสียงสั่นเครือ“พิม” เขาเรียกเธอย่างตกใจ“พี่ไก่มีหัวใจบ้างหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยอย่างตัดพ้อ น้ำตาที่สกัดกั้นไว้ตลอดทางเริ่มไหลออกมาเต็มสองแก้ม พร้อมกับกำปั้นน้อยๆ ที่หันไปทุบที่หน้าอกเขาติดๆ กันเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจมาตลอด เขารวบมือของเธอไว้“ปล่อยนะ” เธอหันไปแหวใส่เขาทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดร้องไห้“หยุดร้องไห้ก่อนแล้วพูดกันดีๆ” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนลง“ไม่หยุด พิมเกลียดพี่ไก่ ใช่...พิมมันบ้า บ้าที่หลงรักพี่ ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเห็นพิมอ
“พิมเป็นเหน็บค่ะสงสัยจะนั่งนาน”เขาช้อนร่างบางของเธอไว้ในวงแขน ก่อนจะเดินไปที่โซฟาตัวยาวที่อยู่ใกล้ๆ และวางลง ภวินท์นั่งลงข้างล่าง ถอดรองเท้าเธอออก แล้วนวดให้อย่างเบามือ ทำให้ภีรดานึกไปถึงเมื่อสี่ปีก่อนที่เธอเคยแกล้งเขาและเขาต้องนวดให้เธอแบบนี้ หญิงสาวเริ่มหน้าแดงเมื่อนึกถึงตอนที่เขาจูบเธอเป็นครั้งแรกหลังจากนั้น“ดีขึ้นหรือยัง”“ก็เอ่อค่ะ” ในยามนี้ภีรดาเหมือนนางอายทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมด เพราะไม่คิดว่าเขาจะอ่อนโยนกับเธอได้ขนาดนี้ภวินท์จึงหัวเราะกับท่าทางเงอะงะของคู่หมั้นสาว“พิมครับเป็นอะไรไปครับ” คำพูดของเขายิ่งทำเอาเธออ่อนยวบจนแทบละลาย คนอย่างเขาพูดเพราะกับเธอได้ขนาดนี้เลยเหรอ“พี่ไก่คะ”“ครับว่าไง”“ไม่ว่าอะไรพิมใช่ไหมคะที่พิมจะเรียกว่าพี่ไก่”“ไม่ว่าครับเพียงแต่มันไม่ชิน”“แล้วถ้าถอนหมั้นกันแล้ว พิมยังจะเรียกเหมือนเดิมได้หรือเปลา” ภีรดาถามต่อแต่คำถามของเธอทำให้เขาหน้าตึงขึ้นมาทันที“ตามใจสิ” เขาตอบห้วนๆ และทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้น ภีรดาลุกขึ้นและดึงแขนเข้าไว้“เดี๋ยวก่อนค่ะ โกรธพิมเหรอคะ” เธอพูดอย่างงอนง้อ“ไม่ได้โกรธ”“แล้วทำไมต้องเดินหนีพิมล่ะคะ”“ก็แค่คู่หมั้นกำมะลอจะใส่ใจอะไรกั
“ไม่นะคะพี่เคน” เธอปฏิเสธทันที“พี่คงไม่ยอมให้เรื่องมันผ่านแล้วผ่านเลยไปอย่างแน่นอน พิมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูคุณพ่อคุณแม่ท่านคงไม่ทำแค่ที่พี่ทำแน่”คำพูดที่เด็ดขาดของภีรวัจน์ทำให้เธอรู้ว่าเธอหมดทางปฏิเสธ แล้วภวินท์ล่ะจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาจะรู้สึกอึดอัดแค่ไหนที่ต้องหมั้นกับเธอทั้งๆ ที่ไม่ได้รักภีรดาถูกภีรวัจน์สั่งให้ย้ายแผนกมาฝึกงานกับฝ่ายบัญชีหลังจากนั้น หากเป็นแต่ก่อนเธอคงไม่ยอมพี่ชายง่ายๆ แบบนี้แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่านั่นเป็นการดีสำหรับเธอ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภวินท์ในตอนนี้วราลีทราบข่าวเรื่องนี้จากปากของภีรดา ทำให้เธอตื่นเต้นไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะได้เพื่อนรักมาเป็นพี่สะใภ้ในที่สุด เธอรู้ว่าภีรดาแอบชอบภวินท์มาหลายปีแล้ว แต่พี่ชายของเธอก็เอาแต่เมินเฉยและเย็นชาใส่ภีรดามาตั้งแต่แรกเช่นกัน เธอรู้สึกดีใจแทนภีรดาอย่างมากแต่ก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่รู้ว่าภีรวัจน์เป็นผู้บังคับให้ภวินท์หมั้นกับภีรดา คนร้ายกาจนั่นชอบวางอำนาจและชอบสั่งให้คนนั้นคนนี้ทำตามที่ตัวเองต้องการอยู่ร่ำไป โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจเขาสักนิดความห่างเหินระหว่างภวินท์กับภีรดาเริ่มมากขึ้นเ
ภวินท์เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งบริษัท เพราะนอกจากเขาจะหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขายังวางตัวได้ดีและทำงานเก่งจนมีความก้าวหน้า ในหน้าที่การงานมากกว่าคนหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวกัน ภีรดาเองก็เคยเห็นผู้หญิงมองตามเขาหลายครั้งหญิงสาวลุกขึ้นและเดินตรงมาหาเขาที่โต๊ะ เธอยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะและไม่ยอมขยับไปไหน ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองเธอนิดหนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงสนใจงานตรงหน้าต่อ“งานของคุณเสร็จแล้วเหรอ” ภีรดารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่เขาพูดกับเธอแต่ไม่ยอมมองหน้าสักนิด“ยัง”“อ้อลืมไปว่าคุณเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัท แต่อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ส่วนผมมันแค่ลูกจ้างต้องทำงานให้คุ้มเงินเดือน” ภีรดาหน้าชาเพราะเหมือนเขากำลังย้อนสิ่งที่เธอเคยพูดเอาไว้เพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น“ก็บอกแล้วไงว่าฉันขอโทษ” ภีรดาพูดอย่างงอนง้อ“ขอโทษเรื่องอะไร”“ก็ที่ฉันพูดไม่ดีกับนายวันก่อน”“คุณก็พูดถูกนี่” เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจคำขอโทษของเธอสักนิด“เมื่อไหร่นายจะหายโกรธฉันซักที”“ผมคงไม่บังอาจไปโกรธลูกสาวนายจ้างอย่างคุณหรอกครับ” น้ำเสียงเขาราบเรียบและห่างเหินจนภีรดาเริ่มจะหมดความอดทน“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันอยากสั่งอะไรนายก็ได้ใช่ไหม” เธอพู
“อย่าทำอะไรบ้าๆ อีกนะ” วราลีหันกลับมาค้อนขวับพร้อมทั้งพูดกับเขาเสียงดุๆ“ไหมก็รู้ว่าห้ามผมไม่ได้”“ถ้าคิดจะล่วงเกินไหมอีก ไหมจะ..” เธอหยุดพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าคนอย่างเธอจะสามารถทำอะไรเขาได้“จะ..อะไรครับยาหยี”“ถอยไปนะ ไหมจะไปอาบน้ำ” เธอพูดจะสะบัดตัวออกแต่ครั้งนี้กลับเป็นอิสระอย่างง่ายดาย เพราะเขายอมปล่อยเธอแต่โดยดีวราลีรีบเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำอย่างไม่ยอมเสียเวลาเพราะกลัวคนบ้านั่นจะทำอะไรบ้าๆ กับเธออีก อาบน้ำเสร็จกลับออกมาพร้อมกับใส่เสื้อคลุมอย่างมิดชิดและดวงตากลมโตของเธอหันมามองเขาที่ยังคงนอนสบายใจอยู่บนที่นอนเช่นเดิม สายตาของเขามองเธอทุกอิริยาบถจนเธอแทบจะเดินขาขวิดภีรวัจน์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะลุกจากเตียงแล้วแกล้งเดินเฉียดเธอไปเข้าอาบน้ำบ้างวราลีแต่งตัวเสร็จและนั่งรอเขาอยู่ที่เตียง เธอหันหลังให้เขาตั้งแต่เห็นเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ คนบ้านั่นหน้าไม่อายสักนิดกับการที่ต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าเธอ แต่เธอเขินอายเกินกว่าจะมองภาพนั้นได้ภีรวัจน์เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวหลังจากที่เขาแต่งตัวเสร็จ เขามานั่งซ้อนข้างหลังและสอดมือเข้ามาที่เอวคอดของเธอ“พี่เคน”เขาไม่ตอบแต่ฝังจมูกลงบนซอกคอข
เขาผละลุกขึ้นจากร่างเปลือยเปล่าของเธออย่างรวดเร็วก่อนจะตรงเข้าไปยังห้องน้ำ และเปิดฝักบัวเพื่อให้สายน้ำเย็นๆ ดับความร้อนระอุและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขาจนรวดร้าวในตอนนี้ภาพการตอบสนองที่ร้อนแรงอย่างไม่รู้ตัวของวราลียังตามหลอกหลอนเขาทำเอาเขาแทบคลั่งและต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่เปิดประตูห้องน้ำกลับออกไปหาเธออีกครั้งวราลีควานหาเสื้อนอนมาใส่อย่างอับอาย ร่างกายเธอยังสั่นเทาจากพิษของแรงปรารถนาที่เพิ่งดับมอดลง เธอไม่รู้จะสู้หน้าเขาอย่างไรทั้งๆ ที่ปากตะโกนบอกว่าเกลียดเขา แต่ร่างกายเธอกลับตอบสนองเขาอย่างร้อนแรงราวกับสาวร้อนรักไม่มีผิดภีรวัจน์กลับออกมาอีกครั้ง หลังจากที่สายน้ำช่วยบรรเทาความร้อนระอุของเขาลงไปได้จนเกือบเป็นปกติวราลีนั่งอยู่ที่เตียงโดยใช้ผ้าห่มพันร่างของตัวเองเอาไว้อย่างหนาแน่น ตาสองคู่ประสานกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์อันวาบหวามไปหญิงสาวหน้าแดงและเสหลบตาเขาอย่างอับอายเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาอันน่าอับอายของตัวเองเขาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเธอ ก่อนจะเดินลงมานั่งที่เตียงข้างๆ เธอ วราลีสะดุ้งและตะครุบชายผ้าห่มเอาไว้แน่น“ตลกน่าไหม นึกว่าผ้าห่มแค่นี้จะช่







