LOGINความสวยในระดับดาวคณะของภีรดาทำให้เป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ ทั้งในคณะและนอกคณะ วันนี้เป็นวันสมัครสมาชิกชมรม ทุกคนต่างฮือฮาเมื่อภีรดาก้าวเข้ามาในชมรมนี้โดยเฉพาะหนุ่มที่ต่างตกตะลึงในความสวยของภีรดา ยกเว้นภวินท์ที่มองเธอนิ่งๆ
“มาสมัครสมาชิกชมรมค่ะพี่” เสียงหวานๆ พร้อมทั้งรอยยิ้มที่สดใสของเธอที่ส่งให้กับทุกคนยิ่งทำให้ทุกคนประทับใจในตัวเธอมากยิ่งขึ้น
“ยินดีครับ” เสียงของรัฐศาสตร์เอ่ยขึ้น พร้อมกับเดินเข้ามาหาสาวสวยอย่างภีรดาอย่างกระตือรือร้น รัฐศาสตร์เป็นรองประธานชมรม โดยประธานชมรมก็คือภวินท์ ทั้งสองคนเป็นนักศึกษาของคณะวิศวกรรมศาสตร์ปีสาม เขามีความหล่อในระดับเดือนคณะอีกทั้งฐานะทางบ้านอยู่จัดอยู่ในขั้นมหาเศรษฐี จึงเป็นที่หมายตาต้องใจของสาวๆ เกือบครึ่งค่อนมหาวิทยาลัย แต่เขากลับไม่เคยถูกใจใครจริงจังเท่ากับภีรดาซึ่งเพิ่งได้เห็นเป็นครั้งแรก
“ผมรัฐศาสตร์เรียกสั้นๆว่าแทนก็ได้ครับ ยินดีต้อนรับครับ” เขาแนะนำตัวเองอย่างสุภาพ
“ค่ะพี่แทน ชื่อพิมค่ะ” ภีรดาแนะนำตัวกับเขาพร้อมทั้งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เธอลอบมองภวินท์ที่ทำหน้านิ่งๆ อยู่ข้างหลัง
ภีรดาผละจากรัฐศาสตร์ตรงไปหาภวินท์ทันที ทำเอาทุกคนมองตามอย่างสงสัย
“ขอใบสมัครด้วยค่ะท่านประธาน”
ภวินท์มองหน้าเธอนิ่งๆ เธอคงตั้งใจมาป่วนเขาอีกตามเคยเขาลอบถอนหายใจก่อนจะหยิบใบสมัครส่งให้เธอ
“ต้องกรอกอะไรบ้างคะ” เธอถามต่อ
“เชิญทางนี้ดีกว่าครับเดี๋ยวพี่แนะนำให้” รัฐศาสตร์เข้ามาแทรกไว้
“ค่ะขอบคุณค่ะพี่แทน” เธอยิ้มให้รัฐศาสตร์อีกครั้ง
ภวินท์รู้สึกขัดหูขัดตาแปลกๆ เมื่อเห็นภีรดายอมให้รัฐศาสตร์เอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดีและโดยเฉพาะเวลาเธอโปรยยิ้มให้รัฐศาสตร์ราวกับจะยั่วยวน เขาจึงเดินเลี่ยงออกจากห้องนั้น
“จะไปไหนวะไก่”
“ไปธุระ” เขาบอกสั้นก่อนจะก้าวออกไป ภีรดาลอบมองตาม เขาคงจะรังเกียจไม่อยากให้เธอมาร่วมกิจกรรมกับเขาสินะเธอคิดอย่างน้อยใจน้ำตาพาลจะไหลออกมาเอาดื้อๆ แต่ก็ยังฝืนยิ้ม
“พี่ไปส่งนะครับ” รัฐศาสตร์บอก
“ค่ะ” ภีรดาตอบรับอย่างไม่ค่อยยินดียินร้าย
“น้องพิมโอเคนะครับ” รัฐศาสตร์ถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าซีดๆ ของภีรดา
“ค่ะ” เธอบอกก่อนจะเดินนำออกไปพร้อมเขา
ภวินท์แอบมองภาพตรงหน้าอย่างหงุดหงิด จะว่าไปสองคนนั่นก็เหมาะสมกันดีทั้งหน้าตาและฐานะ ดีซะอีกยัยคุณหนูนั่นจะได้ไม่ตามกวนใจเขาบอก ภวินท์บอกตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกเป็นครั้งที่สอง
“ไปไหนมาวะไก่” รัฐศาสตร์ถามเมื่อเห็นภวินท์เดินกลับเข้ามาอีกครั้ง
“แถวนี้แหละ” เขาบอกสั้นๆ ก่อนจะกลับไปนั่งที่เดิม
“น้องพิมทำท่าเหมือนรู้จักกับนาย” รัฐศาสตร์ถามในสิ่งที่เขาสงสัยทันที
“เป็นเพื่อนของน้อง” ภวินท์ตอบสั้นๆ
“เอ้าก็ไม่บอก สวยและน่ารักมากเลยคนนี้เราชอบว่ะ” รัฐศาสตร์สารภาพกับภวินท์ตรงๆ
“เป็นอะไรไปวะไก่ วันนี้ดูพูดน้อยๆ” เพื่อนอีกคนถาม
“เปล่า”
“เออ ขรึมเข้าไป”
ปริ๊น...น
เสียงแตรรถดังขึ้นเบื้องหลังในขณะที่ภวินท์กำลังจะเดินไปยังป้ายรถเมล์ทำให้เขาหยุดชะงักและหันกลับไปมอง
“นี่นาย” ภีรดาปิดกระจกลงและส่งเสียงเรียกเขา เขามองหน้าเธอนิ่งและเดินต่อไปอย่างไม่สนใจ ภีรดาเลื่อนรถตามและบีบแตรใส่เขาอีกครั้ง
“ฉันเรียกไม่ได้ยินหรือไง”
“มีอะไร” เขาถามห้วนๆ
“ฉันจะไปหาไหมที่บ้านนายขึ้นรถสิ จะได้ไปพร้อมกัน”
“ผมไปเองได้” เขาบอกอย่างไม่ใส่ใจในคำชวนของเธอและทำท่าจะเดินต่อ
“ก็เอาสิ ฉันจะบีบแตรจนกว่านายจะยอมขึ้นรถ” ว่าแล้วภีรดาก็ทำตามที่เธอพูดจริงๆ คนทั้งบริเวณนั้นหันมามอง
ภวินท์มองเธออย่างหงุดหงิดก่อนจะยอมเปิดประตูรถขึ้นมานั่งข้างๆ เธอ ภีรดาแอบยิ้มอย่างพอใจ สาวน้อยออกรถทันทีหลังจากนั้น
กระโปรงที่สั้นคืบเดียวของภีรดาร่นขึ้นไปเผยให้เห็นต้นขาเรียวของเธอที่โผล่พ้นกระโปรงออกมาอย่างหวาดเสียว ภวินท์มองอย่างไม่เกรงใจทำเอาภีรดาหน้าร้อนผ่าวกับการมองแบบแทะโลมของเขา
“นี่นายมองอะไร” เธอหันไปแหวใส่เขา
“ก็ที่ใส่อย่างนี้เพราะอยากให้ผู้ชายมองไม่ใช่เหรอ” เขาตอบอย่างยียวนในขณะที่สายตายังไม่ละจากต้นขาของเธอ
“หยุดมองเดี๋ยวนี้นะ”
“อายเป็นด้วยเหรอ”
“ไอ้พี่ไก่บ้า ฉันจะไปฟ้องไหมว่าพี่ชายที่แสนดีของเขาที่แท้ก็ทำตัวได้หื่นพอๆ กับผู้ชายคนอื่นๆ”
“ก็เหมือนคุณที่ชอบแต่งตัวยั่วยวนผู้ชายไปวันๆ”
“ฉันแต่งตัวยั่วใครพูดให้ดีๆ นะ”
“เป็นคนมีปมด้อยหรือใจฝักใฝ่เรื่องพรรค์นั้นอยู่แล้ว” เขาว่าเธออย่างเจ็บแสบ
“ไอ้พี่ไก่ปากร้าย” เธอเริ่มเสียงดังอย่างเหลืออดกับความปากร้ายของเขา
“ทำไมแค่นี้ทนฟังไม่ได้เหรอ”
“นี่นายหยุดว่าฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“ทำไมผมจะต้องเชื่อคุณด้วย”
ภีรดาหักพวงมาลัยเข้าข้างทางและดับเครื่องยนต์ ก่อนจะหันไปทางเขาและรัวกำปั้นใส่เขาไม่ยั้ง ภวินท์รวบมือเธอเอาไว้
“ถ้าคุณยังไม่หยุดอาละวาด คุณโดนปล้ำในรถแน่” เขาพูดเสียงดุดัน
“นายจะกล้าทำอะไรฉัน” ภีรดาไม่มีทีท่าว่าจะกลัวคำขู่ของเขาเพราะเธอโกรธเขาจนเกินกว่าจะกลัวอะไรแล้ว
“งั้นก็ลองดู” พูดจบภวินท์ก็รวบร่างของภีรดาเข้าไปกอดไว้ หญิงสาวดิ้นขลุกขลักในวงแขนของเขา
ภวินท์จ้องริมฝีปากคนอวดดีชั่วขณะก่อนจะกดริมฝีปากของเขาอย่างรวดเร็ว ภีรดารู้สึกเจ็บเล็กน้อยแต่เธอก็ยินยอมให้เขาจูบแต่โดยดี
“คุณเมธิน” เขาตอบเรียบๆ“แล้วยังไงคะ” เธอถามเขาต่อแต่ลำคอเริ่มตีบตัน“ถ้าคุณจะถอนหมั้นแล้วไปคบกับเขาผมก็ยินดีนะ” น้ำเสียงที่พูดราวกับไม่รู้สึกยินดียินร้ายของเขาบาดลึกลงไปในหัวใจของภีรดาอย่างไม่เคยรู้สึกเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกที่เขาคิดจะผลักไสเธอให้คนอื่นมันเหมือนเธอไม่เคยมีความหมายอะไรต่อเขาเลย ทำให้ภีรดาต้องเมินหน้าหนีจากใบหน้าเข้มๆ ของเขาภวินท์มาจอดรถส่งเธอที่หน้าบ้านหลังจากที่ภีรดานั่งเงียบมาตลอดทาง“ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผม” เขาหันมาพูดก่อนที่ภีรดาจะเปิดประตูรถลงไป“พิมไม่เคยมีความหมายอะไรกับพี่เลยใช่ไหมคะ” เธอหันไปถามเขาอย่างเจ็บปวด น้ำเสียงสั่นเครือ“พิม” เขาเรียกเธอย่างตกใจ“พี่ไก่มีหัวใจบ้างหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยอย่างตัดพ้อ น้ำตาที่สกัดกั้นไว้ตลอดทางเริ่มไหลออกมาเต็มสองแก้ม พร้อมกับกำปั้นน้อยๆ ที่หันไปทุบที่หน้าอกเขาติดๆ กันเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจมาตลอด เขารวบมือของเธอไว้“ปล่อยนะ” เธอหันไปแหวใส่เขาทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดร้องไห้“หยุดร้องไห้ก่อนแล้วพูดกันดีๆ” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนลง“ไม่หยุด พิมเกลียดพี่ไก่ ใช่...พิมมันบ้า บ้าที่หลงรักพี่ ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเห็นพิมอ
“พิมเป็นเหน็บค่ะสงสัยจะนั่งนาน”เขาช้อนร่างบางของเธอไว้ในวงแขน ก่อนจะเดินไปที่โซฟาตัวยาวที่อยู่ใกล้ๆ และวางลง ภวินท์นั่งลงข้างล่าง ถอดรองเท้าเธอออก แล้วนวดให้อย่างเบามือ ทำให้ภีรดานึกไปถึงเมื่อสี่ปีก่อนที่เธอเคยแกล้งเขาและเขาต้องนวดให้เธอแบบนี้ หญิงสาวเริ่มหน้าแดงเมื่อนึกถึงตอนที่เขาจูบเธอเป็นครั้งแรกหลังจากนั้น“ดีขึ้นหรือยัง”“ก็เอ่อค่ะ” ในยามนี้ภีรดาเหมือนนางอายทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมด เพราะไม่คิดว่าเขาจะอ่อนโยนกับเธอได้ขนาดนี้ภวินท์จึงหัวเราะกับท่าทางเงอะงะของคู่หมั้นสาว“พิมครับเป็นอะไรไปครับ” คำพูดของเขายิ่งทำเอาเธออ่อนยวบจนแทบละลาย คนอย่างเขาพูดเพราะกับเธอได้ขนาดนี้เลยเหรอ“พี่ไก่คะ”“ครับว่าไง”“ไม่ว่าอะไรพิมใช่ไหมคะที่พิมจะเรียกว่าพี่ไก่”“ไม่ว่าครับเพียงแต่มันไม่ชิน”“แล้วถ้าถอนหมั้นกันแล้ว พิมยังจะเรียกเหมือนเดิมได้หรือเปลา” ภีรดาถามต่อแต่คำถามของเธอทำให้เขาหน้าตึงขึ้นมาทันที“ตามใจสิ” เขาตอบห้วนๆ และทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้น ภีรดาลุกขึ้นและดึงแขนเข้าไว้“เดี๋ยวก่อนค่ะ โกรธพิมเหรอคะ” เธอพูดอย่างงอนง้อ“ไม่ได้โกรธ”“แล้วทำไมต้องเดินหนีพิมล่ะคะ”“ก็แค่คู่หมั้นกำมะลอจะใส่ใจอะไรกั
“ไม่นะคะพี่เคน” เธอปฏิเสธทันที“พี่คงไม่ยอมให้เรื่องมันผ่านแล้วผ่านเลยไปอย่างแน่นอน พิมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูคุณพ่อคุณแม่ท่านคงไม่ทำแค่ที่พี่ทำแน่”คำพูดที่เด็ดขาดของภีรวัจน์ทำให้เธอรู้ว่าเธอหมดทางปฏิเสธ แล้วภวินท์ล่ะจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาจะรู้สึกอึดอัดแค่ไหนที่ต้องหมั้นกับเธอทั้งๆ ที่ไม่ได้รักภีรดาถูกภีรวัจน์สั่งให้ย้ายแผนกมาฝึกงานกับฝ่ายบัญชีหลังจากนั้น หากเป็นแต่ก่อนเธอคงไม่ยอมพี่ชายง่ายๆ แบบนี้แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่านั่นเป็นการดีสำหรับเธอ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภวินท์ในตอนนี้วราลีทราบข่าวเรื่องนี้จากปากของภีรดา ทำให้เธอตื่นเต้นไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะได้เพื่อนรักมาเป็นพี่สะใภ้ในที่สุด เธอรู้ว่าภีรดาแอบชอบภวินท์มาหลายปีแล้ว แต่พี่ชายของเธอก็เอาแต่เมินเฉยและเย็นชาใส่ภีรดามาตั้งแต่แรกเช่นกัน เธอรู้สึกดีใจแทนภีรดาอย่างมากแต่ก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่รู้ว่าภีรวัจน์เป็นผู้บังคับให้ภวินท์หมั้นกับภีรดา คนร้ายกาจนั่นชอบวางอำนาจและชอบสั่งให้คนนั้นคนนี้ทำตามที่ตัวเองต้องการอยู่ร่ำไป โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจเขาสักนิดความห่างเหินระหว่างภวินท์กับภีรดาเริ่มมากขึ้นเ
ภวินท์เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งบริษัท เพราะนอกจากเขาจะหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขายังวางตัวได้ดีและทำงานเก่งจนมีความก้าวหน้า ในหน้าที่การงานมากกว่าคนหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวกัน ภีรดาเองก็เคยเห็นผู้หญิงมองตามเขาหลายครั้งหญิงสาวลุกขึ้นและเดินตรงมาหาเขาที่โต๊ะ เธอยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะและไม่ยอมขยับไปไหน ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองเธอนิดหนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงสนใจงานตรงหน้าต่อ“งานของคุณเสร็จแล้วเหรอ” ภีรดารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่เขาพูดกับเธอแต่ไม่ยอมมองหน้าสักนิด“ยัง”“อ้อลืมไปว่าคุณเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัท แต่อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ส่วนผมมันแค่ลูกจ้างต้องทำงานให้คุ้มเงินเดือน” ภีรดาหน้าชาเพราะเหมือนเขากำลังย้อนสิ่งที่เธอเคยพูดเอาไว้เพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น“ก็บอกแล้วไงว่าฉันขอโทษ” ภีรดาพูดอย่างงอนง้อ“ขอโทษเรื่องอะไร”“ก็ที่ฉันพูดไม่ดีกับนายวันก่อน”“คุณก็พูดถูกนี่” เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจคำขอโทษของเธอสักนิด“เมื่อไหร่นายจะหายโกรธฉันซักที”“ผมคงไม่บังอาจไปโกรธลูกสาวนายจ้างอย่างคุณหรอกครับ” น้ำเสียงเขาราบเรียบและห่างเหินจนภีรดาเริ่มจะหมดความอดทน“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันอยากสั่งอะไรนายก็ได้ใช่ไหม” เธอพู
“อย่าทำอะไรบ้าๆ อีกนะ” วราลีหันกลับมาค้อนขวับพร้อมทั้งพูดกับเขาเสียงดุๆ“ไหมก็รู้ว่าห้ามผมไม่ได้”“ถ้าคิดจะล่วงเกินไหมอีก ไหมจะ..” เธอหยุดพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าคนอย่างเธอจะสามารถทำอะไรเขาได้“จะ..อะไรครับยาหยี”“ถอยไปนะ ไหมจะไปอาบน้ำ” เธอพูดจะสะบัดตัวออกแต่ครั้งนี้กลับเป็นอิสระอย่างง่ายดาย เพราะเขายอมปล่อยเธอแต่โดยดีวราลีรีบเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำอย่างไม่ยอมเสียเวลาเพราะกลัวคนบ้านั่นจะทำอะไรบ้าๆ กับเธออีก อาบน้ำเสร็จกลับออกมาพร้อมกับใส่เสื้อคลุมอย่างมิดชิดและดวงตากลมโตของเธอหันมามองเขาที่ยังคงนอนสบายใจอยู่บนที่นอนเช่นเดิม สายตาของเขามองเธอทุกอิริยาบถจนเธอแทบจะเดินขาขวิดภีรวัจน์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะลุกจากเตียงแล้วแกล้งเดินเฉียดเธอไปเข้าอาบน้ำบ้างวราลีแต่งตัวเสร็จและนั่งรอเขาอยู่ที่เตียง เธอหันหลังให้เขาตั้งแต่เห็นเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ คนบ้านั่นหน้าไม่อายสักนิดกับการที่ต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าเธอ แต่เธอเขินอายเกินกว่าจะมองภาพนั้นได้ภีรวัจน์เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวหลังจากที่เขาแต่งตัวเสร็จ เขามานั่งซ้อนข้างหลังและสอดมือเข้ามาที่เอวคอดของเธอ“พี่เคน”เขาไม่ตอบแต่ฝังจมูกลงบนซอกคอข
เขาผละลุกขึ้นจากร่างเปลือยเปล่าของเธออย่างรวดเร็วก่อนจะตรงเข้าไปยังห้องน้ำ และเปิดฝักบัวเพื่อให้สายน้ำเย็นๆ ดับความร้อนระอุและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขาจนรวดร้าวในตอนนี้ภาพการตอบสนองที่ร้อนแรงอย่างไม่รู้ตัวของวราลียังตามหลอกหลอนเขาทำเอาเขาแทบคลั่งและต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่เปิดประตูห้องน้ำกลับออกไปหาเธออีกครั้งวราลีควานหาเสื้อนอนมาใส่อย่างอับอาย ร่างกายเธอยังสั่นเทาจากพิษของแรงปรารถนาที่เพิ่งดับมอดลง เธอไม่รู้จะสู้หน้าเขาอย่างไรทั้งๆ ที่ปากตะโกนบอกว่าเกลียดเขา แต่ร่างกายเธอกลับตอบสนองเขาอย่างร้อนแรงราวกับสาวร้อนรักไม่มีผิดภีรวัจน์กลับออกมาอีกครั้ง หลังจากที่สายน้ำช่วยบรรเทาความร้อนระอุของเขาลงไปได้จนเกือบเป็นปกติวราลีนั่งอยู่ที่เตียงโดยใช้ผ้าห่มพันร่างของตัวเองเอาไว้อย่างหนาแน่น ตาสองคู่ประสานกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์อันวาบหวามไปหญิงสาวหน้าแดงและเสหลบตาเขาอย่างอับอายเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาอันน่าอับอายของตัวเองเขาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเธอ ก่อนจะเดินลงมานั่งที่เตียงข้างๆ เธอ วราลีสะดุ้งและตะครุบชายผ้าห่มเอาไว้แน่น“ตลกน่าไหม นึกว่าผ้าห่มแค่นี้จะช่







