LOGINภวินท์เหมือนได้ใจเมื่อรู้สึกว่าภีรดาจูบตอบเขาทำให้เขาเดินหน้าสั่งสอนเธอต่อเมือของเขาเลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนของเธอ ก่อนจะปลดตะขอเสื้อชั้นในที่เป็นแบบปลดจากด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
มือของเขาเลื่อนไปสัมผัสความอวบหยุ่นของหน้าอกกลมของเธอข้างหนึ่งก่อนเค้นคลึงอย่างหนักหน่วง ภีรดารู้สึกเสียวซ่านไปทั่วช่องท้องกับการถูกสัมผัสอย่างวาบหวามครั้งแรกในชีวิต เธอแทบจะเปล่งเสียงครางออกมาดังๆ ถ้าปากของเธอไม่ถูกเขาดูดกลืนเอาไว้
ภวินท์ไม่ยอมที่จะถอนริมฝีปากของเขาออกเขายังคงครอบครองปากของเธออย่างต่อเนื่องในขณะที่มือของเขาก็ยังคงบีบเค้นอกอวบทั้งสองข้างของเธออย่างไม่ยั้ง
ภีรดากลับรู้สึกหลงใหลในสัมผัสแบบดุดันของเขาเธอเบียดตัวเข้าหาอย่างเต็มใจ หน้าอกของเธอชูชันขึ้นรับฝ่ามือของเขา
มืออีกข้างของภวินท์เลื่อนต่ำลงไปและสอดเข้าไปในกระโปรงสั้นของเธอ เขาเลื่อนกางเกงตัวจิ๋วลงมาตามเรียวขาของเธอก่อนจะใช้มือของเขาสัมผัสความเปลือยเปล่าของจุดกึ่งกลางของหญิงสาว
ภีรดาสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเมื่อมือหนาของภวินท์กดลงบนส่วนนั้น ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงครอบครองปากของเธอเอาไว้ เธอบิดกายหนีมืออันร้อนระอุของเขาแต่เหมือนกลับยิ่งเหมือนกับอำนวยความสะดวกให้เขาสัมผัสเธอได้ถนัดมากขึ้น ก่อนจะผวากอดเขาแน่นเมื่อไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้ต่อไป
ภวินท์หยุดตัวเองไว้แค่นั้นเขาถอนริมฝีปากออกและเลื่อนมือมาติดตะขอเสื้อให้เธอก่อนจะติดกระดุมเสื้อให้
ภีรดายังคงหน้าแดงและริมฝีปากบวมเจ่อน้อยๆ ร่างกายของเธอยังคงสั่นเทาจากพิษของแรงปรารถนาที่ถูกเขาปลุกขึ้นมา เขายกตัวเธอให้กลับไปนั่งที่เบาะ ในขณะที่กางเกงในตัวสวยของเธอยังไม่ได้ถูกรูดขึ้น สายตาที่มองมาอย่างจงใจของเขาทำภีรดารู้สึกตัวและรีบดึงมันขึ้น
เธอก้มหน้างุดหลบตาคมกล้าของเขาที่มองเธอแทบจะไม่กะพริบตา
“คราวหลังอย่าได้ท้าทายผู้ชายคนไหนอีก” เขาบอกเสียงเข้มๆ
“ไอ้บ้า! ไอ้โรคจิต!” ภีรดาแหวใส่เขาทันที
“ทำไม? ค้างเหรอถึงได้โวยวายขนาดนั้น”
“นายมันน่าเกลียดที่สุด”
“ผมรู้ว่าคุณชอบที่ผมทำ” ภีรดายิ่งหน้าแดงมากขึ้นไปอีกเมื่อเจอคำพูดประโยคนั้นของเขา
“ไอ้บ้า ฉันเกลียดนายที่สุด”
“แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าชอบสิ่งที่ผมทำ”
เขาพูดก่อนจะเดินลงไปจากรถและเปิดประตูฝั่งคนขับที่ภีรดานั่งอยู่
“ผมขับเอง” เขาบอก
“ฉันขับได้”
“ทั้งๆ ที่ตัวยังสั่นอยู่อย่างนี้น่ะเหรอ” เขาพูดอย่างหยันๆ ก่อนจะดึงแขนเธอลง
“ไอ้พี่ไก่โรคจิต” เธอโวยวายใส่หน้าเขาก่อนที่จะยอมให้เขาเป็นฝ่ายขึ้นมาขับรถเอง
“ระวังปากคุณด้วย” เขาบอกพร้อมกับจ้องริมฝีปากที่ยังบวมเจ่ออยู่ของเธอ ทำให้ภีรดาต้องหยุดไว้แค่นั้นก่อนจะนั่งนิ่งๆ ไปตลอดทาง
ในช่วงเย็นของวันนี้วราลีกำลังนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน เธอมองอย่างแปลกใจเมื่อเห็นรถของภีรดาวิ่งมาจอดหน้าบ้านของเธอ โดยมีภวินท์เป็นคนขับ
“อ้าวพี่ไก่กับพิมไปไงมาไงถึงได้มาด้วยกันได้ล่ะคะ”
“มาหาไหมนี่ละจ้ะ” ภีรดาเป็นฝ่ายตอบ
“พี่ไก่กลับเลยเหรอคะ” วราลีถามในขณะที่ภวินท์กำลังจะเดินกลับไปบ้านของเขา
“ครับ” เขาตอบสั้นๆ ภีรดาแอบมองหน้าเขานิดหนึ่งในขณะที่เขาไม่ได้หันมามองเธอด้วยซ้ำ คนอะไรเย็นชาได้ตลอดเวลาทั้งๆ ที่เมื่อกี้ทำท่าเหมือนจะปล้ำเธอ ภีรดาแอบค่อนขอดเขาในใจเหมือนเช่นทุกครั้ง
“พิมมีอะไรกับไหมจ๊ะ” วราลีหันไปถามภีรดาเมื่อภวินท์เดินพ้นไปแล้ว
“พิมจะมาทานข้าวด้วย”
“ได้สิ แล้วทำไมหน้าพิมแดงๆ ไม่สบายหรือเปล่า” วราลีถามต่อเมื่อเห็นหน้าของภีรดา
“คงเพราะอากาศร้อนมั้ง” ภีรดาตอบอย่างแก้เก้อ
“เมื่อกี้ทะเลาะกับพี่ไก่หรือเปล่า”
“ไอ้พี่ไก่โรคจิตของไหมน่ะเหรอ ใครจะอยากไปทะเลาะด้วย” ภีรดาพูดอย่างเง้างอนเมื่อวราลีถามถึงภวินท์
วราลีหัวเราะน้อยๆ เมื่อได้ยินภีรดาเรียกภวินท์ด้วยคำพูดแบบนั้นเป็นครั้งแรก
“พี่ไก่โรคจิตเหรอ โรคจิตยังไงล่ะพิม”
“ก็เขา..” ภีรดาเกือบจะหลุดออกมา
“จ๊ะ ว่าไงพิมพี่โรคจิตยังไง” วราลีมองอย่างสงสัย
“ก็เขาชอบทำหน้าตาย เย็นชาใส่พิม”
“แค่นั้นเหรอ
“ก็แค่นั้นแหละ ไหมน่ะจะมาซักอะไรพิมก็ไม่รู้ พิมหิวแล้วนะ” ภีรดารีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะถูกวราลีซักต่อไปมากกว่านั้น วราลีจึงต้องลุกไปช่วยแม่จัดสำรับอาหารเย็น และกินพร้อมกับภีรดา
คืนนั้นภีรดาดับไฟหัวเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอน เธอคว้าหมอนข้างมากอดไว้ก่อนจะหวนคิดถึงเรื่องที่ชวนวาบหวามที่เกิดขึ้นเมื่อตอนหัวค่ำอีกครั้ง
ภีรดาหน้าแดงอยู่คนเดียวเมื่อรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่านของร่างกายในตอนที่ถูกเขาสัมผัส อีตาพี่ไก่บ้านั่นไม่ได้พูดผิดสักนิดว่าเธอชอบในสิ่งที่เขาทำกับเธอ ภีรดายอมรับอย่างอายๆ ก่อนจะหลับตาลงและยิ้มน้อยๆ
ในช่วงเย็นภีรดาแวะมาที่ชมรมก่อนจะกลับบ้านเพราะเธอต้องมาช่วยกิจกรรมตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไว้ ซึ่งสิ่งที่เธอคาดหวังมากที่สุดในการที่ได้มาทำกิจกรรมร่วมกับชมรมก็คือ การได้มาเห็นหน้าขรึมๆ ของประธานชมรมนั่นเอง
“น้องพิมครับ” รัฐศาสตร์ลุกขึ้นไปหาเธอพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างดีใจ
“สวัสดีค่ะพี่แทน” ภีรดาเอ่ยทักทายตอบ แต่แอบหันไปมองหาใครบางคน
ภวินท์นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งที่เขาเคยนั่งอยู่เป็นประจำแต่เขาไม่ได้นั่งอยู่คนเดียวเหมือนเช่นทุกวัน
“เกษ” รัฐศาสตร์หันไปเรียกแก้วกานต์ที่กำลังนั่งคุยอยู่กับภวินท์อย่างสนิทสนม
“ว่าไงแทน” แก้วกานต์หันมา
ภีรดาลอบสังเกตเป็นครั้งแรก แก้วกานต์ไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยสะดุดตา แต่เป็นผู้หญิงที่น่ารักและมีเสน่ห์จนเธอแอบอิจฉา
“น้องพิมมาช่วยงานชมรม” รัฐศาสตร์แนะนำ
“สวัสดีค่ะพี่เกษ”
“ยินดีต้อนรับนะคะน้องพิม” แก้วกานต์ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“คุณเมธิน” เขาตอบเรียบๆ“แล้วยังไงคะ” เธอถามเขาต่อแต่ลำคอเริ่มตีบตัน“ถ้าคุณจะถอนหมั้นแล้วไปคบกับเขาผมก็ยินดีนะ” น้ำเสียงที่พูดราวกับไม่รู้สึกยินดียินร้ายของเขาบาดลึกลงไปในหัวใจของภีรดาอย่างไม่เคยรู้สึกเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกที่เขาคิดจะผลักไสเธอให้คนอื่นมันเหมือนเธอไม่เคยมีความหมายอะไรต่อเขาเลย ทำให้ภีรดาต้องเมินหน้าหนีจากใบหน้าเข้มๆ ของเขาภวินท์มาจอดรถส่งเธอที่หน้าบ้านหลังจากที่ภีรดานั่งเงียบมาตลอดทาง“ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผม” เขาหันมาพูดก่อนที่ภีรดาจะเปิดประตูรถลงไป“พิมไม่เคยมีความหมายอะไรกับพี่เลยใช่ไหมคะ” เธอหันไปถามเขาอย่างเจ็บปวด น้ำเสียงสั่นเครือ“พิม” เขาเรียกเธอย่างตกใจ“พี่ไก่มีหัวใจบ้างหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยอย่างตัดพ้อ น้ำตาที่สกัดกั้นไว้ตลอดทางเริ่มไหลออกมาเต็มสองแก้ม พร้อมกับกำปั้นน้อยๆ ที่หันไปทุบที่หน้าอกเขาติดๆ กันเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจมาตลอด เขารวบมือของเธอไว้“ปล่อยนะ” เธอหันไปแหวใส่เขาทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดร้องไห้“หยุดร้องไห้ก่อนแล้วพูดกันดีๆ” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนลง“ไม่หยุด พิมเกลียดพี่ไก่ ใช่...พิมมันบ้า บ้าที่หลงรักพี่ ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเห็นพิมอ
“พิมเป็นเหน็บค่ะสงสัยจะนั่งนาน”เขาช้อนร่างบางของเธอไว้ในวงแขน ก่อนจะเดินไปที่โซฟาตัวยาวที่อยู่ใกล้ๆ และวางลง ภวินท์นั่งลงข้างล่าง ถอดรองเท้าเธอออก แล้วนวดให้อย่างเบามือ ทำให้ภีรดานึกไปถึงเมื่อสี่ปีก่อนที่เธอเคยแกล้งเขาและเขาต้องนวดให้เธอแบบนี้ หญิงสาวเริ่มหน้าแดงเมื่อนึกถึงตอนที่เขาจูบเธอเป็นครั้งแรกหลังจากนั้น“ดีขึ้นหรือยัง”“ก็เอ่อค่ะ” ในยามนี้ภีรดาเหมือนนางอายทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมด เพราะไม่คิดว่าเขาจะอ่อนโยนกับเธอได้ขนาดนี้ภวินท์จึงหัวเราะกับท่าทางเงอะงะของคู่หมั้นสาว“พิมครับเป็นอะไรไปครับ” คำพูดของเขายิ่งทำเอาเธออ่อนยวบจนแทบละลาย คนอย่างเขาพูดเพราะกับเธอได้ขนาดนี้เลยเหรอ“พี่ไก่คะ”“ครับว่าไง”“ไม่ว่าอะไรพิมใช่ไหมคะที่พิมจะเรียกว่าพี่ไก่”“ไม่ว่าครับเพียงแต่มันไม่ชิน”“แล้วถ้าถอนหมั้นกันแล้ว พิมยังจะเรียกเหมือนเดิมได้หรือเปลา” ภีรดาถามต่อแต่คำถามของเธอทำให้เขาหน้าตึงขึ้นมาทันที“ตามใจสิ” เขาตอบห้วนๆ และทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้น ภีรดาลุกขึ้นและดึงแขนเข้าไว้“เดี๋ยวก่อนค่ะ โกรธพิมเหรอคะ” เธอพูดอย่างงอนง้อ“ไม่ได้โกรธ”“แล้วทำไมต้องเดินหนีพิมล่ะคะ”“ก็แค่คู่หมั้นกำมะลอจะใส่ใจอะไรกั
“ไม่นะคะพี่เคน” เธอปฏิเสธทันที“พี่คงไม่ยอมให้เรื่องมันผ่านแล้วผ่านเลยไปอย่างแน่นอน พิมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูคุณพ่อคุณแม่ท่านคงไม่ทำแค่ที่พี่ทำแน่”คำพูดที่เด็ดขาดของภีรวัจน์ทำให้เธอรู้ว่าเธอหมดทางปฏิเสธ แล้วภวินท์ล่ะจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาจะรู้สึกอึดอัดแค่ไหนที่ต้องหมั้นกับเธอทั้งๆ ที่ไม่ได้รักภีรดาถูกภีรวัจน์สั่งให้ย้ายแผนกมาฝึกงานกับฝ่ายบัญชีหลังจากนั้น หากเป็นแต่ก่อนเธอคงไม่ยอมพี่ชายง่ายๆ แบบนี้แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่านั่นเป็นการดีสำหรับเธอ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภวินท์ในตอนนี้วราลีทราบข่าวเรื่องนี้จากปากของภีรดา ทำให้เธอตื่นเต้นไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะได้เพื่อนรักมาเป็นพี่สะใภ้ในที่สุด เธอรู้ว่าภีรดาแอบชอบภวินท์มาหลายปีแล้ว แต่พี่ชายของเธอก็เอาแต่เมินเฉยและเย็นชาใส่ภีรดามาตั้งแต่แรกเช่นกัน เธอรู้สึกดีใจแทนภีรดาอย่างมากแต่ก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่รู้ว่าภีรวัจน์เป็นผู้บังคับให้ภวินท์หมั้นกับภีรดา คนร้ายกาจนั่นชอบวางอำนาจและชอบสั่งให้คนนั้นคนนี้ทำตามที่ตัวเองต้องการอยู่ร่ำไป โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจเขาสักนิดความห่างเหินระหว่างภวินท์กับภีรดาเริ่มมากขึ้นเ
ภวินท์เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งบริษัท เพราะนอกจากเขาจะหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขายังวางตัวได้ดีและทำงานเก่งจนมีความก้าวหน้า ในหน้าที่การงานมากกว่าคนหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวกัน ภีรดาเองก็เคยเห็นผู้หญิงมองตามเขาหลายครั้งหญิงสาวลุกขึ้นและเดินตรงมาหาเขาที่โต๊ะ เธอยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะและไม่ยอมขยับไปไหน ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองเธอนิดหนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงสนใจงานตรงหน้าต่อ“งานของคุณเสร็จแล้วเหรอ” ภีรดารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่เขาพูดกับเธอแต่ไม่ยอมมองหน้าสักนิด“ยัง”“อ้อลืมไปว่าคุณเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัท แต่อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ส่วนผมมันแค่ลูกจ้างต้องทำงานให้คุ้มเงินเดือน” ภีรดาหน้าชาเพราะเหมือนเขากำลังย้อนสิ่งที่เธอเคยพูดเอาไว้เพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น“ก็บอกแล้วไงว่าฉันขอโทษ” ภีรดาพูดอย่างงอนง้อ“ขอโทษเรื่องอะไร”“ก็ที่ฉันพูดไม่ดีกับนายวันก่อน”“คุณก็พูดถูกนี่” เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจคำขอโทษของเธอสักนิด“เมื่อไหร่นายจะหายโกรธฉันซักที”“ผมคงไม่บังอาจไปโกรธลูกสาวนายจ้างอย่างคุณหรอกครับ” น้ำเสียงเขาราบเรียบและห่างเหินจนภีรดาเริ่มจะหมดความอดทน“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันอยากสั่งอะไรนายก็ได้ใช่ไหม” เธอพู
“อย่าทำอะไรบ้าๆ อีกนะ” วราลีหันกลับมาค้อนขวับพร้อมทั้งพูดกับเขาเสียงดุๆ“ไหมก็รู้ว่าห้ามผมไม่ได้”“ถ้าคิดจะล่วงเกินไหมอีก ไหมจะ..” เธอหยุดพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าคนอย่างเธอจะสามารถทำอะไรเขาได้“จะ..อะไรครับยาหยี”“ถอยไปนะ ไหมจะไปอาบน้ำ” เธอพูดจะสะบัดตัวออกแต่ครั้งนี้กลับเป็นอิสระอย่างง่ายดาย เพราะเขายอมปล่อยเธอแต่โดยดีวราลีรีบเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำอย่างไม่ยอมเสียเวลาเพราะกลัวคนบ้านั่นจะทำอะไรบ้าๆ กับเธออีก อาบน้ำเสร็จกลับออกมาพร้อมกับใส่เสื้อคลุมอย่างมิดชิดและดวงตากลมโตของเธอหันมามองเขาที่ยังคงนอนสบายใจอยู่บนที่นอนเช่นเดิม สายตาของเขามองเธอทุกอิริยาบถจนเธอแทบจะเดินขาขวิดภีรวัจน์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะลุกจากเตียงแล้วแกล้งเดินเฉียดเธอไปเข้าอาบน้ำบ้างวราลีแต่งตัวเสร็จและนั่งรอเขาอยู่ที่เตียง เธอหันหลังให้เขาตั้งแต่เห็นเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ คนบ้านั่นหน้าไม่อายสักนิดกับการที่ต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าเธอ แต่เธอเขินอายเกินกว่าจะมองภาพนั้นได้ภีรวัจน์เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวหลังจากที่เขาแต่งตัวเสร็จ เขามานั่งซ้อนข้างหลังและสอดมือเข้ามาที่เอวคอดของเธอ“พี่เคน”เขาไม่ตอบแต่ฝังจมูกลงบนซอกคอข
เขาผละลุกขึ้นจากร่างเปลือยเปล่าของเธออย่างรวดเร็วก่อนจะตรงเข้าไปยังห้องน้ำ และเปิดฝักบัวเพื่อให้สายน้ำเย็นๆ ดับความร้อนระอุและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขาจนรวดร้าวในตอนนี้ภาพการตอบสนองที่ร้อนแรงอย่างไม่รู้ตัวของวราลียังตามหลอกหลอนเขาทำเอาเขาแทบคลั่งและต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่เปิดประตูห้องน้ำกลับออกไปหาเธออีกครั้งวราลีควานหาเสื้อนอนมาใส่อย่างอับอาย ร่างกายเธอยังสั่นเทาจากพิษของแรงปรารถนาที่เพิ่งดับมอดลง เธอไม่รู้จะสู้หน้าเขาอย่างไรทั้งๆ ที่ปากตะโกนบอกว่าเกลียดเขา แต่ร่างกายเธอกลับตอบสนองเขาอย่างร้อนแรงราวกับสาวร้อนรักไม่มีผิดภีรวัจน์กลับออกมาอีกครั้ง หลังจากที่สายน้ำช่วยบรรเทาความร้อนระอุของเขาลงไปได้จนเกือบเป็นปกติวราลีนั่งอยู่ที่เตียงโดยใช้ผ้าห่มพันร่างของตัวเองเอาไว้อย่างหนาแน่น ตาสองคู่ประสานกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์อันวาบหวามไปหญิงสาวหน้าแดงและเสหลบตาเขาอย่างอับอายเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาอันน่าอับอายของตัวเองเขาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเธอ ก่อนจะเดินลงมานั่งที่เตียงข้างๆ เธอ วราลีสะดุ้งและตะครุบชายผ้าห่มเอาไว้แน่น“ตลกน่าไหม นึกว่าผ้าห่มแค่นี้จะช่







