LOGINภีรดามองภวินท์ที่พูดคุยกับแก้วกานต์อย่างสนิทสนม สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายและเป็นกันเองเมื่ออยู่กับแก้วกานต์ ซึ่งต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับยามที่เขาอยู่กับเธอ
“วันนี้น้องพิมกลับยังไงครับ” รัฐศาสตร์ถามหลังจากที่เสร็จงานแล้ว
“กลับแท็กซี่ค่ะ วันนี้พิมไม่ได้เอารถมา”
“ให้พี่ไปส่งนะครับ” เขารีบอาสา
ตอนแรกภีรดาตั้งใจจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่ยินดียินร้ายของภวินท์ ทำให้เธอเปลี่ยนใจรับปากรัฐศาสตร์ไป
“ดูพี่เกษกับเอ่อ...ประธานชมรมของเราสนิทกันมากนะคะ” ภีรดาถามรัฐศาสตร์ในขณะที่เขาขับรถมาส่งเธอ
“ใช่ พี่ไม่เคยเห็นไก่สนิทกับผู้หญิงคนไหนเลยนะนอกจากเกษ”
“งั้นเหรอคะ”
“แต่จะว่าไปเขาก็เหมาะกันดีนะ เก่งทั้งคู่” รัฐศาสตร์ยังพูดต่อเรื่อยๆ โดยไม่ได้สังเกตสีหน้าของภีรดาว่าตอนนี้ซีดลงไปถนัดตา
“เขาเป็นแฟนกันเหรอคะ” ภีรดาถามอย่างเจ็บปวด
“ไม่รู้สิครับ แต่พี่ก็ไม่เคยเห็นไก่มีใครนะ”
“เหรอคะ” ภีรดาเริ่มเหม่อลอย
“แล้วน้องพิมเอ่อ...มีใครหรือยังครับ” รัฐศาสตร์ถามทันทีเมื่อได้โอกาส
“หมายถึงแฟนเหรอคะ” เธอหันไปถามเขา
“ครับ”
“ยังหรอกค่ะ” คำตอบของภีรดาทำให้รัฐศาสตร์ยิ้มได้ทันที
“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอเป็นเพื่อนสนิทสักคนจะได้หรือเปล่าครับ”
“แค่เพื่อนใช่ไหมคะ” ภีรดาตามอย่างรู้ทันและรีบดักคอ
“ครับ...แต่ถ้าเป็นได้มากกว่านั้นก็คงจะดี”
“ถ้าแค่เพื่อนก็ได้ค่ะ” เธอบอกพร้อมกับยิ้มให้เขา
ภวินท์กลับถึงบ้านในตอนค่ำก่อนจะอาบน้ำและนั่งอ่านหนังสือตามปกติ แต่วันนี้เขากลับรู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่ไม่มีสมาธิอ่านหนังสืออย่างที่ควรจะเป็น
ภาพที่คุณหนูขี้วีนก้าวขึ้นรถของรัฐศาสตร์อย่างสนิทสนม มันตามมารบกวนจิตใจเขาอย่างบอกไม่ถูก และโดยเฉพาะเมื่อหวนคิดไปถึงกระโปรงสั้นๆ ที่ภีรดาใส่มาวันนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก
ถ้าภีรดาปล่อยให้เพื่อนของเขาทำอะไรๆ เหมือนที่เขาทำกับเธอล่ะ ยิ่งคิดภวินท์ก็ยิ่งแทบนั่งไม่ติด ความกระวนกระวายพลุ่งพล่านใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“วันนี้แฟนนายไม่มาเหรอ” ภีรดาถามทันทีเมื่อมีโอกาสได้อยู่กันตามลำพังที่ชมรมในวันต่อมา
ภวินท์มองหน้าเธอนิ่งๆ ทั้งๆ ที่นึกอยากจะกระชากร่างบางที่ช่างก่อกวนของเธอเข้ามาจูบสั่งสอนให้สาสม
“อย่ามามองฉันแบบนั้นนะ ฉันพูดอะไรผิด”
“ผมไม่มีเวลามาฟังเรื่องไร้สาระของคุณ” เขาพูดราวกับเธอไม่เคยทำอะไรเข้าท่าเลยในสายตาเขา
“ทำไมกลัวจะเสียฟอร์มมากหรือไงที่ฉันรู้ว่าคนขี้เก๊กอย่างนาย ที่แท้ก็แอบมีแฟน” ภีรดายังไม่ยอมเขาง่ายๆ
“ถ้าคิดฝักใฝ่เรื่องนี้มากล่ะก็ไปคุยกับนายแทนโน่น” เขาพูดอย่างไม่ใยดี
“นายต้องการแบบนั้นใช่ไหม” ภีรดารู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดที่เหมือนผลักไสเธอให้คนอื่นของเขา
“แล้วแต่คุณสิ”
“ถ้านายอยากให้เป็นแบบนั้นก็ได้” เธอยิ้มเยาะตัวเอง
“น้องพิม” รัฐศาสตร์เดินเข้ามาพอดีในจังหวะนั้น
“พี่แทนมาพอดีเลยค่ะพิมกำลังคิดถึง” เธอบอกพร้อมกับเดินไปเกาะแขนเขาอย่างสนิทสนม รัฐศาสตร์รู้สึกแปลกใจในท่าทีของภีรดาแต่ก็พอใจที่เธอทำตัวน่ารักกับเขาเช่นนั้น
“วันนี้น้องพิมน่ารักจังครับ”
“แล้วทุกวันพิมไม่น่ารักเหรอคะ” ภีรดาพูดอย่างเง้างอน
“น่ารักครับแต่วันนี้น่ารักเป็นพิเศษ”
“เฉพาะกับคนพิเศษอย่างพี่แทนค่ะ”
“หวานกันจัง” เพื่อนอีกคนแซวทันทีเมื่อได้ยินบทสนทนาของภีรดาและรัฐศาสตร์
ภวินท์กลับเอาแต่นั่งนิ่งๆ และทำงานของเขาไปเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับภาพตรงหน้ามากนักแต่ใครจะรู้ว่าในใจเขาตอนนี้ร้อนรุ่มแค่ไหน
ภีรดาได้แต่เก็บความเจ็บปวดไว้ในใจคนเดียว นานแค่ไหนแล้วนะที่เธอเฝ้ารักเฝ้ารอแต่เขามาตลอด นานแค่ไหนที่เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา และได้แต่แอบหวังว่าสักวันสายตาที่เขามองเธอคงจะไม่ว่างเปล่าเหมือนที่ผ่านมา
แต่มาถึงวันนี้ถึงเวลาหรือยังที่จะต้องทบทวนความรู้สึกของตัวเองใหม่ว่าจะต้องทุกข์ทนกับความเจ็บปวดได้มากน้อยสักแค่ไหน เมื่อในตอนนี้ภวินท์ที่เธอรักมีเจ้าของหัวใจแล้ว และเขายังผลักไสเธอไปให้พ้นจากชีวิตด้วยการยัดเยียดเธอให้กับคนอื่น
มิหนำซ้ำภาพของความสนิทสนมระหว่างภวินท์และแก้วกานต์ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันให้กับเธอเป็นอย่างดี ว่าภวินท์ไม่มีทางมองเธอเป็นอย่างอื่นไปได้
น้ำตาที่พยายามจะหักห้ามมันเอาไว้ไหลออกมาเป็นทาง คืนนี้ช่างต่างกับคืนที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง ความรู้สึกปลาบปลื้มวาบหวามยามที่ถูกเขากอดจูบมันคงเป็นความรู้สึกของเธอฝ่ายเดียวสินะ สำหรับเขาการแตะต้องสัมผัสเธอก็คงเป็นไปเพราะต้องการลงโทษเธอก็เท่านั้น
ภวินท์รู้สึกหงุดหงิดบ่อยครั้งในช่วงนี้เพราะรู้สึกขัดใจกับท่าทีห่างเหินของภีรดา ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าอะไรบางอย่างในชีวิตมันขาดหายไปเมื่อไม่เห็นหน้ากวนประสาทของเธอมาตามรบกวนเขาเหมือนปกติ ทำไมเขารู้สึกแปลกๆ เมื่อไม่ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของยัยคุณหนูขี้วีนนั่นมากวนโสตประสาทเขา
“เป็นอะไรไปคะพี่ไก่ ช่วงนี้เหมือนพี่ไก่อารมณ์ไม่ค่อยดี”
“คุณเมธิน” เขาตอบเรียบๆ“แล้วยังไงคะ” เธอถามเขาต่อแต่ลำคอเริ่มตีบตัน“ถ้าคุณจะถอนหมั้นแล้วไปคบกับเขาผมก็ยินดีนะ” น้ำเสียงที่พูดราวกับไม่รู้สึกยินดียินร้ายของเขาบาดลึกลงไปในหัวใจของภีรดาอย่างไม่เคยรู้สึกเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกที่เขาคิดจะผลักไสเธอให้คนอื่นมันเหมือนเธอไม่เคยมีความหมายอะไรต่อเขาเลย ทำให้ภีรดาต้องเมินหน้าหนีจากใบหน้าเข้มๆ ของเขาภวินท์มาจอดรถส่งเธอที่หน้าบ้านหลังจากที่ภีรดานั่งเงียบมาตลอดทาง“ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผม” เขาหันมาพูดก่อนที่ภีรดาจะเปิดประตูรถลงไป“พิมไม่เคยมีความหมายอะไรกับพี่เลยใช่ไหมคะ” เธอหันไปถามเขาอย่างเจ็บปวด น้ำเสียงสั่นเครือ“พิม” เขาเรียกเธอย่างตกใจ“พี่ไก่มีหัวใจบ้างหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยอย่างตัดพ้อ น้ำตาที่สกัดกั้นไว้ตลอดทางเริ่มไหลออกมาเต็มสองแก้ม พร้อมกับกำปั้นน้อยๆ ที่หันไปทุบที่หน้าอกเขาติดๆ กันเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจมาตลอด เขารวบมือของเธอไว้“ปล่อยนะ” เธอหันไปแหวใส่เขาทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดร้องไห้“หยุดร้องไห้ก่อนแล้วพูดกันดีๆ” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนลง“ไม่หยุด พิมเกลียดพี่ไก่ ใช่...พิมมันบ้า บ้าที่หลงรักพี่ ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเห็นพิมอ
“พิมเป็นเหน็บค่ะสงสัยจะนั่งนาน”เขาช้อนร่างบางของเธอไว้ในวงแขน ก่อนจะเดินไปที่โซฟาตัวยาวที่อยู่ใกล้ๆ และวางลง ภวินท์นั่งลงข้างล่าง ถอดรองเท้าเธอออก แล้วนวดให้อย่างเบามือ ทำให้ภีรดานึกไปถึงเมื่อสี่ปีก่อนที่เธอเคยแกล้งเขาและเขาต้องนวดให้เธอแบบนี้ หญิงสาวเริ่มหน้าแดงเมื่อนึกถึงตอนที่เขาจูบเธอเป็นครั้งแรกหลังจากนั้น“ดีขึ้นหรือยัง”“ก็เอ่อค่ะ” ในยามนี้ภีรดาเหมือนนางอายทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมด เพราะไม่คิดว่าเขาจะอ่อนโยนกับเธอได้ขนาดนี้ภวินท์จึงหัวเราะกับท่าทางเงอะงะของคู่หมั้นสาว“พิมครับเป็นอะไรไปครับ” คำพูดของเขายิ่งทำเอาเธออ่อนยวบจนแทบละลาย คนอย่างเขาพูดเพราะกับเธอได้ขนาดนี้เลยเหรอ“พี่ไก่คะ”“ครับว่าไง”“ไม่ว่าอะไรพิมใช่ไหมคะที่พิมจะเรียกว่าพี่ไก่”“ไม่ว่าครับเพียงแต่มันไม่ชิน”“แล้วถ้าถอนหมั้นกันแล้ว พิมยังจะเรียกเหมือนเดิมได้หรือเปลา” ภีรดาถามต่อแต่คำถามของเธอทำให้เขาหน้าตึงขึ้นมาทันที“ตามใจสิ” เขาตอบห้วนๆ และทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้น ภีรดาลุกขึ้นและดึงแขนเข้าไว้“เดี๋ยวก่อนค่ะ โกรธพิมเหรอคะ” เธอพูดอย่างงอนง้อ“ไม่ได้โกรธ”“แล้วทำไมต้องเดินหนีพิมล่ะคะ”“ก็แค่คู่หมั้นกำมะลอจะใส่ใจอะไรกั
“ไม่นะคะพี่เคน” เธอปฏิเสธทันที“พี่คงไม่ยอมให้เรื่องมันผ่านแล้วผ่านเลยไปอย่างแน่นอน พิมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูคุณพ่อคุณแม่ท่านคงไม่ทำแค่ที่พี่ทำแน่”คำพูดที่เด็ดขาดของภีรวัจน์ทำให้เธอรู้ว่าเธอหมดทางปฏิเสธ แล้วภวินท์ล่ะจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาจะรู้สึกอึดอัดแค่ไหนที่ต้องหมั้นกับเธอทั้งๆ ที่ไม่ได้รักภีรดาถูกภีรวัจน์สั่งให้ย้ายแผนกมาฝึกงานกับฝ่ายบัญชีหลังจากนั้น หากเป็นแต่ก่อนเธอคงไม่ยอมพี่ชายง่ายๆ แบบนี้แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่านั่นเป็นการดีสำหรับเธอ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภวินท์ในตอนนี้วราลีทราบข่าวเรื่องนี้จากปากของภีรดา ทำให้เธอตื่นเต้นไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะได้เพื่อนรักมาเป็นพี่สะใภ้ในที่สุด เธอรู้ว่าภีรดาแอบชอบภวินท์มาหลายปีแล้ว แต่พี่ชายของเธอก็เอาแต่เมินเฉยและเย็นชาใส่ภีรดามาตั้งแต่แรกเช่นกัน เธอรู้สึกดีใจแทนภีรดาอย่างมากแต่ก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่รู้ว่าภีรวัจน์เป็นผู้บังคับให้ภวินท์หมั้นกับภีรดา คนร้ายกาจนั่นชอบวางอำนาจและชอบสั่งให้คนนั้นคนนี้ทำตามที่ตัวเองต้องการอยู่ร่ำไป โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจเขาสักนิดความห่างเหินระหว่างภวินท์กับภีรดาเริ่มมากขึ้นเ
ภวินท์เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งบริษัท เพราะนอกจากเขาจะหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขายังวางตัวได้ดีและทำงานเก่งจนมีความก้าวหน้า ในหน้าที่การงานมากกว่าคนหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวกัน ภีรดาเองก็เคยเห็นผู้หญิงมองตามเขาหลายครั้งหญิงสาวลุกขึ้นและเดินตรงมาหาเขาที่โต๊ะ เธอยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะและไม่ยอมขยับไปไหน ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองเธอนิดหนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงสนใจงานตรงหน้าต่อ“งานของคุณเสร็จแล้วเหรอ” ภีรดารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่เขาพูดกับเธอแต่ไม่ยอมมองหน้าสักนิด“ยัง”“อ้อลืมไปว่าคุณเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัท แต่อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ส่วนผมมันแค่ลูกจ้างต้องทำงานให้คุ้มเงินเดือน” ภีรดาหน้าชาเพราะเหมือนเขากำลังย้อนสิ่งที่เธอเคยพูดเอาไว้เพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น“ก็บอกแล้วไงว่าฉันขอโทษ” ภีรดาพูดอย่างงอนง้อ“ขอโทษเรื่องอะไร”“ก็ที่ฉันพูดไม่ดีกับนายวันก่อน”“คุณก็พูดถูกนี่” เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจคำขอโทษของเธอสักนิด“เมื่อไหร่นายจะหายโกรธฉันซักที”“ผมคงไม่บังอาจไปโกรธลูกสาวนายจ้างอย่างคุณหรอกครับ” น้ำเสียงเขาราบเรียบและห่างเหินจนภีรดาเริ่มจะหมดความอดทน“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันอยากสั่งอะไรนายก็ได้ใช่ไหม” เธอพู
“อย่าทำอะไรบ้าๆ อีกนะ” วราลีหันกลับมาค้อนขวับพร้อมทั้งพูดกับเขาเสียงดุๆ“ไหมก็รู้ว่าห้ามผมไม่ได้”“ถ้าคิดจะล่วงเกินไหมอีก ไหมจะ..” เธอหยุดพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าคนอย่างเธอจะสามารถทำอะไรเขาได้“จะ..อะไรครับยาหยี”“ถอยไปนะ ไหมจะไปอาบน้ำ” เธอพูดจะสะบัดตัวออกแต่ครั้งนี้กลับเป็นอิสระอย่างง่ายดาย เพราะเขายอมปล่อยเธอแต่โดยดีวราลีรีบเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำอย่างไม่ยอมเสียเวลาเพราะกลัวคนบ้านั่นจะทำอะไรบ้าๆ กับเธออีก อาบน้ำเสร็จกลับออกมาพร้อมกับใส่เสื้อคลุมอย่างมิดชิดและดวงตากลมโตของเธอหันมามองเขาที่ยังคงนอนสบายใจอยู่บนที่นอนเช่นเดิม สายตาของเขามองเธอทุกอิริยาบถจนเธอแทบจะเดินขาขวิดภีรวัจน์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะลุกจากเตียงแล้วแกล้งเดินเฉียดเธอไปเข้าอาบน้ำบ้างวราลีแต่งตัวเสร็จและนั่งรอเขาอยู่ที่เตียง เธอหันหลังให้เขาตั้งแต่เห็นเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ คนบ้านั่นหน้าไม่อายสักนิดกับการที่ต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าเธอ แต่เธอเขินอายเกินกว่าจะมองภาพนั้นได้ภีรวัจน์เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวหลังจากที่เขาแต่งตัวเสร็จ เขามานั่งซ้อนข้างหลังและสอดมือเข้ามาที่เอวคอดของเธอ“พี่เคน”เขาไม่ตอบแต่ฝังจมูกลงบนซอกคอข
เขาผละลุกขึ้นจากร่างเปลือยเปล่าของเธออย่างรวดเร็วก่อนจะตรงเข้าไปยังห้องน้ำ และเปิดฝักบัวเพื่อให้สายน้ำเย็นๆ ดับความร้อนระอุและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขาจนรวดร้าวในตอนนี้ภาพการตอบสนองที่ร้อนแรงอย่างไม่รู้ตัวของวราลียังตามหลอกหลอนเขาทำเอาเขาแทบคลั่งและต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่เปิดประตูห้องน้ำกลับออกไปหาเธออีกครั้งวราลีควานหาเสื้อนอนมาใส่อย่างอับอาย ร่างกายเธอยังสั่นเทาจากพิษของแรงปรารถนาที่เพิ่งดับมอดลง เธอไม่รู้จะสู้หน้าเขาอย่างไรทั้งๆ ที่ปากตะโกนบอกว่าเกลียดเขา แต่ร่างกายเธอกลับตอบสนองเขาอย่างร้อนแรงราวกับสาวร้อนรักไม่มีผิดภีรวัจน์กลับออกมาอีกครั้ง หลังจากที่สายน้ำช่วยบรรเทาความร้อนระอุของเขาลงไปได้จนเกือบเป็นปกติวราลีนั่งอยู่ที่เตียงโดยใช้ผ้าห่มพันร่างของตัวเองเอาไว้อย่างหนาแน่น ตาสองคู่ประสานกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์อันวาบหวามไปหญิงสาวหน้าแดงและเสหลบตาเขาอย่างอับอายเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาอันน่าอับอายของตัวเองเขาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเธอ ก่อนจะเดินลงมานั่งที่เตียงข้างๆ เธอ วราลีสะดุ้งและตะครุบชายผ้าห่มเอาไว้แน่น“ตลกน่าไหม นึกว่าผ้าห่มแค่นี้จะช่







