LOGINเขาผละลุกขึ้นจากร่างเปลือยเปล่าของเธออย่างรวดเร็วก่อนจะตรงเข้าไปยังห้องน้ำ และเปิดฝักบัวเพื่อให้สายน้ำเย็นๆ ดับความร้อนระอุและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขาจนรวดร้าวในตอนนี้
ภาพการตอบสนองที่ร้อนแรงอย่างไม่รู้ตัวของวราลียังตามหลอกหลอนเขาทำเอาเขาแทบคลั่งและต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่เปิดประตูห้องน้ำกลับออกไปหาเธออีกครั้ง
วราลีควานหาเสื้อนอนมาใส่อย่างอับอาย ร่างกายเธอยังสั่นเทาจากพิษของแรงปรารถนาที่เพิ่งดับมอดลง เธอไม่รู้จะสู้หน้าเขาอย่างไรทั้งๆ ที่ปากตะโกนบอกว่าเกลียดเขา แต่ร่างกายเธอกลับตอบสนองเขาอย่างร้อนแรงราวกับสาวร้อนรักไม่มีผิด
ภีรวัจน์กลับออกมาอีกครั้ง หลังจากที่สายน้ำช่วยบรรเทาความร้อนระอุของเขาลงไปได้จนเกือบเป็นปกติ
วราลีนั่งอยู่ที่เตียงโดยใช้ผ้าห่มพันร่างของตัวเองเอาไว้อย่างหนาแน่น ตาสองคู่ประสานกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์อันวาบหวามไป
หญิงสาวหน้าแดงและเสหลบตาเขาอย่างอับอายเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาอันน่าอับอายของตัวเอง
เขาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเธอ ก่อนจะเดินลงมานั่งที่เตียงข้างๆ เธอ วราลีสะดุ้งและตะครุบชายผ้าห่มเอาไว้แน่น
“ตลกน่าไหม นึกว่าผ้าห่มแค่นี้จะช่วยไหมได้หรือไง”
“ไหมไม่ยอมให้พี่ทำบ้าๆ แบบนั้นอีกหรอก”
“ใครว่าบ้า ไหมออกจะมีความสุข”
“คนบ้า”
“ที่รักครับ ผมชอบจังเลยตอนที่ไหมเรียกผมแบบนั้น อยากฟังอีกสักครั้ง” เขาเริ่มทำท่าเจ้าเล่ห์กับเธออีกครั้ง
“ถอยไปนะ” วราลีแหวใส่แต่แทนที่ภีรวัจน์จะถอยเขากลับรวบร่างของเธอเข้ามากอดไว้ วราลีพยายามดิ้นรนขัดขืนเพื่อให้พ้นจากอ้อมแขนที่แสนจะอันตราย ทำให้สะโพกของเธอเกยไปบนสะโพกเขา และหน้าอกอวบของเธอเริ่มเบียดกับหน้าอกแกร่งของเขาอีกครั้ง
“อย่าดิ้นสิไหม เดี๋ยวก็เกิดเรื่องเหมือนเมื่อกี้หรอก คราวนี้ผมไม่รับรองนะว่าไหมจะรอด” เขาพูดเสียงเครียดๆ เพราะการเสียดสีของร่างนุ่มๆ เริ่มทำให้เขาหมดความอดทนอีกครั้ง
“งั้นก็ปล่อยไหมสิ แล้วพี่เคนก็ไปนอนที่โซฟาโน่น”
“ใครจะไปหนาวจะตาย นอนกอดไหมอุ่นกว่า” เขาบอกอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะล้มตัวลงนอนและดึงเธอเข้าไปกอดไว้ มือของเขาเอื้อมไปปิดไฟ วราลีถือโอกาสนั้นพลิกหันหลังให้เขาและเอาหมอนข้างมากั้นไว้
ภีรวัจน์ส่ายหัวน้อยๆ แต่ก็ยิ้มให้กับความดื้อดึงของเธอก่อนจะดึงหมอนข้างออกและขยับเข้ามาหาเธอแล้ววางมือลงบนเอวคอดของเธอไว้อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ
“พี่เคน” วราลีเรียกเขาดุๆ
“นอนเถอะน่าดึกแล้วนะ”
“ถอยไปซิคะ”
เขาไม่ตอบแต่กลับขยับร่างเข้าไปชิดกับเธอมากขึ้น วราลีนอนเกร็งอยู่ได้สักพักแล้วจึงค่อยๆ ผ่อนคลายลงเมื่อเสียงลมหายใจของอีกฝ่ายเริ่มสม่ำเสมอ ก่อนที่เธอจะค่อยๆ หลับตาลงอย่างอ่อนเพลียในอ้อมแขนอันอบอุ่นของเขาเป็นครั้งแรก
ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศในช่วงเช้าๆ ซึ่งเย็นเป็นพิเศษทำให้ร่างบางเบียดเข้าหาความอบอุ่นโดยไม่รู้สึกตัว ภีรวัจน์ลืมตาตื่นและมองคนที่กำลังเบียดเข้าหาเขาอย่างเอ็นดู คนขี้เซาคงจะเพลียจากเหตุการณ์เมื่อคืนเพราะไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลยทั้งๆ ที่เขาเองตื่นมาได้สักพักแล้วแต่เขายังไม่อยากลุกไปไหน เพราะมีร่างนุ่มๆ ของเธอที่นอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา
ชายหนุ่มก้มหน้ามองใบหน้าใสๆ ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้วยิ้มให้กับตัวเองน้อยๆ เขาจะมีความสุขแค่ไหนนะเมื่อตื่นเช้าขึ้นมาแล้วเจอหน้าเธอทุกวันแบบนี้ ยัยเชยนี่...ไม่สิไม่เชยแล้ว ตอนนี้เธอเลิกใส่แว่นแล้วนี่ ใบหน้าสวยๆ ที่เคยถูกบดบังด้วยแว่นตาอันหนาเตอะของเธอตอนนี้ถูกเผยโฉมออกมาให้ใครต่อใครได้เชยชมหมดแล้ว
แต่นั่นกลับทำให้เขาไม่ชอบใจเอาซะเลย เพราะเขาหวงไม่อยากให้ใครเห็น โดยเฉพาะคู่แข่งของเขาที่ได้ใกล้ชิดกับเธอทุกวัน แค่คิดภีรวัจน์ก็แทบคลั่งเมื่อภาพที่พิษณุกำลังกอดกับวราลีมันวนเวียนเข้ามาในสมองเขาอีกครั้ง อย่าหวังเลยวราลีว่าเขาจะยอมปล่อยเธอให้ไปมีความสุขกับผู้ชายคนไหนง่ายๆ
วราลีค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นหลังจากร่างกายพักผ่อนเต็มที่
“อรุณสวัสดิ์ครับยาหยี” ภีรวัจน์พูดอย่างอารมณ์ดีเมื่อดวงตากลมโตของเธอจ้องมองเขาเหมือนเห็นสิ่งประหลาด ก่อนจะอุทานอย่างตกใจ
“พี่เคน” สายตาที่จ้องมองเธอราวกับจะกลืนกินของเขาทำให้ความทรงจำต่างๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาหลั่งไหลเข้าสู่สมองของวราลีจนหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย จนทำให้ต้องหลบตาคมกล้าคู่นั้น
“ไหม” เสียงเรียกอย่างเว้าวอนของเขาทำเอาเธอขนลุกเกรียวไปทั่วร่าง
“ปล่อยเถอะค่ะไหมจะไปอาบน้ำ” เธอพยายามดันตัวออกห่างจากอ้อมแขนแข็งแรงของเขา
“จะรีบไปไหนนี่ยังเช้าอยู่เลย” ชายหนุ่มพูดพร้อมทั้งกระชับวงแขนเข้าหาเธอแน่นกว่าเดิม
“ไหมจะกลับบ้าน”
“จะรีบกลับไปหาใคร” น้ำเสียงขี้เล่นเมื่อสักครู่เริ่มเข้มขึ้นทันที
“ก็แล้วแต่จะคิดสิคะ” วราลีตอบโต้ไปอย่างไม่ใยดี เพราะรู้สึกไม่พอใจที่เขาทำน้ำเสียงแดกดันเธอแบบนั้น
“ไหม” เขาเรียกเธอเสียงเข้ม
“ได้ยินแล้วค่ะ” เธอหันไปสบตากับเขาอย่างท้าทายด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงเช่นกัน
“เมื่อไหร่จะเลิกยั่วโมโหผมเสียที ไหมก็รู้ว่ามันไม่เป็นผลดีกับตัวไหม”
“ไม่พูดด้วยแล้ว” เธอพลิกตัวหันหลังให้เอาดื้อๆ เพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคนบ้าอำนาจเหมือนเขาอีกต่อไป
“งั้นทำดีกว่า” เขาพูดอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะวางมือลงบนสะโพกมนกลมของเธออย่างยั่วเย้า
“คุณเมธิน” เขาตอบเรียบๆ“แล้วยังไงคะ” เธอถามเขาต่อแต่ลำคอเริ่มตีบตัน“ถ้าคุณจะถอนหมั้นแล้วไปคบกับเขาผมก็ยินดีนะ” น้ำเสียงที่พูดราวกับไม่รู้สึกยินดียินร้ายของเขาบาดลึกลงไปในหัวใจของภีรดาอย่างไม่เคยรู้สึกเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกที่เขาคิดจะผลักไสเธอให้คนอื่นมันเหมือนเธอไม่เคยมีความหมายอะไรต่อเขาเลย ทำให้ภีรดาต้องเมินหน้าหนีจากใบหน้าเข้มๆ ของเขาภวินท์มาจอดรถส่งเธอที่หน้าบ้านหลังจากที่ภีรดานั่งเงียบมาตลอดทาง“ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผม” เขาหันมาพูดก่อนที่ภีรดาจะเปิดประตูรถลงไป“พิมไม่เคยมีความหมายอะไรกับพี่เลยใช่ไหมคะ” เธอหันไปถามเขาอย่างเจ็บปวด น้ำเสียงสั่นเครือ“พิม” เขาเรียกเธอย่างตกใจ“พี่ไก่มีหัวใจบ้างหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยอย่างตัดพ้อ น้ำตาที่สกัดกั้นไว้ตลอดทางเริ่มไหลออกมาเต็มสองแก้ม พร้อมกับกำปั้นน้อยๆ ที่หันไปทุบที่หน้าอกเขาติดๆ กันเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจมาตลอด เขารวบมือของเธอไว้“ปล่อยนะ” เธอหันไปแหวใส่เขาทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดร้องไห้“หยุดร้องไห้ก่อนแล้วพูดกันดีๆ” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนลง“ไม่หยุด พิมเกลียดพี่ไก่ ใช่...พิมมันบ้า บ้าที่หลงรักพี่ ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเห็นพิมอ
“พิมเป็นเหน็บค่ะสงสัยจะนั่งนาน”เขาช้อนร่างบางของเธอไว้ในวงแขน ก่อนจะเดินไปที่โซฟาตัวยาวที่อยู่ใกล้ๆ และวางลง ภวินท์นั่งลงข้างล่าง ถอดรองเท้าเธอออก แล้วนวดให้อย่างเบามือ ทำให้ภีรดานึกไปถึงเมื่อสี่ปีก่อนที่เธอเคยแกล้งเขาและเขาต้องนวดให้เธอแบบนี้ หญิงสาวเริ่มหน้าแดงเมื่อนึกถึงตอนที่เขาจูบเธอเป็นครั้งแรกหลังจากนั้น“ดีขึ้นหรือยัง”“ก็เอ่อค่ะ” ในยามนี้ภีรดาเหมือนนางอายทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมด เพราะไม่คิดว่าเขาจะอ่อนโยนกับเธอได้ขนาดนี้ภวินท์จึงหัวเราะกับท่าทางเงอะงะของคู่หมั้นสาว“พิมครับเป็นอะไรไปครับ” คำพูดของเขายิ่งทำเอาเธออ่อนยวบจนแทบละลาย คนอย่างเขาพูดเพราะกับเธอได้ขนาดนี้เลยเหรอ“พี่ไก่คะ”“ครับว่าไง”“ไม่ว่าอะไรพิมใช่ไหมคะที่พิมจะเรียกว่าพี่ไก่”“ไม่ว่าครับเพียงแต่มันไม่ชิน”“แล้วถ้าถอนหมั้นกันแล้ว พิมยังจะเรียกเหมือนเดิมได้หรือเปลา” ภีรดาถามต่อแต่คำถามของเธอทำให้เขาหน้าตึงขึ้นมาทันที“ตามใจสิ” เขาตอบห้วนๆ และทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้น ภีรดาลุกขึ้นและดึงแขนเข้าไว้“เดี๋ยวก่อนค่ะ โกรธพิมเหรอคะ” เธอพูดอย่างงอนง้อ“ไม่ได้โกรธ”“แล้วทำไมต้องเดินหนีพิมล่ะคะ”“ก็แค่คู่หมั้นกำมะลอจะใส่ใจอะไรกั
“ไม่นะคะพี่เคน” เธอปฏิเสธทันที“พี่คงไม่ยอมให้เรื่องมันผ่านแล้วผ่านเลยไปอย่างแน่นอน พิมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูคุณพ่อคุณแม่ท่านคงไม่ทำแค่ที่พี่ทำแน่”คำพูดที่เด็ดขาดของภีรวัจน์ทำให้เธอรู้ว่าเธอหมดทางปฏิเสธ แล้วภวินท์ล่ะจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาจะรู้สึกอึดอัดแค่ไหนที่ต้องหมั้นกับเธอทั้งๆ ที่ไม่ได้รักภีรดาถูกภีรวัจน์สั่งให้ย้ายแผนกมาฝึกงานกับฝ่ายบัญชีหลังจากนั้น หากเป็นแต่ก่อนเธอคงไม่ยอมพี่ชายง่ายๆ แบบนี้แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่านั่นเป็นการดีสำหรับเธอ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภวินท์ในตอนนี้วราลีทราบข่าวเรื่องนี้จากปากของภีรดา ทำให้เธอตื่นเต้นไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะได้เพื่อนรักมาเป็นพี่สะใภ้ในที่สุด เธอรู้ว่าภีรดาแอบชอบภวินท์มาหลายปีแล้ว แต่พี่ชายของเธอก็เอาแต่เมินเฉยและเย็นชาใส่ภีรดามาตั้งแต่แรกเช่นกัน เธอรู้สึกดีใจแทนภีรดาอย่างมากแต่ก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่รู้ว่าภีรวัจน์เป็นผู้บังคับให้ภวินท์หมั้นกับภีรดา คนร้ายกาจนั่นชอบวางอำนาจและชอบสั่งให้คนนั้นคนนี้ทำตามที่ตัวเองต้องการอยู่ร่ำไป โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจเขาสักนิดความห่างเหินระหว่างภวินท์กับภีรดาเริ่มมากขึ้นเ
ภวินท์เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งบริษัท เพราะนอกจากเขาจะหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขายังวางตัวได้ดีและทำงานเก่งจนมีความก้าวหน้า ในหน้าที่การงานมากกว่าคนหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวกัน ภีรดาเองก็เคยเห็นผู้หญิงมองตามเขาหลายครั้งหญิงสาวลุกขึ้นและเดินตรงมาหาเขาที่โต๊ะ เธอยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะและไม่ยอมขยับไปไหน ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองเธอนิดหนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงสนใจงานตรงหน้าต่อ“งานของคุณเสร็จแล้วเหรอ” ภีรดารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่เขาพูดกับเธอแต่ไม่ยอมมองหน้าสักนิด“ยัง”“อ้อลืมไปว่าคุณเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัท แต่อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ส่วนผมมันแค่ลูกจ้างต้องทำงานให้คุ้มเงินเดือน” ภีรดาหน้าชาเพราะเหมือนเขากำลังย้อนสิ่งที่เธอเคยพูดเอาไว้เพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น“ก็บอกแล้วไงว่าฉันขอโทษ” ภีรดาพูดอย่างงอนง้อ“ขอโทษเรื่องอะไร”“ก็ที่ฉันพูดไม่ดีกับนายวันก่อน”“คุณก็พูดถูกนี่” เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจคำขอโทษของเธอสักนิด“เมื่อไหร่นายจะหายโกรธฉันซักที”“ผมคงไม่บังอาจไปโกรธลูกสาวนายจ้างอย่างคุณหรอกครับ” น้ำเสียงเขาราบเรียบและห่างเหินจนภีรดาเริ่มจะหมดความอดทน“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันอยากสั่งอะไรนายก็ได้ใช่ไหม” เธอพู
“อย่าทำอะไรบ้าๆ อีกนะ” วราลีหันกลับมาค้อนขวับพร้อมทั้งพูดกับเขาเสียงดุๆ“ไหมก็รู้ว่าห้ามผมไม่ได้”“ถ้าคิดจะล่วงเกินไหมอีก ไหมจะ..” เธอหยุดพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าคนอย่างเธอจะสามารถทำอะไรเขาได้“จะ..อะไรครับยาหยี”“ถอยไปนะ ไหมจะไปอาบน้ำ” เธอพูดจะสะบัดตัวออกแต่ครั้งนี้กลับเป็นอิสระอย่างง่ายดาย เพราะเขายอมปล่อยเธอแต่โดยดีวราลีรีบเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำอย่างไม่ยอมเสียเวลาเพราะกลัวคนบ้านั่นจะทำอะไรบ้าๆ กับเธออีก อาบน้ำเสร็จกลับออกมาพร้อมกับใส่เสื้อคลุมอย่างมิดชิดและดวงตากลมโตของเธอหันมามองเขาที่ยังคงนอนสบายใจอยู่บนที่นอนเช่นเดิม สายตาของเขามองเธอทุกอิริยาบถจนเธอแทบจะเดินขาขวิดภีรวัจน์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะลุกจากเตียงแล้วแกล้งเดินเฉียดเธอไปเข้าอาบน้ำบ้างวราลีแต่งตัวเสร็จและนั่งรอเขาอยู่ที่เตียง เธอหันหลังให้เขาตั้งแต่เห็นเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ คนบ้านั่นหน้าไม่อายสักนิดกับการที่ต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าเธอ แต่เธอเขินอายเกินกว่าจะมองภาพนั้นได้ภีรวัจน์เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวหลังจากที่เขาแต่งตัวเสร็จ เขามานั่งซ้อนข้างหลังและสอดมือเข้ามาที่เอวคอดของเธอ“พี่เคน”เขาไม่ตอบแต่ฝังจมูกลงบนซอกคอข
เขาผละลุกขึ้นจากร่างเปลือยเปล่าของเธออย่างรวดเร็วก่อนจะตรงเข้าไปยังห้องน้ำ และเปิดฝักบัวเพื่อให้สายน้ำเย็นๆ ดับความร้อนระอุและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขาจนรวดร้าวในตอนนี้ภาพการตอบสนองที่ร้อนแรงอย่างไม่รู้ตัวของวราลียังตามหลอกหลอนเขาทำเอาเขาแทบคลั่งและต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่เปิดประตูห้องน้ำกลับออกไปหาเธออีกครั้งวราลีควานหาเสื้อนอนมาใส่อย่างอับอาย ร่างกายเธอยังสั่นเทาจากพิษของแรงปรารถนาที่เพิ่งดับมอดลง เธอไม่รู้จะสู้หน้าเขาอย่างไรทั้งๆ ที่ปากตะโกนบอกว่าเกลียดเขา แต่ร่างกายเธอกลับตอบสนองเขาอย่างร้อนแรงราวกับสาวร้อนรักไม่มีผิดภีรวัจน์กลับออกมาอีกครั้ง หลังจากที่สายน้ำช่วยบรรเทาความร้อนระอุของเขาลงไปได้จนเกือบเป็นปกติวราลีนั่งอยู่ที่เตียงโดยใช้ผ้าห่มพันร่างของตัวเองเอาไว้อย่างหนาแน่น ตาสองคู่ประสานกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์อันวาบหวามไปหญิงสาวหน้าแดงและเสหลบตาเขาอย่างอับอายเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาอันน่าอับอายของตัวเองเขาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเธอ ก่อนจะเดินลงมานั่งที่เตียงข้างๆ เธอ วราลีสะดุ้งและตะครุบชายผ้าห่มเอาไว้แน่น“ตลกน่าไหม นึกว่าผ้าห่มแค่นี้จะช่







