LOGINบทที่ 4
เป็นอีกครั้งที่พัชราวดีรู้สึกผิดหวังเพราะเธอคิดว่าเขาอาจจะชวนเธอไปไหนต่อซะอีก แต่เมื่อเห็นสีหน้าเครียดๆ ของภีรวัจน์แล้วพัชราวดีก็ไม่อยากจะขัดใจและเซ้าซี้ เธอฉลาดพอที่จะรู้ว่าคนแบบเขาคงไม่ชอบให้ผู้หญิงมาแสดงอาการเอาแต่ใจกับเขา
“พี่เคนเป็นอะไรไปคะ” ภีรดาถามในตอนขากลับหลังจากที่ภีรวัจน์ขับรถมาส่งพัชราวดีกลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว
“ถามอีกคนแล้วเหรอเรา”
“ก็มันน่าสงสัยนี่ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย” เธอถามอย่างอยากรู้
“ก็เหมือนเรานั่นแหละ ทำไมนั่งเงียบมาตลอดทาง” เขาย้อนถามน้องสาวบ้าง
“เปล่าซะหน่อยพิมไม่ได้เป็นอะไร” ภีรดารีบปฏิเสธ
“นึกว่าใจลอยไปถึงไหนซะอีก”
“เปล่าค่ะ ว่าแต่เมื่อกี้ทะเลาะอะไรกับไหมหรือเปล่า”ภีรดาถามทันทีที่ได้โอกาส
“รู้สึกจะคิดว่าพี่คอยแต่จะหาเรื่องเพื่อนเราอยู่ตลอดเลยนะ”
“มันจริงไหมล่ะคะ”
“เพื่อนเราชอบกวนประสาทพี่” เขารู้สึกหงุดหงิดอีกครั้งเมื่อนึกถึงใบหน้าเชิดๆ ของคนที่กำลังถูกกล่าวถึง
“ไหมเค้าเกลียดคนเจ้าชู้” ภีรดาพร่ำบอกพี่ชายเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วเธอก็จำไม่ได้
“กำลังจะบอกว่าเขาเกลียดพี่งั้นสิ”
“เอ้อ” ภีรดาอึกอัก
“ไม่ต้องบอกก็รู้เขาแสดงออกซะขนาดนั้น” เขาหัวเราะน้อยๆ และรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลแค่นึกว่ายัยแว่นนั่นว่าอย่างไรถ้าถูกผู้ชายอย่างเขาจูบ
เสียงออดสัญญาณดังยาวๆ บอกเวลาว่าการเรียนของวันนี้สิ้นสุดลงแล้ว วราลีและภีรดาเดินคู่กันออกมาเหมือนเช่นทุกเย็นหลังเลิกเรียน
“ไหมกลับก่อนนะพิม” วราลีหันไปบอกภีรดา
“ไม่รอคนมารับเหรอ” ภีรดาหลีกเลี่ยงที่จะเอ่ยชื่อภวินท์
“วันนี้พี่ไก่ไม่ว่างจ้ะ ไหมเลยต้องกลับเอง”
“เดี๋ยวพิมไปส่งนะ”
“ไม่เป็นไร” วราลีรีบปฏิเสธเพราะเธอไม่อยากเผชิญหน้ากับพี่ชายขี้เก๊กของเพื่อนรัก
“เถอะน่าไหม พิมเป็นห่วง”
“พิมกลับเองได้จริงๆ”
“นั่นแน่ะ พี่เคนมาพอดี วันนี้แปลกแฮะ ไม่มีสาวๆ นั่งมาด้วย” เธอหันไปบอกวราลีเมื่อเห็นรถของพี่ชายวิ่งมาถึง
วราลีทำท่าท่าจะเดินเลี่ยงไปแต่ภีรดาไม่ยอมให้เธอหนีไปง่ายๆ ภีรวัจน์เปิดกระประตูรถลงมาในตอนนั้น เขามองทั้งสองคนแต่สายตาเขาเหมือนจะหยุดนิ่งอยู่ที่วราลีเป็นหลัก
“วันนี้ไปส่งไหมด้วยนะคะ” ภีรดาหันไปบอกพี่ชาย
“ขึ้นรถสิ” เขาพูดเรียบๆ
“ไหมกลับเองดีกว่าค่ะ” เธอไม่ได้หันไปมองหน้าเขาขณะตอบ
“กลัวเหรอ” เขาถามอย่างท้าทาย
“กลัวอะไรพูดดีๆ นะ” เธอหันไปหาเขา ในขณะที่ภีรดายืนดูสงครามย่อยที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างปลงๆ
“จะอะไรซะอีกล่ะ นอกจากกลัวแฟนจะเข้าใจผิด”
“นี่” เธอแหวใส่เขา
“เอ้อ...พิมว่าไปทะเลาะกันต่อในรถดีกว่านะคะ คนเค้าเริ่มมองกันแล้ว” ภีรดารีบห้ามทัพ
“ขึ้นรถ” เขาออกคำสั่งกลายๆ วราลีขัดใจนักที่เขาชอบวางอำนาจกับเธอ แต่เมื่อหันไปเห็นสีหน้าลำบากใจของภีรดาทำให้เธอต้องยอมก้าวขึ้นรถ
ภีรดานั่งข้างหน้าคู่กับพี่ชายในขณะที่วราลีขึ้นไปนั่งด้านหลัง
“วันนี้พี่แพทไม่มาด้วยเหรอคะ” ภีรดาหันไปถามพี่ชายอย่างแปลกใจ
“ไม่” เขาตอบสั้นๆ
ภีรดาพูดเจื้อยแจ้วกับพี่ชายตลอดทางในขณะที่อีกคนที่นั่งมาด้วยกลับเอาแต่เงียบไม่ส่งเสียงใดๆ ในขณะที่ภีรวัจน์แอบมองกระจกหลังบ่อยๆ และมีหลายครั้งที่ดวงตาสองดวงประสานกันผ่านกระจกบานนั้น
วราลีหน้าแดงขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นอะไรบางอย่างในสายตาคู่นั้น สายตาที่มองเธออย่างคุกคามและพลอยแต่จะเตือนให้นึกถึงอะไรบางอย่างระหว่างเธอกับเขาอยู่ตลอดเวลา
ภีรวัจน์แอบชำเลืองมองเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ และเขากลับหงุดหงิดตัวเองที่เห็นว่าเวลายัยนั่นแก้มแดง น่าจูบชะมัด
เขาเกิดอารมณ์ปรารถนาในตัวเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า ถึงแม้เธอจะใส่แว่นและแต่งตัวเฉิ่มๆ เชยๆ แต่ใบหน้าและดวงตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้กรอบแว่นอันนั้นกลับมีอะไรบางอย่างดึงดูดให้เขาอยากสัมผัสมัน
วราลีเมินหลบสายตาไปจากกระจกบานนั้น เธอขยับตัวอย่างอึดอัดและทำหน้าเครียดๆ ใส่เขา เขานึกอยากรู้ว่าเธอเครียดเรื่องอะไร
ถ้าเธอเครียดเรื่องเขาก็คงดี เธอจะได้รู้สึกบ้าง คนอื่นพากันสยบเขา แต่ยัยแว่นนั่นกลับท้าทายโดยเวลาที่ยัยนั่นเชิดใส่เขารู้สึกร้อนรุ่ม จนรู้สึกอยากจะกระชากมาจูบสั่งสอนทุกครั้ง
วราลีเตรียมเปิดประตูรถทันทีเมื่อรถมาจอดที่หน้าบ้านของเธอแล้ว แต่ประตูรถกลับเปิดไม่ออกเพราะมันถูกล็อคจากฝั่งคนขับ
หญิงสาวหันไปมองเขาและเขาก็มองเธอมาผ่านกระจกหลังอีกครั้ง เขายิ้มที่มุมปากนิดๆ เหมือนอย่างที่เขาเคยยิ้ม
“เปิดประตูด้วยค่ะไหมจะลง” เธอหันไปบอกเขาเมื่อรู้ว่าเขาจงใจแกล้งเธอ
“พูดได้ด้วยเหรอ” เขาพูดโดยไม่หันมามองเธอ
“ไหมไม่ได้เป็นใบ้นี่”
“งั้นเหรอ” เขาบอกก่อนจะปลดล็อคและเดินลงมาเปิดประตูรถให้เธอ วราลีรีบก้าวลงก่อนที่เขาจะปิดประตูรถเพื่อให้รอดพ้นจากสายตาของภีรดาที่กำลังมองมาอย่างสงสัย ภีรวัจน์ไม่ยอมขยับจากที่เขายืนอยู่ทำให้วราลีกับเขายืนห่างกันไม่มาก ภีรวัจน์ก้มลงมองริมฝีปากเธอราวกับอยากจะทำอะไรบางอย่างกับริมฝีปากบางๆ นั้นทำเอาวราลีหน้าร้อนผ่าว
“ถอยด้วยค่ะไหมจะเข้าบ้าน”
“เก่งจังเลยนะเรื่องที่จะหลบหน้าผม” เขายังไม่ยอมถอย
“อย่ามาหาเรื่องไหม”
“หรือไม่จริง”
“ไม่อยากเถียงด้วย”
“งั้นทำเลยดีไหม” เขาพูดเป็นนัยๆ
บทที่ 5“อย่ามาทำอะไรบ้าๆ นะ” เธอมองเขาอย่างหวาดระแวง“นึกว่าไหมอยากจะทบทวนความจำ”“ไหมไม่บ้าไปกับพี่หรอก”“หึๆ นึกว่า”เขาพูดพร้อมกับมองริมฝีปากของเธออย่างไม่วางตา“หยุดนะ” เธอรีบห้ามเขาก่อนที่เขาจะหลุดคำพูดบางอย่างออกมา“อย่าดื้อกับผมให้มันมากนักนะไหม” เขาเริ่มขู่เธออย่างจริงจัง“ไหมทำอะไร ไหมก็อยู่ส่วนไหม ไหมไม่เคยไปยุ่งอะไรกับเรื่องของพี่เลยสักนิด”“แล้วเรื่องเมื่อวานนี้ล่ะ”“ทำไม”“ที่ทำแบบนั้นกับนายภวินท์ ไหมกำลังท้าทายผม” เขาบอกอย่างคาดโทษ และเดินเข้าใกล้เธอมากกว่าเดิมวราลีรีบผลักเขาก่อนจะเดินผ่านเขาไป เขาได้แต่มองตามก่อนจะยิ้มนิดๆ และอารมณ์ดีขึ้นอย่างประหลาดภวินท์รู้สึกโมโหอย่างมากเมื่อพ่อของเขามาบอกเรื่องที่เขาต้องไปสอนพิเศษ ถ้าเป็นปกติเขาคงจะดีใจแต่คราวนี้มันกลับตรงกันข้าม เขาไม่ได้อยากข้องเกี่ยวใดๆ กับยัยคุณหนูนั่นสักนิด แต่เขาก็ไม่มีทางปฏิเสธได้ในเมื่อพ่อของเขารับปากไปแล้ว ภวินท์นึกอยากปฏิเสธไปแต่ติดอยู่ตรงที่พ่อของเขาถึงอย่างไรพ่อของยัยคุณหนูนั่นก็เคยมีบุญคุณกับพ่อของเขาทำให้เขาปฏิเสธไม่ออกภวินท์มาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ในตอนสายของวันเสาร์“คุณไก่ใช่ไหมคะ” สาวใช้เดินมาถามเมื
บทที่ 4เป็นอีกครั้งที่พัชราวดีรู้สึกผิดหวังเพราะเธอคิดว่าเขาอาจจะชวนเธอไปไหนต่อซะอีก แต่เมื่อเห็นสีหน้าเครียดๆ ของภีรวัจน์แล้วพัชราวดีก็ไม่อยากจะขัดใจและเซ้าซี้ เธอฉลาดพอที่จะรู้ว่าคนแบบเขาคงไม่ชอบให้ผู้หญิงมาแสดงอาการเอาแต่ใจกับเขา“พี่เคนเป็นอะไรไปคะ” ภีรดาถามในตอนขากลับหลังจากที่ภีรวัจน์ขับรถมาส่งพัชราวดีกลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว“ถามอีกคนแล้วเหรอเรา”“ก็มันน่าสงสัยนี่ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย” เธอถามอย่างอยากรู้“ก็เหมือนเรานั่นแหละ ทำไมนั่งเงียบมาตลอดทาง” เขาย้อนถามน้องสาวบ้าง“เปล่าซะหน่อยพิมไม่ได้เป็นอะไร” ภีรดารีบปฏิเสธ“นึกว่าใจลอยไปถึงไหนซะอีก”“เปล่าค่ะ ว่าแต่เมื่อกี้ทะเลาะอะไรกับไหมหรือเปล่า”ภีรดาถามทันทีที่ได้โอกาส“รู้สึกจะคิดว่าพี่คอยแต่จะหาเรื่องเพื่อนเราอยู่ตลอดเลยนะ”“มันจริงไหมล่ะคะ”“เพื่อนเราชอบกวนประสาทพี่” เขารู้สึกหงุดหงิดอีกครั้งเมื่อนึกถึงใบหน้าเชิดๆ ของคนที่กำลังถูกกล่าวถึง“ไหมเค้าเกลียดคนเจ้าชู้” ภีรดาพร่ำบอกพี่ชายเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วเธอก็จำไม่ได้“กำลังจะบอกว่าเขาเกลียดพี่งั้นสิ”“เอ้อ” ภีรดาอึกอัก“ไม่ต้องบอกก็รู้เขาแสดงออกซะขนาดนั้น” เ
บทที่ 3“เป็นอะไรไปไหมเมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ” ภีรดาถามเมื่อเห็นวราลีมาเรียนด้วยท่าทางอิดโรยราวกับคนนอนไม่เต็มอิ่ม คำถามของเพื่อนรักทำเอาวราลีหน้าร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เธอหลับได้ไม่เต็มตาเมื่อคืนนี้“นอนแต่ฝันร้ายทั้งคืน”“ฝันอะไร” ภีรดาถามต่อ“ฝันถึงคนบ้าน่ะ” วราลีตอบเลี่ยงๆ“ฝันถึงพี่เคนหรือเปล่า” ภีรดารีบถามทันทีก่อนจะหัวเราะน้อยๆ เมื่อเห็น วราลีหน้าบึ้งไปทันทีที่เธอเอ่ยถึงพี่ชายของเธอ วราลีแทบสะดุ้งเมื่อเจอคำถามของ ภีรดา“บ้าน่าพิม”“พูดถึงพี่เคนทีไร ไหมต้องทำหน้าแบบนี้ทุกที” ภีรดาบ่นกลายๆ“แบบไหน” เธอย้อนถาม“ก็หน้าบึ้งๆ แบบไม่สบอารมณ์แบบนี้แหละ”“ก็ไม่อยากให้พูดถึง”“เมื่อไหร่จะใจอ่อน” คำถามของภีรดากำกวมเหมือนมีอะไรแอบแฝง“ใจอ่อนเรื่องอะไร”“เรื่องพี่เคนน่ะสิ เมื่อไหร่จะเลิกเกลียดพี่เคน”“ก็ตอนที่พี่ชายพิมเลิกหาเรื่องไหมแล้วก็ตอนที่พี่ชายพิมเลิกเจ้าชู้” วราลีตอบโดยไม่ต้องคิดนาน“เฮ้อกลุ้ม” ภีรดาถอนหายใจออกมาน้อยๆ“เรื่องอะไรล่ะจ๊ะ”“ก็เรื่องไหมกับพี่เคนนั่นแหละ ท่าทางจะไม่ดีกันง่ายๆ คนกลางอย่างพิมคงต้องลำบากใจไปอีกนาน”“ไหมกับเขาก็ต่างคนต่างอยู่” เธอบอก“แต่เจอกันทีไรเป
บทที่ 2“ว่าไงเราเดินหน้ามุ่ยมาเลยนะ” ภีรวัจน์ทักน้องสาวขณะเดินเข้าบ้าน“ก็ไม่มุ่ยยังไงไหวล่ะคะพิมเรียนไม่รู้เรื่องเลยจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่แล้ว”“เพื่อนเราก็มาติวให้อยู่ไม่ใช่เหรอ” เขาถามถึงใครอีกคน“ก็ติวค่ะแต่พิมไม่อยากกวนไหมบ่อยๆ เพราะเขาก็ต้องอ่านหนังสือสอบเหมือนกัน”“จะอ้อนเอาอะไรอีกล่ะเรา”“พิมอยากได้ครูสอนพิเศษค่ะ พี่เคนช่วยพูดกับคุณพ่อคุณแม่ให้พิมหน่อยนะคะ” เธออ้อนพี่ชาย“มีใครขัดใจเราได้ที่ไหน” เขาบอกก่อนจะขยี้ผมเธอเล่นอย่างเอ็นดู ภีรดาโผเข้ากอดพี่ชายก่อนจะแอบยิ้มอย่างมีความสุขภีรวัจน์เรียนอยู่มหาวิทยาลัยชื่อดังปีสุดท้าย ในขณะที่ภีรดาเพิ่งจะเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก ภีรดารักและหวงพี่ชายคนเดียวของเธอมาก เพราะเขาดูแลเธอมาตั้งแต่เด็กและมักจะตามใจเธอทุกเรื่องกริ๊ง...งเสียงโทรศัพท์ของภีรวัจน์ดังขึ้นในตอนนั้น เขามองดูเบอร์และถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะกดทิ้งอย่างไม่ไยดี“สาวโทร.มาเหรอคะพี่เคน” “น่าเบื่อ” เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์“วันนี้เป็นอะไรคะดูหงุดหงิดชอบกล ปกติเห็นพี่เคนไม่เคยปฏิเสธสาวๆ”จะหงุดหงิดเรื่องอะไรล่ะนอกจากเรื่องยัยแว่น เขาตอบคำถามนั้นในใจ เด็กนั่นทำ
บทที่ 1“อื้อ เคนอย่าสิคะ”เสียงร้องอย่างวาบหวิวดังแว่วๆ จากห้องรับแขกทำให้วราลีอดหันไปมองไม่ได้ เธอนึกอยากจะตีตัวเองนัก เพราะทั้งๆ ที่พอจะเดาออกว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของอะไร แต่สายตาเจ้ากรรมมันก็อดที่จะหันไปมองไม่ได้หญิงสาวรีบเดินเลี่ยงหนีอย่างรวดเร็ว เพื่อไปให้พ้นจากภาพเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า…ภีรวัจน์กำลังคลอเคลียอยู่กับสาวสวยคนล่าสุดของเขาบนโซฟาห้องรับแขกที่เธอกำลังเดินผ่าน เธอไม่ได้ตั้งใจจะหันไปดูบทรักของเขาเลยสักนิด แต่คนบ้านั่นทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบไม่อายใครสักนิดหากแต่พอวราลีเดินพ้นจากรัศมีสายตาไป ภีรวัจน์ก็ผละออกจากสาวสวยที่กำลังคลอเคลียอยู่ในทันที ทำเอาสาวผู้นั้นงุนงงกับปฏิกิริยาของเขา หากแต่ภีรวัจน์ไม่ใส่ใจที่จะอธิบายหรือไขข้อสงสัยนั้น เขารีบลุกขึ้นแล้วก้าวยาวๆ ตามหลัง ‘ยัยแว่น’ ออกมาติดๆ“เดี๋ยวก่อน!”วราลีสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเจ้าของเสียงที่บ่งบอกความเอาแต่ใจของเจ้าตัวดังขึ้น เธอคิดว่าจะหนีเขาพ้นแล้วเสียอีก ไม่คิดว่าภีรวัจน์จะตามมา“มีอะไรคะ” สาวน้อยหันมาตามเสียงเรียกมองหน้าหล่อร้ายนั้นเพียงแวบเดียว ก่อนจะเมินหน้าหนีเขาอีกครั้งภีรวัจน์หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อย







