LOGIN“พิมทำอะไรก็ไม่รู้นี่ไหมไม่ชินกับตัวเองเลย” วราลีบ่นน้อยๆ
“สวยดีออก ใครเห็นไหมวันนี้แล้วยังกล้าว่าไหมเป็นยัยเชยก็ตาบอดแล้วล่ะ”
“ใครอยากว่าก็ว่าไปสิไหมไม่สนหรอก”
“เอพูดเหมือนประชดใครอยู่เลยนะ” ภีรดาถามยิ้มๆ
“จะประชดใครล่ะ” วราลีหน้าบึ้งไป
“เราออกไปกันเถอะ แต่ไหมต้องยิ้มก่อนนะ” ภีรดาบอกก่อนจะดึงแขนเพื่อนรักออกไป
วราลีแทบจะขาขวิดกันที่ใครต่อใครต่างมองมายังเธอและภีรดาเป็นตาเดียวโดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนๆ ของภีรวัจน์
“คนนั้นใครวะเคน” อนาวินถามอย่างสนใจ
“ใคร”
“ก็คนที่เดินมาพร้อมกับน้องพิมนั่นไง” ภีรวัจน์มองอย่างหงุดหงิดเขาไม่ชอบให้ยัยนั่นแต่งตัวแบบนี้เลย จะแต่งล่อใครก็ไม่รู้
“ถามทำไม” ภีรวัจน์ตอบเสียงห้วนๆ
“น่ารักดีว่ะ” อนาวินมองวราลีอย่างพึงพอใจ
“ยัยเชยนั่นน่ะเหรอน่ารัก”
“ใช่สิ ถึงจะสวยสู้สาวๆ ของแกไม่ได้แต่ก็น่ารักน่ามองดีโว้ย”
“เพื่อนยัยพิม”ภีรวัจน์ตอบอย่างหงุดหงิด
“เออรู้แล้วชื่ออะไรวะ” อนาวินถามต่อพร้อมทั้งจ้องวราลีไม่วางตา
“อยากรู้ก็ไม่ถามเองสิ”
“เออ ไอ้นี่อารมณ์ไหน ข้าไปเองก็ได้วะ” อนาวินบอกพร้อมกับเดินตรงไปหาสองสาวและทักทายภีรดาทันที “สวัสดีครับน้องพิม”
“สวัสดีค่ะพี่วิน มาด้วยเหรอคะ”
“มาสิครับวันเกิดพิมทั้งที” เขาพูดยิ้มๆ พร้อมกับหันไปทางวราลี
“นี่เพื่อนพิมค่ะพี่วิน ชื่อไหม”
วราลียกมือไหว้อนาวิน เขามองภาพนั้นอย่างพึงพอใจ
“ไม่ต้องไหว้ก็ได้ครับน้องไหม พี่ชื่อวินนะครับ” เขาแนะนำตัวเองอย่างสุภาพและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ผู้หญิงคนนี้ยิ่งมองก็ยิ่งน่าสนใจ
“ค่ะพี่วิน”
“ไหว้พี่แล้วทำให้พี่ดูแก่ขึ้นไปเยอะ” เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีทำให้ วราลีผ่อนคลายมากขึ้นกับท่าทางเป็นกันเองของเขา
“คุยกันไปก่อนนะคะพิมขอตัวสักครู่” ภีรดาปลีกตัวไปต้อนรับแขกทางอื่น
ภีรวัจน์ยืนมองภาพที่อนาวินกับวราลียืนคุยกันอย่างสนิทสนิมด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดพลุ่งพล่าน
“วิน” เสียงเข้มๆ ของเขาเรียกอนาวินอยู่ข้างหลัง
“มีอะไรวะ” อนาวินหันไปถาม
“ไอ้เอมันถามหาแก”
“เออๆ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“มานี่” ภีรวัจน์ดึงแขนของวราลีเอาไว้ทันทีเมื่อคล้อยหลังอนาวิน
“นี่พี่เคนจะบ้าเหรอ ปล่อยไหมนะ”
“จะตามมาดีๆ หรือจะเอาให้ขายหน้าคนทั้งงาน” เขาขู่เธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้วราลีต้องยอมเดินตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
ภีรวัจน์พาเธอเข้ามาในบ้านในส่วนที่ไม่มีใครเดินผ่านไปผ่านมาพร้อมทั้งดันหลังเธอให้ติดกำแพง ก่อนที่เขาจะยกแขนสองข้างค้ำไว้บนกำแพงเพื่อกักวราลีเอาไว้ ซึ่งเท่ากับว่าตอนนี้วราลีอยู่ในวงแขนของเขา ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดใบหน้าสวยหวาน ในขณะที่สายตาคมกริบมองเธออย่างไม่วางตา
“มีอะไรคะ” หญิงสาวพยายามทำใจดีสู้เสือและไม่หวั่นไหวกับท่าทีคุกคามของเขา
“โปรยเสน่ห์เก่งจริงๆ เลยนะ”
“หาเรื่อง”
“แล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้” เขากวาดสายตาไปทั่วร่างบางของเธออย่างไม่พอใจ
“แต่งแบบนี้แล้วมันเป็นยังไง” วราลีตอบโต้อย่างไม่พอใจที่เขามองเธออย่างติเตียนและกล่าวหา
“นึกว่าจะสวยขึ้นมาหรือไง หรือจะแต่งล่อใคร” เขายิ่งหงุดหงิดเมื่อเห็นท่าทางนิ่งๆ ของเธอ
“ไม่ได้แต่งล่อใคร”
“แล้วไอ้ที่ผมเห็นอี๋อ๋อกับนายวินนั่นล่ะ”
“ตาหาเรื่อง”
“จะว่าไปคืนนี้ยัยเชยอย่างไหมก็สวยดีนี่” เขาจ้องใบหน้าของเธอและสะกดสายตามองริมฝีปากของเธอขณะพูดประโยคนั้น
“อย่ามาทำเจ้าชู้ใส่ไหมนะ ไหมไม่หลงคารมพี่เคนหรอก” วราลีแหวใส่เขาพร้อมทั้งบอกตัวเองว่าอย่าไปหวั่นไหวกับลมปากของเขา
“ไหมจ๋า” เขาเรียกนุ่มจนเธอเองเริ่มหวั่นไหว เขาเชยคางเธอขึ้น
“โกรธอะไรผมนักหนาหือ” เขาถามเสียงทุ้ม
“ไม่ได้โกรธ”
“งั้นก็เกลียด” เขาต่อให้
“ไหมเกลียดคนเจ้าชู้” เธอแหวใส่เขาอีกครั้ง
“หึงใช่ไหม” เขาถามอย่างรู้ทัน
“ไม่ได้หึง” เธอตอบเสียงแข็ง
“ปากแข็ง” เขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอบอก
“เกลียด” เธอย้ำอีกครั้ง
“คนเกลียดกันเขาจูบตอบกันด้วยเหรอ” เขารื้อฟื้นเรื่องราวที่เขาเคยทำให้เธออับอายเอาไว้ และรวบร่างของเธอมากอดไว้ในตอนนั้น
วราลีพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากอ้อมกอดแข็งแรงของเขา
“ปล่อยนะ” เธอแหวใส่เขาอีกครั้ง
“ไม่ปล่อย”
“ถ้าไม่ปล่อยไหมจะร้องให้คนช่วย”
“ก็เอาสิถ้าไหมอยากจะอับอาย ผมจะจูบไหมต่อหน้าทุกคนให้ดู” ภีรวัจน์พูดจริงจัง ทำเอาวราลีขัดใจอย่างมากที่ไม่สามารถต่อรองอะไรกับเขาได้
“ทำไมชอบหาเรื่องไหมนักนะ” เธอตะโกนใส่หน้าเขาอย่างเหลืออด
“ไหมเองนั่นแหละที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้”
“ไหมไปทำอะไรให้ ไหมก็อยู่ของไหมดีๆ”
“ก็ที่ชอบทำหน้าเชิดใส่ ทำเป็นไม่สนใจ รู้หรือเปล่าว่าผมทนไม่ได้” เขาสารภาพออกมาเป็นครั้งแรก
“จะไปรู้เหรอคะ พี่เคนมีใครต่อใครตั้งเยอะแยะ”
“ถึงจะมีผู้หญิงเป็นร้อยๆ แต่คนที่ผมต้องการก็คือไหมคนเดียว”
“ยัยเฉิ่ม ยัยเชย ยัยแว่นคนนี้น่ะเหรอคะ” เธอตอกกลับในสิ่งที่เขาเคยว่าเธอบ่อยๆ
“ใช่ทั้งเฉิ่ม ทั้งเชย แต่ทำไมไหมต้องมามีอิทธิพลกับชีวิตผมด้วย” เขาพูดอย่างหงุดหงิดเช่นกัน
“ไหมไม่ได้อยากมีสักนิด”
“แต่ก็มีไปแล้ว ไหมต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ไหมทำ”
“คนบ้า คนไม่มีเหตุผล” เธอพูดได้แค่นั้นเมื่อภีรภัจน์กดริมฝีปากของเขาลงบนเรียวปากบางๆ ของเธอและจูบเธออย่างหิวกระหาย
เสียงประท้วงของวราลีถูกเขาดูดกลืนเอาไว้จนหมด จุมพิตของเขาเต็มไปด้วยความราวกับพายุมันทั้งร้อนแรงและเรียกร้องให้เธอตอบสนองจน วราลีเผลอตอบสนองเขาอย่างไร้เดียงสาทำให้ภีรวัจน์ครางออกมาอย่างพอใจ
เขาถอนริมฝีปากออกช้าๆ สะกดความเสียดายอย่างยากเย็น ตาคมจ้องมองริมฝีปากที่บวมเจ่อน้อยๆ ของเธอด้วยแววตาฉ่ำเยิ้ม
“หวาน” เขาบอกเสียงแหบพร่าและทำท่าจะกลับลงไปบดจูบเธอใหม่อีกครั้งในขณะที่วราลียังไม่ตื่นจากภวังค์
“คุณเมธิน” เขาตอบเรียบๆ“แล้วยังไงคะ” เธอถามเขาต่อแต่ลำคอเริ่มตีบตัน“ถ้าคุณจะถอนหมั้นแล้วไปคบกับเขาผมก็ยินดีนะ” น้ำเสียงที่พูดราวกับไม่รู้สึกยินดียินร้ายของเขาบาดลึกลงไปในหัวใจของภีรดาอย่างไม่เคยรู้สึกเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกที่เขาคิดจะผลักไสเธอให้คนอื่นมันเหมือนเธอไม่เคยมีความหมายอะไรต่อเขาเลย ทำให้ภีรดาต้องเมินหน้าหนีจากใบหน้าเข้มๆ ของเขาภวินท์มาจอดรถส่งเธอที่หน้าบ้านหลังจากที่ภีรดานั่งเงียบมาตลอดทาง“ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผม” เขาหันมาพูดก่อนที่ภีรดาจะเปิดประตูรถลงไป“พิมไม่เคยมีความหมายอะไรกับพี่เลยใช่ไหมคะ” เธอหันไปถามเขาอย่างเจ็บปวด น้ำเสียงสั่นเครือ“พิม” เขาเรียกเธอย่างตกใจ“พี่ไก่มีหัวใจบ้างหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยอย่างตัดพ้อ น้ำตาที่สกัดกั้นไว้ตลอดทางเริ่มไหลออกมาเต็มสองแก้ม พร้อมกับกำปั้นน้อยๆ ที่หันไปทุบที่หน้าอกเขาติดๆ กันเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจมาตลอด เขารวบมือของเธอไว้“ปล่อยนะ” เธอหันไปแหวใส่เขาทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดร้องไห้“หยุดร้องไห้ก่อนแล้วพูดกันดีๆ” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนลง“ไม่หยุด พิมเกลียดพี่ไก่ ใช่...พิมมันบ้า บ้าที่หลงรักพี่ ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเห็นพิมอ
“พิมเป็นเหน็บค่ะสงสัยจะนั่งนาน”เขาช้อนร่างบางของเธอไว้ในวงแขน ก่อนจะเดินไปที่โซฟาตัวยาวที่อยู่ใกล้ๆ และวางลง ภวินท์นั่งลงข้างล่าง ถอดรองเท้าเธอออก แล้วนวดให้อย่างเบามือ ทำให้ภีรดานึกไปถึงเมื่อสี่ปีก่อนที่เธอเคยแกล้งเขาและเขาต้องนวดให้เธอแบบนี้ หญิงสาวเริ่มหน้าแดงเมื่อนึกถึงตอนที่เขาจูบเธอเป็นครั้งแรกหลังจากนั้น“ดีขึ้นหรือยัง”“ก็เอ่อค่ะ” ในยามนี้ภีรดาเหมือนนางอายทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมด เพราะไม่คิดว่าเขาจะอ่อนโยนกับเธอได้ขนาดนี้ภวินท์จึงหัวเราะกับท่าทางเงอะงะของคู่หมั้นสาว“พิมครับเป็นอะไรไปครับ” คำพูดของเขายิ่งทำเอาเธออ่อนยวบจนแทบละลาย คนอย่างเขาพูดเพราะกับเธอได้ขนาดนี้เลยเหรอ“พี่ไก่คะ”“ครับว่าไง”“ไม่ว่าอะไรพิมใช่ไหมคะที่พิมจะเรียกว่าพี่ไก่”“ไม่ว่าครับเพียงแต่มันไม่ชิน”“แล้วถ้าถอนหมั้นกันแล้ว พิมยังจะเรียกเหมือนเดิมได้หรือเปลา” ภีรดาถามต่อแต่คำถามของเธอทำให้เขาหน้าตึงขึ้นมาทันที“ตามใจสิ” เขาตอบห้วนๆ และทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้น ภีรดาลุกขึ้นและดึงแขนเข้าไว้“เดี๋ยวก่อนค่ะ โกรธพิมเหรอคะ” เธอพูดอย่างงอนง้อ“ไม่ได้โกรธ”“แล้วทำไมต้องเดินหนีพิมล่ะคะ”“ก็แค่คู่หมั้นกำมะลอจะใส่ใจอะไรกั
“ไม่นะคะพี่เคน” เธอปฏิเสธทันที“พี่คงไม่ยอมให้เรื่องมันผ่านแล้วผ่านเลยไปอย่างแน่นอน พิมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูคุณพ่อคุณแม่ท่านคงไม่ทำแค่ที่พี่ทำแน่”คำพูดที่เด็ดขาดของภีรวัจน์ทำให้เธอรู้ว่าเธอหมดทางปฏิเสธ แล้วภวินท์ล่ะจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาจะรู้สึกอึดอัดแค่ไหนที่ต้องหมั้นกับเธอทั้งๆ ที่ไม่ได้รักภีรดาถูกภีรวัจน์สั่งให้ย้ายแผนกมาฝึกงานกับฝ่ายบัญชีหลังจากนั้น หากเป็นแต่ก่อนเธอคงไม่ยอมพี่ชายง่ายๆ แบบนี้แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่านั่นเป็นการดีสำหรับเธอ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภวินท์ในตอนนี้วราลีทราบข่าวเรื่องนี้จากปากของภีรดา ทำให้เธอตื่นเต้นไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะได้เพื่อนรักมาเป็นพี่สะใภ้ในที่สุด เธอรู้ว่าภีรดาแอบชอบภวินท์มาหลายปีแล้ว แต่พี่ชายของเธอก็เอาแต่เมินเฉยและเย็นชาใส่ภีรดามาตั้งแต่แรกเช่นกัน เธอรู้สึกดีใจแทนภีรดาอย่างมากแต่ก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่รู้ว่าภีรวัจน์เป็นผู้บังคับให้ภวินท์หมั้นกับภีรดา คนร้ายกาจนั่นชอบวางอำนาจและชอบสั่งให้คนนั้นคนนี้ทำตามที่ตัวเองต้องการอยู่ร่ำไป โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจเขาสักนิดความห่างเหินระหว่างภวินท์กับภีรดาเริ่มมากขึ้นเ
ภวินท์เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งบริษัท เพราะนอกจากเขาจะหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขายังวางตัวได้ดีและทำงานเก่งจนมีความก้าวหน้า ในหน้าที่การงานมากกว่าคนหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวกัน ภีรดาเองก็เคยเห็นผู้หญิงมองตามเขาหลายครั้งหญิงสาวลุกขึ้นและเดินตรงมาหาเขาที่โต๊ะ เธอยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะและไม่ยอมขยับไปไหน ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองเธอนิดหนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงสนใจงานตรงหน้าต่อ“งานของคุณเสร็จแล้วเหรอ” ภีรดารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่เขาพูดกับเธอแต่ไม่ยอมมองหน้าสักนิด“ยัง”“อ้อลืมไปว่าคุณเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัท แต่อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ส่วนผมมันแค่ลูกจ้างต้องทำงานให้คุ้มเงินเดือน” ภีรดาหน้าชาเพราะเหมือนเขากำลังย้อนสิ่งที่เธอเคยพูดเอาไว้เพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น“ก็บอกแล้วไงว่าฉันขอโทษ” ภีรดาพูดอย่างงอนง้อ“ขอโทษเรื่องอะไร”“ก็ที่ฉันพูดไม่ดีกับนายวันก่อน”“คุณก็พูดถูกนี่” เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจคำขอโทษของเธอสักนิด“เมื่อไหร่นายจะหายโกรธฉันซักที”“ผมคงไม่บังอาจไปโกรธลูกสาวนายจ้างอย่างคุณหรอกครับ” น้ำเสียงเขาราบเรียบและห่างเหินจนภีรดาเริ่มจะหมดความอดทน“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันอยากสั่งอะไรนายก็ได้ใช่ไหม” เธอพู
“อย่าทำอะไรบ้าๆ อีกนะ” วราลีหันกลับมาค้อนขวับพร้อมทั้งพูดกับเขาเสียงดุๆ“ไหมก็รู้ว่าห้ามผมไม่ได้”“ถ้าคิดจะล่วงเกินไหมอีก ไหมจะ..” เธอหยุดพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าคนอย่างเธอจะสามารถทำอะไรเขาได้“จะ..อะไรครับยาหยี”“ถอยไปนะ ไหมจะไปอาบน้ำ” เธอพูดจะสะบัดตัวออกแต่ครั้งนี้กลับเป็นอิสระอย่างง่ายดาย เพราะเขายอมปล่อยเธอแต่โดยดีวราลีรีบเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำอย่างไม่ยอมเสียเวลาเพราะกลัวคนบ้านั่นจะทำอะไรบ้าๆ กับเธออีก อาบน้ำเสร็จกลับออกมาพร้อมกับใส่เสื้อคลุมอย่างมิดชิดและดวงตากลมโตของเธอหันมามองเขาที่ยังคงนอนสบายใจอยู่บนที่นอนเช่นเดิม สายตาของเขามองเธอทุกอิริยาบถจนเธอแทบจะเดินขาขวิดภีรวัจน์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะลุกจากเตียงแล้วแกล้งเดินเฉียดเธอไปเข้าอาบน้ำบ้างวราลีแต่งตัวเสร็จและนั่งรอเขาอยู่ที่เตียง เธอหันหลังให้เขาตั้งแต่เห็นเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ คนบ้านั่นหน้าไม่อายสักนิดกับการที่ต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าเธอ แต่เธอเขินอายเกินกว่าจะมองภาพนั้นได้ภีรวัจน์เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวหลังจากที่เขาแต่งตัวเสร็จ เขามานั่งซ้อนข้างหลังและสอดมือเข้ามาที่เอวคอดของเธอ“พี่เคน”เขาไม่ตอบแต่ฝังจมูกลงบนซอกคอข
เขาผละลุกขึ้นจากร่างเปลือยเปล่าของเธออย่างรวดเร็วก่อนจะตรงเข้าไปยังห้องน้ำ และเปิดฝักบัวเพื่อให้สายน้ำเย็นๆ ดับความร้อนระอุและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขาจนรวดร้าวในตอนนี้ภาพการตอบสนองที่ร้อนแรงอย่างไม่รู้ตัวของวราลียังตามหลอกหลอนเขาทำเอาเขาแทบคลั่งและต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่เปิดประตูห้องน้ำกลับออกไปหาเธออีกครั้งวราลีควานหาเสื้อนอนมาใส่อย่างอับอาย ร่างกายเธอยังสั่นเทาจากพิษของแรงปรารถนาที่เพิ่งดับมอดลง เธอไม่รู้จะสู้หน้าเขาอย่างไรทั้งๆ ที่ปากตะโกนบอกว่าเกลียดเขา แต่ร่างกายเธอกลับตอบสนองเขาอย่างร้อนแรงราวกับสาวร้อนรักไม่มีผิดภีรวัจน์กลับออกมาอีกครั้ง หลังจากที่สายน้ำช่วยบรรเทาความร้อนระอุของเขาลงไปได้จนเกือบเป็นปกติวราลีนั่งอยู่ที่เตียงโดยใช้ผ้าห่มพันร่างของตัวเองเอาไว้อย่างหนาแน่น ตาสองคู่ประสานกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์อันวาบหวามไปหญิงสาวหน้าแดงและเสหลบตาเขาอย่างอับอายเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาอันน่าอับอายของตัวเองเขาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเธอ ก่อนจะเดินลงมานั่งที่เตียงข้างๆ เธอ วราลีสะดุ้งและตะครุบชายผ้าห่มเอาไว้แน่น“ตลกน่าไหม นึกว่าผ้าห่มแค่นี้จะช่







