“ไปทะเลาะกับหมาที่ไหนมาอีกล่ะยะ!” คิมมินยง สาวผมบลอนด์ลอนเบาๆ ตาเฉี่ยวหนึ่งชั้นสไตล์เกาหลีแท้ เดินมองเพื่อนสาวที่นั่งทำแผลอยู่บนโซฟา พร้อมย่นคิ้วแบบมีห่วง มีฮา
“ไม่ใช่หมา... แต่แมวจ้ะแม่”
ข้าวหอมตอบพร้อมกลอกตาเบา ๆ ขณะใช้ไม้พันสำลีแตะยาทาแผล
“วันนี้ทะเลาะกับแมว... พรุ่งนี้จะตบกับกระรอกไหมถามจริง”
“ห๊ะ เดี๋ยวนี้พัฒนาแล้วนะยะ ไม่ทะเลาะกับหมา แต่ทะเลาะกับแมว!”
คิมมินยงนั่งปุลงข้าง ๆ พร้อมแย่งสำลีมาปิดแผลให้เอง
“ไหนดูหน่อยสิ๊ เจ็บมากไหมเนี่ย หรือว่าต้องพาไปโรงพยาบาล?”
ข้าวหอมถอนใจ “ไม่ได้ทะเลาะ ฉันไปช่วยแมว…มันขาติดกิ่งไม้”
“โอ๊ย แผลแค่นี้ไม่ตายหรอก” มินยงพูดไปแปะพลาสเตอร์ไป
“แต่เดี๋ยวแวะไปฉีดยากันพิษสุนัขบ้าไว้ก่อนก็จะดี…เดี๋ยวเธอเป็นบ้าขึ้นมา เหมียวววว~!”
เธอทำเสียงแมวพร้อมแยกเขี้ยวใส่ข้าวหอมเล่น
“โอ๊ย กลัวตายเลยย่ะ! แมวน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้…จับขังกรงไว้เลยดีกว่า ไม่ให้ซนอีก!”
“งั้นเดี๋ยวฉันพาเธอไปจิ้มก้นก่อน แล้วค่อยไปออฟฟิศใหม่ก็แล้วกัน”
“ว่าแต่วันนี้ตารางมีอะไรเปลี่ยนไหม?” ข้าวหอมถามพลางหยิบเสื้อคลุมมาคลุมไหล่
“มีนิดหน่อย~ เรื่องจดทะเบียนบริษัท ฉันจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วนะ! แต่เธอแน่ใจเหรอว่าจะให้ฉันดูแลสาขาเกาหลี? มันใหญ่มากเลยนะ บอกเลยว่าฉันเป็นผู้หญิงบอบบาง!”
“หื้ม... บอบบางเหรอ? พูดเองได้ลงคอเนอะคนเรา” ข้าวหอมหัวเราะก่อนจะหยิกแก้มเพื่อนสาวเบา ๆ
“มินยงเป็นคนเดียวที่ฉันไว้ใจ ทุกอย่างที่ฉันวางแผนไว้...ไม่มีใครเหมาะเท่าเธอแล้ว!”
“โอ๊ยพอเลย เจ็บ!” มินยงตีมือนิดหนึ่งก่อนลุกขึ้น “วันนี้ฉันจะพาเธอไปดูความเรียบร้อยที่ออฟฟิศใหม่ แล้วพาไปกินข้าวที่ร้าน ‘Steak Bax’ ของครอบครัวยูคยอม!” (ยูคยอม เป็นศิลปินวง GOT7)
“ว้าววว! ยูคยอม! ลูกชายสุดหล่อของฉัน!!” ข้าวหอมตาเป็นประกายวิบวับแบบติ่งเกาหลีขั้นสุด
“แน่ใจว่าอยู่ทีมแม่? หึ… หล่อขนาดนั้นน่ะ ทีมเมียเถอะ!”
“แหม~~ พูดแบบนี้ต้องรีบไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วล่ะ เดี๋ยวจะพลาดโอกาสแต่งเป็นเจ้าสาว!” ระหว่างที่ทั้งคู่เตรียมตัวเดินทาง ข้าวหอมก็อดรู้สึกภูมิใจไม่ได้ ธุรกิจแฟชั่นของเธอที่ปักหมุดไว้ในเกาหลีจะไม่ใช่แค่สตูดิโอเสื้อผ้า แต่คืออาณาจักรย่อม ๆ ที่รวมทุกอย่างไว้ครบ ทั้งนิตยสารแฟชั่น งานออกแบบเสื้อผ้าให้ซีรีส์ ภาพยนตร์ MV และเหล่าไอดอลเพราะเธอรู้…วงการบันเทิงเกาหลี = โลกทั้งใบของแฟชั่น
“ข้าว…” มินยงหยุดพูดกะทันหัน
“มีตารางเพิ่มตอนเย็น...เราต้องไปงานวันเกิด”
“หา?! งานวันเกิดใครอ่ะ?” ข้าวหอมหยุดทุกอย่าง หันมาทำตาโต
“ฉันไม่ได้รู้จักใครในเกาหลีนอกจากเธอนะยะ!”
“ใจเย็น~ เจ้าของงานชื่อ พัคจองฮุน เจ้าของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ในเกาหลี”
ข้าวหอมชะงักเล็กน้อย ชื่อที่ได้ยิน...ไม่รู้ทำไมถึงทำให้เธอรู้สึกแปลบในอกแปลก ๆ
“นอกจากจะใหญ่ในเกาหลี...เขายังเป็นเจ้าพ่อธุรกิจบันเทิงระดับโลก ค่ายเพลงต่างชาติบินมาเกือบครบทุกประเทศ!”
“โอเค งั้นฉันไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน…ธีมงานเป็นแบบไหน?”
“เรียบหรูดูแพง…แต่แอบมีประกาย!”
มินยงพูดพร้อมยักคิ้ว
“ก็งานเจ้าพ่อไงจ๊ะ ไม่ใช่งานวันเกิดเพื่อนบ้านแถวบ้านเธอ~”
@THM pub ใจกลางโซล — ผับสุดลับที่ร่ำลือในหมู่คนวงใน ว่าที่นี่คือพื้นที่แห่ง “การดูตัวสำหรับอภิมหาเศรษฐี”
บรรยากาศภายใน…ดาร์คมินิมอล คลาสสิกแต่แฝงความเย้ายวน แสงไฟสีอำพันทอดเงาสลัวไปทั่วทุกมุม กลิ่นอายของเหล้าราคาแพงกับเสียงเบสต่ำกระหึ่มอยู่ในอก ผู้คนมากหน้าหลายตา หรูหรา ดารา-เซเลบจากหลากประเทศกำลังดื่มด่ำกับค่ำคืนนี้ราวกับเป็นฉากในภาพยนตร์
“Hey, Dion…”
เสียงหวานของใครบางคนทำให้เขาหันกลับไป แต่สายตากลับมองผ่านไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวคนหนึ่ง—ข้าวหอม ในชุดเดรสเรียบหรูที่ไม่โชว์เนื้อหนังแม้แต่นิดเดียวแต่...ทุกสายตากลับจับจ้องเธอ
‘เธอไม่ต้องพยายามก็โดดเด่น…’ไดออนสบตากับเธอ และทันใดนั้น—รอยยิ้มของเธอกลับมอบให้ชายอีกคนแทน
พัคจองฮุน ชายหนุ่มในชุดสูทดำสนิทที่ไม่ได้สะดุดตาเพราะความฉูดฉาด แต่เพราะบารมีที่แผ่ออกมาทุกฝีก้าว
ข้าวหอมเอียงหน้าเล็กน้อย ฟังเขาพูดกระซิบใกล้ใบหู แค่กิริยาเพียงเท่านั้น…หัวใจของไดออนก็เต้นผิดจังหวะ ‘บัดซบ…มันคืออะไร’
มือหนากระชับขวดบรั่นดีแน่น ก่อนจะยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด พร้อมปล่อยลมหายใจแรง ๆ
ตึก ตัก ตึก ตัก...
“ข้าว...”
“...”
“ยัยข้าว”
“...”
“ข้าวหอม วิจิตกุลธร” เสียงของคิมมินยงสะกิดเรียกเธอให้หลุดจากภวังค์
“หา...อะไรนะ?” เธอหันมาขมวดคิ้ว
“ฉันเรียกตั้งนาน เป็นอะไรของเธอ?” มินยงกวาดตามองคู่สนทนาแล้วกระซิบ
“นั่น...คุณพัคจองฮุน เจ้าของงานวันนี้” ข้าวหอมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สัญชาตญาณบางอย่างภายในกำลังเตือนว่า...ชายคนนี้ “อันตราย”
“แผลที่แขนคุณเป็นยังไงบ้าง?” เสียงทุ้มเข้ามากระซิบชิดใบหู…ใกล้เกินไป
“อ๊ะ!” ข้าวหอมผงะถอยโดยอัตโนมัติ
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจให้คุณตกใจ” เขายิ้มบาง ๆ แต่สายตากลับลึกซึ้งจนอ่านไม่ออก
“คุณ...ยังไม่ไปหาหมอใช่ไหม?”
ยังไม่ทันที่เธอจะตอบ เสียง เพล้ง! ก็ดังขึ้นข้างตัว
“เฮ้ย! เดินระวังหน่อยสิวะ!” จองฮุนสบถใส่บริกรที่ทำแก้วบรั่นดีหกราดลงบนเสื้อสูทของเขา
บริกรคนนั้นรีบก้มหน้าขอโทษ “ขะ ขอโทษครับ ผมไม่ทันระวังจริง ๆ…”
“มึงเอามันไปจัดการซะ” คำพูดเย็นชาจนข้าวหอมหันขวับมา
เธอชะงัก — สบตาจองฮุนตรง ๆ เธอไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เธอรู้…บริกรคนนั้นไม่ใช่แค่พนักงานธรรมดา
‘อย่าเพิ่ง…อย่าเพิ่งรู้ตัวนะคะ’ เธอภาวนาในใจ
จองฮุนหันมาหาเธออีกครั้ง “ผมหมายถึงอบรมเรื่องมารยาทน่ะครับ” เขาเอ่ยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเปลี่ยนสีหน้าอย่างแนบเนียน
“แมวคุณเป็นยังไงบ้างคะ?” เธอถามออกไปเพื่อเบี่ยงประเด็น
“เจ้าโบโบ้ปลอดภัยดีครับ…แต่คุณล่ะ? ขึ้นต้นไม้ช่วยแมว แต่ตกลงมาแทน” เขาหัวเราะเบา ๆ
“ผู้หญิงแบบคุณ...น่าสนใจมาก”
“แค่เจ้าโบโบ้ไม่เป็นไรก็ดีแล้วค่ะ” ข้าวหอมตอบเรียบ ๆ พลางมองหาทางออกจากบทสนทนาอันตรายนี้
“คุณเชื่อในพรหมลิขิตไหมครับ คุณข้าวหอม?” เสียงเขาทุ้มนุ่มแต่แฝงพลัง
“ผมเชื่อว่า...คนที่ควรจะเจอกัน ต่อให้ซ่อนอยู่สุดขอบโลก ก็ต้องเจอกันจนได้” ข้าวหอมเงยหน้ามองเขา...สายตาอ่านยาก และในใจ...เต้นไม่เป็นจังหวะ
ไรท์ ขอกำลังใจจากรีด ทุกๆท่าน แค่เม้นติชม มาก็พอค่ะ
รถของเธอหมุนดริฟต์เข้าโค้งสุดท้าย ปิดโชว์ด้วยการหมุนตัวหนึ่งรอบ ก่อนเบรกลงช้า ๆจังหวะพอดีที่เขาวิ่งมาถึง—ทันเห็นเธอก้าวลงจากรถ ทันเห็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาหลายเดือน แต่ก็ทัน... เห็นใครอีกคนที่เดินเข้าหาเธอก่อน“เกอ...” เขาพึมพำบางอย่างออกมาชายหนุ่มร่างสูงในชุดลำลอง เดินตรงเข้ามายืนบังเธอไว้ จากนั้นก็โอบบ่าของเธอไว้แน่น แน่น... ราวกับต้องการประกาศอะไรบางอย่างต่อหน้าทั้งสนามเขาหัวเราะเบา ๆ—แต่แววตาที่มองตรงมาหาไดออน... ไม่ขำแม้แต่นิดเดียว“เพิ่งรู้ว่า คนที่เคยทิ้งเธอไว้ได้... กล้ากลับมามองเธออีกครั้ง”น้ำเสียงของชายคนนั้น คนที่เขาคุ้นเคย ไม่ได้ดัง ไม่ได้ขู่ ไม่ได้ขึ้นเสียง แต่ทุกคำของเขา หนักพอจะฝังหมัดลงกลางอกไดออน... โดยไม่ต้องแตะตัวไดออนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สองมือกำแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว เขาไม่โต้กลับด้วยความบ้าระห่ำ...แต่เขาเลือก “เงียบ” และ มองแค่เธอคนเดียวข้าวหอม...ไม่หลบตา แต่ก็ไม่ได้สบตากลับ เธอแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ข้าง ๆ เขา เหมือนกำลัง... “รอคำตอบ” หรือไม่ก็ “ทดสอบ” อะไรบางอย่าง“ผมไม่ได้กลับมา เพื่อขอร้องให้เธอย้อนกลับมา” ไดออนพูดเสียงเรียบ แต่ชัดทุกคำ“ผมกลับมา... เพื่อยืนอยู
ปัจจุบันไดออนนั่งพิงเบาะในเครื่องบินส่วนตัว ดวงตาคมทอดมองออกไปยังท้องฟ้ากว้างที่ถูกแต่งแต้มด้วยกลุ่มเมฆสีขาวเรียงตัวเป็นระเบียบ สวยงามในสายตาใครหลายคน... ยกเว้นเขาริมฝีปากหนายกยิ้มจาง ๆ เมื่อนึกถึงวันแรกที่เธอตอบตกลงเป็นแฟนกัน—วันที่หัวใจเขาเต้นแรงที่สุดในชีวิต... แต่น่าเศร้าที่ตอนนี้ ความทรงจำเหล่านั้นกลับกัดกินหัวใจเขาแทน‘ฉันมันโง่... ที่เอาความเจ็บปวดในอดีต ไปตัดสินคนที่รักผมมากที่สุด’แววตาอ่อนล้าภายใต้แว่นดำสั่นระริก ความรู้สึกผิดในใจยังไม่เคยจางลงแม้เพียงวันเดียว‘หากได้เจอเธออีกครั้ง... ไม่ว่าเธอจะยังรักผมหรือเปล่า ผมก็จะทำให้ดีที่สุด เพื่อชดเชยทุกอย่างที่ทำพังไปกับมือ’ณ ห้องพัก โรงแรมใจกลางเมืองบุรีรัมย์ข้าวหอมทรุดตัวนั่งริมเตียง สองมือกุมโทรศัพท์แน่น จ้องหน้าจอที่หยุดนิ่งอยู่ตรงช่วงท้ายของคลิปสัมภาษณ์ศิลปินคนหนึ่ง—อดีตคนรักของเธอ“เราเลิกกันเถอะ…”เสียงคำพูดของเขาในวันนั้นยังคงดังชัดอยู่ในหัวใจ ราวกับลมหายใจของเขายังอบอวลอยู่ตรงหน้า ทั้งที่จริง… มันกลายเป็นเพียงเศษฝุ่นในอดีตดวงตาเธอเต็มไปด้วยแววเจ็บปวด... ความเจ็บปวดจากการถูกตัดสิน ทั้งที่ไม่ได้รับโอกาสแม้แต่จะอธิบาย‘
ประตูใหญ่เปิดออกในจังหวะที่ไม่ควรที่สุด...ชายหญิงคู่หนึ่งเดินโอบกันเข้ามา ก่อนจะแลกจูบกันอย่างเร่าร้อนราวกับลืมโลก ทั้งที่อีกมุมยังมีคนสองคนจ้องมองอยู่อย่างตะลึงมือหนึ่งกอดเอว มือหนึ่งลูบต้นขา ไม่มีแม้สำนึกถึงสาธารณะ จากนั้นทั้งคู่พากันหายเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว ก่อนเสียงประตูจะ...ปัง!“ไม่ต้องเบามือนะหนุ่มน้อย เต็มที่เลย เจ้ชอบบบ~!”เสียงแสบหูดังแว่วมาทันก่อนประตูจะปิด เงียบงันอีกครั้ง...บรรยากาศเงียบ...จนได้ยินเสียงกลืนน้ำลายตัวเองข้าวหอมหน้าแดงปลั่ง เธอหันไปมองหน้าไดออน ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ของตัวเองกับเขา‘ถ้าเพื่อนไม่โผล่มา...เราจะเลยเถิดไปไกลแค่ไหนนะ…’เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้น...ติ๊ง!เสียงข้อความจากมือถือของไดออนดังขึ้นกะทันหันเขาหยิบขึ้นมาดู“ขอให้คืนนี้เป็นคืนที่มีความสุขนะคะ ^^ ถ้าจะใช้มุมไหนในบ้านก็ตามสบายเลยค่ะ รับรองว่าคืนนี้ทั้งคืนฉันจะไม่ออกจากห้องนี้แน่นอน😏 – มินยง”ไดออนชะงัก มือที่ถือโทรศัพท์สั่นนิด ๆ ด้วยความพยายามกลั้นหัวเราะ“มินยง...” เขายื่นมือถือให้ข้าวหอมดูข้าวหอมเห็นข้อความแล้วแทบจะเอาหน้าซุกหมอน ร้องเส
“เราเป็นแฟนกันนะ”เธอพูดเสียงเบา ใบหน้าแดงระเรื่อเต็มสองแก้ม ‘ให้ตายสิ…เขาคงไม่รู้หรอกว่า ต้องรวบรวมความกล้าแค่ไหนถึงจะพูดออกมาได้’แต่เขากลับ... เงียบ!?เธอเริ่มเม้มปากแน่นขึ้น เหลือบมองเขาอย่างไม่มั่นใจ ในขณะที่เขาเอนตัวพิงพนักโซฟา ทำท่าทางสบายเกินหน้าเกินตา“ผมว่า... ขอเวลาคิดก่อนจะได้ไหม?” เขาตอบเสียงเรียบ ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ไม่มีสีหน้าอะไรทั้งนั้น“ห๊ะ?” เธอเงยหน้ามองอย่างไม่เข้าใจ ‘นี่เขากำลังแกล้งเรารึเปล่าเนี่ย?’“ผมอยากแน่ใจว่าผมกำลังจะรักผู้หญิงธรรมดา... ไม่ใช่ดีไซเนอร์เพิ่งได้รางวัลระดับโลกมา”เขาเริ่มวางมาดขรึม ‘จะเอาคืนบ้าง ใครบอกให้เขารอมาได้ตั้ง 6 เดือน’“โอเคค่ะ... ฉันให้เวลาคุณคิด...” เธอลุกขึ้น ยกคางนิด ๆ อย่างวางฟอร์ม “แต่ให้ได้แค่ 3 นาทีเท่านั้น!”“หืมม?” เขาเลิกคิ้ว“ถ้าครบสามนาทีแล้วคุณยังไม่ตอบ ฉันจะถือว่าไม่ตกลง... แล้วฉันจะขอคืนกำไลด้วย”ว่าแล้วเธอก็แกล้งยื่นมือไปจับข้อมือเขา ทำท่าจะถอดกำไลออก“เฮ้ย! ไม่เอาน่า!” เขารีบดึงข้อมือหลบ“ห้ามเอาคืนนะ ให้แล้วก็ต้องให้เลยสิครับ”“เวลาเดินนะคะ เหลือสองนาทีห้าสิบแปดวินาทีแล้ว”เธอทำหน้าเฉยเหมือนไม่แคร์ ทั้งที่ใจเต้นต
ในห้องนั่งเล่นข้าวหอมเปิดประตูบ้าน ค่อย ๆ หันกลับไปมองเขาอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ แล้วผลักบานประตูให้เปิดออกช้า ๆ“เข้ามาก่อนสิคะ”เธอพูดเบา ๆ โดยไม่ต้องเอ่ยคำเชื้อเชิญยืดยาว เขาเดินตามเข้าไปโดยไม่ลังเล ก่อนประตูปิดลงอย่างเงียบงัน ทิ้งความวุ่นวายไว้ด้านนอกแสงไฟอุ่นในห้องนั่งเล่นค่อย ๆ ไล่ความเย็นชาในใจของทั้งสอง และ...ค่ำคืนนี้ ก็เพิ่งจะเริ่มต้นเขานั่งบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง หันไปมองเธอเดินเข้าไปในครัว ก่อนจะกลับออกมาพร้อมแก้วน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งมะนาว 2 แก้ว“เห็นคุณดื่มไปเยอะในงาน เลยทำอันนี้มาให้ค่ะ”เธอยื่นให้ เขารับไว้เงียบ ๆ ก่อนดื่มช้า ๆ สายตายังไม่ละไปจากเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว“คุณเห็นด้วยใช่ไหม?”เขาเอ่ยขึ้นช้า ๆ พร้อมขยับตัวเข้ามาใกล้… ใกล้จนเธอได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง“หะ…เห็นอะไรคะ?”“ว่า…คืนนี้ผมอยากอยู่กับคุณ...แค่สองคน”เขากระซิบเบา ๆ พร้อมกลิ่นหอมอ่อนจากลมหายใจที่ทำให้เธอเคลิ้ม“ตะ...ตัวคุณหอมจัง” ‘โอ้ยยยย ยัยข้าว พูดอะไรออกไปเนี่ย!’เขาหัวเราะเบา ๆ สบตาเธอ“ชอบเหรอ หึ...”‘ชอบค่ะ ชอบมากเลย!’ แต่เธอกลับแค่ยิ้ม...แล้วหลบตาเขาไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่นั่งนิ่ง ๆ อยู่ตรงนั้น เหม
หลังจากที่ข้าวหอมก้าวขึ้นเบาะข้างคนขับ เธอก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นเยียบที่ปกคลุมอยู่ภายในรถ ไม่ใช่เพราะเครื่องปรับอากาศ แต่เป็นเพราะความเงียบของคนขับที่นั่งอยู่ข้าง ๆ‘เขามาได้ยังไง ทั้งที่อ่านข้อความแล้วไม่ตอบ...อยู่ ๆ ก็โผล่มา?’คำถามนั้นวนเวียนอยู่ในหัวข้าวหอมไม่หยุด เธอหันไปมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว ไม่มีแม้แต่เสียงเพลง มีเพียงเสียงเครื่องยนต์และเสียงลมหายใจหนัก ๆ ของเขารถแล่นด้วยความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง — เร็วและแรงเหมือนกับความรู้สึกที่เดือดปุด ๆ อยู่ในใจของเขา เธอไม่เคยเห็นเขาในสภาพนี้มาก่อน...นิ่งเงียบเกินไป ราวกับเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง‘เขา...กำลังโกรธใช่ไหม?’‘หรือ...เขาแค่เมา?’ข้าวหอมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หัวใจเต้นระรัว ทั้งหวั่น ทั้งสับสน ทั้งกลัวเขาไม่แม้แต่จะมองเธอ ไม่พูด ไม่ถาม ไม่อธิบาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เขาคือคนที่ขี้เล่น อารมณ์ดี ความเงียบในรถหนักหน่วงจนแทบหายใจไม่ออก เธอกำลังจะเอ่ยปากถามอะไรสักอย่าง ทว่าในจังหวะนั้นเอง เสียงเบรกรถจากรถตู้คันสีดำที่ขับตามมาอย่างกระชั้นชิดทางด้านหลังดังขึ้น ทำให้เธอสะดุ้งเฮือกดวงตาคู่สวยเบิกกว้า