มหาวิทยาลัย M คณะวิศวะกรรมศาสตร์
" หมอบลงไป!!! " เสียงร้องตะโกนดังลั่นบริเวณลานเกียร์แห่งนี้ พร้อมกับเหล่ารุ่นน้องปีหนึ่งที่พร้อมใจกันนอนราบลงไปกับพื้นตามคำสั่งของ โซ่ เฮดว๊ากสุดโหดของคณะวิศวะกรรมศาสตร์แห่งนี้
" ผมจะพูดกับพวกคุณเป็นครั้งสุดท้าย อยากได้ไหมรุ่นน่ะ! " โซ่ร้องตะโกนขึ้นอีกครั้ง
" อยากครับ / ค่ะ " ซึ่งรุ่นน้องปีหนึ่งที่นอนหมอบกันอยู่ก็พร้อมใจกันตอบมาเสียงดัง
" ผมให้เวลาพวกคุณอีกวันเดียว ล่าลายเซ็นรุ่นพี่มาให้ครบ ไม่อย่างนั้นรับน้องมหาลัย วิศวะก็ไม่ต้องเข้าร่วม! "
" เข้าใจที่พูดกันไหม? " ลีออน พี่ว๊ากอีกคนตะโกนถามขึ้นหลังจากที่โซ่พูดจบแล้ว
" เข้าใจครับ / ค่ะ "
" ดี ตั้งใจทำกิจกรรม อย่าทำให้พวกผมผิดหวังล่ะ " ไลอ้อน แฝดพี่ของลีออนพูดทิ้งท้ายไว้แล้วก็เดินออกไป ตามด้วยกลุ่มพี่ว๊ากอีก 4 คนที่เดินตามไป
" มีอะไรก็ไปบอกกูที่ห้องกิจการ " โซ่เดินมาที่หน้าประตูแล้วแวะบอกหัวหน้าสตาฟที่ยืนรอคุมน้องกิจกรรมอยู่
" ครับพี่ "
เมื่อคุยกับรุ่นน้องเสร็จแล้วโซ่ก็เดินออกมาสมทบกับกลุ่มเพื่อนของเขาที่กำลังยืนรออยู่ที่ด้านข้างลานเกียร์
" ไปไหนต่อว่ะ? " เรย์ เอ่ยถามขึ้น ทำให้เพื่อนทุกคนหันไปมองที่โซ่เป็นตาเดียว
" กูมีงานที่ห้องกิจการ " โซ่เห็นสายตาของเพื่อนมองมาจึงเอ่ยปากขึ้น
" งานอะไร? "
" สรุปการรับน้องก่อนจะขอจัดวันชิงธงไง " เป็นลีออนที่ตอบแทนโซ่ เพราะเขาเองก็มีงานที่ต้องดูช่วยโซ่เช่นกัน
" อ๋อ " เมื่อได้ยินอย่างนั้น เพื่อนอีก 3 คนก็พยักหน้าเข้าใจ
" ถ้าอย่างนั้นกูไปนั่งเล่นที่ห้องกิจการก็แล้วกัน " ไลอ้อนพูดขึ้น เพราะแม้ว่าเขาจะไม่มีงานอะไรต้องทำ แต่เมื่อเช้านี้เขามาพร้อมกับลีออน น้องชายฝาแฝดของเขา ยังไงก็ต้องรอกลับพร้อมกับลีออนอยู่แล้ว
" เออ รอไอ้โซ่ทำงานเสร็จแล้วค่อยไปหาอะไรกิน " เวคิณจึงสรุปให้แล้วหันไปถามโซ่
" ตกลงไหม? "
" อื้ม " โซ่พยักหน้ารับแล้วก็เดินนำเพื่อนไปที่ห้องกิจการ
โซ่ ศิรวิทย์ ไพศาลกุล ทายาทเจ้าของบริษัทนำเข้ารถยนต์และอะไหล่ อายุ 21 ปี เรียนคณะวิศวะกรรมศาสตร์ สาขาวิศวะกรรมยานยนต์ ปี 3 เฮดว๊ากสุดโหดของคณะ และยังเป็นถึงหลานเจ้าของมหาวิทยาลัย โซ่มีเพื่อน 4 คน
ไลอ้อน ลีออน แฝดนรกรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งนิสัยทั้งคู่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไลอ้อนจะเจ้าชู้ และขี้เล่น ส่วนลีออนจะนิ่งๆ นิสัยคล้ายๆ กับโซ่ จึงทำให้ทั้งคู่สนิทกันมาก
ต่อมาคือพายัพ รู้จักกันตอนมาเรียนที่นี่ นิสัยจะคล้ายๆ กับไลอ้อน ทั้งคู่จึงค่อนข้างจะสนิทกัน
อีกคนคือเรย์ ลูกครึ่งไทย - เกาหลี นิสัยจะค่อนข้างกลางๆ ไม่นิ่งและขี้เล่นจนเกินไป มารู้จักกับกลุ่มโซ่ตอนมาเรียนที่นี่เหมือนกันกับพายัพ
ห้องกิจการนักศึกษา
ทั้ง 5 คนเดินเข้ามานั่งตามมุมของตนเอง โซ่และลีออนก็นั่งอ่านเอกสารกันอยู่ ส่วนไลอ้อนและพายัพก็สุ่มหัวกันหาส่องรุ่นน้องเฟรชชี่ของปีนี้
" ปีหนึ่งบัญชีแม่งมีแต่คนเด็ด ๆ " ไลอ้อนพูดขึ้นในขณะที่กำลังส่องเพจปีหนึ่งงานดี ซึ่งเป็นเพจที่รวมรุ่นน้องปีหนึ่งที่น่ารักๆ เอาไว้
" ไหนวะ? " พายัพจึงหันมาหยิบเอาโทรศัพท์ในมือของไลอ้อนไปดูอย่างถือวิสาสะ
" เออ น้องมีนา แม่งสวยชิปหาย " เมื่อเห็นรูปแล้วก็เห็นด้วยกับเพื่อนสนิท เขาเลื่อนดูชื่อของรุ่นน้องแล้วก็พูดขึ้น
" เบา ๆ หน่อย " เรย์หันมามองสองคนที่สุ่มหัวกันส่องสาวอยู่แล้วปรามเบาๆ เพราะเพื่อนอีกสองคนกำลังทำงานกันอยู่
" ไอ้โซ่ " ลีออนลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินมาหาโซ่ที่นั่งทำงานอยู่
" ??? " โซ่เงยหน้าขึ้นมองลีออนอย่างตั้งคำถาม ซึ่งลีออนไม่ได้ตอบ แต่ยื่นเอกสารไปตรงหน้าของเพื่อนสนิทแทน
โซ่อ่านเอกสารแล้วขมวดคิ้วงุ่น
" มีอะไรวะ? " ทำให้เรย์สงสัย ลุกขึ้นมาแล้วชะโงกไปดูเอกสารในมือของโซ่
" ทำไมได้มาแค่นี้? " โซ่เงยหน้าขึ้นถามลีออน
" ไม่รู้ "
" เดี๋ยวกูมา " เมื่อได้รับคำตอบแบบนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินออกจากห้องไป
ไลอ้อนและพายัพเห็นว่าสถานการณ์ไม่ปกติจึงเดินไปหยิบเอกสารที่โซ่วางทิ้งไว้บนโต๊ะขึ้นมาดู
" งบอะไร? อย่าบอกนะว่างบกิจกรรมวันชิงธง " เมื่อเห็นแล้วไลอ้อนก็เงยหน้าขึ้นมาถามน้องชายตนเองทันที
" ไม่ใช่ " ลีออนส่ายหน้านิ่ง
" มึงคงไม่ได้หมายความว่านี่คืองบกิจกรรมรับน้องรวมนะ " เรย์จึงพูดขึ้นบ้าง
" ไม่ใช่แค่กิจกรรมรับน้องรวม แต่รวมทุกกิจกรรมที่คณะเราทำ "
เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้น ไลอ้อน พายัพ และเรย์จึงหันมามองหน้ากันทันที
" ไอ้ชิปหาย ตามไปเร็ว " ไลอ้อนพูดขึ้นแล้วรีบวิ่งตามโซ่ไป โดยถือเอกสารงบประมาณติดมือไปด้วย
" โซ่ ๆ มึงใจเย็น ๆ ก่อนเพื่อน " เมื่อวิ่งตามมาทันโซ่ที่กำลังเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสาม ซึ่งเป็นชั้นห้องทำงานของอาจารย์ในคณะ ไลอ้อนก็พยายามพูดให้เพื่อนของตนใจเย็น
" หลีกไป " โซ่เอ่ยขึ้นเสียงนิ่ง
" ใจเย็น ๆ มีอะไรค่อยพูดกัน " พายัพจึงเข้ามาดักหน้าด้วย
" กูก็จะไปพูดนี่ไง "
" หลบ! " โซ่ผลักเพื่อนทั้งสองออกแล้วเดินต่อ
" เอาไงดีว่ะ? " ไลอ้อนหันมาถามความเห็นของเพื่อนที่เหลือ
" ตามสิไอ้สัส " ลีออนจึงพูดขึ้นแล้วเดินตามโซ่ไปเงียบๆ
โซ่เดินหน้านิ่งมาที่หน้าห้องของอาจารย์ที่รับผิดชอบกิจกรรมนับน้องของคณะแล้วเปิดประตูเข้าไปทันที
พรึบ
" นี่!! " ทำให้อาจารย์ชัยวัฒน์ที่กำลังนั่งดูหนังอยู่เงยหน้าขึ้นมามองอย่างไม่พอใจ เพราะโซ่เข้ามาโดยที่ไม่ได้เคาะประตู
" อ้าว ศิรวิทย์มีอะไร? " เขาพยายามปล่อยผ่านไปแล้วถามขึ้น
" ผมจะมาคุยกับอาจารย์เรื่องงบประมาณรับน้องครับ " โซ่จึงเดินมาที่ด้านหน้าโต๊ะทำงานของอาจารย์แล้วเอ่ยเข้าเรื่องทันที
" อ๋อ ว่ามาสิ " อาจารย์จึงพยักหน้ารับแล้วถามขึ้น
" อาจารย์ไม่คิดว่ามันน้อยไปเหรอครับ? งบที่อาจารย์จัดสรรมา "
" อาจารย์ไม่ได้เป็นคนจัดสรรเอง แต่เป็นทางคณะบดีและกรรมการให้มาเท่านี้ " อาจารย์ไม่ได้สนใจสีหน้าของโซ่ที่กำลังหงุดหงิดอยู่ เขาตอบไปอย่างสบายๆ เหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร
" ให้มาเท่านี้? " คนอื่นๆ ที่ตามมาได้ยินอย่างนั้นก็พูดขึ้นพร้อมกันทันที
" ใช่ อาจารย์แย้งแล้วนะว่ามันน้อยไป แต่ทางนั้นบอกว่ากิจกรรมรับน้อง ทำไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร " อาจารย์จึงพูดขึ้นแล้วทำหน้าจนใจ
" เหรอครับ? " โซ่กัดฟันแล้วถามขึ้นเสียงนิ่ง
" ใช่น่ะสิ " อาจารย์ก็พยักหน้ายืนยัน
" ถ้าอย่างนั้นผมจะไปร้องเรียนเรื่องนี้กับอธิการบดีเองครับ " โซ่จึงพูดขึ้นบ้าง
" อะไรนะ! " ทำให้อาจารย์ร้องขึ้นอย่างตกใจ
" ถ้าอาจารย์ยืนยันว่าทางคณะบดีให้งบมาเท่านี้ เดี๋ยวผมจะไปคุยกับอธิการบดีเองครับ " โซ่ปรายตามองอาจารย์ตรงหน้าเล็กน้อยแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องไป โดยเขาหยิบเอกสารในมือของไลอ้อนไปด้วย
" ดะ เดี๋ยว " ทำเอาอาจารย์ร้องห้ามไว้ไม่ทัน
" ไม่ต้องห่วงนะครับอาจารย์ พอดีไอ้โซ่มันเป็นหลานท่านอธิการน่ะครับ " ไลอ้อนมองสีหน้าซีดของอาจารย์และแสยะยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นเพื่อให้อาจารย์สบายใจ
" วะ ว่าไงนะ!! " แต่ไม่รู้ทำไม อาจารย์ถึงได้ดูช็อคยิ่งกว่าเดิม
" นี่อาจารย์ไม่รู้เรื่องนี้เหรอครับ? ก็คงไม่แปลกหรอกครับ เพราะว่าอาจารย์พึ่งย้ายมานี่นา " พายักจึงพูดเสริมและมองอจารย์ด้วยความสะใจ เพราะไม่แปลกที่คนตรงหน้าจะไม่รู้ว่าโซ่คือหลานชายของท่านอธิการบดี เพราะอาจารย์คนนี้พึ่งย้ายมา และก็ได้มารับผิดชอบตรงนี้เลย
" ปะ ไปตามศิรวิทย์มา! " อาจารย์พยายามตั้งสติและสั่งให้เพื่อนของโซ่ไปตามโซ่กลับมา
" คงไม่ทันแล้วล่ะครับ ป่านนี้มันคงเดินไปถึงรถแล้วมั้ง "
" มะ ไม่ได้นะ " ได้ยินิิย่างนั้นก็ทำให้อาจารย์รู้สึกแข้งขาอ่อนขึ้นมาทันที
จากนั้นเขาก็พยายามตั้งสติแล้ววิ่งออกจากห้องไปเพื่อห้ามโซ่
" มาถึงก็เหยียบหางเจ้าถิ่นเลยว่ะ " พายัพพูดขึ้นแล้วหัวเราะอย่างสะใจ
" มึงว่าไอ้โซ่เป็นหมาเหรอ? " ไลอ้อนยินอย่างนั้นจึงหันขวับมามองพายัพทันที
" กูไม่ได้พูดนะ มึงพูดเอง " พายัพยักไหล่แล้วก็โยนงานให้ไลอ้อน
" เออ มึงพูด เดี๋ยวไอ้โซ่มากูจะฟ้องมัน " เรยจึงพูดขึ้นเสริม
" อะ อ้าว ไอ้ลีนช่วยกูด้วย ไอ้พายมันใส่ร้ายกู " เมื่อโดนรุม ไลอ้อนจึงหันไปหาน้องชายตนเองแล้วพูดขึ้นเสียงอ้อน
" ปัญญาอ่อน " ลีออนปรายตามองพี่ชายตนเองอย่างเอือมระอา เขาพูดขึ้นเสียงนิ่งแล้วเดินนำออกไป ตามด้วยเรย์
" ถามจริงนะ ชีวิตนี้มึงมีคนรักบ้างไหมว่ะ? " พายัพหันมากอดคอไลอ้อนแล้วถามขึ้นติดตลก
" ไอ้สัส "
“คะ?” เจ้าแก้มชะงักไปทันที แล้วหันมามองโซ่อย่างตั้งคำถามอีกครั้ง“...” เพียงแต่โซ่ไม่ตอบอะไร เขามองเธอนิ่ง “เจ้าแก้มไม่ได้โกรธค่ะ” เจ้าแก้มส่ายหน้าเบา ๆ และขบคิดด้วยความสับสน“แล้วเป็นอะไร?” โซ่จึงจี้ถาม แม้จะมั่นใจแล้วก็ตามว่าเธอเป็นอะไร“เจ้าแก้มก็ไม่รู้” เจ้าแก้มส่ายหน้าตอบกลับมา เพราะเธอไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองเป็นอะไร มันอธิบายความรู้สึกไม่ได้ในตอนนี้“เห็นรูปนั้นใช่ไหม?” “ค่ะ” เมื่อถูกถามอย่างนั้น เจ้าแก้มยอมรับไปตรง ๆ แล้วก้มหน้าลงทันที“พี่ไม่รู้เรื่องด้วย ไม่รู้จัก ไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ” โซ่อธิบายให้เธอฟังอย่างใจเย็น เขาไม่รู้จักรุ่นน้องคนนั้นมาก่อน และไม่มีความคิดที่จะนอกใจเจ้าแก้มเลยสักครั้ง“อีกอย่างรูปนั้นพี่สั่งให้ไอ้ลีนไปลบให้แล้ว” แล้วก็บอกเล่าว่าเขาสั่งให้เพื่อนไปลบรูปนั้นแล้ว“พี่ดีใจนะ”“ดีใจอะไรเหรอคะ?” เจ้าแก้มเงยหน้าขึ้นแล้วมองโซ่อย่างแปลกใจ ที่จู่ ๆ ก็พูดขึ้นว่าดีใจ“ก็ดีใจที่เจ้าแก้มหึงพี่” โซ่กล่าวแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาอย่างอารมณ์ดี“บ้า ใครหึงกัน ไม่มีนะ” ทำให้เจ้าแก้มหน้าร้อนขึ้นมาแล้วรีบปฏิเสธทันที เธอไม่ได้หึงเขาเสียหน่อย แค่ไม่พอใจที่เห็นเขากับคนอื่นก็เ
เจ้าแก้มมึนตึงกับโซ่เป็นอย่างมาก จนกลายเป็นความอึดอัดใจ“วันนี้พี่ไปส่งนะ” เขาอาสาไปส่งเธอที่บ้านด้วยตัวเอง เพื่อที่จะได้คุยกัน“พี่กราฟจะมารับค่ะ” แต่เจ้าแก้มกลับปฏิเสธมาเสียอย่างนั้น“เดี๋ยวพี่จะโทรบอกพี่กราฟเอง” โซ่จึงอาสาโทรหากราฟเอง เพราะอย่างไรวันนี้ต้องได้คุยกันก่อนทำให้เจ้าแก้มไม่สามารถปฏิเสธได้“พี่ไปนะ” โซ่จำใจต้องลาเจ้าแก้ม เพื่อไปเรียน แต่ก็ยังคงมีความกังวลอยู่ไม่น้อย“แกตึงใส่เขาเกินไปหรือเปล่า?” เมื่อโซ่เดินออกไปแล้ว ชิงชิงก็หันมาถามเจ้าแก้มทันที“นั่นสิ” หนูดีเองก็เห็นด้วย ว่าเจ้าแก้มเฉยชากับแฟนหนุ่มของเธอมากไปจริง ๆ“เจ้าแก้มไม่รู้” คำพูดของเพื่อนทั้งสองทำให้เจ้าแก้มรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีในตอนนี้“ถ้าแกไม่รู้ แกควรจะถาม หรือพูดคุยกับเขาไปนะเจ้าแก้ม ไม่ควรทำแบบนี้” ชิงชิงจึงค่อย ๆ พูดให้เจ้าแก้มคิด และเข้าใจ“เจ้าแก้มงี่เง่าไปเหรอ?” เข้าแก้มจึงถามกลับมา เธอไม่อยากเป็นอย่างนี้เลย เพียงแต่จัดการกับความรู้สึกของตัวเองไม่ได้จริง ๆ“ไม่ใช่หรอก แต่แกก็รู้ว่าพี่โซ่เขารักแกแค่ไหน”“ใช่ ตึงใส่เขาไปแบบนั้นจะเรียนรู้เรื่องไหมน่ะ” คำพูดของหนูดีทำให้เจ้าแก้มชะงัก แล
“พี่ไลอ้อน” เจ้าแก้มหยุดชะงักแล้วยกมือไหว้เพื่อนสนิทของแฟนหนุ่ม“ไม่เห็นไอ้โซ่บอกเลยว่าเราจะมา?” ไลอ้อนรับไหว้แล้วพึมพำขึ้น เพราะก่อนหน้านี้โซ่ไม่เห็นจะบอกพวกเขาเลยว่าเจ้าแก้มจะมากินข้าวที่โรงอาหารของพวกเขา“เจ้าแก้มไม่ได้บอกพี่โซ่น่ะค่ะ” เจ้าแก้มบอกกับเขาไปเสียงนิ่ง“อ้าว” นั่นทำให้ไลอ้อนขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ และไหนจะอาการมึนตึงของเจ้าแก้มอีก เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่“ขอตัวไปสั่งข้าวก่อนนะคะ” เจ้าแก้มตัดบทแล้วขอตัวไปสั่งข้าวทันทีไลอ้อนมองตามหลังของเธอไปด้วยความงงงัน“น้องชิงชิง?” จากนั้นก็หันมามองชิงชิงอย่างตั้งคำถาม“ขอตัวนะคะ” แต่ชิงชิงไม่สามารถพูดอะไรได้เช่นกัน จึงค้อมหัวให้รุ่นพี่เล็กน้อย จากนั้นก็วิ่งตามหลังเจ้าแก้มไปติด ๆทิ้งให้ไลอ้อนได้แต่เกาหัวแกรก ๆ มองตามหลังไปทางด้านของโซ่ ในตอนนี้เขากำลังรอเจ้าแก้มตอบกลับข้อความ หลังจากที่เขาส่งไปหาเธอตั้งแต่สิบนาทีที่แล้ว“มึงเห็นนี่ยัง?” แล้วจู่ ๆ พายัพก็ยื่นโทรศัพท์ของเขาไปให้กับโซ่ซึ่งโซ่ก็มองด้วยความแปลกใจ และรับไปดูก็เห็นว่าเป็นรูปตอนที่เขาไปทำบุญเมื่อเช้านี้ และมีรุ่นน้องคนหนึ่ง มาอยู่ข้าง ๆ ซึ่งเขาไม่ได้รู้จัก หร
เช้าวันต่อมา ในวันนี้เจ้าแก้มมาเรียนโดยมีพี่ชายมาส่ง เพราะโซ่มีนัดกับรุ่นน้องแต่เช้า เพื่อมาทำบุญคณะกัน เจ้าแก้มจึงไม่ได้รบกวนเขาในขณะที่นั่งรอเรียนอยู่นั้น ก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นเป็นระยะ และเจ้าแก้มเองก็รู้สึกว่ามีสายตาของหลายคนมองมาที่เธอแปลก ๆเจ้าแก้มจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความงงงัน จนหันมาเห็นสายตาของเพื่อนสนิททั้งสองนี่แหละ“มีอะไรเหรอ?” เจ้าแก้มถามขึ้นด้วยความสงสัย“ดูนี่สิ”“หือ?” เจ้าแก้มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย จากนั้นก็รับโทรศัพท์จากมือของหนูดีมาดูซึ่งบนหน้าจอกำลังโชว์ภาพของโซ่และผู้หญิงคนหนึ่งกำลังทำบุญอยู่ข้างกัน พร้อมกับแคปชันหวานซึ้งเจ้าแก้มเลื่อนอ่านเม้นก็มีแต่คนพูดว่าเหมาะสมกัน และถามถึงเธอด้วย“โอเคนะ?” ชิงชิงถามขึ้นแล้วมองเจ้าแก้มด้วยสายตาเป็นกังวลเพราะสีหน้าเจ้าแก้มมีความเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังกำโทรศัพท์ในมือแน่นเจ้าแก้มได้สติเงยหน้าขึ้นมาเพื่อนสนิททั้งสองแล้วถามขึ้น“ใครเหรอ?”“เห็นบอกว่าเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งน่ะ” หนูดีเป็นฝ่ายตอบ เพราะเธอได้ถามมาแล้วก่อนที่จะเอารูปให้เจ้าแก้มดู คนรู้จักของเธอบอกว่าเป็นรุ่นน้องปีหนึ่ง“อื้ม” เจ้าแก้มพยักหน้ารับรู้แล้วทำเป็น
โซ่เองก็ให้เจ้าแก้มมานั่งข้าง ๆ เขาเช่นกัน แล้วหยิบน้ำมาเปิดฝาให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เจ้าแก้มรับน้ำมาแล้วเอ่ยขอบคุณโซ่“หิวไหม?” โซ่จึงถามอย่างใส่ใจ เพราะทุกครั้งเวลานี้เจ้าแก้มจะต้องได้กินของว่าง แต่เขาติดธุระ ไม่มีเวลาไปรับเธอเลย คิดแล้วก็มีสีหน้ารู้สึกผิดขึ้นมาทันที“ไม่ค่อยหิวค่ะ” เจ้าแก้มรู้สึกหิวเล็กน้อย เพราะความเคยชินที่ได้กินอาหารเวลานี้ แต่ก็ไม่อยากรบกวนโซ่ จึงตอบกลับไป“แสดงว่าหิว?” แต่คำว่า ไม่ค่อย ของเธอนั้นทำให้โซ่ขมวดคิ้วแล้วหรี่ตามองเธอ“แฮ่ ๆ” เจ้าแก้มไม่อยากโกหกว่าไม่หิวจึงยิ้มแหยให้เขาไป“รอก่อนนะ เดี๋ยวพี่พาไปหาอะไรกิน” โซ่จึงพูดขึ้นแล้วหันไปมองตามรับน้องของคณะตัวเองด้วยความหงุดหงิด ใจเขาอยากจะเข้าไปปล่อยรุ่นน้องและพาเจ้าแก้มกลับตอนนี้เลย แต่ไม่สามารถทำได้อย่างที่คิด“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ากินตอนนี้ กลับบ้านไปคงกินข้าวไม่ได้” เจ้าแก้มเห็นสีหน้าโซ่จึงรีบบอกกับเขาไป เพราะเวลานี้เธอคงกินอะไรไม่ได้แล้ว เพราะว่าต้องกลับไปกินข้าวกับที่บ้านต่อด้วย“อื้ม” โซ่เองก็พึ่งนึกขึ้นได้จึงพยักหน้าเข้าใจรอไม่นานกลุ่มพี่ว้ากก็มีการปล่อยรุ่นน้องให้กลับบ้านทำให้โซ่เองก็พาเจ้าแก้มกลับได้เช่นก
เวลาผ่านไป หลังจากวันนั้นที่โซ่ง้อเจ้าแก้มได้สำเร็จ ทั้งสองก็ตัวติดกันตลอด ไม่ห่างไปไหนช่วงปิดเทอมบ้านของเจ้าแก้มก็มีโซ่ไปเป็นแขกประจำ จนคุ้นเคยกับทุกคนในบ้านพี่ชายทั้งสองของเจ้าแก้ม เห็นโซ่ดูแลน้องสาวของพวกเขาเป็นอย่างดีก็อ่อนให้โซ่แล้ว ไม่มีจิกกัดเหมือนแต่ก่อนจวบจนเปิดเทอม เจ้าแก้มขึ้นปี 3 ส่วนโซ่ก็เป็นรุ่นพี่ปี 4 แล้วในวันนี้เจ้าแก้มมาที่มหาวิทยาลัยโดยมีโซ่มาส่ง ส่วนตัวเขานั้นยังไม่ได้มีการเรียนอะไร มีเพียงคอยดูแลเรื่องการรับน้องในคณะก็เท่านั้นซึ่งโซ่ได้รับเลือกเป็นประธานสภาของมหาวิทยาลัย เขาจึงวุ่นวายเป็นอย่างมากส่วนเจ้าแก้มนั้นขึ้นปีสาม เป็นปีของพี่ว้าก ที่ไม่ต้องไปวุ่นวายการรับมากนัก แต่วันนี้เธอถูกเพื่อนสนิทลากมาดูพี่ว๊าก ซึ่งก็คือเพื่อนปีเดียวกันกับเธอลงว้ากเป็นครั้งแรก“เงียบ!!”เสียงว๊ากที่ดังขึ้นทำให้น้อง ๆ ที่กำลังฮือฮากันอยู่เงียบเสียงลงทันทีบรรยากาศโดยรอบกำลังเกิดเดดแอร์ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าแก้มที่เผลอเกร็งไปกับน้อง ๆ ด้วย“ดุชะมัด” ชิงชิงหันไปกระซิบกับหนูดีเพราะพี่ว้ากปีของพวกเธอ มาจากกลุ่มผู้ชายที่ดูจะนุ่มนวลที่สุดแล้ว ทุกคนจึงไม่เชื่อนักว่าพวกเขาจะว้ากได้จริง จึ