ไม่นานร่างบางของเจ้าแก้มก็วิ่งกลับมา พร้อมกับรุ่นพี่คณะแพทย์ที่วิ่งตามมาติด ๆ
“แฮ่ก นี่ค่ะพี่แพร” เจ้าแก้มยืนหอบแล้วชี้มือไปที่โซ่ทันที
“โซ่เหรอ?”
แพรวา รุ่นพี่ปี 4 คณะแพทยศาสตร์ที่ถูกตามตัวมากะทันหันมองคนที่รุ่นน้องต่างคณะบอกว่าป่วยด้วยความแปลกใจ
“สวัสดีครับ” โซ่เอ่ยทักทายรุ่นพี่ที่รู้จักกันตอนเขาเข้ากิจกรรมรับน้องด้วยใบหน้านิ่ง ๆ
“เห็นน้องบอกว่าโซ่ป่วยเหรอ?”
แพรวาถามขึ้นด้วยความไม่แน่ใจ เพราะตอนแรกเจ้าแก้มวิ่งไปตามเธอบอกว่ามีคนใจเต้นแรงแล้วมาขอยา เธอเองก็ตกใจมาก รีบวิ่งมาดู แต่ดูจากท่าทางบองคนป่วยแล้วไม่น่าจะใช่
“หึ” โซ่ไม่ตอบ แต่กระตุกยิ้มแล้วหันไปมองเจ้าแก้มที่ยืนหอบอยู่ด้วยเอ็นดู
“อ๋อ พี่เข้าใจละ”
เมื่อเห็นสายตาของรุ่นน้องหนุ่ม แพรวาก็เข้าใจในทันทีว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็ค่อนข้างหนักใจแทนเขาอยู่ เพราะเธอเองก็รู้จักเจ้าแก้ม และพี่ชายเจ้าแก้มเป็นอย่างดี
“ดูแค่นี้ก็เข้าใจเลยเหรอคะ?”
เจ้าแก้มหันมามองแพรวาแล้วทำตาโตอย่างน่ารัก เธอเอ่ยถามด้วยตะลึง เพราะรุ่นพี่แค่มองก็รู้เลยเหรอว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร
แล้วก็ทำหน้าครุ่นคิดว่ามีแบบนี้ด้วยเหรอ?
“หึ ยากหน่อยนะ ซื่อ ๆ แบบนี้” แพรวายิ้มเอ็นดูแล้วหันไปพูดกับโซ่ด้วยความเหนื่อยใจ
“เขาไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก เจ้าแก้มก็คุยถามอาการไปนะ” แพรวาเอ่ยขึ้นแล้วโน้มหน้าไปกระซิบที่ข้างหูของเจ้าแก้ม
“เขาชอบเจ้าแก้มมั้ง” เมื่อพูดจบแพรวาก็เดินออกไปทันที
เจ้าแก้มยืนนิ่งกับคำพูดของรุ่นพี่แล้วหันไปมองหน้าโซ่ช้า ๆ
ตึก ตึก ตึก
ใจของเธอเต้นแรงขึ้นเมื่อได้สบสายตานิ่งลึกของโซ่
เจ้าแก้มยกมือขึ้นมากุมตำแหน่งหัวใจของตัวเองไว้แล้วทำตาโต
ทั้งชีวิตเธอมีคนมาบอกว่าชอบมากมาย แต่ไม่เคยมีใครที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกขนาดนี้ เป็นคนอื่นเธอคงก้มหัวขอบคุณไปแล้วที่เขาชื่นชอบเธอ แต่กับคนตรงหน้า ทำไมเธอไม่กล้าแม้แต่จะพูดกับเขาเสียอย่างนั้น
“มะ ไม่ได้มาขอยาเหรอคะ?” เจ้าแก้มกลืนน้ำลายลงแล้วถามขึ้นเสียงติดจะสั่นเล็กน้อย
“มาจีบ ไม่ได้มาขอยา”
และคำตอบของโซ่ก็ยิ่งทำให้ใจเจ้าแก้มเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ตึก ตึก ตึก
“จะ เจ้าแก้มว่าเจ้าแก้มต้องเป็นโรคหัวใจแน่ ๆ เลยค่ะ”
เจ้าแก้มพูดขึ้นด้วยความใสซื่อ ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงดีตอนนี้ เธอเข้าใจความหมายของโซ่ที่พูด เพราะที่ผ่านมาคนจะเป็นแฟนกันต้องจีบกันก่อน แล้วคนตรงหน้ามาบอกว่าจะจีบเธอ แสดงว่าต่อไปเธอต้องเป็นแฟนกับเขาอย่างนั้นสิ
“หึ ทำไม ใจเต้นแรงเหรอ?” โซ่อมยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปใกล้เจ้าแก้มมากขึ้น
กลิ่นหอมของแป้งเด็กที่ติดตัวคนตรงหน้าทำให้เขาสูดดมเข้าไปเต็มปอด
“ชะ ใช่ค่ะ” เจ้าแก้มจึงตอบกลับไปแล้วมองใบหน้าหล่อใสตรง ๆ
“เต้นเหมือนกับฉันหรือเปล่า?” โซ่จับมือของเจ้าแก้มขึ้นมาทาบอกของตนเองแล้วถามขึ้นเสียงนุ่ม
“เอ๊ ใจพี่โซ่ก็เต้นแรงเหมือนกันเลยค่ะ”
เจ้าแก้มตอนแรกก็ขืนมือตนเองไว้เล็กน้อย แต่พอรับรู้ถึงการเต้นของหัวใจอีกฝ่ายแล้วก็ขมวดคิ้วสงสัย
“หึ” โซ่หลุดขำกับท่าทางน่าเอ็นดูนั้น
“เจ้าแก้มว่าเรารีบไปหาหมอดีกว่านะคะ” เจ้าแก้มรีบเงยหน้าขึ้นพูดกับโซ่ด้วยความกระตือรือร้น
“ไปทำไม?”
“โรคร้าย เราทั้งคู่ต้องเป็นโรคร้ายแน่ ๆ” เจ้าแก้มเอ่ยขึ้นแล้วผละตัวออกจากโซ่ หลังจากนั้นก็รีบวิ่งไปเก็บของทันที
“เดี๋ยว!” โซ่มองตามหลังร่างบางไปด้วยความเหนื่อยอ่อนพร้อมกับคิดในใจว่า ‘งานยากแล้วเรา’
“เจ้าแก้มต้องรีบไปตรวจค่ะ เอาไว้เราค่อยมาจีบแล้วเป็นแฟนกันนะคะ” เจ้าแก้มเก็บของไปด้วยแล้วหันมาพูดกับโซ่ ตามความเข้าใจของเธออย่างซื่อ ๆ
“อะไรนะ!!!” ทันใดนั้นก็มีสองเสียงที่ร้องขึ้นด้วยความตกใจ
เจ้าแก้มและโซ่หันไปมองก็พบว่าเป็นชิงชิงและหนูดีนั่นเองที่กำลังอ้าปากค้างมองทั้งคู่อยู่ด้วยความตะลึง
“มาพอดีเลย พาแก้มไปหาหมอหน่อย” เจ้าแก้มพูดขึ้นแล้วรีบลากเพื่อนสนิททั้งสองคนออกไป
และก็มิวายหันมาโบกมือให้โซ่ด้วย
“ดะ เดี๋ยวยัยแก้ม นี่แกจะไปไหน?” หนูดีที่ตั้งสติได้ก่อนที่จะถูกลากไปไกลกว่าขึ้นขืนตัวเอาไว้ แล้วก็เอ่ยถามขึ้น
“ไปหาหมอไง” เจ้าแก้มจึงหันไปตอบเพื่อนด้วยความใสซื่อ
“แกเป็นอะไร ทำไมต้องไปหาหมอ?” ชิงชิงจึงได้สติแล้วถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ใจแก้มเต้นแรงมากเลยชิงชิง” เจ้าแก้มพูดขึ้นเสียงงอแง เหมือนเด็กฟ้องพ่อแม่เวลาป่วยไม่ผิดแน่
“ใจเต้นแรง?” สองสาวถามขึ้นพร้อมกันด้วยความแปลกใจ
“ใช่ แต่เอ… ทำไมตอนนี้มันหายแล้วล่ะ” เจ้าแก้มพยักหน้ายืนยันแล้วก็ยกมือขึ้นมากุมหัวใจตนเอง แต่ตอนนี้มันกลับเต้นปกติแล้วนี่นา
“ไปนั่งตรงนั้น” หนูดีและชิงชิงหันมามองหน้ากันแล้วลากเจ้าแก้มไปหาที่นั่ง
“ฉันจะพูดยังไงดี?” ชิงชิงหันไปถามหนูดี เพราะไม่รู้จะพูดยังไงกับเจ้าแก้มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามดี
“ไม่รู้” หนูดีเองก็ส่ายหน้าจนปัญญา
“เจ้าแก้ม”
“???” เจ้าแก้มมองหน้าเพื่อนสนิททั้งสองอย่างตั้งคำถามและตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก
“พี่โซ่มาพูดอะไรกับแก?” ชิงชิงจึงเอ่ยถามขึ้น
“เขามาหาแก้มที่นั่งอยู่ แล้วก็บอกว่าใจเต้นแรง แก้มก็เลยไปตามพี่แพรให้ แต่ว่าพี่แก้มบอกเขาไม่ได้เป็นอะไร”
เจ้าแก้มเล่าให้เพื่อนสนิททั้งสองฟังหมดเปลือก
“เขาบอกว่าจะจีบแกเหรอ?” หนูดีถามขึ้นต่อทันทีด้วยความตกใจ
“รู้ได้ยังไง?” แต่คนที่ตกใจกว่าคือเจ้าแก้ม นี่เพื่อนเธอรู้ได้ยังไง?
“แล้วจากนั้นใจแกก็เต้นแรง ใช่ไหม?”
“อื้ม ใช่ ๆ” เจ้าแก้มพยักหน้าหงึก ๆ ยอมรับว่าเธอเป็นอย่างนั้น แปลกจริง ๆ ที่พอพูดถึงโซ่แล้วใจเธอก็เต้นแรงอีกครั้ง
“พะ พี่โซ่จะจีบแก”
“กรี๊ดดดดดดด” สองสาวหันมามองหน้ากันแล้วร้องกรี๊ดออกมา
“อะไรอ่ะ นี่ ๆ ใจเจ้าแก้มเต้นแรงอีกแล้ว!”
เจ้าแก้มถามขึ้นด้วยความงง และรีบบอกเพื่อนว่าใจเธอเต้นแรงอีกแล้ว
“โอ้ย ยัยซื่อบื้อ” สองสาวจึงหันมาทำหน้าเอือมระอาใส่เจ้าแก้ม
จากนั้นก็อธิบายความสัมพันธ์ของคนที่จีบกัน เป็นแฟนกันและแต่งงานกันให้เจ้าแก้มฟัง อะไรที่อีกฝ่ายควรรู้ก็เล่าให้ฟังหมด เพราะที่ผ่านมามีคนมาจีบเจ้าแก้มมากมาย
แต่เจ้าแก้มกลับมีปฏิกิริยากับแค่โซ่คนเดียว นี่ก็ชัดแล้วว่าเพื่อนพวกเธอหวั่นไหวกับโซ่
เจ้าแก้มนั่งฟังไปก็ทำตาโตบ้าง พยักหน้ารับบ้าง จนมานึกถึงประโยคที่ตัวเองคุยกับโซ่เมื่อครู่
“ละ แล้วที่เจ้าแก้มบอกเขาว่าเดี๋ยวค่อยมาจีบแล้วเป็นแฟนกันล่ะ?” เจ้าแก้มกลืนน้ำลายลงคอแล้วถามขึ้น
“ก็หมายความว่าแกตกลงยอมให้เขาจีบไง รอได้เลยค่ะ แฟนคนแรกของแกคือพี่โซ่คนโหดแน่นอน!!”
“คะ?” เจ้าแก้มชะงักไปทันที แล้วหันมามองโซ่อย่างตั้งคำถามอีกครั้ง“...” เพียงแต่โซ่ไม่ตอบอะไร เขามองเธอนิ่ง “เจ้าแก้มไม่ได้โกรธค่ะ” เจ้าแก้มส่ายหน้าเบา ๆ และขบคิดด้วยความสับสน“แล้วเป็นอะไร?” โซ่จึงจี้ถาม แม้จะมั่นใจแล้วก็ตามว่าเธอเป็นอะไร“เจ้าแก้มก็ไม่รู้” เจ้าแก้มส่ายหน้าตอบกลับมา เพราะเธอไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองเป็นอะไร มันอธิบายความรู้สึกไม่ได้ในตอนนี้“เห็นรูปนั้นใช่ไหม?” “ค่ะ” เมื่อถูกถามอย่างนั้น เจ้าแก้มยอมรับไปตรง ๆ แล้วก้มหน้าลงทันที“พี่ไม่รู้เรื่องด้วย ไม่รู้จัก ไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ” โซ่อธิบายให้เธอฟังอย่างใจเย็น เขาไม่รู้จักรุ่นน้องคนนั้นมาก่อน และไม่มีความคิดที่จะนอกใจเจ้าแก้มเลยสักครั้ง“อีกอย่างรูปนั้นพี่สั่งให้ไอ้ลีนไปลบให้แล้ว” แล้วก็บอกเล่าว่าเขาสั่งให้เพื่อนไปลบรูปนั้นแล้ว“พี่ดีใจนะ”“ดีใจอะไรเหรอคะ?” เจ้าแก้มเงยหน้าขึ้นแล้วมองโซ่อย่างแปลกใจ ที่จู่ ๆ ก็พูดขึ้นว่าดีใจ“ก็ดีใจที่เจ้าแก้มหึงพี่” โซ่กล่าวแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาอย่างอารมณ์ดี“บ้า ใครหึงกัน ไม่มีนะ” ทำให้เจ้าแก้มหน้าร้อนขึ้นมาแล้วรีบปฏิเสธทันที เธอไม่ได้หึงเขาเสียหน่อย แค่ไม่พอใจที่เห็นเขากับคนอื่นก็เ
เจ้าแก้มมึนตึงกับโซ่เป็นอย่างมาก จนกลายเป็นความอึดอัดใจ“วันนี้พี่ไปส่งนะ” เขาอาสาไปส่งเธอที่บ้านด้วยตัวเอง เพื่อที่จะได้คุยกัน“พี่กราฟจะมารับค่ะ” แต่เจ้าแก้มกลับปฏิเสธมาเสียอย่างนั้น“เดี๋ยวพี่จะโทรบอกพี่กราฟเอง” โซ่จึงอาสาโทรหากราฟเอง เพราะอย่างไรวันนี้ต้องได้คุยกันก่อนทำให้เจ้าแก้มไม่สามารถปฏิเสธได้“พี่ไปนะ” โซ่จำใจต้องลาเจ้าแก้ม เพื่อไปเรียน แต่ก็ยังคงมีความกังวลอยู่ไม่น้อย“แกตึงใส่เขาเกินไปหรือเปล่า?” เมื่อโซ่เดินออกไปแล้ว ชิงชิงก็หันมาถามเจ้าแก้มทันที“นั่นสิ” หนูดีเองก็เห็นด้วย ว่าเจ้าแก้มเฉยชากับแฟนหนุ่มของเธอมากไปจริง ๆ“เจ้าแก้มไม่รู้” คำพูดของเพื่อนทั้งสองทำให้เจ้าแก้มรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีในตอนนี้“ถ้าแกไม่รู้ แกควรจะถาม หรือพูดคุยกับเขาไปนะเจ้าแก้ม ไม่ควรทำแบบนี้” ชิงชิงจึงค่อย ๆ พูดให้เจ้าแก้มคิด และเข้าใจ“เจ้าแก้มงี่เง่าไปเหรอ?” เข้าแก้มจึงถามกลับมา เธอไม่อยากเป็นอย่างนี้เลย เพียงแต่จัดการกับความรู้สึกของตัวเองไม่ได้จริง ๆ“ไม่ใช่หรอก แต่แกก็รู้ว่าพี่โซ่เขารักแกแค่ไหน”“ใช่ ตึงใส่เขาไปแบบนั้นจะเรียนรู้เรื่องไหมน่ะ” คำพูดของหนูดีทำให้เจ้าแก้มชะงัก แล
“พี่ไลอ้อน” เจ้าแก้มหยุดชะงักแล้วยกมือไหว้เพื่อนสนิทของแฟนหนุ่ม“ไม่เห็นไอ้โซ่บอกเลยว่าเราจะมา?” ไลอ้อนรับไหว้แล้วพึมพำขึ้น เพราะก่อนหน้านี้โซ่ไม่เห็นจะบอกพวกเขาเลยว่าเจ้าแก้มจะมากินข้าวที่โรงอาหารของพวกเขา“เจ้าแก้มไม่ได้บอกพี่โซ่น่ะค่ะ” เจ้าแก้มบอกกับเขาไปเสียงนิ่ง“อ้าว” นั่นทำให้ไลอ้อนขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ และไหนจะอาการมึนตึงของเจ้าแก้มอีก เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่“ขอตัวไปสั่งข้าวก่อนนะคะ” เจ้าแก้มตัดบทแล้วขอตัวไปสั่งข้าวทันทีไลอ้อนมองตามหลังของเธอไปด้วยความงงงัน“น้องชิงชิง?” จากนั้นก็หันมามองชิงชิงอย่างตั้งคำถาม“ขอตัวนะคะ” แต่ชิงชิงไม่สามารถพูดอะไรได้เช่นกัน จึงค้อมหัวให้รุ่นพี่เล็กน้อย จากนั้นก็วิ่งตามหลังเจ้าแก้มไปติด ๆทิ้งให้ไลอ้อนได้แต่เกาหัวแกรก ๆ มองตามหลังไปทางด้านของโซ่ ในตอนนี้เขากำลังรอเจ้าแก้มตอบกลับข้อความ หลังจากที่เขาส่งไปหาเธอตั้งแต่สิบนาทีที่แล้ว“มึงเห็นนี่ยัง?” แล้วจู่ ๆ พายัพก็ยื่นโทรศัพท์ของเขาไปให้กับโซ่ซึ่งโซ่ก็มองด้วยความแปลกใจ และรับไปดูก็เห็นว่าเป็นรูปตอนที่เขาไปทำบุญเมื่อเช้านี้ และมีรุ่นน้องคนหนึ่ง มาอยู่ข้าง ๆ ซึ่งเขาไม่ได้รู้จัก หร
เช้าวันต่อมา ในวันนี้เจ้าแก้มมาเรียนโดยมีพี่ชายมาส่ง เพราะโซ่มีนัดกับรุ่นน้องแต่เช้า เพื่อมาทำบุญคณะกัน เจ้าแก้มจึงไม่ได้รบกวนเขาในขณะที่นั่งรอเรียนอยู่นั้น ก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นเป็นระยะ และเจ้าแก้มเองก็รู้สึกว่ามีสายตาของหลายคนมองมาที่เธอแปลก ๆเจ้าแก้มจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความงงงัน จนหันมาเห็นสายตาของเพื่อนสนิททั้งสองนี่แหละ“มีอะไรเหรอ?” เจ้าแก้มถามขึ้นด้วยความสงสัย“ดูนี่สิ”“หือ?” เจ้าแก้มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย จากนั้นก็รับโทรศัพท์จากมือของหนูดีมาดูซึ่งบนหน้าจอกำลังโชว์ภาพของโซ่และผู้หญิงคนหนึ่งกำลังทำบุญอยู่ข้างกัน พร้อมกับแคปชันหวานซึ้งเจ้าแก้มเลื่อนอ่านเม้นก็มีแต่คนพูดว่าเหมาะสมกัน และถามถึงเธอด้วย“โอเคนะ?” ชิงชิงถามขึ้นแล้วมองเจ้าแก้มด้วยสายตาเป็นกังวลเพราะสีหน้าเจ้าแก้มมีความเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังกำโทรศัพท์ในมือแน่นเจ้าแก้มได้สติเงยหน้าขึ้นมาเพื่อนสนิททั้งสองแล้วถามขึ้น“ใครเหรอ?”“เห็นบอกว่าเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งน่ะ” หนูดีเป็นฝ่ายตอบ เพราะเธอได้ถามมาแล้วก่อนที่จะเอารูปให้เจ้าแก้มดู คนรู้จักของเธอบอกว่าเป็นรุ่นน้องปีหนึ่ง“อื้ม” เจ้าแก้มพยักหน้ารับรู้แล้วทำเป็น
โซ่เองก็ให้เจ้าแก้มมานั่งข้าง ๆ เขาเช่นกัน แล้วหยิบน้ำมาเปิดฝาให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เจ้าแก้มรับน้ำมาแล้วเอ่ยขอบคุณโซ่“หิวไหม?” โซ่จึงถามอย่างใส่ใจ เพราะทุกครั้งเวลานี้เจ้าแก้มจะต้องได้กินของว่าง แต่เขาติดธุระ ไม่มีเวลาไปรับเธอเลย คิดแล้วก็มีสีหน้ารู้สึกผิดขึ้นมาทันที“ไม่ค่อยหิวค่ะ” เจ้าแก้มรู้สึกหิวเล็กน้อย เพราะความเคยชินที่ได้กินอาหารเวลานี้ แต่ก็ไม่อยากรบกวนโซ่ จึงตอบกลับไป“แสดงว่าหิว?” แต่คำว่า ไม่ค่อย ของเธอนั้นทำให้โซ่ขมวดคิ้วแล้วหรี่ตามองเธอ“แฮ่ ๆ” เจ้าแก้มไม่อยากโกหกว่าไม่หิวจึงยิ้มแหยให้เขาไป“รอก่อนนะ เดี๋ยวพี่พาไปหาอะไรกิน” โซ่จึงพูดขึ้นแล้วหันไปมองตามรับน้องของคณะตัวเองด้วยความหงุดหงิด ใจเขาอยากจะเข้าไปปล่อยรุ่นน้องและพาเจ้าแก้มกลับตอนนี้เลย แต่ไม่สามารถทำได้อย่างที่คิด“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ากินตอนนี้ กลับบ้านไปคงกินข้าวไม่ได้” เจ้าแก้มเห็นสีหน้าโซ่จึงรีบบอกกับเขาไป เพราะเวลานี้เธอคงกินอะไรไม่ได้แล้ว เพราะว่าต้องกลับไปกินข้าวกับที่บ้านต่อด้วย“อื้ม” โซ่เองก็พึ่งนึกขึ้นได้จึงพยักหน้าเข้าใจรอไม่นานกลุ่มพี่ว้ากก็มีการปล่อยรุ่นน้องให้กลับบ้านทำให้โซ่เองก็พาเจ้าแก้มกลับได้เช่นก
เวลาผ่านไป หลังจากวันนั้นที่โซ่ง้อเจ้าแก้มได้สำเร็จ ทั้งสองก็ตัวติดกันตลอด ไม่ห่างไปไหนช่วงปิดเทอมบ้านของเจ้าแก้มก็มีโซ่ไปเป็นแขกประจำ จนคุ้นเคยกับทุกคนในบ้านพี่ชายทั้งสองของเจ้าแก้ม เห็นโซ่ดูแลน้องสาวของพวกเขาเป็นอย่างดีก็อ่อนให้โซ่แล้ว ไม่มีจิกกัดเหมือนแต่ก่อนจวบจนเปิดเทอม เจ้าแก้มขึ้นปี 3 ส่วนโซ่ก็เป็นรุ่นพี่ปี 4 แล้วในวันนี้เจ้าแก้มมาที่มหาวิทยาลัยโดยมีโซ่มาส่ง ส่วนตัวเขานั้นยังไม่ได้มีการเรียนอะไร มีเพียงคอยดูแลเรื่องการรับน้องในคณะก็เท่านั้นซึ่งโซ่ได้รับเลือกเป็นประธานสภาของมหาวิทยาลัย เขาจึงวุ่นวายเป็นอย่างมากส่วนเจ้าแก้มนั้นขึ้นปีสาม เป็นปีของพี่ว้าก ที่ไม่ต้องไปวุ่นวายการรับมากนัก แต่วันนี้เธอถูกเพื่อนสนิทลากมาดูพี่ว๊าก ซึ่งก็คือเพื่อนปีเดียวกันกับเธอลงว้ากเป็นครั้งแรก“เงียบ!!”เสียงว๊ากที่ดังขึ้นทำให้น้อง ๆ ที่กำลังฮือฮากันอยู่เงียบเสียงลงทันทีบรรยากาศโดยรอบกำลังเกิดเดดแอร์ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าแก้มที่เผลอเกร็งไปกับน้อง ๆ ด้วย“ดุชะมัด” ชิงชิงหันไปกระซิบกับหนูดีเพราะพี่ว้ากปีของพวกเธอ มาจากกลุ่มผู้ชายที่ดูจะนุ่มนวลที่สุดแล้ว ทุกคนจึงไม่เชื่อนักว่าพวกเขาจะว้ากได้จริง จึ