หลังจากแต่งงานกันในช่วงแรกลี่หลินมีความสุขมาก เธอกับพี่เฟยหรงนอนกอดกันอยู่บนเตียงในตอนเช้าหลังจากตื่นนอนมาพร้อม ๆ กัน และเวลาเข้านอนเธอก็ซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่นของพี่เฟยหรงที่บัดนี้กลายมาเป็นสามีอย่างถูกต้องของเธอแล้ว
หลังพวกเขาแต่งงานได้ไม่กี่วัน ลุงเฉินก็เดินทางออกท่องเที่ยวไปตามที่ต่าง ๆ เพราะต้องการไปเยี่ยมญาติมิตรเก่า ๆ ที่อยู่ต่างเมือง เพราะตอนนี้เขาเกษียณจากงานแล้ว ยังเดินเหินได้คล่องแคล่วจึงได้อยากจะไปเยี่ยมญาติมิตรที่อยู่ตามเมืองต่าง ๆ ทั้งในเมืองจีนและที่เมืองไทยบ้าง พี่เฟยหรงก็ไม่ได้ว่าอะไร ดังนั้นลุงเฉินจึงได้ปิดบ้านของเขาทิ้งเอาไว้ และฝากให้คนข้างบ้านช่วยดูแลเพราะเขาจะเดินทางไปหลายแห่งยังไม่มีกำหนดว่าจะกลับเมื่อใด
พอลุงเฉินจากไปแล้ว เพียงไม่นานพี่เฟยหรงก็จากไปบ้าง เพราะเขาต้องออกเดินทางไปทำงานต่างเมืองตามสาขาของบริษัทรวมถึงต่างประเทศอีกด้วย ทำให้ติดต่อกันได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เขาก็ส่งเงินมาให้ใช้ทุก ๆ เดือน
ลี่หลินเหงามากหลังจากทั้งสามีและพ่อสามีพากันออกเดินทางไปหมด เธออยู่เพียงลำพังอย่างเงียบเหงา จะมีออกไปนอกบ้านบ้างก็ไปซื้อหาข้าวของ และพูดคุยสนทนากับเพื่อนบ้านใกล้ ๆ บ้าง แต่ที่หมู่บ้านที่เธออยู่นี้เป็นหมู่บ้านเล็ก พวกหนุ่มสาวพากันจากไปทำงานที่ในเมืองกันหมดแล้ว
เหลือเพียงคนสูงอายุอยู่เฝ้าบ้านเพียงเท่านั้น ทำให้ลี่หลินเองไม่ได้สนิทสนมกับพวกเขานัก พูดคุยกันก็แค่เพียงสั้น ๆ ตามมารยาทเมื่อพบหน้ากันเท่านั้น ทำให้ลี่หลินนั้นต้องอยู่ตามลำพังอย่างเงียบเหงาภายในบ้านเป็นส่วนใหญ่
ส่วนสามีที่เพิ่งจะแต่งงานกันก็มีโทรศัทพ์มาบ้างเป็นบางครั้ง แต่ส่วนมากแล้วเขาก็ไม่ค่อยจะมีเวลา ลี่หลินนั้นเป็นเพียงสาวน้อยวัยสิบแปดย่อมรู้สึกหงอยเหงาและว้าเหว่เมื่อตอนนี้เหลืออยู่เพียงคนเดียว
ทุก ๆ วันเธอเฝ้าแต่รอคอยว่าเมื่อไหร่สามีจะกลับมา แต่เขาก็หายไปทีละหลายเดือน จึงจะกลับมาเยี่ยมเธอแล้วอยู่ค้างเพียงสองสามวัน แล้วก็รีบร้อนไปอีก เหมือนกับงานของเขานั้นยุ่งมาก แรกลี่หลินก็อดทน
ต่อมาหลัง ๆ เธอเริ่มรู้สึกว่าตนเองชักจะทนไม่ไหว อยู่ ๆ เขาหายขาดไปเลยไม่แม้แต่จะโทรมา แม้เงินทองเขาจะยังส่งมาบ้าง แต่แค่เงินมันก็ไม่เพียงพอ เพราะเธอต้องการเขา ต้องการความอบอุ่นและความใส่ใจของเขาเพราะมันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจและไม่รู้สึกว่าโดดเดี่ยวจนเกินไปนัก
และฟางเส้นสุดท้ายของลี่หลิน เริ่มต้นจากที่เธอเดินไปที่ร้านขายของชำประจำหมู่บ้าน และก็พบเข้ากับร่างสูงสมาร์ทของสามีที่เธอจำได้ดี เขายืนหันหลังและกำลังพูดคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งด้วยท่าทีสนิทสนมและผู้หญิงคนนี้ใคร ๆ ก็รู้ว่าหล่อนนั้นเป็นผู้หญิงประเภทจับผู้ชายที่หล่อนพอใจเป็นว่าเล่น
และหล่อนชอบคนที่หน้าตาดีมีฐานะ หล่อนเป็นแม่หม้ายไม่มีสามีเป็นตัวตน และชอบหว่านเสน่ห์ผู้ชายอย่างหน้าไม่อายโดยไม่สนใจว่าผู้ชายคนนั้นจะแต่งงานแล้วหรือไม่ จนชาวบ้านนินทากันไปทั่ว แต่หล่อนก็ไม่ได้สนใจ
เมื่อเดินไปพบสามียืนคุยกับแม่หม้ายชื่อเสียงฉาวโฉ่คนนั้นอย่างสนิทสนม แถมยังยืนเสียใกล้กันจนน่าเกลียดและผู้หญิงคนนั้นยังยกมือลูบแก้มเขาอีกด้วย แค่เพียงเท่านี้ลี่หลินก็รู้สึกว่ามันเจ็บจนพูดอะไรไม่ออก เธอหันหลังกลับทันที แล้วเดินดุ่มกลับบ้านโดยที่ไม่คิดจะซื้ออะไรที่ร้านของชำอีกแล้ว
ผ่านไปเกือบชั่วโมง สามีของลี่หลินก็กลับเข้าบ้านมา ลี่หลินนั่งจ้องมองเขาอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกด้านหน้าบ้าน “ ลี่เอ๋อ เป็นอะไรไป แล้วจ้องหน้าพี่ทำไม ไม่ดีใจหรือที่สามีของเธอกลับมาแล้ว ”
เขาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าลี่หลินเอาแต่จับจ้องมองหน้าเขาแต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ
“ มีความสุขมากไหมคะ อิ่มหนำดีแล้ว ถึงได้กลับมาบ้าน ทำไมไม่หายหัวไปทั้งคืนเลยล่ะค่ะ รีบกลับมาทำไมกัน ”
ลี่หลินเปิดฉากทันที เพราะภาพบาดตาที่เธอเห็นเมื่อครู่ ทำให้เธอนั้นไม่มั่นใจในตัวเขาว่าลับหลังเธอ เขาจะมีผู้หญิงคนอื่นอีกสักกี่คน
ลี่หลินผิดหวังมาก เธอชักจะไม่แน่ใจว่าสามีนั้นเมื่อยามอยู่ห่างกันเขาจะมีผู้หญิงคนอื่นลับหลังเธอหรือไม่ แต่งงานกับเธอแล้วทิ้งเธอให้แห้งเหี่ยวหัวโตอยู่ที่บ้านนอก นาน ๆ ครั้งจะกลับมาให้เห็นหน้า แทบจะไม่ค่อยโทรหา อ้างว่าติดงาน ติดงานหรือติดผู้หญิงอื่นกันแน่
“ ลี่เอ๋อพูดอะไรกัน พี่เพิ่งจะกลับมาเหนื่อย ๆ เธอก็พูดจาหาเรื่องอย่างนี้ เป็นผู้ใหญ่บ้างสิ เธอแต่งงานแล้วนะ มีผัวแล้วก็เลิกทำตัวงอแงเป็นเด็ก ๆ ได้แล้ว ”
เขาตอบโต้เธอด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะหงุดหงิด กลับเข้าบ้านมาแทนที่ภรรยาจะเอาอกเอาใจสอบถามความเหน็ดเหนื่อยของเขาบ้าง เพราะเขาเดินทางมาไกลกว่าจะถึงหมู่บ้านนี้ แต่หล่อนกลับชวนหาเรื่องทะเลาะกันตั้งแต่พบหน้า งี่เง่าสิ้นดี
“ ก็แม่หม้ายคนสวยไงคะ กินกันอิ่มหนำแล้ว ถึงได้ยอมกลับเข้าบ้านล่ะสิ มาถึงบ้านแล้ว แต่ไม่ยอมกลับเข้าบ้าน เร่ไปหาผู้หญิง นอนกันไปถึงไหนแล้วคะ หากว่าไม่อยากจะอยู่กับฉันเราก็หย่าขาดกันเถอะ ฉันเองก็ทนคุณไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
คุณทำเหมือนฉันเป็นตุ๊กตา แต่งงานด้วยแล้วก็วางทิ้งเอาไว้ที่นี่เพียงคนเดียว แล้วก็หายหัวไป นาน ๆ จะโผล่หน้ามาเสียทีี แถมยังแวะไปหาเศษหาเลยกับผู้หญิงอื่นก่อนจะเข้าบ้านอีก ที่ผ่านมาเวลาคุณไปอยู่ที่อื่นคุณยังกินไม่อิ่มหรือคะ ถึงได้กล้ากลับมาหาเศษหาเลยกับผู้หญิงใกล้บ้านอย่างนี้ "
เฟยหรงตะลึงงัน ลี่หลินบ้าไปแล้วหรือยังไงกัน หาว่าเขามีผู้หญิงอื่น และมีอะไรกับแม่หม้ายที่เข้ามาทักทายเขาเพราะเขาแวะซื้อของนิดหน่อยที่ร้านของชำ
หล่อนเพียงเข้ามาทักทายธรรมดาเท่านั้นไม่ได้สนิทสนมอะไรกัน เพียงแค่เคยรู้จักกันเพราะเคยเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันเท่านั้น แล้วนี่ลี่หลินคิดไปถึงไหน ๆ แล้วมาหาเรื่องทะเลาะกับเขาอย่างไม่มีเหตุผลเลยสักนิด ไม่น่าหาเรื่องแต่งงานกับเด็กเลย เด็กยังไม่โตก็อย่างนี้ เอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผลเลยสัักนิด เฟยหรงครุ่นคิดด้วยความหงุดหงิด
เขาทั้งเหนื่อยทั้งเพลียเพราะเดินทางหลายทอดมากเพราะเพิ่งจะกลับจากต่างประเทศและตรงดิ่งมาที่นี่เลย เดินทางหลายต่อมาก แต่เมื่อมาถึงบ้านก็พบกับนางยักษ์ตัวเล็ก ๆ ที่มาถึงก็หาเรื่องชวนทะเลาะ
“ อยากจะหย่าหรือก็ได้ ตอนนี้เธอเอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ ไว้ให้เป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ค่อยมาพูดกัน วันนี้พี่ไม่มีอารมณ์จะพักที่นี่แล้ว เธอมีเบอร์โทรพี่แล้วนี่ รอให้อารมณ์เย็น ๆ กว่านี้ เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่านี้ก็โทรหาพี่ก็แล้วกัน แล้วเราค่อยมาคุยกันด้วยเหตุผลอีกที ”
เฟยหรงหันมาบอกกับลี่หลินที่ตอนนี้หันหน้าไปทางอื่นไม่ยอมมองหน้าเขาเลย
แล้วเขาก็สะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่ขึ้นบ่าตามเดิน แล้วก็เดินดุ่มออกจากบ้านไป ไม่เหลียวกลับมามองลี่หลินที่ตอนนี้ร้องไห้น้ำตาเต็มใบหน้างาม เธอแน่ใจว่าเขาได้ยินเสียงเธอร้องไห้ แต่เขาก็ไม่หวนกลับมา เธอได้ยินเสียงรถสตาร์ทที่หน้าบ้านและก็แล่นจากไปทันที
จากเย็นวันนั้นจนถึงยามค่ำคืน ลี่หลินร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดร้องไห้จนน้ำตาไม่มีจะไหล ในอกนั้นรวดร้าวไปหมด เธอจำแผ่นหลังแข็งๆ นั่นได้ดี เขาเดินดุ่ม ๆ มุ่งหน้าออกไม่ ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเธอสักนิด
หลังจากวันนั้นลี่หลินเอาแต่นั่งเงียบเหงาซึมเซา แต่น้ำตานั้นไม่มีจะไหลออกมาอีกแล้ว ส่วนเสียงโทรศัพท์ไม่เคยดังขึ้นมาอีกเลย และเมื่อได้อยู่กับตัวเองไปหลายวันผ่านไปจนเวลาผ่านไปเดือนกว่าๆ เธอก็เริ่มคิดตก และตัดสินใจที่จะหย่าขาดกับสามีที่ไม่ได้สนใจใยดีเธอเลยอย่างเขา มีเขาก็เหมือนไม่มี สู้เธอเรียนรู้ที่จะยืนด้วยลำแข้งของตัวเองอย่างที่ผ่านมา และเธอแน่ใจว่าเธอจะต้องทำได้
หลังจากวันนั้นสองเดือนต่อมาเธอก็ขนข้าวของย้ายมาอยู่ที่มาเก๊า หลังจากที่เธอขายบ้านหลังนั้นได้ บ้านที่เคยเป็นของพ่อและแม่ของเธอ แต่ด้วยเหตุที่ว่าเธอไม่มีเงินมากพอที่จะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อื่น เธอไม่ต้องการจมอยู่กับอดีตและไม่อยากจะหวนคิดถึงอดีตทั้งพ่อและแม่ รวมถึงคนๆ นั้นที่จากไปแล้ว และไม่อาจจะหวนคืนกลับมาได้อีก
เมื่อใกล้เวลาต้องออกไปทำงานแล้ว เธอจึงได้เข้าไปอาบน้ำและรีบออกมาแต่งตัวแต่งหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วจึงได้สะพายกระเป๋าใบเก่งออกมาจากห้องพร้อมกับล็อคเอาไว้อย่างแน่นหนา แล้วจึงได้ขึ้นรถเก๋งคันเก่าที่ซื้อต่อมาจากเพื่อนพนักงานด้วยกันหลังจากที่ไปทำงานที่คาสิโนได้เพียงสองสามเดือน เพราะไม่อยากจะขึ้นรถประจำทางที่ต้องรอเวลา แถมหากออกจากที่ทำงานช้าไปก็อาจจะพลาดเที่ยวรถทำให้เธอต้องไปรบกวนให้เพื่อนร่วมงานที่พอจะสนิทกัน ให้มาส่ง หรือไม่ก็ต้องเรียกแท็กซี่ที่มีค่าบริการแพง ทำให้รายได้แทบจะไม่เหลือเก็บลี่หลินจึงตัดสินใจซื้อรถเก๋งคันกลางเก่ากลางใหม่คันนี้เอาไว้ขับไปทำงานหรือเพื่อออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตในวันหยุดเพื่อความสะดวกและประหยัด หล่อนก้าวขึ้นรถแล้วก็ถอยออกไปจากหน้าห้องพักอย่างรีบด่วน เพราะวันนี้ออกจากห้องพักช้าไปกว่าสิบนาที ทำให้ต้องทำเวลามากกว่าทุกวันเมื่อจอดรถลงที่ลานจอดสำหรับพนักงานแล้ว เธอก็ออกจากรถพร้อมกับล็อครถแล้วก็รีบเดินด้วยความเร่งรีบเข้าไปที่ประตูทางเข้าออกของพนักงาน รีบรูดบัตรเข้างานอย่างโล่งใจที่วันนี้ไม่ได้สายอย่างที่คิด เมื่อเดินไปที่ห้องล็อคเกอร์แล้วก็มีเสียง
ลี่หลินเดินทางมาที่มาเก๊าทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่เคยมาที่นี่เลย แต่ด้วยมีเพื่อนสมัยเด็กในหมู่บ้านเดียวกัน เดินทางมาทำงานที่นี่และเคยให้ที่อยู่กับเธอไว้ ลี่หลินจึงได้ตัดสินใจเก็บข้าวของเดินทางมาเลย และไปพบเพื่อนเก่าสมัยเด็กตามที่่อยู่นั้น แต่แล้วกลับพบว่าเพื่อนสมัยเด็กคนนั้นได้ย้ายไปแล้วเมื่อสองปีก่อน เพราะพวกเขาขาดการติดต่อกัน ทำให้ลี่หลินแคว้งคว้างนัก ยืนมึนงงอยู่ที่หน้าบ้านเช่าของเพื่อนคนนั้นคนข้างบ้านของเพื่อนนั้นอยู่ ๆ ก็แนะนำกับเธอว่า ให้ย้ายไปอยู่อพาร์ทเม้นท์นอกตัวเมืองสักหน่อยจะได้มีราคาถูก และก็เขียนจดหมายให้ลี่หลินไปสมัครงานที่คาสิโนกาแล็คซี่เพราะมีญาติทำงานอยู่ที่นั่น คุณป้าคนนั้นบอกว่า ให้ทำงานที่นี่ไปก่อน ทำได้หรือไม่ได้ยังไง พอเข้าที่เข้าทางแล้วก็ค่อยเปลี่ยนงานใหม่ก็ยังไม่สายลี่หลินเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณป้าผู้อารีคนนั้นเสนอให้กับเธอ ทำให้ลี่หลินตัดสินใจขึ้นรถคันที่คุณป้าติดต่อหาให้เพื่อไปส่งที่ อพาร์ทเม้นท์ที่คุณป้ารู้จักแห่งนั้นทันที เพราะคุณป้าเคยไปเยี่ยมคนรู้จักที่นั่นและคิดว่าน่าจะมีห้องว่างเหลืออยู่ หากพักที่นั่นการเดินทางมาทำงานที่คาสิโนกาแล็คซี่ก็ไม่
หลังจากแต่งงานกันในช่วงแรกลี่หลินมีความสุขมาก เธอกับพี่เฟยหรงนอนกอดกันอยู่บนเตียงในตอนเช้าหลังจากตื่นนอนมาพร้อม ๆ กัน และเวลาเข้านอนเธอก็ซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่นของพี่เฟยหรงที่บัดนี้กลายมาเป็นสามีอย่างถูกต้องของเธอแล้ว หลังพวกเขาแต่งงานได้ไม่กี่วัน ลุงเฉินก็เดินทางออกท่องเที่ยวไปตามที่ต่าง ๆ เพราะต้องการไปเยี่ยมญาติมิตรเก่า ๆ ที่อยู่ต่างเมือง เพราะตอนนี้เขาเกษียณจากงานแล้ว ยังเดินเหินได้คล่องแคล่วจึงได้อยากจะไปเยี่ยมญาติมิตรที่อยู่ตามเมืองต่าง ๆ ทั้งในเมืองจีนและที่เมืองไทยบ้าง พี่เฟยหรงก็ไม่ได้ว่าอะไร ดังนั้นลุงเฉินจึงได้ปิดบ้านของเขาทิ้งเอาไว้ และฝากให้คนข้างบ้านช่วยดูแลเพราะเขาจะเดินทางไปหลายแห่งยังไม่มีกำหนดว่าจะกลับเมื่อใด พอลุงเฉินจากไปแล้ว เพียงไม่นานพี่เฟยหรงก็จากไปบ้าง เพราะเขาต้องออกเดินทางไปทำงานต่างเมืองตามสาขาของบริษัทรวมถึงต่างประเทศอีกด้วย ทำให้ติดต่อกันได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เขาก็ส่งเงินมาให้ใช้ทุก ๆ เดือน ลี่หลินเหงามากหลังจากทั้งสามีและพ่อสามีพากันออกเดินทางไปหมด เธออยู่เพียงลำพังอย่างเงียบเหงา จะมีออกไปนอกบ้านบ้างก็ไปซื้อหาข้าวของ และพูดคุ
รถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่ค่อย ๆ แล่นเข้ามาในเขตของอพาร์ทเม้นท์สองชั้นที่ตั้งอยู่นอกเมืองมาเล็กน้อย จนกระทั่งมาหยุดนิ่งสนิทลงที่หน้าห้องพักห้องหนึ่งที่อยู่ริมสุดของชั้นล่างของอพาร์ทเม้นท์ ลี่หลินดับเครื่องยนต์แล้วก็หันไปคว้ากระเป๋าสะพายใบเก่งที่วางอยู่บนเบาะข้างตัวขึ้นมา แล้วก็เปิดประตูรถด้านข้างของคนขับออกแล้วก็ก้าวลงไป พร้อมกับล็อครถเรียบร้อย แล้วก็เดินไปที่ประตูห้องพักที่อยู่ด้านหน้าของตัวรถ เธอเช่าอพาร์ทเม้นท์ที่นี่มาได้ห้าปีแล้ว ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่มาเก๊าและสมัครงานที่คาสิโนชื่อกาแล็คซี่ และก็ทำงานที่นั่นมาได้ถึงห้าปีแล้ว ในตำแหน่งสาวเสิร์ฟในชุดบันนี่ ที่จะต้องสวมชุดกระต่ายสาวที่มีหูกระต่ายยาว ๆ สีดำสลับขาว รวมถึงผูกโบว์สีดำที่คอเสื้อ สวมเสื้อเชิ๊ตสีขาวแขนกุด ส่วนกางเกงก็แน่นอนว่าสั้นมากแถมยังมีหางกระต่ายสีดำติดที่ก้นอีกด้วย เธอเองก็แทบไม่เชื่อเลยแม้สักนิดว่าตัวเองจะกล้าทำงานนี้แถมยังสามารถทำได้มาจนถึงห้าปีเข้าไปแล้วอีกด้วยลี่หลินมักจะได้ทำงานช่วงกะบ่ายหรือไม่ก็กะดึก ที่ต้องเข้างานช่วงบ่ายสามและเลิกงานเวลาเที่ยงคืน หรือไม่ก็เข้ากะเที่ยงคืนเลิกงานเจ็ดโมงเช้า ที่ลี่หลินไม่ค