“ชูเจี่ยนอ๋องยังเสมอต้นเสมอปลาย เลือดเย็นต่อคนข้างกายเช่นไรก็ยังคงเดิม”“อย่าสู่รู้!”“หึ ๆ ระหว่างเจ้ากับข้าแตกต่างกันตรงไหนรู้ไหมชูเจี่ยน ข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้า แต่เจ้ามิรู้สิ่งใดเลยกับข้า”“แค่นี้รึ! ที่เจ้าคิดจะกำราบข้าได้”เคร้ง! ร่างงามตวัดดาบในมือต้านการจู่โจม ไม่มีคำว่าออมมือสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้ ชูเจี่ยนเก็บความแตกตื่นเอาไว้ภายในใจ เมื่อหลายกระบวนท่าของเยว่หมิงหลัน เหมือนกับใครอีกคนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี “ข้าไม่จำต้องเสียเวลากับคนเยี่ยงเจ้า แต่มันจะสนุกอะไรหากไม่ได้ยินคำร้องขอความตายจากเจ้า” ชูเจี่ยนผงะถอยหลังเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว กลิ่นอายบางอย่างของเยว่หมิงหลัน ทำให้ภาพต่าง ๆ ในอดีตผุดขึ้นราวดอกเห็ดต้องสายฝน แววตาที่เขาเคยได้รับก่อนที่มันจะเลือนหายไปตลอดกาล ทำให้สมาธิของเขาเลือนหายไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว ฉึก! ยังไม่ทันที่จะดึงสติออกจากภวังค์ได้ดีนัก กลางอีกของเขากลับมีปลายอาวุธแหลมคมอาบเลือดโผล่พ้นให้เห็น “คนต่ำช้าเยี่ยงเจ้าไม่สมควรอยู่ให้หนักแผ่นดิน เจ้าพรากทุกอย่างไปจากข้า แล้วยังจะพาข้าลงสู่นรกเพราะความเล
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ฮ่องเต้ได้สั่งห้องเครื่องทำอาหารออกมาแจกจ่ายให้แก่ประชาชน พร้อมทั้งทรงอยู่ร่วมพูดคุยกับทุกคนอย่างเป็นกันเอง“ท่านแม่ทัพเยี่ย”“พระชายาทรงมีสิ่งใดกับกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ของสิ่งนี้ข้าขอส่งคืนสกุลเยี่ย”เยว่หมิงหลันยื่นส่งดาบไห่ซินให้แก่เยี่ยไค่หลาง มือหนาสั่นเทาเมื่อเห็นว่ามันคือดาบคู่กายของน้องสาว แม้ว่าดาบตรงหน้าอาจมิใช่อันเดิม แต่ทุกลวดลายนั้นคือตัวตนของน้องสาวเขาทั้งสิ้น“พานางกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวเถิด หากวันหน้าครอบครัวเราปรองดองกันในรุ่นลูกหลาน ข้าก็มิขัดข้อง”“พ่ะย่ะค่ะ...พระชายา!”เยี่ยไค่หลางกำลังจะผวาเข้ารับร่างหญิงสาว ทว่ายังช้ากว่ากั๋วหยวนเค่อ ที่จับตามองภรรยาแทบทุกฝีก้าวอยู่ก่อนแล้ว“ตามหมอหลวงเร็วเข้า”ท่านแม่ทัพเยี่ยรีบสั่งการ ก่อนที่ตัวเขาจะรีบเปิดทางให้ท่านอ๋องเก้าพาพระชายาเข้าไปยังเหลาหยวนหลัน โดยมีฮ่องเต้กับเชื้อพระวงศ์และขุนนางอีกหลายคนติดตามเข้าไปด้วยเวลานี้ฮ่องเต้กับหยวนปิงเดินสวนกันไปมา เพื่อรอฟังผลการตรวจถึงอาการป่วยกะทันหันของเยว่หมิงหลัน ทั้งคู่รู้ดีว่าเยว่หมิงหลันเคี่ยวเข็ญตนเองอย่างหนัก กว่าจะสามารถยืนทัดเทียมศัตรูได้ แ
ชายแดนเหนือของจีน เสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากไล่หลังมา หญิงสาวในชุดลายพราง กำลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เพื่อรักษาสิ่งที่เธอได้มา ก่อนที่เพื่อนร่วมทีมคนอื่นจะถูกสังหาร หลักฐานทั้งหมดในไดร์ฟ แลกมาด้วยลมหายใจ ของใครอีกหลายคนร้อยเอกหญิงหยางปิง ได้ร่วมทำภารกิจสำคัญ โดยมีพันเอกจางต้าไจ๋เป็นหัวหน้าทีม แต่สิ่งที่ทำให้หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียว ต้องวิ่งสุดชีวิตในตอนนี้ นั่นเพราะผู้พันจาง กลายเป็นคนทรยศเสียเอง หลักฐานในมือของหญิงสาว คือสิ่งเดียวที่จะทำให้ เรื่องของเขาเปิดเผย หยางปิงคือคนเดียวที่ยังรอดชีวิตในตอนนี้ แต่ไม่รู้ว่าจะรอดได้นานแค่ไหน จุดนัดพบคือที่อันตราย ที่สุดในตอนนี้ หญิงสาวจึงเปลี่ยนเส้นทางหลบหนี เพื่อกลับไปยังปักกิ่งให้ได้ หยางปิงตรงไปยังหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดในตอนนี้ เพราะหากเกิดความผิดพลาดใด ๆ อย่างน้อยสิ่งสำคัญก็จะส่งถึงมือของผู้บัญชาการแน่นอน เสียงสุนัขดมกลิ่น และคนจำนวนมากวิ่งไล่หลังมา เธอไม่มีแม้แต่โอกาสจะหยุดพักหายใจ หยางปิงดึงเอาหลักฐานสำคัญที่เธอได้ แอบโหลดข้อมูลเก็บไว้ในแฟลตไดร์ฟ ก่อนที่พวกเธอจะถูกสังหารไปทีละคน ด้วยฝีมือของผู้นำทีม
“น่าสงสารพี่ใหญ่ยิ่งนัก ที่วางใจคนเช่นซือเหยา” “เจ้าคิดว่านางทำหรือ”“เจ้ารู้จักนางน้อยไปสิ ! ขนาดสาวใช้คนสนิท นางยังกำจัดอย่างเลือดเย็น นับประสาอะไรกับพี่ใหญ่ ฆ่าให้ตายจะด้วยวิธีใด ก็สามารถสาวถึงนางได้ แต่ถ้าพี่ใหญ่ตายด้วยคำสั่งของท่านพ่อ ผู้ใดจะรู้ว่าเบื้องหลังคือนางทำ”“ระวังปากของพวกเจ้าด้วย ซือเหยาคือบุตรสาวภรรยาเอก หากอยากอยู่อย่างสงบ ก็จงปิดหูปิดตาเสีย”ฮูหยินรอง เจียวหลิงเอ่ยกับบุตรสาวทั้งสอง ก่อนจะก้าวนำสองพี่น้องกลับเรือนเมื่อไม่ได้รับคำตอบจากบุตรสาว ที่กำเนิดจากภรรยาอันเป็นที่รัก เสนาบดีถงจิ่ง ไม่อาจหักใจสังหารเซียวเถาได้ จึงได้ส่งนางไปอยู่ยังหมู่บ้านห่างไกล โดยไม่ให้ผู้ใดรู้ส่วนบุตรสาวคนรอง ที่กำเนิดจากฮูหยินใหญ่คนปัจจุบัน ได้ก้าวเข้าสู่จวนสกุลกู้ ในฐานะฮูหยินใหญ่ของแม่ทัพหนุ่ม เหตุผลที่ชายหนุ่มได้รับในการเปลี่ยนตัวเจ้าสาว นั่นเพราะเซียวเถาเป็นโรคติดต่อร้ายแรง ไม่อาจอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้และเซียวเถาสิ้นใจ ก่อนงานแต่งเพียงแค่ขวบเดือน ที่ไม่แจ้งแก่ทางสกุลกู้ เพราะมิอยากให้เกิดความอัปมงคล ในการเริ่มชีวิตคู่ของชายหนุ่มทุกอย่างควรที่จะจบลง เพียงแค่ทุกคน ได้ในสิ่ง
“โปรด...ช่วยหยางเอ๋อร์ด้วย บุญคุณครั้งนี้ข้าจะทดแทนในชาติหน้า ขอร้องช่วยเขาที”หยางปิงที่นั่งอยู่ข้างร่างของหญิงสาว ที่อยู่ในฝันของเธอมานับครั้งไม่ถ้วน กำลังพูดกับเธอ หยางปิงรู้ดีว่าถึงยังไง หญิงสาวบอบบางคนนี้ก็ไม่มีทางรอด เธอจึงหลับตาลง เพื่อให้ตนเองตื่นจากความฝันเสียทีหยางปิงรู้สึกหายใจติดขัด เจ็บร้าวไปทั้งตัว คงเพราะการถูกทรมาน หญิงสาวค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้น ทว่า...“นี่มันอะไรกันอีกล่ะคราวนี้ ทำไมฉันถึงมาอยู่ในชุดนี้ได้”หยางปิง ใช้มือคลำไปยังบริเวณที่เจ็บที่สุด เสื้อผ้าที่เปียกชื้น บอกได้เป็นอย่างดีว่านี่คือเลือด หยางปิงสุดหายใจลึก ๆ คิดทบทวนทุกอย่าง เธออาจตายไปแล้ว จากการที่ถูกจางต้าไจ๋กรีดที่ลำคอและตอนนี้อาจเป็นความฝัน แต่จะอะไรก็ตาม สิ่งที่เธอต้องทำคือ ห้ามเลือด ค่อยตามหญิงสาวคนนั้นไป หยางปิงมองไปยังใบหน้างาม ที่ขาวซีด กำลังยืนร่ำไห้ปานจะขาดใจ พร้อมพร่ำขอให้เธอไปช่วยลูกน้อยหยางปิง ใช้มือขูดพื้นดิน จนได้มาหนึ่งกำมือ แล้วพยายามปิดลงไปยังบาดแผล นับว่าโชคดี ที่มันยังอยู่ในจุดที่เธอเอื้อมถึง มีดสั้นถูกคนพวกนั้นดึงออกไปด้วย หยางปิงฉีกชายกระโปรง ผูกทับอีกชั้น ก่อนจะลุกขึ้นอย่างยาก
‘ขนาดฉันจะตาย ก็ยังมีภารกิจให้ทำอีกนะท่านยมบาล’ หยางปิง บ่นอยู่ภายในใจ ก่อนจะหันไปมองร่างของหญิงงาม ที่ยืนส่งยิ้มกว้างให้แก่เธอ ‘ไม่ชูป้ายเชียร์เลยล่ะแม่คุณ’ หยางปิง ปรับสายธนูให้พอเหมาะกับมือของตนเอง ก่อนจะมองหาจุดสำหรับซุ่มโจมตีฟิ้ว! ฉึก! ชายชุดดำต่างพากันตกใจ เมื่ออยู่หนึ่งในหกคน ล้มลงโดยมีลูกศรปักเข้าที่ลำคอทะลุมาด้านหน้า ทั้งหมดยกอาวุธขึ้นป้องกันตัวในทันที เพราะความเร็วของลูกศร บ่งบอกว่าถูกยิงมาในระยะใกล้“ลูกธนูของพวกเรา…สังหารพวกมันให้หมด”ยังไม่ทันที่จะวิ่งไปทิศทางของเป้าหมาย หลายคนได้ถูกจู่โจมจากลูกศร หยางปิง คิดคำนวณความเป็นไปได้ สลับกับการที่เธอ ต้องไม่ให้แขนบอบบางนี่หักไปเสียก่อน เลือดเริ่มไหลซึมออกจากบาดแผล ไม่เว้นแม้แต่จมูกและปากด้วยเช่นกัน ‘หากช้ากว่านี้ ฉันได้ตายในฝันอีกครั้งแน่นอน’ในที่สุดชายชุดดำที่เหลือ ก็ได้ยืนเผชิญหน้ากับหญิงสาว ที่พวกเขามั่นใจว่านางตายไปแล้ว ทว่าไยตอนนี้ นางจึงยังคงมีชีวิตอยู่อีกเล่า“ตายยากจริงนะขอรับ คุณใหญ่”“ข้ามันคนมีบุญ ทำยังได้ล่ะ”หยางปิงตอบกลับไปด้วยคำพูด ตามแบบฉบับของคนที่นี่ เธอเข้าใจเรื่องภาษาดี เพราะการเป็นหน่วยรบพิเศษ ย่อมต้องเรีย
“ท่านแม่ทัพ จะไปเป็นทูตระหว่างแคว้นจริงหรือเจ้าคะ” แม่นมจูเอ่ยถามขึ้น เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วมิอาจนับได้“ที่เอาใจข้าขนาดนี้ คงมิอยากให้ข้าไปสินะ” เซียวเถาเอ่ยขึ้นอย่างรู้ทัน“เจ้าค่ะ” หญิงชราตอบรับ“สิบปีแล้ว คนพวกนั้นลืมเลือนข้าไปสิ้นแล้วกระมัง อย่าได้วิตกกังวลให้มาก ท่านพ่อมิสะดวกติดตามองค์ชายกับพระชายาไป จะมีก็แค่เพียงข้าเท่านั้น ที่ท่านพ่อวางใจ”เซียวเถาให้เหตุผลแก่แม่นมของตนเอง นางรับรู้ถึงความห่วงใย แต่นี่คือหน้าที่ ซึ่งนางมิอาจหลีกหนีได้เช่นกัน“บ่าวทราบเจ้าค่ะ ว่าท่านแม่ทัพใหญ่ จำต้องรั้งอยู่ที่นี่ แต่บ่าวเกรงว่าจะมีผู้ใดจดจำท่านแม่ทัพได้” หญิงชราเอ่ยขึ้นด้วยความกังวลใจ“จำได้แล้วอย่างไร จำมิได้แล้วจะอย่างไร ข้าหาใส่ใจไม่”คำพูดที่มิอ่อนมิแข็งของผู้เป็นนายนั้น แม่นมจูเคยสงสัยอยู่นาน รวมถึงเรื่องการต่อสู้ด้วยเช่นกัน ทว่าจะอย่างไรเสีย ผู้เป็นนายก็ปกป้องคุณชายน้อย และมิคิดทอดทิ้งนาง นับแต่นั้นมา นางจึงเลือกที่จะไม่ก้าวก่าย เรื่องการเปลี่ยนแปลงตนเองของผู้เป็นนายอีกเลย“บ่าวเอ่อ...”“หากท่านป้าติดตามข้ากับจ้าวหยางไป ย่อมทำให้คนเหล่านั้นจดจำได้มิยาก” เซียวเถาเอ่ยดักทางแม่นมจูขึ้นเสี
“คนผู้นี้ คือท่านแม่ทัพพยัคฆ์ ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”ชายหนุ่มแสร้งถาม ทั้งที่เขารู้ดีว่านางคือผู้ใด แต่จะให้เอ่ยออกไปตรง ๆ อาจเกิดความแคลงใจระหว่างกันได้“ย่อมเป็นนางท่านอ๋อง แม่ทัพผู้มิเป็นสองรองผู้ใด”องค์รัชทายาทตอบด้วยรอยยิ้ม ด้วยชื่อเสียงอันเลื่องลือของพ่อลูกสกุลจ้าว เป็นเหมือนเกราะคุ้มภัยอีกชั้นของแค้วน“จ้าวเซียวเถา คารวะท่านอ๋องเพคะ”เมื่อได้รับสัญญาณจากผู้เป็นนาย เซียวเถา ก้าวเข้ามาหยุดยืนห่างจากอ๋องหนุ่มพอสมควร ก่อนจะประสานมือทำความเคารพ ทว่าใบหน้างามหาได้มีรอยยิ้มให้เห็นไม่ กลับมีเพียงความเยือกเย็นส่งผ่านสายตามาเท่านั้น“ข้าได้ยินเสียงเล่าลือมานาน ว่าท่านแม่ทัพเก่งกาจยิ่งนัก ทั้งยังฉลาดปราดเปรื่องเหนือผู้ใด” ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย เมื่อสายตาของหญิงสาวเปลี่ยนไปมาก หรืออาจเพราะกาลเวลา ทำให้นางไร้ซึ่งแววตาเฉกเช่นเมื่อก่อน“ท่านอ๋องกล่าวชมเกินไปแล้วเพคะ หม่อมฉันเป็นเพียงทหาร ที่ได้รับพระเมตตา จนมีตำแหน่งก็เท่านั้นเพคะ”“ท่านแม่ทัพถ่อมตัวเกินไปแล้ว มีผู้ใดบ้างในเว่ยและแคว้นใกล้เคียง ที่มิรู้จักแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจแห่งเว่ยกัน ว่าแต่หนุ่มน้อยด้านหลังเล่า คือผู้ใดกัน”
“จ้าวหยาง จงจำเอาไว้ให้ดี การแก้แค้นที่เจ็บปวดที่สุด มิใช่การฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย แต่เป็นการที่ศัตรูต้องทนเห็นเรา มีความสุขและเหนือกว่า โดยที่คนเหล่านั้น มิอาจทำอะไรเราได้ ยิ่งเจ้าเหนือคนที่พวกเขารักมากเท่าใด ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เราเอาน้ำมันร้อน ๆ ราดไปบนกายของพวกเขาในทุก ๆ วันหรอกนะ”“อีกเรื่องนะขอรับท่านแม่ ในวันที่ท่านรู้ว่ามีข้าอยู่ในท้อง ไยมิคิดกำจัดแล้วปกปิดเรื่องนี้ไปเสียขอรับ”“จ้าวหยางเอ่ยจ้าวหยาง มารดาเจ้า คือคนที่หลงในอำนาจเพียงนั้น เลยหรืออย่างไรกัน”“มิเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอนขอรับ”“ตอนแม่เจ้าเกิด ท่านยายของเจ้าก็ได้จากไป ท่านยายของเจ้าสละลมหายใจ คลอดแม่ออกมาอย่างปลอดภัย เจ้าคิดว่าแม่จะยอมเสียเจ้าไป เพียงเพื่อได้แต่งเข้าจวนแม่ทัพเช่นนั้นรึ”“แต่ในตอนนั้น ท่านแม่ไม่รู้ว่าใครคือพ่อของข้า”“แล้วอย่างไร รู้หรือไม่มันมิสำคัญ เท่ากับเราแม่ลูกได้อยู่ด้วยกันหรอกรึ”“ขอรับ”“ในวันที่รู้ว่ามีเจ้า แม่นั้นทั้งเสียใจและดีใจ คิดเพียงอย่างเดียว ถ้าอยู่ก็ต้องอยู่ด้วยกัน หากต้องตายเราก็ตายไปพร้อม ๆ กัน การที่แม่เคี่ยวเข็ญเจ้า มิใช่เพื่อการแก้แค้น แต่เพื่อให้เจ้าสามารถอยู่ได้อย่างเข้มแข็ง จำ
ชายหนุ่มขยับเอวสอบจากช้า ๆ จนเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้น เสียงคำรามดังลอดออกมาจากลำคอหนา อยู่แทบตลอดเวลา ประสานเข้ากับเสียงครางของหญิงสาวมือหนาเปลี่ยนจากจับต้นขาของภรรยา มาเป็นเอวขอดของนาง เพื่อความถนัดในการสร้างจังหวะ แห่งความหฤหรรษ์ ภายนอกนั้นหนาวเย็นยิ่งนัก ทว่าภายในห้องหอ กลับร้อนระอุไปด้วยไฟแห่งปรารถนาเวลาล่วงเลยไปจนเกือบรุ่งสาง สองสามีภรรยาจึงได้หลับลงด้วยความอ่อนเพลีย จากการสู้รบบนเตียงของทั้งคู่ยามเช้าจ้าวหยางได้แต่ยืนมอง ไปยังเรือนของมารดา ก่อนจะหมุนกายเดินกลับไปยังเรือนใหญ่ เพื่อพบกับผู้เป็นตา ทว่าเด็กชายจำต้องหยุดเท้าลงในทันที“จ้าวหยาง คารวะท่านเสนาบดีขอรับ”“จ้าวหยาง ไยเรียกตาเสียห่างเหินเช่นนั้นเล่า”เสนาบดีถง เอ่ยถามหลานชาย ที่แสดงความห่าเหินกับเขาจนรู้สึกได้“เรียนท่านเสนาบดี จ้าวหยางมิบังอาจ อีกทั้งมารดาของจ้าวหยางมิเคยสอน ก้าวล่วงผู้ใหญ่ขอรับ”“จ้าวหยาง เป็นตาที่ผิดเอง หากในวันนั้นใส่ใจเจ้าสองแม่ลูกมากกว่านี้ ทุกสิ่งอย่างคงมิเป็นเช่นนี้”“ท่านเสนาบดี มันเป็นเช่นนี้นั้นดีแล้วขอรับ เพราะท่านแม่นั้นมากด้วยสามารถ มิควรอยู่ใต้เงาของผู้ใด”“เซียวเถา สอนเจ้าได้ดียิ่ง”“ท่านแม
พิธีแต่งงานถูกจัดเตรียมอย่างยิ่งใหญ่ ภายในจวนแม่ทัพจ้าว สองสามีภรรยาดูจะตื่นเต้น กับการแต่งงานของบุตรสาวบุญธรรมยิ่งนัก แม้จะรู้สึกใจหาย ที่บุตรสาวจะต้องติดตามสามีกลับสู่แคว้น หากเสร็จสิ้นการแต่งงาน“ท่านพ่อตา ท่านแม่ยาย อย่าได้เป็นกังวลไปเลยนะขอรับ ข้าตัดสินใจแล้วว่า จะอยู่ที่เว่ยครึ่งปี และอยู่ที่ฉินครึ่งปี หากมีลูกอีกคนข้าจะอยู่ที่นี่ ดีหรือไม่ขอรับ”“เช่นนั้น...ท่านอ๋องก็ทรงรีบมีหลาน เพิ่มให้กระหม่อมอีกสักคนนะพ่ะย่ะค่ะ”“เรื่องนั้นท่านพ่อตามิต้องห่วง ข้าพร้อมเสมอ ฮ่า ๆ”“ฮ่า ๆ”เสียงหัวเราะของคนด้านนอก ทำให้เซียวเถาถึงกับใบหน้าแดงก่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางไม่เคยเลยสักครั้ง ที่จะมีความรู้สึกเช่นนี้ แม้แต่อยู่ในชีวิตเก่าก็ตามที นางกำลังจะมีครอบครัวอย่างแท้จริง เป็นครั้งแรกในชีวิตแม้จะคิดอยู่เสมอ ว่าเพื่อจ้าวหยาง ทว่าตลอดระยะเวลา ที่ได้ใช้ร่วมกับว่าที่สามี มันทำให้นางยอมรับว่า แท้จริงนางก็มีหัวใจเฉกเช่นสตรีอื่น ที่ต้องการความรักจากบุรุษสักคนเซียวเถายื่นกระดาษในมือ จ่อยังเทียนที่จุดเอาไว้เมื่อครู่ เนื้อความด้านใน ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บเอาไว้ เพราะมันอาจสร้างความเคืองแค้นในภายหน้
“ท่านพี่/ท่านพ่อ”ท่านเสนาบดีถง ก้าวเข้าไปภายในห้อง ด้วยเท้าอันหนักอึ้ง สิ่งที่อยู่ในมือถูกกำแน่น จนแทบขาดออกจากกัน ดวงตาแดงก่ำจากการพยายามข่มกลั้นความเสียใจ ชายชรารู้สึกว่าเวลานี้ ตัวเขาแก่ขึ้นอีกนับสิบปี“ท่านพี่ เป็นอันใดไปเจ้าคะ”“นั่งลงกันก่อน รอกู้หมิงสักครู่”“มีเรื่องอันใดกันเจ้าคะท่านพ่อ ไยต้องรอท่านพี่ด้วยเจ้าคะ”เสนาบดีชรายังคงนิ่งเงียบ ไม่เอ่ยสิ่งใด ชายชราทำเพียงนั่งหลับตานิ่ง จนเสียงฝีเท้าของใครอีกคนดังขึ้น แน่นอนย่อมต้องเป็นแม่ทัพกู้หมิง ผู้เป็นบุตรเขยนั่นเองสองแม่ลูกรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่มิปกติ เมื่อแม่ทัพหนุ่มได้ปิดประตูห้อง ก่อนจะก้าวเข้ามานั่ง ข้างผู้เป็นพ่อตา ถงซือเหยารู้สึกเย็นไปทั้งกาย เมื่อสบตาเข้ากับสามีแม่ทัพหนุ่มไม่ได้เอ่ยสิ่งใด นอกจากยื่นกระดาษส่งให้ภรรยา ถงซือเหยารับมาคลี่อ่าน สายตาคู่งามไล่ไปทีละตัวอักษร ใบหน้าที่เคยซับสีเลือด บัดนี้ซีดจางจนไร้ซึ่งสีสันใด ๆ หญิงสาวคิดหาคำแก้ตัว เมื่อเงยหน้ามองไปยังสามีและบิดาถงฮูหยิน รีบคว้ากระดาษในมือบุตรสาวไปอ่าน มือบางสั่นเทาด้วยความตื่นตกใจ ถงฮูหยินมองเห็นสายตาผิดหวังของสามี ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า สามีเชื่อในสิ่งที่เข
“องค์ชายอย่าทรงเป็นกังวลไปเลยเพคะ จ้าวหยางจะปลอดภัย”“ท่านหมอรีบมาดูหลานชายข้าเร็วเข้า เรื่องนี้ข้าต้องได้คำตอบก่อนรุ่งสาง”“เชิญองค์ชายทางด้านนี้พ่ะย่ะค่ะ”เสวี่ยจ้าน ต้องการที่จะคุยกับองค์ชายต่างแคว้นเพียงลำพัง ทั้งสองหายไปยังอีกห้อง ซึ่งอยู่ถัดไปพระชายาในองค์รัชทายาท ขยับไปยืนข้างกับแม่ทัพสาว นางเองก็รักในตัวจ้าวหยางมิแพ้ผู้ใด ถึงขนาดคิดเอาไว้ ว่าจะทรงยกพระธิดาองค์โต ให้เป็นภรรยาของจ้าวหยางในอนาคตเซียวเถาบีบเบา ๆ ยังมือของหญิงสาวผู้เป็นสหายรัก ก่อนจะเอ่ยปลอบโยนพระชายาเบา ๆ ท่านหมอประจำจวนอ๋องเหลียวมองไปยังมารดาของเด็กชาย ก่อนจะหันกลับมาจัดการรักษาคุณชายน้อยต่างแคว้นต่อองครักษ์คนสนิทของท่านอ๋องเก้า ได้บอกกับเขาขณะเดินทางมายังเรือนนี้ ว่าต่อให้ยมบาล ต้องการลมหายใจของคุณชายจ้าวหยาง ก็ให้ช่วงชิงกลับมาให้จงได้ มิเช่นนั้นจะทำให้ปีศาจร้ายพิโรธ ไม่บอกเขาก็รู้ว่าหมายถึงผู้ใดเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งก้านธูป การรักษาได้เสร็จสิ้นลง จ้าวหยางหลับไปด้วยฤทธิ์ของยา พิษถูกขับออกจนหมด ทำให้ทุกคนรู้สึกโล่งใจ เป็นจังหวะเดียวกับที่องค์ชายแห่งเว่ย และท่านอ๋องเก้า กลับเข้ามาภายในห้อง“ท่านหมอ ทุกอย่างเรียบร
ฟริ้ว! ฉึก! ลูกธนูปักยังเสาศาลา แทนที่จะเป็นเป้าหมาย ซึ่งตอนนี้ทั้งคู่ได้หยุดสิ่งที่กำลังทำ เพื่อเตรียมการรับมือ ผู้บุกรุกยามค่ำคืน“หาญกล้าบุกรุกจวนข้า สงสัยคงอยากที่จะเร่งไปยมโลกกระมัง”อ๋องหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เรื่องมีคนลอบทำร้ายเขาหาได้ใส่ใจไม่ แต่พวกมันกลับมาในเวลา ที่เขากำลังจะช่วงชิงหัวใจของหญิงสาว นี่ต่างหากที่ทำให้เขาขุ่นเคืองเป็นที่สุดคืนนี้เขาสั่งให้องครักษ์ มิให้เข้ามารบกวนเวลาส่วนตัว ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็มิต้องการให้ผู้ใดมานั่งมอง เรื่องระหว่างเขากับมารดาของบุตรชายเป็นอันขาดเซียวเถาปลดสายคาดเอวออก เพื่อใช้เป็นอาวุธ เพียงครู่เดียวห่าธนูได้พุ่งเข้าหาคนทั้งสอง ทั้งคู่ได้สลับกันปัดป้อง มิให้ลูกธนูถูกกายได้ เมื่อทุกอย่างหยุดลง บุรุษชุดดำกว่าสิบชีวิต ได้ปรากฏตัวขึ้นล้อมรอบทั้งคู่เอาไว้“ท่านอ๋องเก้า ชะตามิน่าสิ้นสุดเพียงเท่านี้เลย หากท่านอ๋องไม่ทรงอยู่ร่วมกับนาง ก็คงมิต้องจบชีวิตเช่นนี้” หนึ่งในชายชุดดำเอ่ยขึ้น เรื่องนี้เป็นเหตุสุดวิสัยอย่างแท้จริง ผู้ใดจะคิดว่า ท่านอ๋องเก้า จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแม่ทัพต่างแคว้นเช่นนี้“หึ ๆ เข้ามาในบ้านข้า ยังกล้าปากดีอยู่อีก
“แต่หากเรื่องเช่นนี้เกิดกับหญิงสาวคนอื่น เด็กอาจมิโชคดีเช่นนี้”“สิ่งที่อยากจะหยั่งถึง คือใจของคน ท่านอ๋องอย่าได้ยกย่องหม่อมฉันนักเลยเพคะ ท่านอ๋องจะรู้ได้อย่างไร ว่าคราแรกที่หม่อมฉันรู้ว่าตั้งครรภ์ หม่อมฉันยินดีหรือเสียใจ”“ข้ารู้ดีว่าเจ้าเสียใจ แต่เจ้าก็รักลูกในครรภ์มากกว่าคำครหา”“ดูเหมือนท่านอ๋องจะรู้เรื่องนี้ดีนะเพคะ”“ข้ามีนิท่านเรื่องหนึ่ง จะเล่าให้เจ้าฟัง”“เวลาของค่ำคืนนี้อีกยาวนาน หม่อมฉันยินดีที่จะฟังเพคะ”เรื่องราวต่าง ๆ ถูกถ่ายทอดออกมาทีละน้อย อ๋องหนุ่มหวนนึกถึง วันที่เขาเพิ่งกลับจากชายแดน เนื้อตัวนั้นมิได้ดูสง่าอันใด เพื่อสืบเรื่องราวบางอย่าง ทำให้เขาจำต้องปลอมตัวเป็นเพียงนักเดินทางทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น เมื่อเขาต้องการหญิงคณิกามาปลดปล่อย ความเป็นบุรุษ ร่างบอบบางที่ดูเหมือนจะหมดสติ และถูกวางยาปลุกกำหนัดถูกนำมาส่งให้ถึงห้อง เขาคิดเพียงว่าเจ้าของหอนางโลม ต้องการสร้างความตื่นเต้นให้แก่เขา จึงได้ทำเช่นนี้ ทว่าเมื่อเขารับรู้ถึงความบริสุทธิ์ของนาง จึงได้คิดที่จะเลี้ยงดูนางเป็นอนุแต่เมื่อเขากลับมาจากทำธุระ หญิงสาวบนเตียงได้หายไปแล้ว มีเพียงหยกของนาง ที่ถูกลืมเอาไว้
ภายในห้องหนังสือ จวนแม่ทัพกู้หมิง สองสามีภรรยา นั่งประจันหน้ากัน ด้วยความเคร่งเครียด ทุกคำถาม เสมือนน้ำที่เทลงพื้นก็มิปาน เมื่อผู้เป็นภรรยาหาได้ตอบคำถามนั้น แม้แต่ครึ่งคำถงซือเหยา ยังคงใช้ความนิ่งเงียบ สยบทุกคำถามของสามี ด้วยหลายคำถามนั้น มันมิต่างจากคมมีดที่ปักลงสู่กลางใจนาง“สรุป...เจ้ามิคิด ตอบคำถามข้าเลยเช่นนั้นรึ”“ท่านพี่ สิ่งที่ท่านถามมา ข้าไม่ทราบเรื่องเลยแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ”“แล้วสิ่งที่เจ้าพูด ตอนอยู่ในสนามประลองมันหมายว่าอย่างไรเล่า”“ข้าแค่พูดไป ตามที่ผู้คนเล่าลือกันเท่านั้นเจ้าค่ะ”“เรื่องเล่าลือเช่นนั้นรึ แม่ทัพจ้าวเป็นคนแคว้นเว่ย จะมีข่าวเช่นนั้นมาเกิดที่ฉินได้อย่างไรกัน”“ท่านพี่พูดเหมือนข้า เป็นผู้ที่ทำเรื่องเช่นนั้น ข้าเป็นภรรยาของท่านนะเจ้าคะ จะลดตัวไปทำเรื่องต่ำช้าเช่นนั้นได้อย่างไรกัน”“ก็ขอให้มันจริง เพราะเท่าที่ข้ารู้มา เรื่องต่ำช้ากว่านี้ คนเช่นเจ้าก็เคยทำมันมาแล้ว ข้านิ่งเฉยมาตลอด เพราะคิดว่าเจ้าจะปรับปรุงตัว”“ท่านพี่ หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”“กลับไปเถอะ แล้วทบทวนสิ่งที่เจ้าทำ และคิดให้มากว่านี้ เจ้าจะมีความสุขเช่นที่ผ่านมา หรือให้ทุกอย่างแตกแยก”“ฮึ! เพราะมั
เซียวเถาเลิกคิ้วสูง เป็นเชิงถามชายหนุ่ม ที่กำลังยืนหายใจประหนึ่งม้าศึก ที่ผ่านการวิ่งมาอย่างสุดกำลัง ก่อนจะคลี่ยิ้มน้อย ๆ กับท่าทางของท่านอ๋องหนุ่ม“ไม่เลยขอรับท่านแม่ หากมิได้ท่านแม่ช่วยไว้ จ้าวหยางคงลำบากกว่านี้”“หึ ๆ แม่มิได้ทำอันใดเลย แค่เบื่อท่าทางอวดดีของลูกนกในกรงทอง ก็เท่านั้นเอง”“ข้าเกือบจะลงมือจริง ๆ เสียแล้ว”“แค่เรื่องขำขัน อย่าได้ใส่ใจ”การสนทนาของสองแม่ลูก ทำให้อ๋องหนุ่มถึงกับลอบกลืนน้ำลาย จ้าวหยางเติบโตขึ้น ย่อมต้องเป็นคนที่น่ากลัว กว่าที่ผู้ใดจะคาดคิดเป็นแน่ ดูแล้วเซียวเหยาผู้นี้ มิใช่เพียงสตรีที่เก่งทางด้านการต่อสู้เพียงอย่างเดียวสินะ จะมีใครบ้าดีเดือดขนาดทำเช่นนางได้ไหนจะเจ้าลูกชายตัวดี ที่ดูจะเข้าขากับผู้เป็นแม่ เสียจนเขากลายเป็นเพียงลาโง่ไปในทันที“ไปกันเถอะ ยืนตรงนี้นาน เกรงจะทำให้คุณชายน้อยผู้นั้น อกแตกตาย”เซียวเถาเอ่ยขึ้น ในขณะที่ถงซือเหยา กำลังเดินผ่าน เพื่อไปจัดเตรียมสิ่งของนำบุตรชายกลับจวน“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”ถงซือเหยาถามขึ้น ด้วยน้ำเสียงกรุ่นโทสะ นิ้วเรียวสั่นระริก ชี้ไปยังแม่ทัพต่างแคว้น“เป็นคุณหนูสูงศักดิ์ ทั้งยังเป็นถึงภรรยาแม่ทัพ แต่ไร้มารยาทที