Masukคุยกันสักนิด
ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์นะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บทที่ 5
จางลี่จิ่นยืนมองคนตรงหน้าอย่างไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ถึงยังไงเธอก็รู้อยู่แล้วว่าตระกูลจางจะไม่ปล่อยให้เธอไปง่ายๆ อย่างแน่นอน แต่จางลี่จิ่นก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเงินสดที่เธอเก็บสะสมมาตลอดทั้งชีวิต ในตอนนี้ได้ไปนอนกองรวมกันในโกดังเรียบร้อยแล้ว ส่วนของในกระเป๋าก็มีเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชุดและเอกสารสำคัญของเธอเท่านั้น
“เอากระเป๋ามาให้ฉันดูเดี๋ยวนี้เลย” จางฟางซินเดินเข้าไปกระชากกระเป๋าที่อีกฝ่ายถือเอาไว้ออกมา ก่อนที่เธอจะเทของที่อยู่ภายในนั้นลงพื้น โดยที่ไม่สนใจเลยว่าการกระทำครั้งนี้ของเธอจะทำให้คนตรงหน้าไม่พอใจหรือเปล่า “ยังดีที่แกยังรู้ความ ไม่นำของของตระกูลจางออกไปด้วย”
“นั้นสิคะคุณแม่ ยังดีที่ยังรู้จักสถานะของตัวเอง” จางเซียวลี่รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ที่ต่อจากนี้ไปอีกฝ่ายจะไม่ได้ไปโรงเรียนเดียวกันกับเธอแล้ว และคนที่เธอชอบก็จะไม่ได้เห็นหน้าอีกฝ่ายเช่นกัน
จางลี่จิ่นไม่พูดอะไรมาก เธอทำเพียงเก็บข้าวของของเธออย่างเงียบๆ แต่ดวงตาของจางลี่จิ่นกับจ้องมองไปที่จางเจี้ยนกั๋วด้วยแววตากรุ่นโกรธ โดยที่จางฟางซินและจางเซียวลี่ไม่ได้รับรู้อะไรเลย เนื่องจากในตอนนี้พวกเธอกำลังคุยกันอย่างอารมณ์ดี
จางเจี้ยนกั๋วที่เห็นแววตาของจางลี่จิ่นก็รีบหันหน้าหนีไปทางอื่น “พอกันได้แล้ว ต่อไปก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกันอีกต่อไป”
“พูดแค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้ เธอไม่ได้เป็นคุณหนูแสนบอบบางสักหน่อยนะคะคุณ” จางฟางซินเบะปากเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ ไม่รู้สามีของเธอเป็นอะไร ถึงได้ยอมอีกฝ่ายมากแบบนี้ “ถึงยังไงฉันก็เป็นแม่นะคะ พูดแค่นิดนหน่อยไม่ได้เลยหรือไง”
“นั้นสิคะคุณพ่อ คุณแม่แค่พูดนิดเดียวเอง ไม่เห็นต้องโกรธกันขนาดนั้นเลย อีกอย่างลี่จิ่นก็ไม่เห็นพูดอะไรเลยค่ะ” จางเซียวลี่เห็นด้วยกับแม่ของเธอ “ใช่ไหมลี่จิ่น แม่แค่พูดนิดเดียวเอง เธอคงไม่โกรธแม่ของพวกเราหรอกใช่ไหม”
หลังจากที่เก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว จางลี่จิ่นก็กวาดสายตามองไปยังร่างของจางฟางซินและจางเซียวลี่ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่จางลี่จิ่นกับเดินตรงไปหยุดอยู่ด้านหน้าของจางเจี้ยนกั๋วแทน ก่อนที่เธอจะกระซิบให้อีกฝ่ายได้ยินเพียงสองคน “คุณควรที่จะสั่งสอนภรรยาของคุณบ้างนะคะ ไม่อย่างนั้นเกิดฉันโมโหขึ้นมา คนที่จะเดือดร้อนจะเป็นคุณแทน”
“แกนี่มันสอนไม่รู้เรื่องจริงๆ ฉันเป็นแม่ของแกนะ ฉันถามขนาดนี้แต่แกกับเดินหนีฉันไปง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง” จางฟางซินรู้สึกโมโหอีกฝ่ายในทันที เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาหาจางลี่จิ่นเพื่อสั่งสอนอีกฝ่ายให้รู้สำนึก ว่าเธอคือใครและอีกฝ่ายเป็นใคร ถึงได้กล้ามาทำท่าทางแบบนี้กับเธอ
จางลี่จิ่นหยิบภาพถ่ายออกมาให้อีกฝ่ายดูอีกครั้ง ถ้าหากจางเจี้ยนกั๋วยังให้ภรรยามาระรานเธอแบบนี้อยู่ เธอก็ไม่ขัดนะที่จะให้ภรรยาและลูกสาวของอีกฝ่ายได้เห็นภาพถ่ายนี้ด้วยเช่นกัน
จางเจี้ยนกั๋วกำหมัดของตัวเองเอาไว้ ก่อนที่เขาจะหันไปเผชิญหน้ากับภรรยาของตัวเอง “ผมบอกให้หยุดไง คุณไม่ได้ยินที่ผมพูดหรือยังไงกัน”
“ทำไมคุณพ่อต้องโมโหใส่คุณแม่ด้วย ที่คุณแม่ทำ ก็แค่จะสั่งสอนลี่จิ่นให้มีมารยาทกับผู้ใหญ่นะคะ ถ้าหากน้องไปอยู่ชนบทแล้วยังทำตัวแบบนี้ มีหวังลี่จิ่นคงเป็นที่รังเกียจของคนเหล่านั้นหรอกค่ะ” จางเซียวลี่เดินไปหยุดอยู่ข้างกายแม่ของตัวเอง เธอไม่เข้าใจเลยว่าพ่อของเธอเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้ปกป้องอีกฝ่ายแบบนี้ และการกระทำเช่นนี้ ก็ทำให้จางเซียวลี่ยิ่งเกลียดชังจางลี่จิ่นมากขึ้นไป
เพียะ!
“ฉันบอกให้หยุดก็คือหยุด ถ้ายังไม่ฟังฉันอีก ก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่อ ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าสามีอีกต่อไป” จางเจี้ยนกั๋วเลิกสนใจภรรยาและลูกสาวของตัวเอง เขาหยิบซองเล็กๆ ซองหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนที่จะยื่นมันให้กับจางลี่จิ่น “นี่เป็นเงินหนึ่งหมื่นหยวน ต่อไปแกกับครอบครัวตระกูลจางของฉันไม่เกี่ยวข้องกัน และต่อให้จะตายก็อย่าได้กลับมาที่บ้านหลังนี้อีก”
จางลี่จิ่นยื่นมือไปรับซองดังกล่าวมาถือไว้ ก่อนที่เธอจะยืนนับเงินนั้นให้อีกฝ่ายเห็นอย่างไม่ไว้หน้า “ขอบคุณค่ะ ส่วนอันนี้ฉันให้คุณ ถือว่าเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว และหวังว่าคุณจะดูแลภรรยาและลูกสาวของคุณให้ดีกว่าเดิม อย่าปล่อยให้มาระรานฉันอีก”
หลังจากที่ได้รับเงินเรียบร้อยแล้ว จางลี่จิ่นก็ไม่ได้หันไปสนใจสองคนแม่ลูกที่ยืนอยู่ด้านหลัง เธอเดินออกจากบ้านตระกูลจางไปโดยที่ไม่ได้หันหลังกลับมาอีกเลย เหมือนกับว่าตระกูลจางไม่มีอะไรให้เธอสนใจอีกต่อไป แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้ใบหน้าของจางลี่จิ่นกับปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาด้วยความพอใจ
‘อีกไม่นานหรอก พวกคุณจะต้องได้รู้ความรู้สึกที่ฉันอยู่ตระกูลจางมาหลายปี’
[คุณลี่จิ่นฉลาดที่สุดเลยครับ] ระบบไม่พลาดที่จะชื่นชมหญิงสาวที่อยู่ในความดูแลของตัวเอง
จางลี่จิ่นหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะก้าวขึ้นไปนั่งบนรถที่เธอเสียเงินให้ระบบจ้างวานมา แน่นอนว่าสถานที่ต่อไปไม่ใช่โรงแรมที่เธอควรจะไปพักผ่อน แต่เป็นบ้านพักของใครบางคนต่างหาก ใครบางคนที่จะช่วยฉุดรั้งตระกูลจางให้ตกต่ำจนไม่อาจฟื้นคืนกลับมาได้อีกต่อไป
จางลี่จิ่นมองตรงไปยังคฤหาสน์ตรงหน้า ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าตระกูลโจวเป็นตระกูลที่มีฐานะและเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงตระกูลหนึ่ง แต่เธอก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีบ้านพักเป็นคฤหาสน์แบบนี้
“คุณมายืนมองอะไรตรงนี้เหรอคะ” ฝู่เยว่เดินมาหยุดอยู่ด้านหลังของหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งกำลังจ้องมองไปที่คฤหาสน์ของตระกูลโจวที่เธอกำลังทำงานอยู่ด้วยความแปลกใจ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิง แต่เธอก็ต้องระแวดระวังคนตรงหน้าเอาไว้บ้าง เพื่อความปลอดภัยของผู้เป็นนาย
“สวัสดีค่ะ ขอโทษที่รบกวนนะคะ พอดีฉันมีเอกสารสำคัญที่จะมอบให้คุณโจวฮุ่ยหมิงค่ะ ไม่ทราบว่าฉันขอฝากคุณไปมอบให้กับคุณโจวฮุ่ยหมิงได้ไหมคะ” จางลี่จิ่นค้อมกายลงเล็กน้อย เธอไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะจำใบหน้าของเธอได้ ในเมื่อครั้งนี้เธอเสียเงินไปถึงหนึ่งพันหยวนกับระบบเพื่อให้ใครก็ตามที่พบเจอกับเธอ จดจำใบหน้าของเธอไม่ได้ หลังจากที่เธอจากไปแล้ว
ฝู่เยว่ชมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นซองเอกสารเล็กๆ ที่อีกฝ่ายมอบให้เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะถึงยังเธอก็ต้องรายงานเรื่องนี้ให้กับเจ้านายของเธอทราบเช่นกัน “ได้สิ แต่คุณไม่สามารถเข้าไปในคฤหาสน์ได้นะคะ เพราะถ้าหากเป็นแบบนั้นคุณต้องขอนัดพบก่อน แล้วค่อยเข้ามาพบคุณโจวฮุ่ยหมิงอีกครั้งในวันหลัง”
จางลี่จิ่นส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอีกครั้ง “แค่คุณนำซองเอกสารนี้ไปให้คุณโจวฮุ่ยหมิงก็พอค่ะ” จางลี่จิ่นก้มหน้าลงเล็กน้อย “เพราะคุณโจวฮุ่ยหมิงเคยช่วยเหลือฉันเอาไว้ ฉันเลยไม่อยากเห็นคุณโจวฮุ่ยหมิงต้องถูกใครบางคนหลอกค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันคงจะเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ เลยละค่ะ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่เปอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาของหญิงสาวตรงหน้า ฝู่เยว่ก็รีบรับปากอีกฝ่ายกลับไปอีกครั้ง หลังจากที่เธอยืนส่งหญิงสาวขึ้นรถเรียบร้อยแล้วนั้น ฝู่เยว่ก็มองซองเอกสารในมืออีกครั้ง ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์ตระกูลโจว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณชายคะ ดิฉันมีเรื่องที่จะต้องรายงานให้ทราบค่ะ” ฝู่เยว่เคาะประตูของคุณชายเพียงคนเดียวของตระกูลโจว
“เข้ามาได้”
หลังจากที่ได้รับอนุญาตเรียบร้อยแล้ว ฝู่เยว่ก็รีบเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของคุณชายในทันที ก่อนที่เธอจะหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะทำงาน พร้อมกับวางซองเอกสารที่ได้รับมาไว้บนโต๊ะทำงาน
“มีหญิงสาวคนหนึ่งฝากซองเอกสารนี้มาให้คุณชายค่ะ เธอบอกว่าถ้าหากเธอไม่ได้ให้เอกสารฉบับนี้กับคุณชาย เธอจะรู้สึกเสียใจมากที่ไม่ได้ช่วยเหลือคุณชายจากการโดนใครบางคนหลอกค่ะ” ฝู่เยว่เล่าเรื่องราวให้คุณชายของตัวเองฟังจนหมด ตั้งแต่ตอนที่เธอพบเจอกับอีกฝ่าย ไปจนถึงตอนที่เธอยืนส่งหญิงสาวคนนั้นขึ้นรถไป แต่เธอกับลืมใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นไป ไม่ว่าจะนึกเท่าไหร่ เธอก็นึกไม่ออกสักที
“ชั่งเถอะ ถ้าหากเป็นของไม่ดี ฉันค่อยให้คนตามสืบทีหลังก็ได้” ถึงยังไงคนตรงหน้าก็เป็นคนรับใช้คนสนิทของแม่เขา ดังนั้นโจวฮุ่ยหมิงจึงไม่อยากโทษอีกฝ่ายมากนัก “มีอะไรก็ไปทำเถอะ”
หลังจากที่บานประตูถูกปิดลง โจวฮุ่ยหมิงก็เอื้อมมือไปหยิบซองเอกสารขึ้นมา ก่อนที่เขาจะเปิดผนึกที่ถูกปิดไว้ แล้วจึงหยิบของที่อยู่ด้านในออกมา แต่ทันทีที่เชาเห็นภาพถ่ายตรงหน้า โจวฮุ่ยหมิงก็รู้สึกโกรธชายหญิงที่อยู่ภายในภาพทันที โดยเฉพาะหญิงสาวที่ปรากฏในภาพถ่ายทั้งสามใบนี้ที่อยู่ในท่าทางต่างๆ แต่เป็นท่าทางที่เขาอยากจะสับอีกฝ่ายให้แยกออกยากกันเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น โจวฮุ่ยหมิงยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลูกน้องคนสนิทของเขา
แววตาคมเข้มของโจวฮุ่ยหมิงเข้มขึ้นไปอีก เขาไม่คิดเลยว่าภรรยาของเขาจะกล้าคบชู้แบบนี้ แถมชู้คนนั้นยังเป็นพ่อของคนรักของลูกชายเขาอีกต่างหาก และเป็นคนที่เขาให้การช่วยเหลือมาโดยตลอด แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะกล้าแทงข้างหลังเข้าแบบนี้ แถมยังทำมานานอีกต่างหาก โจวฮุ่ยหมิงมองไปที่มุมขวาด้านล่างของภาพถ่าย ซึ่งมีตัวเลขกำกับอยู่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”
“คุณชาย เรียกผมมาพบมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” อ้ายเสินค้อมตัวลงเพื่อทักทายผู้เป็นนาย
โจวฮุ่ยหมิงโยนภาพถ่ายในมือของตัวเองไปข้างหน้า เมื่อเห็นลูกน้องคนสนิทหยิบภาพถ่ายเหล่านั้นขึ้นดูแล้ว “ไปสืบมาให้หมด ว่าภรรยาฉันไปเป็นชู้กับจางเจี้ยนกั๋วหรือเปล่า ถ้าเป็นเรื่องจริงแกก็พาคนไปจัดการมันได้เลย ไม่ต้องให้มันและครอบครัวถึงตาย แต่ทำให้มันหมดเนื้อหมดตัวก็พอ ในเมื่อกล้าที่จะทรยศต่อฉัน มันก็ควรที่จะรับผลกรรมทั้งหมด”
“รับทราบครับ ผมจะไม่ทำให้คุณชายผิดหวังอย่างแน่นอน” อ้ายเสิ้นรับคำของผู้เป็นนายด้วยความหนักแน่น ในเมื่อคุณชายของเขาไว้วางใจให้เขาได้จัดการเรื่องเหล่านี้ อ้ายเสินก็สัญญากับตัวเองในทันที ว่าจะไม่ทำให้ผู้เป็นนายผิดหวังอย่างแน่นอน
หลังจากที่ลูกน้องของเขาจากไปแล้วนั้น โจวฮุ่ยหมิงก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นทนายความส่วนตัวของเขา ซึ่งโจวฮุ่ยหมิงจะให้อีกฝ่ายมาที่บ้านของเขา พร้อมกับเอกสารการฟ้องร้องและเอกสารหย่าขาดนั้นเอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมหย่าง่ายๆ แน่นอน ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าคบชู้ถึงขนาดนี้ก็ควรที่จะรู้ว่าตัวเองจะโดนอะไรบ้าง ถ้าหากเขาจับได้ขึ้นมา และแน่นอนว่านอกจาการฟ้องร้องและการหย่า โทษของการคบชู้อีกอย่างคือการแห่ประจานไปพร้อมกับชู้ และถูกขังอยู่ในค่ายเพื่อปรับทัศนคติ ซึ่งแน่นอนว่ามันเลวร้ายและลำบากมากกว่าที่คิดแน่นอน
“ในเมื่อคุณกล้าทรยศผม ผมก็จะไม่ปล่อยให้คุณกับชู้ของคุณจากไปง่ายๆ แน่นอน ในเมื่อผมให้คุณเป็นภรรยาของผม แล้วคุณยังไม่พอใจ ผมก็จะปล่อยให้คุณไปอยู่กับชู้ของคุณ และให้พวกคุณได้เผชิญกับความยากลำบากไปด้วยกัน ซูเม่ย”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พบกันใหม่ในตอนต่อไปนะคะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คุยกันสักนิดขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์นะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++บทที่ 16[คุณทำลายกำไลวงนั่นไม่ได้ จนกว่าคุณจะดึงโชคของคุณกลับคืนมาหมด หลังจากนั่นกำไลวงนั้นจะแตกสลายไปเองครับ]‘ถ้าอย่างนั้นซูเฟยอวี่และหวังจินเยว่ก็ต้องถูกกำไลวงนั้นครอบงำ จนกว่าที่ฉันจะดึงโชคของฉันกลับคืนมาหมดใช่ไหม’ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีความรู้สึกอะไรกับผู้หญิงสองคนนั้น แต่เธอก็ไม่อยากให้ถังเจียวมิ่งใช้อีกฝ่ายเป็นสะพานข้ามไปข้างหน้าเช่นกัน[ใช่แล้วครับ ดังนั้นระบบหวังว่าคุณจะทำภารกิจที่ระบบแม่มอบให้สำเร็จในทุกภารกิจนะครับ เพื่อที่คุณจะได้ปลดปล่อยทุกคนให้พวกเขาเดินไปตามทางของพวกเขาเอง โดยที่ไม่ถูกครอบงำจากกำไลวงนั้น]‘ฉันจะทำให้เต็มที่’หลังจากที่จางลี่จิ่นเดินกลับมายังจุดนัดพบของเธอและเพื
คุยกันสักนิดขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์นะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++บทที่ 15ถังเจียวมิ่งมองหญิงชราคนดังกล่าวด้วยความไม่พอใจ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงออกมาเหมือนกับเพื่อนสนิททั้งสองคนของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าหญิงชราคนนี้เป็นใครกันแน่ เพราะในวันที่เธอมาถึงที่หมู่บ้านเทียนเหอแห่งนี้และตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายวัน เธอก็ไม่เคยพบเจอหญิงชราคนนี้เลยสักครั้งเดียว“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นนะคะ ฉันก็แค่...” เมื่อหาเหตุผลอะไรมาอธิบายให้หญิงชราคนดังกล่าวไม่ได้ จินจื่อเถียนจึงได้แต่ยืนเงียบเคียงข้างเพื่อนของตัวเองหลี่ซินอวี่กวาดสายตามองไปยังหญิงสาวชาวบ้านคนดังกล่าว ก่อนที่เธอจะหยุดอยู่ที่ร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง แต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น “ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา ควรที่จะคิดให้ดีเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคนเขาจะคิดว่าเธอไม่มีคนส
คุยกันสักนิดขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์นะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++บทที่ 14“อาหารพวกนี้น่าทานมากเลยลี่จิ่น” อู๋เจิ้งเซียวมองอาหารตรงหน้าด้วยความละลานตา เธอไม่ผิดหวังกับอาหารที่จางลี่จิ่นเป็นคนทำเลยสักครั้ง หลังจากที่สูดดมอาหารตรงหน้าสักพัก ในที่สุดอู๋เจิ้งเซียวก็ยื่นมือออกไปเพื่อตักอาหารมาไว้ในกล่องอาหารของตัวเอง ถึงแม้ว่าเธอจะเคยทานอาหารของจางลี่จิ่นมาหลายครั้งแล้ว แต่ยิ่งได้ทานเธอก็ยิ่งรู้สึกว่ามันยังไม่เพียงพอ เธออยากจะทานมันอีกเรื่อยๆ“นั่นสิ ฉันก็คิดเหมือนกับเจิ้งเซียว อาหารที่เธอทำแต่ละอย่างน่าทานตลอดเลย” เผิงอวี๋หลานค่อยๆ เคี้ยวอาหารที่เธอตักเข้าปากอย่างช้าๆ เพื่อลิ้มรสอาหารตรงหน้า “เธออย่ามัวแต่มองพวกเราสองคนซิ” เผิงอวี๋หลานเขยิบอาหารที่อยู่ใกล้เธอไปทางจางลี่จิ่น เมื่อเห็นอ
คุยกันสักนิดขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์นะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++บทที่ 13“ทำไมทำหน้าแบบนั่นละอวี๋หลาน” อู๋เจิ้งเซียวเอียงคอมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่เมื่อสักครู่นี้อีกฝ่ายยังอารมณ์อยู่เลย “หรือว่าคนที่มาเคาะประตูทำอะไรให้เธอไม่พอใจกัน”เผิงอวี๋หลานถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “ใครว่าละ คนที่ฉันไม่พอใจเป็นผู้หญิงสามคนนั้นมากกว่า ฉันยืนอยู่หน้าบ้านพักโดยที่ไม่ได้ขวางประตูทางเข้าออกพวกเธอเลยแม้แต่นิดเดียว แต่พวกเธอทำเหมือนว่าฉันไปติดหนี้พวกเธอยังไงยังงั้น แถมยังชักสีหน้าใส่ฉันอีกด้วย” เผิงอวี๋หลานรู้สึกไม่พอใจยุวชนหญิงสามคนนั้น โดยเฉพาะถังเจียวมิ่งที่ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ค่อยมีปากเสียง แต่เธอกลับรู้สึกไม่ถูกชะตากับอีกฝ่ายเสียงอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ในตอนแรกที่พบเจอกัน เธอรู้สึกว
คุยกันสักนิดขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์นะคะ ขอให้ทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++บทที่ 12จางลี่จิ่นก้าวลงจากรถบรรทุกตามลำดับ หลังจากที่ยุวชนต่างก็เริ่มทยอยกันลงจากรถบรรทุกกันไปทีละคน หลังจากที่จางลี่จิ่นเดินลงมาจากรถบรรทุกเรียบร้อยแล้ว เธอก็กวาดสายตามองไปยังชาวบ้านเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะมองเห็นอดีตคนรักของเธอ ซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายกำลังมองไปที่ถังเจียวมิ่งด้วยแววตาที่เหมือนกับในอดีตนั้นเอง ทำให้เธอรับรู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายนั้นชื่นชอบถังเจียวมิ่งก่อนที่จะมาคบกับเธอนั่นเอง“เอาล่ะทุกคน ตอนนี้ก็ถึงหมู่บ้านเทียนเหอเรียบร้อยแล้ว ก่อนอื่นเราจะมาแนะนำตัวให้ชาวบ้านทุกคนได้รู้จักกันก่อนนะครับ” ฟู่หยวนติงขึ้นไปยืนบนเวทีเล็กๆ ที่ถูกทำเอาไว้ เพื่อเขาจะได้มองเห็นชาวบ้านในหมู่บ้านได้อย่างชัดเจน “เอาละ เริ่มจากยุวชนชายคนนั้นก่อนเลยครับ”จางลี่จิ่นยืนมองยุวชนทั้งชา
คุยกันสักนิดขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาติดตามผลงานของไรท์ ขอให้นักอ่านทุกคนอ่านให้สนุกนะ >//<+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++บทที่ 11จางลี่จิ่นยืนขึ้นเพื่อไปรวมตัวกับยุวชนคนอื่นๆ เพื่อเดินลงจากรถไฟ หลังจากที่เธอเดินทางมาเกือบสามวัน ในที่สุดเธอก็เดินทางมาถึงอำเภอยวี๋เป่ยเสียที จางลี่จิ่นเหลือบมองไปทางถังเจียวมิ่งเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเดินลงตามยุวชนคนอื่นลงจากรถไฟ เนื่องจากพวกเธอเดินทางมาถึงที่อำเภอยวี๋เป่ยในช่วงสายของวัน แต่ที่สถานีแห่งนี้ก็ไม่ได้มีผู้คนพลุ่งพล่าน อีกทั้งบริเวณรอบๆ ยังไม่มีร้านค้าเปิดเหมือนกับในเมืองที่เธอจากมา“ยุวชนทุกคน กรุณาแยกย้ายไปตามตำบลของตัวเอง” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งยืนอยู่บริเวณทางขึ้นลงของขบวนรถไฟ เพื่อคอยแจ้งข้อมูลให้กับเหล่ายุวชนที่กำลังลงจากขบวนรถไฟนั่นเอง “กรุณาเดินกันอย่างมีระเบียบด้วย ถ้าหากใครก่อกวนหรือสร้างความวุ่นวาย พวกค







