แชร์

บทที่ 258  

ผู้เขียน: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
ฮูหยินรองจางสอดสายตามองไปยังจีเฉินที่ท่วงท่าสง่างามผ่าเผย ก่อนจะถามขึ้นว่า “คุณชายท่านนี้คือผู้ใดกัน?”

“เขาเป็นผู้น้อยที่ข้ายอมรับ รุ่นเดียวกับพวกหลาน ๆ ในสกุลซูของข้า ข้าจึงฉวยโอกาสอ้างความอาวุโสให้เขาเรียกตัวข้าว่าท่านย่าสักคำ และที่เขามาเมืองหลวงก็เพื่อเตรียมตัวสอบคัดเลือกขุนนางช่วงฤดูใบไม้ผลิ ข้าจึงพาเขามาเปิดหูเปิดตาสัมผัสความองอาจของจางกั๋วกงสักครั้ง”

“ช่างเป็นหนุ่มรูปงามสง่าผ่าเผยเสียจริง มาสอบคัดเลือกขุนนางอย่างนั้นหรือ จะต้องมีความรู้มากแน่ๆ”

จีเฉินรีบละสายตาจากเจียงเฟิ่งหัว ก่อนจะทำความเคารพอย่างนอบน้อม “ผู้น้อยนามว่าจีเฉิน คารวะฮูหยินขอรับ”

“ไม่ต้องมากพิธี รีบเข้าไปด้านในเถิด! ผู้มาเยือนวันนี้เป็นบัณฑิตก็มาก ล้วนเข้าร่วมการสอบคัดเลือกขุนนางฤดูใบไม้ผลิทั้งสิ้น ประเดี๋ยวพวกเจ้าพูดคุยสนทนากันให้เต็มที่เถิด ปัญญาชนควรอยู่ด้วยกันให้มาก ถกปัญหาแลกเปลี่ยนวิชาความรู้”

ขณะที่เดินผ่านข้างกายเฝิงจิ้งย่วนไป ฮูหยินผู้เฒ่าซูปรายสายตามองนางอย่างลุ่มลึก “เจียงฮูหยินสบายดีหรือ!”

เฝิงจิ้งย่วนสีหน้าเรียบเฉย มิได้ถ่อมตัวและมิได้แข็งกร้าว “ฮูหยินผู้เฒ่าซูสบายดี”

“ฟังว่าเจียงฮูหยินร
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
ปุณยนุช พิตญ์อุดม
อย่าเทกันน้า
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 259  

    เอ่ยถึงอวิ๋นฟาง ไฟโทสะในแววตาของจีเฉินพลันปะทุขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มุ่งหวังเพียงจะปีนป่ายให้ได้ใกล้ชิดผู้มีอำนาจ ทว่าบัดนี้กลับเปลี่ยนใจมาพัวพันกับเขาแทน บอกว่านางเสียตัวให้เขาแล้วกลายเป็นคนของเขาแล้ว มิวายยังบอกอีกว่าเหิงอ๋องออกหน้าทวงความยุติธรรมให้นางบัดนี้นางเป็นภรรยาของเขาไปแล้วอีก อวิ๋นฟางถึงกับวิ่งไปร่ำไห้ฟูมฟายร้องทุกข์ต่อเบื้องหน้าฮูหยินผู้เฒ่าซู จนสุดท้ายนางก็กลายเป็นคนของสกุลซูไป อีกทั้งยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าซูต้องการผลักดันให้เขาเข้าร่วมการสอบเคอจวี่ เขาจึงต้องรับอวิ๋นฟางเป็นภรรยาอย่างจนใจ บัดนี้เขาไม่กล้าล่วงเกินเจียงเฟิ่งหัว ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนบงการเรื่องระหว่างเขากับอวิ๋นฟางอย่างแนบเนียนไม่มีผู้ใดล่วงรู้ และจับจุดอ่อนของพวกเขาเอาไว้อยู่หมัด ไม่รอให้จีเฉินเอ่ยปาก สีหน้าของฮูหยินรองจางก็ไม่สู้ดีแล้ว ที่แท้ก็สมรสแล้วหรือ มิหนำซ้ำคู่สมรสยังเป็นสาวใช้ของจวนเหิงอ๋องอีก ฮูหยินรองจางเอ่ยขึ้น “ฮูหยินผู้เฒ่าซูเชิญเถิด” ฮูหยินรองจางถือโอกาสนี้ค้อมกายให้เจียงเฟิ่งหัวเล็กน้อย “พระชายา เจียงฮูหยินเองก็เชิญเข้าไปด้วยกันเถิด!” ท่าทางแสด

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 260  

    ฮูหยินรองจางมองจางอวี่มั่วปราดหนึ่ง และเดินมาข้างกายนาง พลางเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “มั่วเอ๋อร์ ยังไม่รีบไปคุกเข่าคารวะอวยพรท่านปู่ของเจ้าอีกหรือ นั่งเซ่ออยู่ตรงนี้เพื่ออะไร” จางอวี่มั่วหันไปทักทายคนสกุลเจียงแล้ว มารดาเจียงก็เอ่ยว่า “ไปเถิด” นางรีบลุกไปหาจางกั๋วกงทันที ก่อนจะคุกเข่าลงเบื้องหน้าจางกั๋วกงและโขกศีรษะคำนับเสียงดังสามครั้ง “อวี่มั่วอวยพรให้ท่านอายุยืน ขอให้ท่านปู่มีโชคลาภมากมายดุจทะเลตะวันออก อายุยืนยาวกว่าขุนเขาทางใต้” เป็นเด็กสาวที่จางกั๋วกงและฮูหยินผู้เฒ่าจางเลี้ยงดูฟูมฟักจนเติบใหญ่มากับมือ พวกเขาย่อมรักและเอ็นดูเป็นที่สุด “รีบลุกขึ้นเถิด” จางอวี่มั่วเดินไปข้างกายจางกั๋วกง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงกระซิบ “ท่านปู่ วันนี้ท่านป้าเจียงก็มาร่วมยินดีด้วย นางอยากจะพบหน้าท่านและท่านย่าลำพังสักครั้งเจ้าค่ะ” จางกั๋วกงผงะไป เพราะมั่วเอ๋อร์พัวพันอยู่กับเจียงจิ่นเหยียนเอง บัดนี้จะต่อว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้แล้ว หากว่าเจียงจิ่นเหยียนไม่ยินยอมก็มิอาจบีบบังคับ เพราะเจียงจิ่นเหยียนมิได้เข้ามาสู่ขอ จางอวี่มั่วก็มิได้อธิบายความคิดของเข้าให้สองผู้เฒ่าสกุลจางเข้าใจ อีกทั้งยังออกเดินทางกะทันหัน

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 261

    ฮูหยินรองจางเห็นจางอวี่มั่ววิ่งเข้าไปร้องไห้ในอ้อมกอดคนนอก ความโกรธขึ้งก็ปรากฏขึ้นในแววตา ทำอย่างกับว่าสกุลจางรังแกนางเสียอย่างนั้นนางกระชากจางอวี่มั่วออกมาจากอ้อมอกเฝิงจิ้งย่วน กล่าวอย่างกระแทกแดกดัน “เรื่องในบ้านสกุลจางของเราเจียงฮูหยินก็ไม่ต้องมาเป็นห่วงให้ลำบากหรอก อวี่มั่วไร้พ่อแม่ตั้งแต่เด็ก พวกข้าที่เป็นอาหญิงก็เห็นนางเป็นลูกสาวแท้ ๆ มาตลอด เรื่องตบแต่งของนางซึ่งเป็นเรื่องใหญ่พวกเราย่อมเป็นผู้ตัดสิน สกุลจางเราตกลงรับการสู่ขอของสกุลซูแล้ว อีกไม่นานมั่วเอ๋อร์กับแม่ทัพน้อยซูก็จะแต่งงานกันแล้ว”เฝิงจิ้งย่วนมองที่ฮูหยินผู้เฒ่าจาง กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านก็เห็นชอบกับการแต่งงานครั้งนี้ของอวี่มั่วหรือ?”ฮูหยินผู้เฒ่าจางมองจางกั๋วกงแวบหนึ่ง กล่าวเสียงหนักแน่น “เห็นชอบแล้ว มั่วเอ๋อร์ของบ้านเราก็ควรจะออกเรือนได้แล้ว”พวกเขารู้สึกว่าไม่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวลือเหล่านี้ของจางอวี่มั่วกับเจียงจิ่นเหยียน ชื่อเสียงก็ย่อยยับเช่นนี้แล้ว สกุลเจียงก็ไม่มาสู่ขออย่างจริงใจ ตอนนี้สกุลเจียงก็มาขอพอดี ให้นางแต่งออกไปอยู่ไกล ๆ หน่อยเสียจะดีกว่า ไปชายแดน นางมีครอบครัวแล้วต่อไปก็จะม

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 262

    ทะเลสาบลึกขนาดนี้ พอลงไปก็ไม่เห็นตัวคนแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าจางกับจางกั๋วกงกังวลจนเกือบเป็นลมล้มพับพวกผู้ชายยิ่งไม่กล้าลงน้ำไปช่วยคน ถึงอย่างไรจางอวี่มั่วก็ไม่เพียงข้องแวะกับคุณชายสกุลเจียง เพิ่งถอนหมั้นกับบ้านเจ้ากรมหลี่ ตอนนี้ยังหมั้นหมายกับแม่ทัพน้อยสกุลซูแล้วอีก ใครก็ไม่กล้าลงไปยุ่งเกี่ยวกับนางให้เกิดความคลุมเครืออีกแล้ว ร่างกายของหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือนคนหนึ่งใครกันจะกล้าแตะต้องเจียงเฟิ่งหัวว่ายน้ำเป็น แต่ว่านางกำลังมีครรภ์ ยังไม่ต้องพูดถึงน้ำในทะเลสาบอันหนาวเย็นในช่วงฤดูนี้ กำลังกายของนางก็พยุงจางอวี่มั่วไม่ได้ ถึงเวลาทั้งสองคนจะสิ้นชีพกันพอดี “อ้าวเสวี่ย” นางกล่าวอ้าวเสวี่ยกอดกระบี่ไว้เฝ้าอยู่ข้างกายนาง ไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียวอ้าวเสวี่ยตัดสินใจว่า “หน้าที่ของข้าน้อยคือปกป้องพระชายา อีกอย่างข้าน้อยก็ว่ายน้ำไม่แข็งนัก น้ำในทะเลสาบในจวนสกุลจางนี้ไม่นิ่ง เกรงว่าจะเชื่อมต่อกับทะเลสาบด้านนอก ใครลงไปก็เกิดอันตรายได้ทั้งนั้น”จีเฉินคิดอยากจะลงไปช่วยคน หากช่วยขึ้นมาได้จริง เช่นนั้นแล้วแม่สาวน้อยคนสวยนี้ก็ไม่พ้นต้องแต่งกับเขา แต่หากเขาตายขึ้นมาก็ไม่คุ้ม เขาจึงเลือกที่จะถอย ความม

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 263

    ทุกคนเห็นการกระทำของเขาแล้ว ก็ปิดตาด้วยความกระดากอาย “อย่าไปดูเรื่องไม่งาม จะตายแล้วจริง ๆ สินะ ฟื้นขึ้นมานางก็ไม่มีคนเอาแล้ว โดนแตะหน้าอกไปแล้วยังจูบปากอีกต่างหาก”“นานขนาดนี้แล้ว เกรงว่าจะช่วยไม่ได้แล้ว!”“ดูท่าคงตายแล้ว ช่างเป็นสาวงามที่ชะตาอาภัพจริงๆ!”“คุณชายใหญ่สกุลเจียงมาแส่หาเรื่องใส่ตัวทำไมกัน ชายที่หล่อเหลาสง่างามเช่นนี้ไปจูบคนตายคนหนึ่ง…”หลี่ฮูหยินเห็นว่าคนไม่ฟื้นขึ้นมา ก็พูดจาเสียดสีอยู่ข้าง ๆ “เฮ้อ ช่างดวงอาภัพเสียจริง ๆ ยังดีที่นางไม่ได้แต่งกับเฉิงเอ๋อร์ของเรา ไม่เช่นนั้นก็จะได้ซวยเข้าจริง ๆ”ฮูหยินรองจางก็ไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยจากใจจริง “นางคิดสั้นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน พ่อแม่นางก็อายุสั้นจากไปก่อนวัยอันควรแล้ว ตอนนี้นางยังมาเป็นเช่นนี้อีก ช่างเป็น…เด็กที่ทำให้กังวลจริง ๆ”ฮูหยินสี่จางก็ยืนดูเหตุการณ์อยู่ ตายหรือเป็นไม่เกี่ยวอะไรกับพวกนาง พวกนางยังดูแลลูก ๆ ตัวเองไม่ไหว จะไปสนใจเด็กกำพร้าพ่อแม่คนหนึ่งได้อย่างไร ก็เพียงแค่แสดงทีท่าพอเป็นพิธีเท่านั้นเจียงฮูหยินก็ไม่กล้าเอ่ยปากง่าย ๆ กลัวเป็นอย่างยิ่งว่าหากเกิดเรื่องแล้วจะโทษลูกชายนาง แต่นางก็ทนฟังคนเหล่านี้วิพากษ์วิจา

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 264

    รอบข้างมีคนยืนเต็มไปหมด ล้วนจ้องพวกเขาตาไม่กะพริบ ไม่กล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่นิดเดียวเจียงเฟิ่งหัวก็ดีใจจนเกือบร้องไห้ จางอวี่มั่วกดดันมากจริง ๆ นางก็แทบฟื้นกลับสู่สภาพปกติไม่ได้ มีเพียงคนที่เคยผ่านความเป็นความตายมาเท่านั้นจึงจะรู้ว่าชีวิตมีค่าเพียงใดเจียงหรูเมิ่งก็คุกเข่าคอยช่วยพวกเขาอยู่ข้าง ๆ นางเป็นคนแรกที่ได้สติกลับมา ก็เห็นว่าบนหลังเจียงจิ่นเหยียนเหมืองมีคราบเลือดซึมออกมา ตกใจจนตะโกนออกมา “พี่ใหญ่ บนหลังท่านมีคราบเลือดได้อย่างไร? ท่านได้รับบาดเจ็บหรือนี่”ขณะนี้เจียงจิ่นเหยียนก็เพิ่งรู้สึกว่าส่วนหลังเจ็บขึ้นมาเล็กน้อย เขากล่าว “ไม่เป็นไร แผลเล็ก ๆ น้อย ๆ”“เลือดออกแล้ว ยังจะเป็นแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้อย่างไรกัน ต้องเป็นเมื่อครู่ตอนที่ท่านลงไปช่วยคุณหนูจางโดนน้ำเลยเลือดออกอีกแน่ๆ” เจียงหรูเมิ่งกล่าวเวลานี้ จางอวี่มั่วเพิ่งหยุดร้องไห้ มองไปที่เจียงหรูเมิ่งที่อยู่ตรงหน้า แล้วก็มองไปที่คนที่มุงอยู่รอบ ๆ อย่างหนาแน่น อีกทั้งท่านปู่ของนาง ท่านป้าเจียง อาสะใภ้รอง…“ข้ายังไม่ตาย…” นางพึมพำเจียงหรูเมิ่งแกะมือนางออก “ท่านยังไม่ตาย พี่ใหญ่ของข้ารีบมาช่วยท่านไว้”นางก็ให้สาวใช้ของตัว

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 265

    เจียงจิ่นเหยียนถามบ่าวรับใช้ของสกุลจางก่อนจึงค่อยส่งจางอวี่มั่วกลับห้องนอนของนาง ประโยคนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัวนางตลอด “ข้าจะแต่งกับนาง”เขาช่วยปกป้องนางยามยากอีกครั้ง นางซึ้งใจจนแทบลืมหายใจ จ้องเจียงจิ่นเหยียนตาไม่กะพริบ ทำใจละสายตาไปจากเขาไม่ได้นางอยากผูกติดอยู่กับเขาตลอดเวลาใจแทบขาด เขาก็เป็นเหมือนเทพบุตรของนาง ตั้งแต่เล็กจนโตก็เป็นเช่นนี้เสมอมา เมื่อเยาว์วัยนางถูกรังแก ก็มีแต่เขาที่ก้าวออกมาช่วยนางคราวนั้นนางถูกพี่ชายและน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องฝั่งพ่อข่มเหง เขาก็เหมือนแสงสว่างมาขวางด้านหน้านาง หลังจากนั้นเขาก็สั่งสอนพวกเขาอย่างดุเดือด เขาคงลืมแล้วสินะ เจียงจิ่นเหยียนถูกนางจ้องจนหน้าแดงไปหมด เขาเตือนนางให้ปล่อยมือ “คุณหนูจาง หากเจ้าไม่เป็นอะไรแล้วก็ลงมาได้แล้วกระมัง”สาวใช้ของจางอวี่มั่วก็ตกใจจนตะลึงงัน เห็นคุณหนูผ่านพ้นเมฆหมอกไปได้จนได้เห็นแสงสว่าง ก็ดีใจแทนนาง “คุณหนู คุณชายเจียงเรียกท่านอยู่นะเจ้าคะ”จางอวี่มั่วจึงเพิ่งปล่อยมือจากคอเขา รีบขอโทษ “ขออภัยเจ้าค่ะ ข้า…”เจียงจิ่นเหยียนคงรู้แล้วว่าเหตุใดนางจึงคิดสั้น ก็อธิบายว่า “วันนั้นข้าออกเดินทางไปกับท่านเหิงอ๋องกลางด

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 266

    ฮูหยินผู้เฒ่าจางก็เร่งมาเช่นกัน เมื่อตื่นขึ้นมานางถึงได้รู้ว่าหลานสาวถูกเจียงจิ่นเหยียนช่วยไว้ เดิมนางก็พอใจในตัวเขาอยู่แล้ว แต่เขาไม่ยอมรับปากมาตลอด และยังไม่ไม่ยอมแสดงออกอีก นางไม่อยากให้หลานสาวต้องได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจจริงๆ ถึงได้รับปากเจตนาสู่ขอของฮูหยินผู้เฒ่าซูนางก็ได้ยินเจียงจิ่นเหยียนกล่าวต่อหน้าทุกคนว่าจะขอแต่งงานกับหลานสาวของนางเช่นกัน เกรงว่าเรื่องนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดขึ้นอีก ฮูหยินผู้เฒ่าจางจึงกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ด้านนอกล้วนมีหมอหลวงอยู่ เชิญหมอหลวงมาดูหน่อยก็ดี และถือโอกาสที่ทุกคนต่างอยู่ที่นี่ พวกเราสองครอบครัวก็กำหนดเรื่องการหมั้นหมายของเด็กทั้งสองคนกันเสียเลยเถิด”เจียงจิ่นเหยียนรีบกล่าวว่า “ไม่ต้องแล้วขอรับ บาดแผลเล็กๆ เท่านั้น ผู้เยาว์กลับไปใส่ยาเองก็ไม่เป็นไรแล้วขอรับ”ฮูหยินผู้เฒ่าจางเห็นความสนใจส่วนใหญ่ของเขาไม่อยู่ในเรื่องการแต่งงาน ดวงตาจึงมีความผิดหวังอยู่บ้าง สตรีนั้นหากจะออกเรือนก็ควรแต่งกับผู้ที่มีใจต่อนาง มิใช่ไปแต่งกับผู้ที่มิใส่ใจในตัวนางเจียงหรูเมิ่งเป็นคนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน รู้ว่าพี่ใหญ่เป็นคนหัวช้าในเรื่องของความรู้สึก จึงรีบกล่าว

บทล่าสุด

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 376  

    เหลียนเย่หยิบมาลองดม รู้สึกเพียงกลิ่นหอมสดชื่นโชยปะทะจมูก หอมยิ่งนัก “หากว่าคุณหนูมีของสิ่งนี้ตั้งแต่เมื่อเยาว์วัยก็คงดี ตอนเด็ก ๆ จะได้ไม่ต้องฝันร้ายบ่อย ๆ อีก” อ้าวเสวี่ยถามเหลียนเย่ “เกิด อะไรขึ้นกับพระชายากันแน่ พวกเจ้ารับใช้พระชายามาตั้งแต่ยังเล็ก เคยเกิดเรื่องน่าสะพรึงกลัวใดขึ้นกับนางมาก่อนหรือไม่?” “ไม่มี คุณหนูมีชีวิตเป็นสุขดีมาตลอด หากว่ายาหอมคืนเรือนสามารถช่วยให้คุณหนูไม่ต้องฝันร้ายอีกเช่นนั้นก็ดีมากแล้วจริง ๆ” ที่เหลียนเย่กล่าวมาเป็นความจริง เช้าตรู่วันต่อมา หลังจากเจียงเฟิ่งหัวตื่นขึ้นมาแล้วนางดูปกติคล้ายว่าไม่เคยมีเรื่องใดเกิดขึ้นมาก่อน เห็นอ้าวเสวี่ยและเหลียนเย่เฝ้าอยู่ในห้องของนาง นางก็เหยียดตัวบิดขี้เกียจพลางกล่าวว่า “เมื่อคืนหลับสบายจริง ๆ ข้ารู้สึกจิตใจปลอดโปร่ง ร่างกายสดชื่นดีมาก พวกเจ้าได้จุดกำยานอะไรเอาไว้หรือไม่?” เหลียนเย่เห็นนางลืมเรื่องเมื่อคืนที่ละเมอร้องไห้ในความฝันไปก็ถามขึ้นว่า “พระชายาจำอะไรไม่ได้เลยหรือเพคะ?” “ข้าต้องจำอะไรได้หรือ?” เจียงเฟิ่งหัวประคองท้องของตนเองเดินลงมาจากเตียงพลางเอ่ยว่า “ข้าจำได้ว่าเมื่อคืนข้ากับเจ้านอนด้วยกัน” “ใช่แล้วเพค

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 375  

    ครั้นส่งสี่หมัวมัวออกไปแล้ว เจียงเฟิ่งหัวเองก็มิอาจใจเย็นอยู่เฉยได้ ซูถิงหว่านต้องมีความทรงจำจากเมื่ออดีตชาติแล้วแน่ ซูถิงหว่านรู้แล้วว่าหลังจากนี้นางจะได้เป็นฮองเฮา เพราะฉะนั้นนางถึงได้ไม่เกรงกลัวเพราะมีสิ่งยึดเหนี่ยว หากมิใช่เพราะการตายของจีเฉินทำให้การเดินทางของนางล่าช้า นางอาจจะมุ่งหน้าไปเขตชายแดนเพื่อรวมตัวกับคนสกุลซูแล้วก็ได้ นางมิอาจเอาความโปรดปรานของเซี่ยซางมาเดิมพันว่าตำแหน่งของนางจะมั่นคง เมื่อวานฝ่าบาทนอกจากพระราชทานสิ่งล้ำค่าให้กับนางเพื่อเป็นรางวัลแล้ว ยังพระราชทานป้ายอาญาสิทธิ์ทองคำส่วนพระองค์ป้ายหนึ่งให้กับนางด้วย ด้านบนมีอักษรเขียนว่า ‘เสมือนฮ่องเต้เสด็จ’ มีมันแล้ว นางก็สามารถเดินผ่านได้ทุกที่ในวังหลวงแม้กระทั่งทั่วทั้งใต้หล้า ตอนแรกนางงุนงงอยู่เล็กน้อย ต่อมาเฉากงกงถึงได้เร่งให้นางรีบกล่าวขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทได้ สัญลักษณ์ของผู้ที่ได้รับป้ายทองอาญาสิทธิ์อันนี้ก็คืออำนาจ คือความไว้เนื้อเชื่อใจที่ฝ่าบาทมีต่อนาง “พระชายา ท่านเป็นอะไรไปเพคะ หน้าซีดเชียวเพคะ” เหลียนเย่เห็นนางเงียบไปนาน เหม่อลอยอยู่ตามลำพัง “เปล่า อาจเพราะเหนื่อยล้าเกินไปหน่อยกระมัง ข

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 374  

    สี่หมัวมัวตกใจกลัวตัวสั่น รีบยั้งปากทันใด ครั้นมาถึงด้านในตำหนักเฉินซี เจียงเฟิ่งหัวก็สั่งให้เหลียนเย่ปิดประตูทันที ทิ้งให้อยู่ในห้องกับสี่หมัวมัวลำพัง เห็นเพียงนางสีหน้าเยือกเย็น พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “สี่หมัวมัว เจ้าคงจะทราบดีว่าคำพูดเมื่อครู่ของเจ้ามีโทษหนักถึงขั้นตัดศีรษะ บัดนี้เสด็จพ่อมีพระพลานามัยแข็งแรงดี ตำแหน่งองค์รัชทายาทยังมิได้แต่งตั้ง เจ้ากลับเผยแพร่คำพูดเหล่านี้โดยพลการ มิเพียงเจ้าจะรักษาศีรษะของเจ้าไว้ไม่ได้ แม้แต่เสด็จแม่ ท่านอ๋องและข้าก็จะพลอยได้รับเคราะห์จากคำพูดประโยคนี้ของเข้าไปด้วย” สี่หมัวมัวตกใจกลัวจนเหงื่อเย็นไหลพราก ๆ “บ่าวทราบเพคะ ดังนั้นบ่าวถึงได้เก็บงำไว้ในใจมาตลอด บางคำมิได้พูด บ่าวเองก็ทุกข์ใจเพคะ หนนี้ถึงได้อยากแจ้งพระชายา อยากให้พระชายาช่วยโน้มน้าวฮองเฮาด้วยเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างจงใจ “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าถ้อยคำเหล่านี้พระชายารองซูเอ่ยกับเสด็จแม่ เจ้ามิได้โป้ปดจริงแน่หรือ” สี่หมัวมัวเล่าอย่างละเอียดไม่มีปิดบัง “ถ้อยคำเหล่านี้บ่าวมิได้เป็นคนพูดเพคะ บ่าวจะกล้าพูดแบบนี้ออกไปได้อย่างไรเพคะ และมิใช่ฮองเฮาเป็นคนตรัสด้วยเพคะ ถ้อยคำเห

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 373  

    ผ่านไปสองวัน ซูถิงหว่านยังไม่กลับมา สุดท้ายแล้วนางเลือกเดินซ้ำรอยเดิมของชาติก่อนติดตามเซี่ยซางไปที่เขตชายแดน และที่น่าขันคือข่าวนี้เฉิงฮองเฮาเป็นคนมาบอกนางด้วยตนเอง ได้ยินเฉิงฮองเฮากล่าวว่า “พระชายารองซูไปที่เขตชายแดนเพื่อช่วยซางเอ๋อร์ทำศึก ซางเอ๋อร์เองก็จำเป็นต้องมีสตรีสักคนคอยดูแลอยู่เคียงข้างกาย ส่วนเจ้าก็ท้องแก่แล้ว ข้าจึงอนุญาตให้นางไป หรวนหร่วนเจ้าคงไม่กล่าวโทษข้ากระมัง” เจียงเฟิ่งหัวผุดยิ้มน้อย ๆ พลางเอ่ยว่า “เสด็จแม่ทรงคิดรอบคอบ ท่านอ๋องมีคนเอาใจใส่อยู่เคียงข้างกายสักคนก็นับว่าดีเพคะ เพียงแต่เหมันต์ฤดูอากาศข้างนอกหนาวเย็นยิ่งนัก และอีกไม่นานก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว พระชายารองซูเป็นสตรีตัวคนเดียวเดินทางไปเช่นนั้นจะปลอดภัยหรือเพคะ” “นางมีวรยุทธ์ติดตัว และมีกองทัพสกุลซูปกป้องคุ้มครอง ปลอดภัยไร้กังวล เราเห็นว่านางก็มิได้มีท่าทีอิดออดอะไร” “เป็นเช่นนี้ก็ดียิ่งนักเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ฮองเฮาเปลี่ยนใจรวดเร็วเสียจริง ตอนแรกยังคัดค้านเซี่ยซางอย่างสุดกำลังไม่ให้พาสตรีไปออกศึก อ้างว่าจะไม่เป็นสิริมงคล ถึงขั้นทำลายความองอาจน่าเกรงขามของหัวหน้าแม่ทัพ ทว่าบัดนี้กลับอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 372  

    เจียงเฟิ่งหัวออกจากตำหนักคุนหนิงก็ตรงไปยังตำหนักเฉินซีทันที ในตอนนั้น เห็นนางกำนัลคนหนึ่งท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ก็โพล่งเสียงตำหนิออกไป “ใคร” อ้าวเสวี่ยตั้งรับทันที ไม่รอให้นางเดินเข้าไปใกล้ อวิ๋นฟางก็เดินงก ๆ เงิ่น ๆ มาหยุดเบื้องหน้าเจียงเฟิ่งหัว “บ่าวคารวะเพคะพระชายา” เจียงเฟิ่งหัวเห็นนางชัดถนัดตาแล้วก็แอบคิดเงียบ ๆ ในใจ นางมีฝีมือไม่เบาเลยทีเดียว แอบลอบกลับวังมาได้ ทว่าด้วยสถานการณ์ของนางตอนนี้ ซูถิงหว่านไม่มีทางปล่อยนางไปแน่ นางจนตรอกไม่มีทางถอยแล้ว จำต้องวิ่งเข้ามาหลบในวังถึงจะไม่ถูกคนไล่ล่า อ้าวเสวี่ยและเหลียนเย่เองก็ชะงักงันไปแล้วเช่นกัน อวิ๋นฟางช่างกล้าหาญยิ่งนัก กล้ากลับเข้ามาในวังหลวงอีก พวกนางคิดว่าหลังจากอวิ๋นฟางหนีไปทางประตูหลังของเขตเมืองหลวงแล้ว นางจะหนีออกไปจากเมืองเซิ่งจิง อย่างน้อยก็ต้องหนีให้ห่างไกลจากเรื่องวุ่นวาย ปกป้องชีวิตไว้เป็นสำคัญ “เข้ามาเถิด!” เจียงเฟิ่งหัวกล่าว อวิ๋นฟางตามเข้าไปในตำหนักเฉินซี นางกำนัลได้ต้มน้ำร้อนเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว ภายในห้องอบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง ภายใต้แสงตะเกียงสว่างรุบรู่ อวิ๋นฟางก็เริ่มขะมักเขม้นทำงานสารพัดทั้งยกน้ำเทน้ำ นางยังกระตือ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 371  

    เฉิงฮองเฮาเปิดเปลือกตา ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า “มาแล้ว จัดการเรื่องข้างนอกวังเรียบร้อยดีแล้วหรือยัง? ออกจากวังไปครึ่งเดือนแล้วมิใช่หรือ!” เจียงเฟิ่งหัวท่าทางมิได้หยิ่งยโสเกินควรแต่ก็มิได้ถ่อมตัวจนเกินเหตุ “ทูลเสด็จแม่ จัดการเหมาะสมเรียบร้อยดีแล้วเพคะ” “ข้าได้ยินว่าเมื่อสิบวันก่อนสินค้าและวัตถุดิบถูกส่งไปหมดแล้ว” แม่สามีของนางก็ดูจะวางมาดขึ้นเช่นกัน ราวกับต้องการให้นางยอมเชื่อฟังคำสั่งสอน เหมือนกับเมื่อชาติก่อนไม่มีผิด “เพคะ เพียงแต่ของที่ส่งออกไปเมื่อสิบวันก่อนเป็นแค่ชุดแรกเพคะ เพราะมีจำนวนมากเกินไป ชุดต่อไปจะต้องทยอยลำเลียงออกไปเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างละเอียด มองแล้วอ่อนโยนนอบน้อม สงบเสงี่ยมเรียบร้อยมารยาทเพียบพร้อมไร้ที่ติ แม้แต่เฉิงฮองเฮายังมิอาจหาจุดใส่ไฟได้เลย “ลุกขึ้นมานั่งเถิด” น้ำเสียงของเฉิงฮองเฮาฟังดูดีขึ้นเล็กน้อย “ซางเอ๋อร์มีสกุลซูคอยจุนเจือ บัดนี้เด็กในครรภ์ของเจ้าสำคัญเหนือสิ่งใด อย่ามัวเพ่นพ่านด้านนอกมากนัก อย่าไปข้องเกี่ยวกับสตรีในหมู่ขุนนางราชสำนักมากเกินไป ที่สำคัญจงอย่าได้มัวละโมบใฝ่หาความดีความชอบจนลำดับความสำคัญผิดไป” เจียงเฟิ่งหัวคิดในใจ ตอนอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 370

    “เพคะ สะใภ้รับบัญชา”จากนั้น เจียงเฟิ่งหัวก็วางหมากลงไปตัวหนึ่ง “เสด็จพ่อ ทรงแพ้แล้วเพคะ”ฮ่องเต้เหลือบมองกระดานหมากคราหนึ่ง เริ่มจากความตกตะลึง ตามด้วยสีหน้ามืดครึ้มที่มองไม่ออก จากนั้นก็ทรงหัวเราะออกมาว่า “ดูเหมือนเราไม่อาจไม่ตกรางวัลนี้แล้ว มาเล่นอีกตา หากเจ้าชนะเราอีก เราก็จะมอบรางวัลให้อีกครั้ง”เจียงเฟิ่งหัวเก็บหมากบนกระดานขึ้นมาอย่างเยือกเย็น ไร้ความลนลาน “ลูกก็ชนะมาได้อย่างหวุดหวิดเพคะ ต้องเป็นเพราะเมื่อครู่เสด็จพ่อทรงฟังลูกพูดเพลิน จึงได้ออมมือให้ลูกแน่เลยเพคะ”“เจ้าคงไม่รู้สินะ หลายวันมานี้เรามีราชโองการเรียกตัวบิดาของเจ้าเข้าวังมาเดินหมากเป็นเพื่อนเราทุกวัน เขากลับไม่เคยชนะเราเลยสักตา ช่างน่าเบื่อนัก แต่เขาบอกว่าบุตรสาวของเขาเป็นยอดฝีมือในการเดินหมาก เรายังคิดว่าเขาพูดเกินจริงเสียอีก แต่วันนี้ หลังได้เดินหมากไปกระดานหนึ่งเราก็เชื่อแล้ว”“ท่านพ่อก็เหมือนยายหวังขายแตง ที่ชอบขายเองชมเองเพคะ ต่อให้บุตรสาวของท่านจะทำสิ่งใดไม่เป็นเลย ท่านก็รู้สึกว่าดีอยู่ดีเพคะ”“ยังถ่อมตัวเข้าเสียแล้ว เมื่อมาเป็นลูกสะใภ้ของราชวงศ์เรา แค่การถ่อมตนอย่างเดียวไม่พอหรอกนะ ในอนาคตยังต้องช่วยซางเอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 369

    เมื่อเจียงเฟิ่งหัวกลับวังก็ถูกฮ่องเต้เรียนตัวไปที่ห้องทรงอักษร หลังนางรายงานเรื่องภารกิจที่ฮ่องเต้มอบหมายให้นาง ก็วางแผนจะกลับตำหนักคุนหนิงไปคารวะฮองเฮาแต่จู่ๆ ฮ่องเต้ก็ตรัสขึ้นมาว่า “ได้ยินว่าพระชายาของเหิงอ๋องชำนาญการวางหมาก เราอยากหาคนมาเล่นด้วยสักตาพอดี ว่าอย่างไร จะอยู่เล่นเป็นเพื่อนเราสักตาหรือไม่”เจียงเฟิ่งหัวคารวะลงรอบหนึ่งด้วยมารยาที่พอเหมาะ ไม่ถ่อมตัวไม่เย่อหยิ่ง แล้วกล่าวอย่างเคารพว่า “เคารพมิสู้เชื่อฟัง สะใภ้ย่อมทำตามพระบัญชาของเสด็จพ่อเพคะ แต่หากเสด็จพ่อทรงเป็นฝ่ายปราชัย ลูกจะขอรางวัลจากเสด็จพ่อสักอย่างได้ไหมเพคะ”ฮ่องเต้ตรัสว่า “อยากได้อะไรก็พูดมาได้เลย หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ก็ถือเป็นรางวัลที่เจ้ามีผลงานใดการทำคดี แต่หากพ่ายแพ้ รางวัลก็จะไม่มีแล้วนะ”เจียงเฟิ่งหัวแอบคิดว่า “ฮ่องเต้ยังคงเป็นพวกที่ไม่ยอมเสียเปรียบ ถึงกับเอารางวัลของนางมาใช้เดิมพันหมาก หากนางชนะหมากควรนับเป็นรางวัลพิเศษไม่ใช่หรือ!”“เพคะ” นางตอบอย่างว่าง่ายเพราะในท้องของเจียงเฟิ่งหัวมีเด็กอยู่ เพื่อดูแลเด็กในท้องของนาง จึงให้หัวหน้าขันทีเฉายกโต๊ะที่สูงขึ้นเล็กน้อยเข้ามาตัวหนึ่งมาใช้แก้ขัด และยังเตรียม

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 368

    คนทั้งสองเท้าสะเอวหัวเราะขึ้นมา “คนที่คิดจะช่วยคุณหนูหลินของเราไถ่ตัวมีเต็มไปหมด ท่านต่อแถวไม่ทันหรอก อีกอย่าง ท่านก็ไม่มีคุณสมบัตินั้นด้วย อย่าได้เพ้อฝันอีกเลย” คุณหนูหลินไม่ขาดแคลนเงินทอง ทั่วทั้งหออี๋ชุนล้วนอยู่ใต้การตัดสินใจของนาง ไม่จำเป็นต้องไถ่ตัวเพราะนางไม่มีสัญญาขายตัว“ข้าจะต้องแต่งนางเป็นภรรยาให้ได้ พวกเจ้ารอก่อนเถอะ” กัวเซี่ยวตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะแต่งกับหลินอวี่ให้ได้ในบรรดาเหล่าคุณชายตระกูลใหญ่ กัวเซี่ยวก็พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง เขาหน้าตาไม่เลว ชาติตระกูลก็ไม่เลว เขาจึงคิดว่าหลินอวี่ไม่มีทางปฏิเสธแน่ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น จื่อฮุ่ยจึงเอ่ยบ้างว่า “หากคิดจะแต่งกับคุณหนูของข้า นอกเสียจากว่าท่านจะเป็นจอหงวน นั่นอาจพอมีโอกาสบ้าง ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้เสียเวลาอีกเลย”กัวเซี่ยวตะลึงงันไปแล้ว ที่เขาไม่ชอบที่สุดก็คือการอ่านตำรานี่แหละเห็นเขายังคงไม่ยอมจากไปอีก พวกนางก็ไม่อยากเปลืองน้ำลายกับเขาแล้ว จึงตีกัวเซี่ยวจนสลบแล้วโยนเขาออกไปนอกหออี๋ชุนเสียเลย “ช่างน่ารำคาญเหลือเกิน คนที่อยากแต่งงานกับคุณหนูของข้าตอนนี้ต่อแถวไปถึงนอกประตูเมืองนู่นแล้ว ค่อยๆ ไปต่อแถวเถอะ” พวกนางย่อมไม่เห็น

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status