พระราชวังหลวงแคว้นสุ่ยเหอ ขบวนชินอ๋องมาถึงในสถานะทูต ฉงเจิ่งหมินได้เตรียมการต้อนรับเอาไว้อย่างครบครัน เนื่องจากก่อนหน้าตู้เหยียนเฟิงนั้นส่งสาส์นมาแจ้งล่วงหน้าก่อนแล้ว เดิมทีเขาคิดว่าชินอ๋องจะรั้งอยู่ด้านนอกอีกสองสามวัน คาดไม่ถึงว่ากลับเร่งร้อนถึงเพียงนี้
"เสด็จพ่อ เสด็จแม่" ฉงเสว่ปิงวิ่งถลาเข้าสวมกอดบุพการีทั้งสอง
"เสว่ปิง ไยทำกิริยาเช่นนี้ต่อหน้าท่านอ๋อง" เฉิงเหยาเอ่ยตำหนิ
ใบหน้าหล่อเหลาประดับรอยยิ้มอ่อน "ข้าไม่ถือ พระชายาอย่าได้เกรงใจไป"
ฉงเสว่ปิงเหลียวมองเขาแล้วจึงยู่หน้า คนเช่นชินอ๋องหรือนางจะคิดเกรงใจ ต่อให้ยามนี้ยังไม่คุ้นชินแล้วอย่างไร นางจะทำให้เขาชังน้ำหน้าตน และล้มเลิกสัญญาหมั้นหมายไปเองเสีย
"ท่านแม่ ชินอ๋องเป็นคนง่าย ๆ ข้าว่าพิธีต้อนรับนี้ยิ่งใหญ่ไปสำหรับเขาเสียด้วยซ้ำ"
"ปิงเอ๋อร์!" ฉงเจิ่งหมินยกมือคลึงขมับ ดุบุตรธิดาเสียงเข้ม
ฉงเสว่ปิงลอยหน้า จากนั้นจึงวิ่งร่านั่งแหมะขนาบข้างตู้เหยียนเฟิง ริมฝีปากสีกุหลาบฉีกยิ้มโชว์เขี้ยวแหลมเล็ก ใบหน้าคมสันซับสีระเรื่อพลางยิ้มตอบ ฝ่ามือกว้างจึงยกขึ้นลูบศีรษะอ
พระราชวังหลวงแคว้นสุ่ยเหอ ขบวนชินอ๋องมาถึงในสถานะทูต ฉงเจิ่งหมินได้เตรียมการต้อนรับเอาไว้อย่างครบครัน เนื่องจากก่อนหน้าตู้เหยียนเฟิงนั้นส่งสาส์นมาแจ้งล่วงหน้าก่อนแล้ว เดิมทีเขาคิดว่าชินอ๋องจะรั้งอยู่ด้านนอกอีกสองสามวัน คาดไม่ถึงว่ากลับเร่งร้อนถึงเพียงนี้"เสด็จพ่อ เสด็จแม่" ฉงเสว่ปิงวิ่งถลาเข้าสวมกอดบุพการีทั้งสอง"เสว่ปิง ไยทำกิริยาเช่นนี้ต่อหน้าท่านอ๋อง" เฉิงเหยาเอ่ยตำหนิใบหน้าหล่อเหลาประดับรอยยิ้มอ่อน "ข้าไม่ถือ พระชายาอย่าได้เกรงใจไป"ฉงเสว่ปิงเหลียวมองเขาแล้วจึงยู่หน้า คนเช่นชินอ๋องหรือนางจะคิดเกรงใจ ต่อให้ยามนี้ยังไม่คุ้นชินแล้วอย่างไร นางจะทำให้เขาชังน้ำหน้าตน และล้มเลิกสัญญาหมั้นหมายไปเองเสีย"ท่านแม่ ชินอ๋องเป็นคนง่าย ๆ ข้าว่าพิธีต้อนรับนี้ยิ่งใหญ่ไปสำหรับเขาเสียด้วยซ้ำ""ปิงเอ๋อร์!" ฉงเจิ่งหมินยกมือคลึงขมับ ดุบุตรธิดาเสียงเข้มฉงเสว่ปิงลอยหน้า จากนั้นจึงวิ่งร่านั่งแหมะขนาบข้างตู้เหยียนเฟิง ริมฝีปากสีกุหลาบฉีกยิ้มโชว์เขี้ยวแหลมเล็ก ใบหน้าคมสันซับสีระเรื่อพลางยิ้มตอบ ฝ่ามือกว้างจึงยกขึ้นลูบศีรษะอ
ดาบเล่มนั้นถูกปัดออกไปด้วยความรวดเร็ว ร่างกำยำถูกเสียบแทงกลางอกพลันทรุดฮวบก่อนถึงตัวฉงเสว่ปิง ไต้ฮ่าวเฉินวิ่งรี่หน้าตั้ง กระนั้นเขาช้าไปหนึ่งก้าว ช้าที่ว่าฉงเสว่ปิงกลับอยู่ภายใต้อ้อมแขนของบุรุษอีกคนไปเสียแล้ว แต่อย่างไรก็นับว่าโชคดีที่อีกฝ่ายสามารถช่วยเหลือนางได้ทันเวลาฉงเสว่ปิงแหงนมองคนเบื้องหน้าตาปริบ ๆ"ปิงเอ๋อร์เป็นอันใดหรือไม่" เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความห่วงใยนางส่ายหน้าพัลวัน "ทะ...ท่านพี่เหยียนเฟิง"ไต้ฮ่าวเฉินชะลอฝีเท้าพลันโล่งอก ทว่าใจของเขากลับระส่ำระสายอยู่ไม่สุขเมื่อเห็นทั้งสองกอดกันกลม ถึงแม้ตู้เหยียนเฟิงเป็นพี่ชายของฉงเสว่ปิง อย่างไรแล้วเขาก็เป็นเพียงพี่บุญธรรม"ดูเหมือนองค์ชายจะมาได้ทันจังหวะดีทีเดียว ไม่ทราบว่ายามนี้ไยท่านจึงมาอยู่ที่นี่หรือ"น้ำเสียงเคลือบแคลงส่งผลให้ตู้เหยียนเฟิงรู้สึกขัดใจนัก เขาประคองฉงเสว่ปิงยืนให้มั่นขนาบกายตน มือเล็กยังคงเกาะแขนอีกฝ่ายอยู่ไม่ห่าง ไต้ฮ่าวเฉินมองแขนที่พันเกี่ยวกันเบื้องหน้าก็พลอยขมวดคิ้วมุ่น"ท่านอ๋อง หมายความว่าอย่างไรหรือท่านกำลังสงสัยในตัวข้ารึ เดิมทีช่วงนี้แถบชายแดนเหนือไม่สงบ
การเที่ยวเล่นครานี้กร่อยเสียแล้ว ฉงเสว่ปิงจึงร้องขอไต้ฮ่าวเฉินให้พานางกลับ เขามิได้ขัดใจนางแต่อย่างใด หนำซ้ำยังเอาอกเอาใจไปเสียทุกอย่าง แม้เป็นเช่นนั้นฉงเสว่ปิงกลับไม่ยอมใจอ่อนและพูดจาดี ๆ กับเขาสักครา มีเพียงเสี้ยวเวลาที่นางอาจลืมตัวไปชั่วขณะขบวนของทูตจากแคว้นไต้เจียมุ่งหน้าไปยังวังหลวง แท้จริงแล้วเขาหมายเดินทางกับบรรดาองครักษ์ไม่กี่หยิบมือเท่านั้น ทว่ายามนี้บ่าวไพร่มากกว่าที่คะเนไว้นัก จุดประสงค์หลักเพียงหอบของกำนัลพะรุงพะรังมาถวายแด่เจ้าแคว้น เดิมทีการเดินทางยุ่งยากหลายคนเพียงนี้ไต้ฮ่าวเฉินหาได้ชมชอบ"องค์หญิง ไยหน้าบูดบึ้งถึงเพียงนั้น ได้นั่งม้าอยู่ในอ้อมกอดของว่าที่สวามีไม่คิดยินดีสักหน่อยเลยรึ"ฉงเสว่ปิงเบือนหน้าหลบ "ท่านกำลังรังแกข้ามากกว่า รถม้าก็มีแต่ท่านกลับเลือกใช้ม้าตัวเดียวเพื่อเบียดกันเนี่ยน่ะหรือ ท่านอ๋อง ท่านมันจอมร้ายกาจ เจ้าเล่ห์เพทุบาย""หึ!" เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาขยับยิ้มพรายการเดินทางเป็นไปอย่างเรียบเรื่อยหาได้มีสิ่งใดพิเศษ ขบวนชินอ๋องข้ามผ่านลำธารร้อยหลี่มาไกลโขแล้ว เบื้องหน้าคือป่าไผ่รกครึ้ม ตัดผ่านเส้นทางล
อาหารถูกยกมาวางละลานตา เหตุใดเบื้องหน้ามักมีจานโปรดของนางอยู่ด้วยเสมอราวถูกจับวาง หากจะบอกว่าเป็นความบังเอิญก็ยากจะเชื่อ ถ้าหากนางเป็นคนสั่งนั่นว่าไปอย่างในเมื่อผู้ที่ย้อนกลับมาล้วนเป็นนางไม่ใช่เขาต่อให้ใคร่รู้เพียงใดความหิวย่อมชนะทุกสิ่ง มือเรียวจับตะเกียบขึ้นอย่างกระตือรือร้น ดวงตากลมโตกวาดมองถ้วนทั่วหมายเลือกอาหารสักจานเพื่อชิมเป็นคำแรกเสียงทุ้มหยอกล้อ "ไม่กลัวยาพิษแล้วหรือ""มีพิษแล้วอย่างไร ตายก็ตายข้าชินแล้ว" จากนั้นฉงเสว่ปิงจึงลงมือจัดการอาหารเบื้องหน้าโดยไม่สนใจเขาอีก ท่าทางการกินสบายอารมณ์ยิ่งการที่เขามองดูอีกฝ่ายทานอาหารด้วยความเพลิดเพลินเฉกเช่นเด็กไม่ประสา ส่งผลให้จิตใจเกิดอาการหวั่นไหวอย่างน่าฉงน ลำคอพลอยแห้งผากเสียจนต้องยกถ้วยชาขึ้นจิบอึกแล้วอึกเล่าข้าเป็นอะไรกันระหว่างนั่งทาน กลับมีบุรุษผู้หนึ่งบังเอิญเห็นภาพใกล้ชิดสนิทสนมของทั้งสองเข้าราวจับวาง ใบหน้าหล่อเหลามึนตึงด้วยอารมณ์ด้อยสุนทรีย์ ชายหนุ่มลืมตัวไปชั่วขณะว่ายามนี้ตนอยู่ที่แห่งใด ท่อนขาแกร่งสาวเท้าพรวดพราดเข้ามา ร่างสูงยืนตระหง่านเขม้นมองด้วยประ
ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ ไต้ฮ่าวเฉินเที่ยวชดใช้ความเสียหายให้กับร้านค้าแถบนั้นทั้งหมด ฉงเสว่ปิงทำได้เพียงก้มหน้าสำนึกผิดแล้ว ยามนี้นางไม่มีเงินทองมากพอจะชดใช้ให้ใคร เดิมทีหมายออกมาเพียงชั่วครู่เท่านั้น ผู้ใดจะทันคาดคิดว่าอีกฝ่ายดันจับนางได้เสียก่อน"หากถึงวังหลวงแล้วข้าจะให้เสด็จพ่อชดใช้คืนท่าน" เสียงใสกล่าวอู้อี้ไต้ฮ่าวเฉินปรายตามอง "ไม่จำเป็น อีกหน่อยก็ต้องเป็นทองแผ่นเดียวกัน"ฉงเสว่ปิงยู่หน้า "ท่านอ๋อง หยุดมั่นหน้าได้แล้ว ผู้ใดจะยอมเป็นทองแผ่นเดียวกับท่าน เพ้อเจ้อให้น้อยหน่อยดีกว่า"ไต้ฮ่าวเฉินแค่นยิ้ม"อ๊ะ!...ข้าอยากกินน้ำตาลปั้น" ฉงเสว่ปิงดึงแขนเสื้อของเขายิก ๆไต้ฮ่าวเฉินลดสายตามองสาบเสื้อที่ขยับไหว ริมฝีปากพลันกระตุกเล็กน้อย ดูเหมือนนางไม่เกรงกลัวเขาแต่อย่างใด หนำซ้ำยังทำราวสนิทชิดเชื้อกันมาช้านาน ท่อนขาสูงยาวก้าวย่างตามสตรีเบื้องหน้าไปเงียบ ๆ อย่างว่าง่าย"เถ้าแก่ ท่านปั้นรูปคนได้หรือไม่""คุณหนู ข้าทำได้แน่นอน ว่าแต่ท่านอยากทำรูปสามีท่านหรือ" ชายขายน้ำตาลปั้นเหลือบมองไต้ฮ่าวเ
"องค์หญิง""...""องค์หญิง""...""เสว่ปิง!"ฉงเสว่ปิงสะดุ้งโหยง "อะไรของท่าน เรียกเบา ๆ ไม่ได้หรือไร""ข้าเรียกอยู่หลายครา ไม่ทราบว่าองค์หญิงกำลังเหม่อลอยถึงชายใดหรือ" นัยน์ตาคมหรี่ลงอย่างนึกคลางแคลง"นึกถึงชายใดก็เรื่องของข้า ไม่เกี่ยวกับท่าน" ฉงเสว่ปิงลอยหน้าตอบฝ่ามือหยาบกร้านยื่นส่งให้นาง ทว่าใบหน้างามกลับเชิดคอตั้งถือดี "ข้าลงเองได้"ฝ่ามือของเขาจึงค้างอยู่เช่นนั้น จากนั้นค่อย ๆ ลดลงพลางมองดูขาเรียวพยายามเขี่ยเพื่อเกี่ยวที่พักเท้าซึ่งยาวกว่าขาตนด้วยความทุลักทุเล ไต้ฮ่าวเฉินยิ้มขันยืนกอดอกมองอยู่เช่นนั้นดื้อรั้นนักต้องปล่อยให้คิดได้เองจึงรู้เข็ดหลาบฉงเสว่ปิงโน้มกายไปเบื้องหน้า แขนสองด้านโอบคอม้าตัวเขื่องเอาไว้ นางพยายามเบี่ยงกายหนึ่งฝั่งเพื่อให้เท้าของตนสามารถเหยียบบนที่พักเท้าได้ตาอ๋องทึ่ม ไยจึงตัวสูงนักฉงเสว่ปิงพยายามกัดฟันหลายครา ทว่ากลับส่งผลให้ม้าตื่นตระหนกเมื่อนางดันเผลอคว้าหมับเอาใบหูของมัน เจ้าม้าศึกตัวใหญ่ยกกีบเท้าหน้าขึ้น ฉงเสว่ปิงเบิกตากว้างตะลึงลาน พลันดี
อาชาตัวใหญ่ตระหง่านถูกจูงมายังเบื้องหน้ากระโจม ฉงเสว่ปิงเหลือบซ้ายแลขวาแล้วจึงเอ่ยถามบุรุษข้างกาย "ไยมีม้าตัวเดียว""ตัวเดียวก็พอแล้ว เป็นสตรีต้องควบม้าเองด้วยหรือ" ไต้ฮ่าวเฉินลอยหน้าตอบ"รถม้าไม่มีรึ ข้าไม่ขี่ม้าตัวเดียวกับท่าน""องค์หญิง เกรงความลำบากหรอกหรือ ขี่ม้ากับข้าสบายกว่านั่งรถม้าเป็นไหน ๆ" ร่างสูงค้อมลง ใบหน้าหล่อเหลายียวนกวนอารมณ์ฉงเสว่ปิงสาวเท้าไปเบื้องหลัง ทว่าเอวของนางกลับตึงวืด"เหวอ..."ร่างบอบบางเซถลาซบอกแกร่ง ไต้ฮ่าวเฉินยกตัวของนางขึ้นพาดนั่งเบื้องหน้า จากนั้นจึงกระโดดขึ้นหลังม้าตาม พลางกระชับบังเหียนคร่อมกายอีกฝ่ายเอาไว้ ดวงตากลมโตค้างเติ่ง นางไม่ทันตั้งตัวก็ถูกจับโยนขึ้นด้านบนโดยง่ายดาย"จื่อจ้ง ฝากดูแลทางนี้ด้วย""พ่ะย่ะค่ะ"อาชาศึกห้อทะยานปานสายฟ้ากระแสหนึ่ง ลมเย็น ๆ ตีแสกหน้าเสียจนองคาพยพแทบหลุดหาย ด้วยเหตุฉะนี้เองสติของนางจึงถูกเรียกกลับ"นะ...นี่ ท่านอ๋อง ไยต้องบังคับขู่เข็ญข้า อีกอย่างควบม้าเร็วเพียงนี้หากข้าหล่นลงไปบาดเจ็บท่านรับผิด
ไต้ฮ่าวเฉินยืนขึ้นเต็มความสูง เขาวางฝ่ามือลงบนโต๊ะผะแผ่ว แล้วจึงยื่นหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายเช่นกัน นัยน์ตาคมกริบจดจ้องเข้าไปยังดวงตากระจ่างใสราวไข่มุกยามราตรี ทว่าดวงตางดงามคู่นี้กลับแฝงไปด้วยกลิ่นอายอาฆาตแค้น นางทำราวกับเขาเคยเข่นฆ่าตนเองแต่ชาติปางก่อน"องค์หญิงไยจึงบอกว่าข้าให้ท่านเป็นเพียงชายารอง ใช้ตาวิเศษมองอีกแล้วรึ ข้าหรือจะหยามเกียรติสตรีผู้สูงศักดิ์เช่นท่าน งั้นหากข้ารับปากไม่แต่งตั้งสนม และองค์หญิงจะเป็นชายาเดียวของข้า อย่างนี้แล้วท่านยินดีรับหมั้นหรือไม่"ฉงเสว่ปิงหน้ากระตุก บุรุษปากมันลิ้นลื่น อย่าหมายเอ่ยวาจาตลบตะแลงเลย นางไม่มีวันคล้อยตามคำพูดของเขาเป็นอันขาด เมื่อกลับถึงแคว้นไต้เจีย เขายังคงมีสนมอีกมากโข ซ้ำร้ายสนมซินยังเป็นพวกริษยา นางไม่อยากไปตบตีแย่งชิงบุรุษกับผู้ใดแล้ว"ฮ่าวเฉิน ท่านพูดไม่เข้าใจรึ ข้าไม่รักท่าน และไม่มีวันแต่งงานกับท่าน อีกอย่างข้ามีคนรักอยู่แล้ว""มีคนรัก...เช่นนั้นก็หมายความว่ายังไม่ใช่สามี"ฉงเสว่ปิงหลุกหลิก ไต้ฮ่าวเฉินสอบสวนพวกผู้ร้ายปากแข็งมาตั้งเท่าใดมีหรือเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังกุเรื่องเพื่อลวงหลอกเขา นางเช
เสด็จพ่อนะเสด็จพ่อ ท่านช่างรังแกธิดาของตนสนุกเชียว หากท่านทราบว่าชาติปางก่อนธิดาของท่านต้องตายด้วยเงื้อมมือของเขา ท่านจะยังเขียนสาส์นเช่นนี้หรือไม่ปึง!ฉงเสว่ปิงกระแทกสาส์นเสียงดัง ใบหน้างามหงิกงอพลางเบี่ยงกายหลบคนด้านหลัง จากนั้นเดินปั้นปึ่งไปยืนอีกด้านของโต๊ะ แขนเล็กกอดอกแน่น ดวงตากลมโตเขม้นมองบุรุษร่างสูงฝั่งตรงข้ามด้วยความถือดี"ท่านอ๋อง ในเมื่อท่านพ่ออนุญาตให้ข้าอยู่กับท่านเช่นนั้นเรามาเจรจากันเถิด"ไต้ฮ่าวเฉินเลิกคิ้ว เอ่ยเสียงเรียบเรื่อย "ได้ องค์หญิงต้องการเจรจาเช่นใดเล่า มิสู้ไปเที่ยวเล่นด้านนอก จิบน้ำชาอุ่น ๆ ให้สบายใจแล้วค่อยพูดคุยดีหรือไม่"ฉงเสว่ปิงส่ายศีรษะ ขึงสายตามองด้วยความมาดมั่น "ไม่ ท่านต้องคุยกับข้าให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้""ย่อมได้" ไต้ฮ่าวเฉินโบกมือหนึ่งคราจื่อจ้งจึงหมุนกายตั้งท่าจากไป ทว่าเสียงเล็กกลับตัดบทขึ้นเสียก่อน"เดี๋ยว!"จื่อจ้งหยุดฝีเท้าลงฉับ เดิมทีเขาฟังเพียงคำสั่งของไต้ฮ่าวเฉินเท่านั้น นัยน์ตาคมเหลือบมองผู้เป็นนาย อีกฝ่ายพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต