Home / รักโบราณ / ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น / ตอนที่ 4 มิตรภาพบนกระดานพิษ

Share

ตอนที่ 4 มิตรภาพบนกระดานพิษ

last update Last Updated: 2025-07-22 17:00:55

โรงเตี๊ยมหลงฟางนั้นไม่ใช่โรงเตี๊ยมหรูหรา เต็มไปด้วยความเรียบง่าย ผู้คนที่สัญจรไปมาแม้จะดูธรรมดา แต่สายตาและการก้าวย่างล้วนผิดแผกจากชาวเมืองทั่วไป

เซียวลี่อินเดินทางมาถึงตามเวลานัดหมาย ท่าทางสงบนิ่งของนางดึงดูดสายตาของผู้คนเพียงครู่ ก่อนจะถูกมองข้ามไปในทันที นั่นคือสิ่งที่นางต้องการ

“ข้าไม่จำเป็นต้องโดดเด่น เพียงแต่ต้องไม่ไร้ตัวตนในสายตาของบุคคลที่ใช่”

นางก้าวขึ้นสู่ชั้นสองของโรงเตี๊ยมตามคำสั่งที่จิ้งอ๋องฝากไว้เมื่อคืน และทันทีที่เปิดบานประตูห้องชั้นบนสุด ก็พบเข้ากับชายหนุ่มวัยประมาณสามสิบ ผู้มีท่าทางสุขุมและแววตาคมกริบดั่งเหยี่ยว

“เจ้าคือแม่นางผู้นั้นใช่หรือไม่?” ชายผู้นั้นกล่าวโดยไม่ลุกขึ้นจากโต๊ะ

ลี่อินพยักหน้า “ใช่ ข้าเอง”

ชายผู้นั้นจ้องนางนิ่ง ก่อนลุกขึ้นและปิดประตูตามหลังอย่างแนบเนียน

“ข้า หลี่หาน รับใช้ท่านอ๋องมาหลายปี หากเจ้าไม่มีสิ่งใดที่คู่ควรต่อการสนทนา เราจะไม่พบกันอีก”

ลี่อินยื่นห่อผ้าผืนบางที่แนบกายมาตลอดทาง ภายในนั้นคือสำเนาบันทึกรายจ่ายแปลกประหลาดจากกรมคลังของจวนเสนาบดีเซียว ที่นางเคยเห็นโดยบังเอิญในชาติก่อน ขณะถูกใช้ให้ไปเก็บลายมือชื่อเจินซูเม่ย

บันทึกพวกนี้นางจำได้ขึ้นใจ ทั้งวัน เดือน ปี รายจ่าย และลายมือชื่อคนรับเงิน

หลี่หานเปิดดูเนื้อความในเอกสารเงียบ ๆ ก่อนจะเหลือบมองหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง สีหน้าของเขาฉายแววครุ่นคิด

“เจ้าได้สำเนาบันทึกพวกนี้มาจากไหน”

“ของพวกนี้ ข้าไม่เคยลืม แม้ตายมันก็จะอยู่ในสมองข้า” ลี่อินตอบ

ผ่านไปไม่นาน หลี่หานก็ลุกขึ้น หยิบซองหนึ่งส่งให้นาง

“นี่คือสัญลักษณ์ที่แสดงว่าเจ้ากำลังรับใช้ใต้เงาท่านอ๋อง เจ้าจะไม่สามารถใช้มันเพื่อเรียกความช่วยเหลือ เว้นแต่ยามจำเป็น”

ลี่อินรับไว้ด้วยความเคารพ “ข้าเข้าใจ”

ก่อนจากไป หลี่หานเหลือบมองนางอีกครั้ง

“เจ้าคิดหรือว่าเป้าหมายของเจ้าจะไม่ชนกับศัตรูของท่านอ๋อง?”

“ข้าก็หวังว่า มันจะชนกันทั้งหมด” ลี่อินยิ้มบาง ๆ ดวงตาฉายแววเด็ดเดี่ยว

“เพราะข้าจะใช้เปลวเพลิง เผาให้พวกมันล้มทั้งแผง!”

เมื่อกลับจากโรงเตี๊ยมถึงเรือนหลังของจวนสกุลเซียว ลี่อินรีบซ่อนสัญลักษณ์และจัดเอกสารทุกชิ้นแยกไว้ใต้แผ่นไม้ในพื้นห้อง เสี่ยวจูมองท่าทางเคร่งขรึมของนางด้วยความเป็นห่วง

“คุณหนู ข้ารู้สึกกลัวนัก ท่านจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหมเจ้าคะ?”

“ข้าอยู่กลางอันตรายมาหลายปี มาถึงวันนี้ ข้าไม่มีสิ่งใดต้องกลัวอีก” ลี่อินพูด

กลางคืนวันนั้น ลมหนาวเริ่มแรงขึ้น แม้เพิ่งเข้าปลายฤดูใบไม้ผลิ แต่สำหรับเรือนหลังของจวนสกุลเซียวที่ขาดเครื่องกันหนาวใด ๆ แล้ว อากาศในยามราตรีย่อมโหดร้ายเสมอ

เซียวลี่อินนั่งอยู่หน้าตะเกียงน้ำมันในชุดบางคลุมผ้าฝ้ายซีดจาง หญิงสาวจดจ้องแผ่นกระดาษเก่าเบื้องหน้า ขีดเขียนข้อความลงด้วยหมึกที่เจือจางจนแทบซีด

“คนผู้นี้ ในชีวิตก่อนเป็นผู้ดูแลบัญชีประจำกรมคลังสาขาย่อย เคยบ่นเรื่องยอดเงินแปลก ๆ กับคนข้างกายจากนั้นก็หายตัวไป”

นางค่อย ๆ เขียนชื่อลงในกระดาษเล็ก ๆ แล้วพับเก็บเข้าถุงผ้าขนาดเล็กสำหรับส่งต่อ

“เป้าหมายแรก…มิใช่พ่อตัวเอง”

“แต่คือเบี้ยตัวเล็กที่ข้าเคยเพิกเฉย ซึ่งหากชักใยถูก จะกระชากความลับใหญ่โตกว่าที่พวกมันคิด”

รุ่งเช้า วันใหม่มาเยือน

เสียงเจี๊ยวจ๊าวของบ่าวไพร่ในเรือนใหญ่คึกคักกว่าทุกวัน ข่าวลือเรื่อง “บ่าวสาวปริศนาในงานเลี้ยงที่ทำถาดตกใส่ท่านอ๋อง” แพร่ไปทั่วทุกมุม

เจินซูเม่ยนั่งแต่งหน้าอยู่หน้าโต๊ะหยกขาว ในขณะที่เซียวถิงฮวาเดินวนไปมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด

“ท่านแม่ ข้าว่านังลี่อินนั่นต้องมีแผน!” ถิงฮวาพูด

เจินซูเม่ยยิ้มเย็น ไม่ได้หยุดปัดแป้งบนแก้ม

“นางจะวางแผนสิ่งใด ก็ปล่อยให้นางไปเถิด ในเมื่อท่านพ่อเจ้าก็ไม่เคยสนใจนางมาตลอดสิบกว่าปี”

“มีหรือที่ใครในจวนนี้จะกล้าช่วยเหลือนาง?”

ทว่าในมุมหนึ่งของจวน ขันทีจากวังหลวงผู้หนึ่งในชุดสีเทาน้ำหมึก เดินเข้าสู่ประตูจวนอย่างเงียบเชียบ ในมือมีตราประทับทองแดงของฝ่ายกรมบัญชีกลางแห่งวังหลวง เขาเดินผ่านประตูมาได้โดยไร้การสกัด ด้วยคำสั่งลับจากจิ้งอ๋อง

เย็นวันเดียวกันนั้นเอง เสียงเอะอะวุ่นวายก็ดังขึ้นจากหน้าจวน

“ข้าน้อยเป็นขุนนางกรมคลัง! มาตรวจสอบบัญชีและความโปร่งใสในการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือราษฎร ตามคำสั่งตรวจสอบจากเบื้องบน!”

เสียงชายผู้นั้นดังก้อง จนถึงหูของเซียวเฟิงเฉิน ผู้เป็นเสนาบดีกรมคลัง

สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนทันที “ตรวจสอบ?”

“เหตุใดจึงไม่มีหนังสือแจ้งล่วงหน้า!”

ขันทีผู้นั้นชูตราให้ดู “นี่คือคำสั่งลับ มิอาจแจ้งล่วงหน้าได้”

ในมุมหนึ่งของเรือนหลัง ลี่อินแย้มยิ้มพลางยืนดูเหตุการณ์อยู่จากเงาต้นไม้ 

“ข้าเพียงโยนหินลงสู่ผิวน้ำ แต่ระลอกคลื่นกลับกลายเป็นพายุในจวนเสียแล้ว เซียวเฟิงเฉิน!”

เสียงบ่าวสาวแตกตื่นดังขึ้นไม่ขาดสาย

“ได้ยินหรือไม่! พวกเขาพบบัญชีที่ลายมือชื่อไม่ตรงกันในหลายเดือนก่อน!”

“ว่ากันว่าเงินที่ควรจะถึงมือชาวบ้าน กลับไหลไปทางเรือนฮูหยินรอง!”

เซียวเฟิงเฉินหน้าเครียด แต่ยังกล่าวเสียงดังกลบเกลื่อน

“เรื่องนี้อาจมีการเข้าใจผิด ข้าจะตรวจสอบด้วยตนเองในภายหลัง!”

แม้จะกล่าวเสียงกร้าว แต่แววตากลับเริ่มหวั่นไหว

คืนนั้น ลี่อินนั่งอยู่บนตั่งไม้เล็ก พิงฝาอย่างสงบ ดวงตาจ้องเปลวตะเกียงที่ไหววูบในลมเบา เสี่ยวจูนั่งพับเพียบอยู่ไม่ไกล

“คุณหนู ท่านกำลังยิ้มหรือเจ้าคะ”

“ใช่สิ เพราะข้าพิสูจน์ได้แล้วว่า ไม่จำเป็นต้องตะโกนให้ดังก็มีคนเชื่อ บางครั้ง แค่ปล่อยให้ความจริงมันเดินทางของมันเองก็พอ”

ภายในห้องหนังสือของจวนเสนาบดี เซียวเฟิงเฉินเดินวนไปมาด้วยสีหน้าหนักอึ้ง บนโต๊ะเบื้องหน้าเขามีกองเอกสารการเบิกจ่ายเงินหลวงซ้อนทับกันแน่นหนา

มือของเขากำเอกสารจนยับ ขณะที่เสียงเจินซูเม่ยเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

“ท่านยังไม่รู้อีกหรือว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของใคร?”

เซียวเฟิงเฉินไม่ตอบในทันที เพียงขบฟันแน่น

“มันเร็วเกินไป…” เขาพึมพำ “ข้อมูลที่หลุดออกไปนี้ มีเพียงคนในบ้านเท่านั้นที่จะรู้”

เจินซูเม่ยขมวดคิ้ว ก่อนสายตานางจะเปล่งประกายเย็นยะเยือกขึ้นมาในทันที

“เซียวลี่อิน ต้องเป็นนางแน่”

“จะเป็นนางได้อย่างไร” เขาโพล่งขึ้นทันที “นางเป็นแค่หญิงโง่เขลาที่เอาแต่ก้มหน้าเช็ดพื้น!”

ขณะเดียวกัน ที่เรือนพักรับรองฝั่งตะวันตก หวังจิ้งเหยียนนั่งอยู่ในห้อง ใต้แสงจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่างไม้ฉลุลาย ชายหนุ่มถือกระดาษแผ่นหนึ่งไว้ในมือ เป็นรายชื่อขุนนางที่เกี่ยวข้องกับเงินหลวงที่ถูกยักยอก และที่ปลายกระดาษ มีลายมือเขียนอย่างประณีต

“สตรีผู้นี้ใช้สติวางหมากได้อย่างแม่นยำ” เขาเอ่ยขึ้น

หลี่หาน ขันทีผู้ติดตามใกล้ชิดเดินเข้ามาคำนับ “ท่านอ๋อง ฝ่าบาททรงรับสั่งให้ท่านเดินทางกลับวังในวันพรุ่งนี้”

จิ้งอ๋องพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนวางแผ่นกระดาษลงอย่างแผ่วเบา

“ก่อนกลับวัง จัดให้ข้าได้พบเซียวลี่อินอีกครั้ง”

เรือนหลังของจวนสกุลเซียวในค่ำคืนนั้น เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น

“คุณหนูเจ้าคะ มีทหารจากวังหลวงส่งจดหมายมา” เสี่ยวจูพูดเสียงแผ่ว สีหน้าตื่นตกใจ

ลี่อินรับมาด้วยมืออันมั่นคง พอเปิดอ่าน แววตาของนางกลับทอแววพึงพอใจ

“มาพบข้า ยามโฉ่ว ที่เรือนรับรองฝั่งตะวันตก”

ใต้เงาต้นหลิว ณ ที่นัดหมาย ลี่อินก้าวเข้าสู่ลานที่เงียบเชียบของเรือนรับรอง จิ้งอ๋องนั่งอยู่ใต้ศาลาหิน เอนกายพิงเสาไม้เรียบ ราวกับกำลังรอใครบางคนมาเล่นกระดานหมาก เขาไม่ได้หันมาในทันที แต่เอ่ยขึ้นเบา ๆ

“เจ้ามาเร็วกว่าที่คิด”

“เวลาเป็นสิ่งมีค่า หม่อมฉันไม่ชอบให้ใครต้องรอนาน” นางตอบอย่างสงบ

จิ้งอ๋องหันกลับมา แววตาของเขาไร้ความอ่อนโยนเช่นเดิม

“ข้าได้อ่านสิ่งที่เจ้าส่งมาแล้ว และข้ารู้ว่าเจ้ามีค่าพอที่จะร่วมกระดานนี้”

“เช่นนั้นท่านอ๋องจะเริ่มจากตรงที่ใด”

“ข้าจะให้คนมาเฝ้าสังเกตจวนสกุลเซียว และให้เจ้ารายงานความเคลื่อนไหวของเจินซูเม่ย หากนางมีส่วนกับการยักยอกจริง ไม่เพียงจวนสกุลเซียวจะล่ม แต่ข้าจะลากพรรคพวกในวังหลวงของนางลงมาด้วย”

ลี่อินประสานมือคำนับอย่างงดงาม ดวงตาของนางส่องประกายแน่วแน่ใต้แสงจันทร์

“เจ้าคือดาบ ข้าคือเงา”

“เราจะฆ่าโดยไร้ผู้ใดล่วงรู้...”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 10 ดอกเหมยที่รอวันผลิบาน

    เสียงกระจกหน้าต่างฝั่งตรงข้ามแตกดังแกรก นักฆ่าคนที่สองพุ่งตัวเข้ามาพร้อมควันไฟที่ถูกจุดล่อเบี่ยงความสนใจ แต่นางยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม นั่นเพราะเงาร่างสีขาวเคลื่อนผ่านแสงตะเกียงด้วยความเร็วราววิหคเหิน เขายกตะเกียงในมือโบกขึ้น เป่าดับไฟ แล้วแทงคมมีดกลับไปยังต้นเสียงโดยไม่ต้องมอง เสียงร่างกระแทกพื้นดังตึง ร่างที่สามลอบเข้ามาจากประตูหลัง หยุดกึกกลางทางเงาของไป๋อวิ๋นยืนนิ่งอยู่ตรงกลางห้อง และเสียงของลี่อินก็เอ่ยขึ้นเบื้องหลังเขา“ถ้าเจ้าไม่ถอยออกไป จะไม่มีโอกาสได้ตายดี”นักฆ่าคนสุดท้ายลังเลชั่วครู่ ก่อนจะโยนอะไรบางอย่างลงพื้น มันคือกระบอกไม้ไผ่ที่มีตราสัญลักษณ์ลบลายบนปลอก“จงส่งสาส์นนี้คืนไปยังผู้ส่งมันมา…” ลี่อินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “…และบอกมันว่า นับแต่นี้ ข้าจะไม่ยอมทนอยู่เงียบ ๆ อีก!”รุ่งเช้าในวันถัดมา เสี่ยวจูเปิดประตูเรือนก็พบว่าหน้าประตูถูกกวาดเรียบจนไม่มีแม้ร่องรอยของการต่อสู้ ไป๋อวิ๋นจากไปแล้วเช่นทุกครั้ง ไม่เอ่ยคำร่ำลา ไม่ปล่อยแรอยเท้าไว้เบื้องหลัง แต่สิ่งหนึ่งที่เหลืออยู่คือลายมือสั้น ๆ บนกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งที่วางใต้หม้อน้ำชา“ครั้งหนึ่งข้าเคยพลาด ครั้งนี้ข้าจะไม่ยอมพลาด

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 9 บุรุษชุดขาวในสายลมราตรี

    ค่ำคืนเงียบงันยิ่งกว่าที่เคย ลมเย็นพัดเบา ๆ ผ่านแนวต้นหลิวที่ปลิดใบอย่างเชื่องช้า ในจวนสกุลเซียว แม้ภายนอกจะดูเงียบสงบ หากแต่ในความมืดของราตรีนั้น จิตใจของใครหลายคนต่างเต็มไปด้วยแรงเคลื่อนไหวที่ยากจะหยุดยั้งเรือนหลังที่เงียบเชียบของเซียวลี่อินกลับไม่มืดสนิทเหมือนเช่นทุกคืน ตะเกียงน้ำมันถูกจุดไว้ตรงกลางห้อง ราวกับนางตั้งใจ ‘เปิดทาง’ ให้ใครบางคนที่กำลังจะมาเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นหน้าประตูหลัง ลี่อินไม่แสดงท่าทีแปลกใจ นางลุกขึ้นอย่างสงบ แล้วเปิดประตูออกด้วยมือนิ่งมั่นบุรุษในชุดผ้าฝ้ายสีขาวยืนอยู่ตรงหน้า รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมครึ่งหน้านั้นมีเพียงดวงตาคมลึกที่จ้องมองนางนิ่ง ๆ“เจ้าคือผู้ที่จิ้งอ๋องส่งมาหรือ?” ลี่อินเอ่ยเสียงเบาบุรุษชุดขาวพยักหน้า “ข้า ไป๋อวิ๋น เคยเป็นองครักษ์ลับประจำกรมคลัง เมื่อหกปีก่อนข้าเห็นสิ่งหนึ่ง แต่ไม่อาจกล่าวออกมาได้”เสียงของเขานุ่มทุ้ม แต่ทว่าเย็นยะเยือกคล้ายลมภูผา“และข้าจะไม่พูดกับใคร หากไม่มีเหตุผลพอ”ลี่อินไม่ตอบในทันที นางเชื้อเชิญเขาเข้าไปนั่งในเรือนอย่างสงบ ตะเกียงสว่างเพียงพอให้เห็นเงาบนฝาผนังสั่นไหว แต่ไม่มากพอให้เห็นสีหน้าของทั้งสองช

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 8 เสียงกระซิบใต้ม่านหยก

    วังหลวงแห่งแคว้นต้าหลิงยามย่ำค่ำยิ่งดูเงียบสงบงดงาม โคมแก้วหินลอยเหนือคูน้ำทอดยาวรอบตำหนัก เงาสะท้อนของดวงจันทร์สาดลงบนพื้นศิลาหยกขาวนวล แต่ภายใต้เงาสว่างนั้น มีบางอย่างเคลื่อนไหวในความมืดอย่างเงียบงันภายในตำหนักซ่างอิงขององค์หญิงจ้าวฮุ่ย บ่าวรับใช้ก้มหน้าอย่างเคารพเมื่อหญิงสาวในชุดเรียบหรูเดินตามขันทีเข้ามาเซียวลี่อิน ถูกเชิญให้มาเข้าเฝ้าองค์หญิงอย่างเป็นทางการครั้งแรกนางน้อมคำนับอย่างงดงาม “หม่อมฉัน เซียวลี่อิน ถวายบังคมองค์หญิงเพคะ”บนบัลลังก์หยกขาวกลางตำหนัก องค์หญิงจ้าวฮุ่ยทอดพระเนตรหญิงสาวเบื้องหน้าด้วยสายตาที่คมดุจหอก“เจ้าคือบุตรสาวคนโตของเซียวเฟิงเฉินหรือ?” น้ำเสียงนั้นเรียบนิ่ง ทว่าหนักแน่น“เพคะ” ลี่อินตอบโดยไม่ลังเล “หม่อมฉันเป็นบุตรภรรยาเอก แต่ถูกถอนชื่อจากทะเบียนเรือนตอนอายุสิบสาม”ดวงตาขององค์หญิงหรี่ลง “เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น?”ลี่อินเงยหน้าขึ้น สบตากับองค์หญิงอย่างสงบนิ่ง“เพราะหม่อมฉันเป็นลูกของภรรยาที่ไม่ชื่นชอบ และไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่อในสายตาผู้เป็นบิดา”คำตอบนั้นทำให้องค์หญิงนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนแย้มพระโอษฐ์“เจ้าพูดอย่างสงบนิ่งทั้งที่ความจริงนั้นราวกับน้ำก

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 7 องค์หญิงจ้าวฮุ่ย

    สามวันถัดมา ภายในตำหนักซ่างอิงของวังหลวง ที่ประทับขององค์หญิงจ้าวฮุ่ย พระธิดาองค์โตของฮ่องเต้ ผู้มีอำนาจทั้งในวังหน้าและวังใน เป็นสตรีมากบารมีแห่งแคว้นต้าหลิงภายนอกตำหนักนั้นเงียบสงบด้วยมารยาทแห่งราชสำนัก แต่ภายใน สายตาขององค์หญิงกลับเต็มไปด้วยความคมกล้า เจินซูเม่ยนั่งชูคอขณะที่เข้าเฝ้าองค์หญิงร่วมกับฮูหยินขุนนางอีกหลายคน“เซียวเฟิงเฉิน เป็นผู้ดูแลกรมการคลังมานานปี ข้าได้ยินมาว่า เขามีบุตรสาวคนโตชื่อเซียวลี่อิน แต่กลับไม่ปรากฏนามในบรรดารายชื่อหญิงงามในงานราชพิธีใด ๆ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?”ขันทีข้างกายรายงานด้วยเสียงเบา “ทูลองค์หญิง กระหม่อมได้ยินมาว่านางเป็นบุตรีที่ไม่ได้รับความสนใจจากเสนาบดีเซียว เนื่องจากเป็นคนแข็งกร้าวไม่เชื่อฟังพะยะค่ะ”“งั้นหรือ บางครั้งข่าวลือที่ได้ยินมาก็มิอาจเชื่อถือได้ เจ้าว่าเช่นไรเล่า เจินซูเม่ย”“ทูลองค์หญิง สกุลเซียวให้ความใส่ใจกับบุตรทุกคน ข่าวลือนั้นไม่จริงเลยเพคะ”“เช่นนั้นหรือ ซูกงกง เจ้ายังได้ยินเรื่องใดมาอีก ว่าต่อสิ”“ทูลองค์หญิง กระหม่อมยังได้ยินมาอีกว่า เมื่อไม่นานมานี้คุณหนูเซียวผู้นี้ถูกฮูหยินรองเซียวกักขังในห้องตำรา แต่แล้วก็หายตัวออกมาได้เอ

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 6 หนามแหลมในมือแม่เลี้ยง

    ในยามสายวันรุ่งขึ้น ลี่อินได้รับคำสั่งจากฮูหยินรองเจินซูเม่ย ให้นางเข้าไปช่วยจัดของในห้องเก็บตำราสำคัญของจวน“ห้องเก็บตำรา?”“ในอดีต ข้าจำได้ว่าเคยถูกล่อเข้าไปที่นั่น แล้วถูกกล่าวหาว่าขโมยหยกของฮูหยินรอง”“คุณหนู อย่าไปนะเจ้าคะ” เสี่ยวจูเอ่ยอย่างร้อนรน“ห้องนั้น ข้าได้ยินว่าวันก่อนซูหรูเพิ่งให้คนเข้าไปทำความสะอาด ข้าเกรงว่ามันจะเป็นกับดัก”ลี่อินวางมือบนไหล่เสี่ยวจู บีบเบา ๆ“เจ้าเคยบอกข้าว่ากลัว หากต้องอยู่ในเงามืดเพียงลำพังใช่หรือไม่?”“ข้าเองก็กลัว แต่ข้าจะไม่หนีอีก ยิ่งพวกมันกล้าลงมือเร็ว ข้ายิ่งแน่ใจว่ามันเริ่มหวาดหวั่นแล้ว”ยามเฉินลี่อินก้าวเข้าสู่เรือนใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ภายในเรือนตกแต่งหรูหรา ทุกกระเบื้องและมุมเสาล้วนประณีตงดงาม แต่สำหรับนางแล้ว มันไม่ต่างจากคุกสีทองที่เคยกักขังนางนางเดินตามบ่าวรับใช้จนถึงหน้าห้องเก็บตำรา ซึ่งตั้งอยู่ด้านในสุดของห้องปีกตะวันออก“เข้าไปได้เลยเจ้าค่ะ ฮูหยินรออยู่ข้างในแล้ว”เมื่อเปิดประตูเข้าไป สิ่งที่ปรากฏกลับไม่ใช่เจินซูเม่ย หากแต่เป็นเพียงห้องที่ว่างเปล่า เงียบสงัด และมีกล่องเก็บผ้าโบราณซ้อนกันสูงจนบดบังแสง ทันใดนั้น ประตูไม้ก็ปิดดั

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 5 เสียงหัวเราะในเงามืด

    เสียงหัวเราะของเด็กชายดังขึ้นภายในสวนหลังเรือนใหญ่ เป็นเสียงที่สดใสเกินไปสำหรับสถานที่ที่เต็มไปด้วยความเย็นเยียบแห่งความชิงชังและการหลอกลวงเซียวเทียนหยู บุตรชายของเจินซูเม่ย เด็กชายในวัยสิบสามปีผู้เป็นที่รักของบิดายิ่งนักแม้ในชาติก่อนเขายังเยาว์วัยนัก แต่กลับเป็นผู้ที่กล่าวหานางว่าลอบขโมยของหลวง และเป็นผู้ที่ผลักดันให้บิดาสั่งลงโทษนางและแม่ในช่วงท้ายของชีวิตอย่างไร้เมตตา“ในชาติก่อน แม้จะยังเด็ก แต่ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส เป็นอสรพิษในคราบเด็กน้อย”“ในชาตินี้ ข้าจะขุดรากเจ้า ก่อนที่เขี้ยวจะงอก!”บ่ายวันนั้น ลี่อินปรากฏตัวในสวน นางแต่งกายเรียบง่าย เอาผ้าบางคลุมศีรษะ ถือกระเช้าผลไม้เดินตรงเข้าไป“เทียนหยู ข้านำผลไม้มาให้เจ้า”เด็กชายชะงักเล็กน้อย แต่ก็ยืดอกพูดด้วยท่าทีจองหอง“พี่หญิงใหญ่!”“ใช่ ข้าเอง”“วันนั้น ท่านคือคนที่ทำถาดหล่นใส่ท่านอ๋องใช่หรือไม่”เสียงหัวเราะเหี้ยม ๆ จากปากเด็กชายทำเอาคนรับใช้รอบตัวสะอึก แต่ลี่อินกลับยิ้มบาง ย่อตัวลงนอบน้อม“ข้าสะเพร่าไปหน่อย เพียงแค่อยากไปช่วยงาน”เซียวเทียนหยูเลิกคิ้วอย่างงุนงง ก่อนจะโบกมือ “วางไว้ตรงนั้น แล้วไปเถอะ”ทว่าก่อนนางจะผละไป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status