Home / รักโบราณ / ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น / ตอนที่ 4 มิตรภาพบนกระดานพิษ

Share

ตอนที่ 4 มิตรภาพบนกระดานพิษ

last update Last Updated: 2025-07-22 17:00:55

โรงเตี๊ยมหลงฟางนั้นไม่ใช่โรงเตี๊ยมหรูหรา เต็มไปด้วยความเรียบง่าย ผู้คนที่สัญจรไปมาแม้จะดูธรรมดา แต่สายตาและการก้าวย่างล้วนผิดแผกจากชาวเมืองทั่วไป

เซียวลี่อินเดินทางมาถึงตามเวลานัดหมาย ท่าทางสงบนิ่งของนางดึงดูดสายตาของผู้คนเพียงครู่ ก่อนจะถูกมองข้ามไปในทันที นั่นคือสิ่งที่นางต้องการ

“ข้าไม่จำเป็นต้องโดดเด่น เพียงแต่ต้องไม่ไร้ตัวตนในสายตาของบุคคลที่ใช่”

นางก้าวขึ้นสู่ชั้นสองของโรงเตี๊ยมตามคำสั่งที่จิ้งอ๋องฝากไว้เมื่อคืน และทันทีที่เปิดบานประตูห้องชั้นบนสุด ก็พบเข้ากับชายหนุ่มวัยประมาณสามสิบ ผู้มีท่าทางสุขุมและแววตาคมกริบดั่งเหยี่ยว

“เจ้าคือแม่นางผู้นั้นใช่หรือไม่?” ชายผู้นั้นกล่าวโดยไม่ลุกขึ้นจากโต๊ะ

ลี่อินพยักหน้า “ใช่ ข้าเอง”

ชายผู้นั้นจ้องนางนิ่ง ก่อนลุกขึ้นและปิดประตูตามหลังอย่างแนบเนียน

“ข้า หลี่หาน รับใช้ท่านอ๋องมาหลายปี หากเจ้าไม่มีสิ่งใดที่คู่ควรต่อการสนทนา เราจะไม่พบกันอีก”

ลี่อินยื่นห่อผ้าผืนบางที่แนบกายมาตลอดทาง ภายในนั้นคือสำเนาบันทึกรายจ่ายแปลกประหลาดจากกรมคลังของจวนเสนาบดีเซียว ที่นางเคยเห็นโดยบังเอิญในชาติก่อน ขณะถูกใช้ให้ไปเก็บลายมือชื่อเจินซูเม่ย

บันทึกพวกนี้นางจำได้ขึ้นใจ ทั้งวัน เดือน ปี รายจ่าย และลายมือชื่อคนรับเงิน

หลี่หานเปิดดูเนื้อความในเอกสารเงียบ ๆ ก่อนจะเหลือบมองหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง สีหน้าของเขาฉายแววครุ่นคิด

“เจ้าได้สำเนาบันทึกพวกนี้มาจากไหน”

“ของพวกนี้ ข้าไม่เคยลืม แม้ตายมันก็จะอยู่ในสมองข้า” ลี่อินตอบ

ผ่านไปไม่นาน หลี่หานก็ลุกขึ้น หยิบซองหนึ่งส่งให้นาง

“นี่คือสัญลักษณ์ที่แสดงว่าเจ้ากำลังรับใช้ใต้เงาท่านอ๋อง เจ้าจะไม่สามารถใช้มันเพื่อเรียกความช่วยเหลือ เว้นแต่ยามจำเป็น”

ลี่อินรับไว้ด้วยความเคารพ “ข้าเข้าใจ”

ก่อนจากไป หลี่หานเหลือบมองนางอีกครั้ง

“เจ้าคิดหรือว่าเป้าหมายของเจ้าจะไม่ชนกับศัตรูของท่านอ๋อง?”

“ข้าก็หวังว่า มันจะชนกันทั้งหมด” ลี่อินยิ้มบาง ๆ ดวงตาฉายแววเด็ดเดี่ยว

“เพราะข้าจะใช้เปลวเพลิง เผาให้พวกมันล้มทั้งแผง!”

เมื่อกลับจากโรงเตี๊ยมถึงเรือนหลังของจวนสกุลเซียว ลี่อินรีบซ่อนสัญลักษณ์และจัดเอกสารทุกชิ้นแยกไว้ใต้แผ่นไม้ในพื้นห้อง เสี่ยวจูมองท่าทางเคร่งขรึมของนางด้วยความเป็นห่วง

“คุณหนู ข้ารู้สึกกลัวนัก ท่านจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหมเจ้าคะ?”

“ข้าอยู่กลางอันตรายมาหลายปี มาถึงวันนี้ ข้าไม่มีสิ่งใดต้องกลัวอีก” ลี่อินพูด

กลางคืนวันนั้น ลมหนาวเริ่มแรงขึ้น แม้เพิ่งเข้าปลายฤดูใบไม้ผลิ แต่สำหรับเรือนหลังของจวนสกุลเซียวที่ขาดเครื่องกันหนาวใด ๆ แล้ว อากาศในยามราตรีย่อมโหดร้ายเสมอ

เซียวลี่อินนั่งอยู่หน้าตะเกียงน้ำมันในชุดบางคลุมผ้าฝ้ายซีดจาง หญิงสาวจดจ้องแผ่นกระดาษเก่าเบื้องหน้า ขีดเขียนข้อความลงด้วยหมึกที่เจือจางจนแทบซีด

“คนผู้นี้ ในชีวิตก่อนเป็นผู้ดูแลบัญชีประจำกรมคลังสาขาย่อย เคยบ่นเรื่องยอดเงินแปลก ๆ กับคนข้างกายจากนั้นก็หายตัวไป”

นางค่อย ๆ เขียนชื่อลงในกระดาษเล็ก ๆ แล้วพับเก็บเข้าถุงผ้าขนาดเล็กสำหรับส่งต่อ

“เป้าหมายแรก…มิใช่พ่อตัวเอง”

“แต่คือเบี้ยตัวเล็กที่ข้าเคยเพิกเฉย ซึ่งหากชักใยถูก จะกระชากความลับใหญ่โตกว่าที่พวกมันคิด”

รุ่งเช้า วันใหม่มาเยือน

เสียงเจี๊ยวจ๊าวของบ่าวไพร่ในเรือนใหญ่คึกคักกว่าทุกวัน ข่าวลือเรื่อง “บ่าวสาวปริศนาในงานเลี้ยงที่ทำถาดตกใส่ท่านอ๋อง” แพร่ไปทั่วทุกมุม

เจินซูเม่ยนั่งแต่งหน้าอยู่หน้าโต๊ะหยกขาว ในขณะที่เซียวถิงฮวาเดินวนไปมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด

“ท่านแม่ ข้าว่านังลี่อินนั่นต้องมีแผน!” ถิงฮวาพูด

เจินซูเม่ยยิ้มเย็น ไม่ได้หยุดปัดแป้งบนแก้ม

“นางจะวางแผนสิ่งใด ก็ปล่อยให้นางไปเถิด ในเมื่อท่านพ่อเจ้าก็ไม่เคยสนใจนางมาตลอดสิบกว่าปี”

“มีหรือที่ใครในจวนนี้จะกล้าช่วยเหลือนาง?”

ทว่าในมุมหนึ่งของจวน ขันทีจากวังหลวงผู้หนึ่งในชุดสีเทาน้ำหมึก เดินเข้าสู่ประตูจวนอย่างเงียบเชียบ ในมือมีตราประทับทองแดงของฝ่ายกรมบัญชีกลางแห่งวังหลวง เขาเดินผ่านประตูมาได้โดยไร้การสกัด ด้วยคำสั่งลับจากจิ้งอ๋อง

เย็นวันเดียวกันนั้นเอง เสียงเอะอะวุ่นวายก็ดังขึ้นจากหน้าจวน

“ข้าน้อยเป็นขุนนางกรมคลัง! มาตรวจสอบบัญชีและความโปร่งใสในการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือราษฎร ตามคำสั่งตรวจสอบจากเบื้องบน!”

เสียงชายผู้นั้นดังก้อง จนถึงหูของเซียวเฟิงเฉิน ผู้เป็นเสนาบดีกรมคลัง

สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนทันที “ตรวจสอบ?”

“เหตุใดจึงไม่มีหนังสือแจ้งล่วงหน้า!”

ขันทีผู้นั้นชูตราให้ดู “นี่คือคำสั่งลับ มิอาจแจ้งล่วงหน้าได้”

ในมุมหนึ่งของเรือนหลัง ลี่อินแย้มยิ้มพลางยืนดูเหตุการณ์อยู่จากเงาต้นไม้ 

“ข้าเพียงโยนหินลงสู่ผิวน้ำ แต่ระลอกคลื่นกลับกลายเป็นพายุในจวนเสียแล้ว เซียวเฟิงเฉิน!”

เสียงบ่าวสาวแตกตื่นดังขึ้นไม่ขาดสาย

“ได้ยินหรือไม่! พวกเขาพบบัญชีที่ลายมือชื่อไม่ตรงกันในหลายเดือนก่อน!”

“ว่ากันว่าเงินที่ควรจะถึงมือชาวบ้าน กลับไหลไปทางเรือนฮูหยินรอง!”

เซียวเฟิงเฉินหน้าเครียด แต่ยังกล่าวเสียงดังกลบเกลื่อน

“เรื่องนี้อาจมีการเข้าใจผิด ข้าจะตรวจสอบด้วยตนเองในภายหลัง!”

แม้จะกล่าวเสียงกร้าว แต่แววตากลับเริ่มหวั่นไหว

คืนนั้น ลี่อินนั่งอยู่บนตั่งไม้เล็ก พิงฝาอย่างสงบ ดวงตาจ้องเปลวตะเกียงที่ไหววูบในลมเบา เสี่ยวจูนั่งพับเพียบอยู่ไม่ไกล

“คุณหนู ท่านกำลังยิ้มหรือเจ้าคะ”

“ใช่สิ เพราะข้าพิสูจน์ได้แล้วว่า ไม่จำเป็นต้องตะโกนให้ดังก็มีคนเชื่อ บางครั้ง แค่ปล่อยให้ความจริงมันเดินทางของมันเองก็พอ”

ภายในห้องหนังสือของจวนเสนาบดี เซียวเฟิงเฉินเดินวนไปมาด้วยสีหน้าหนักอึ้ง บนโต๊ะเบื้องหน้าเขามีกองเอกสารการเบิกจ่ายเงินหลวงซ้อนทับกันแน่นหนา

มือของเขากำเอกสารจนยับ ขณะที่เสียงเจินซูเม่ยเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

“ท่านยังไม่รู้อีกหรือว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของใคร?”

เซียวเฟิงเฉินไม่ตอบในทันที เพียงขบฟันแน่น

“มันเร็วเกินไป…” เขาพึมพำ “ข้อมูลที่หลุดออกไปนี้ มีเพียงคนในบ้านเท่านั้นที่จะรู้”

เจินซูเม่ยขมวดคิ้ว ก่อนสายตานางจะเปล่งประกายเย็นยะเยือกขึ้นมาในทันที

“เซียวลี่อิน ต้องเป็นนางแน่”

“จะเป็นนางได้อย่างไร” เขาโพล่งขึ้นทันที “นางเป็นแค่หญิงโง่เขลาที่เอาแต่ก้มหน้าเช็ดพื้น!”

ขณะเดียวกัน ที่เรือนพักรับรองฝั่งตะวันตก หวังจิ้งเหยียนนั่งอยู่ในห้อง ใต้แสงจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่างไม้ฉลุลาย ชายหนุ่มถือกระดาษแผ่นหนึ่งไว้ในมือ เป็นรายชื่อขุนนางที่เกี่ยวข้องกับเงินหลวงที่ถูกยักยอก และที่ปลายกระดาษ มีลายมือเขียนอย่างประณีต

“สตรีผู้นี้ใช้สติวางหมากได้อย่างแม่นยำ” เขาเอ่ยขึ้น

หลี่หาน ขันทีผู้ติดตามใกล้ชิดเดินเข้ามาคำนับ “ท่านอ๋อง ฝ่าบาททรงรับสั่งให้ท่านเดินทางกลับวังในวันพรุ่งนี้”

จิ้งอ๋องพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนวางแผ่นกระดาษลงอย่างแผ่วเบา

“ก่อนกลับวัง จัดให้ข้าได้พบเซียวลี่อินอีกครั้ง”

เรือนหลังของจวนสกุลเซียวในค่ำคืนนั้น เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น

“คุณหนูเจ้าคะ มีทหารจากวังหลวงส่งจดหมายมา” เสี่ยวจูพูดเสียงแผ่ว สีหน้าตื่นตกใจ

ลี่อินรับมาด้วยมืออันมั่นคง พอเปิดอ่าน แววตาของนางกลับทอแววพึงพอใจ

“มาพบข้า ยามโฉ่ว ที่เรือนรับรองฝั่งตะวันตก”

ใต้เงาต้นหลิว ณ ที่นัดหมาย ลี่อินก้าวเข้าสู่ลานที่เงียบเชียบของเรือนรับรอง จิ้งอ๋องนั่งอยู่ใต้ศาลาหิน เอนกายพิงเสาไม้เรียบ ราวกับกำลังรอใครบางคนมาเล่นกระดานหมาก เขาไม่ได้หันมาในทันที แต่เอ่ยขึ้นเบา ๆ

“เจ้ามาเร็วกว่าที่คิด”

“เวลาเป็นสิ่งมีค่า หม่อมฉันไม่ชอบให้ใครต้องรอนาน” นางตอบอย่างสงบ

จิ้งอ๋องหันกลับมา แววตาของเขาไร้ความอ่อนโยนเช่นเดิม

“ข้าได้อ่านสิ่งที่เจ้าส่งมาแล้ว และข้ารู้ว่าเจ้ามีค่าพอที่จะร่วมกระดานนี้”

“เช่นนั้นท่านอ๋องจะเริ่มจากตรงที่ใด”

“ข้าจะให้คนมาเฝ้าสังเกตจวนสกุลเซียว และให้เจ้ารายงานความเคลื่อนไหวของเจินซูเม่ย หากนางมีส่วนกับการยักยอกจริง ไม่เพียงจวนสกุลเซียวจะล่ม แต่ข้าจะลากพรรคพวกในวังหลวงของนางลงมาด้วย”

ลี่อินประสานมือคำนับอย่างงดงาม ดวงตาของนางส่องประกายแน่วแน่ใต้แสงจันทร์

“เจ้าคือดาบ ข้าคือเงา”

“เราจะฆ่าโดยไร้ผู้ใดล่วงรู้...”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 50 คลื่นซัดเข้าคลังหลวง

    เสียงกลองยามเช้าดังสะท้อนก้องไปทั่วราชสำนัก ขุนนางทั้งหลายถูกเรียกเข้าประชุมด่วนในท้องพระโรง เพราะมีรายงานใหม่จากการสอบสวนเกี่ยวกับกรมคลัง ขันทีผู้ถือรายงานก้าวออกมากลางห้อง กล่าวเสียงดังฟังชัด“ถวายบังคมฝ่าบาท จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่ามีการลักลอบเบิกจ่ายโดยไม่ผ่านบัญชีหลวง และมีการโอนเข้าสกุลพ่อค้าหลายราย สุดท้ายวนกลับสู่สกุลเซียวพ่ะย่ะค่ะ!”เสียงซุบซิบดังฮือทันที“ถึงขั้นโยงไปถึงกรมคลังเลยหรือ”“เช่นนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องย่อมไม่ใช่แค่ฮูหยินรองแล้ว แต่ต้องมีขุนนางใหญ่ในกรมคลังหนุนหลังด้วย!”ฮ่องเต้นั่งนิ่งบนบัลลังก์ พระเนตรหรี่มองขุนนางเบื้องล่างหลายคนหน้าซีดเผือด บางคนพยายามก้มหน้าหลบสายตาจิ้งอ๋องก้าวออกมา เสียงทุ้มกังวานก้อง“ฝ่าบาท ขอเวลาสืบสวนต่ออีกเพียงสามวัน กระหม่อมจะลากผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดออกมาให้เห็นต่อหน้าพระพักตร์!”หลังม่านกั้นสตรี เซียวลี่อินฟังถ้อยคำเหล่านั้นด้วยหัวใจเต้นแรง ดวงตาเต็มไปด้วยเปลวเพลิงเย็นเยียบสามวันนี้จะเป็นเวลาที่ข้าลากบิดาของข้าและผู้ที่ร่วมมือทั้งหมดออกมาประจานต่อหน้าฟ้าดิน!ภายในตำหนักอ๋อง โต๊ะไม้เรียงรายด้วยเอกสารและสมุดบันทึก จิ้งอ๋

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 49 เงาที่ซ่อนอยู่

    หลังจากที่เจินซูเม่ยและเซียวถิงฮวาถูกนำตัวไปคุมขัง ข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน ผู้คนต่างพูดถึงด้วยทั้งความสะใจและหวาดกลัว“คนที่เคยเชิดหน้าชูตา วันนี้กลับกลายเป็นนักโทษเสียแล้ว”“สวรรค์มิอาจละเว้นคนชั่วได้จริง ๆ”ท้องพระโรงแม้จะเงียบลงหลังการพิพากษา แต่คลื่นใต้น้ำกลับโหมแรงขึ้นบรรดาขุนนางที่เคยปกป้องสกุลเซียว บัดนี้ต่างเงียบงันแต่ในเงามืด กลับเริ่มมีการเคลื่อนไหวบางอย่างที่ผิดปกติยามค่ำ เซียวลี่อินยืนอยู่บนระเบียงตำหนักอ๋อง สายตาเหม่อมองฟากฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นด้านหลัง ก่อนที่เสียงทุ้มคุ้นเคยดังขึ้น“เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่”นางหันกลับมา เห็นจิ้งอ๋องยืนอยู่ในชุดคลุมสีเข้ม ดวงตาคมกริบทอดมองนางด้วยความสนใจเซียวลี่อินยกพัดแตะริมฝีปาก แววตาเยือกเย็น“แม้เจินซูเม่ยจะถูกจับ แต่ผู้ที่หนุนหลังนางยังมิได้เผยตัวออกมาทั้งหมดเพคะ เพียงถูกดึงเงาหนึ่งออกมา ย่อมยังเหลืออีกหลายเงาที่แอบซ่อนอยู่”จิ้งอ๋องนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงหนักแน่น“หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะสืบจนถึงรากเหง้า ไม่ว่าผู้ใดซ่อนที่ตัวอยู่เบื้องหลัง ก็ต้องลากออกมาทั้งหมด!”เพี

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 48 พิพากษา

    เช้าวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆหนาทึบ ราวกับสวรรค์เองก็ยังเฝ้ารอการพิพากษาครั้งใหญ่เสียงกลองพิธีดัง ตึง! ตึง! ตึง! ก้องไปทั่ว ประกาศเรียกเหล่าขุนนางเข้าสู่ท้องพระโรงเจินซูเม่ยถูกองครักษ์คุมตัวเข้ามา นางสวมชุดงดงามแต่เส้นผมกลับยุ่งเหยิง ใบหน้าซีดเซียว แววตาสั่นไหวเสียงซุบซิบของขุนนางและสตรีฝ่ายในดังระงม“นี่หรือฮูหยินเซียวที่เคยได้ชื่อว่างดงามและเจ้าเล่ห์ที่สุดในเมืองหลวง…”“วันนี้กลับถูกลากมาเป็นจำเลยต่อหน้าฝ่าบาทเสียเอง”“ดูนางตอนนี้สิ ดูสมเพชสิ้นดี ฮึ!”ฮ่องเต้ประทับบนบัลลังก์สูง พระเนตรลึกล้ำทอดมองลงมา พระสุรเสียงเย็นเยียบดังขึ้น“เจินซูเม่ย มีผู้กล่าวโทษเจ้าว่าเกี่ยวข้องกับการลอบนำสมุนไพรปนเปื้อนเข้าสู่วังหลวง อีกทั้งยังพยายามทำลายหลักฐาน เจ้าจะว่าอย่างไร”เจินซูเม่ยรีบคุกเข่าลง น้ำตาไหลพราก“ฝ่าบาท! หม่อมฉันถูกใส่ร้ายเพคะ! ทุกสิ่งล้วนเป็นการจัดฉากของพวกที่อิจฉาริษยาหม่อมฉัน!”จิ้งอ๋องก้าวออกมาอย่างสง่างาม ร่างสูงใหญ่เปล่งบารมีจนท้องพระโรงเงียบกริบเขาวางรายงานและหลักฐานลงตรงหน้า เสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างชัดถ้อยคำ“หลักฐานทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว คำสารภาพของบ่าว พยานผู้เห็นเหตุกา

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 47 พายุใหญ่กำลังมา

    รุ่งอรุณปกคลุมเมืองหลวงด้วยหมอกสีขาว แต่ในราชสำนักกลับคลาคล่ำไปด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียดยิ่งนักข่าวการพยายามทำลายหลักฐานของเจินซูเม่ยแพร่สะพัดไปทั่ว ทั้งในหมู่ขุนนางและเหล่าราษฎร“สกุลเซียวคงไม่รอดแล้ว…”“ครั้งนี้แม้แต่ฝ่าบาทก็มิอาจเพิกเฉยได้อีก”เสียงซุบซิบในตลาดและตามตรอกซอยกลายเป็นพายุข่าวลือที่โหมกระหน่ำไม่หยุดในท้องพระโรง ขุนนางแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจนฝ่ายหนึ่งเร่งรัดให้ลงโทษสกุลเซียวโดยเร็วอีกฝ่ายหนึ่งกลับยืนหยัดพยายามหาทางประวิงเวลา เสมือนกำลังยื้อชีวิตให้ผู้เกี่ยวข้องฮ่องเต้ประทับนิ่งบนบัลลังก์สูง ดวงพระเนตรลึกล้ำมองลงมา พระสุรเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความกดดัน“จิ้งเหยียน พรุ่งนี้เจ้าจงนำพยานหลักฐานทั้งหมดมาตรวจสอบต่อหน้าข้า หากพิสูจน์ได้ว่ามีความผิดจริง ต่อให้เป็นสกุลใหญ่ ข้าก็จะไม่ละเว้น”จิ้งอ๋องค้อมกายรับโองการ ดวงตาคมวาวสะท้อนความมุ่งมั่นเมื่อหันไป เห็นเงาร่างของเซียวลี่อินหลังม่านกั้นสตรี นางยืนนิ่ง ราวกับมั่นคงดุจขุนเขาเพียงสบตาในระยะไกล หัวใจเขากลับสงบลงราวกับได้รับพลังพายุใหญ่กำลังจะโหมกระหน่ำ แต่เราจะฝ่ามันไปด้วยกัน!ภายในเรือนใหญ่ของจวนสกุลเซียว เจินซูเม่ย

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 46 แผนลับในเงามืด

    ค่ำคืนคลี่คลุมจวนสกุลเซียว บรรยากาศภายในเรือนใหญ่เต็มไปด้วยความกดดัน เจินซูเม่ยนั่งอยู่เบื้องหน้าโต๊ะเครื่องหอม มือกำถ้วยชาแน่นจนสั่น น้ำชาเอ่อล้นออกมาโดยไม่รู้ตัว นางกัดฟันสะกดความโกรธ“ไม่ได้! ข้าไม่มีวันยอมให้ทุกสิ่งที่ข้าสร้างมาพังลงเพียงเพราะนังเซียวลี่อินแน่!”เซียวถิงฮวานั่งอยู่ด้านข้าง ใบหน้าของนางยังคงซีดเซียวจากเหตุการณ์ในท้องพระโรง“ท่านแม่ เราจะทำเช่นไรต่อดีเจ้าคะ หากถูกสอบสวนต่อไป สกุลเซียวคงถูกลากลงเหวแน่”เจินซูเม่ยหรี่ตาลงอย่างอำมหิต“แม้จะถูกบีบแทบจนมุม แต่ยังมีหนทาง หากหลักฐานที่มันถืออยู่ถูกทำลายเสีย ต่อให้เป็นท่านอ๋องเจ็ดก็ไม่อาจทำอะไรได้!”....ขณะเดียวกัน ภายในตำหนักอ๋อง จิ้งอ๋องนั่งพินิจรายงานที่กองอยู่ตรงหน้า ข้างกายมีเซียวลี่อินนั่งสงบนิ่ง ดวงตาไล่ตามทุกบรรทัดอย่างตั้งใจ เสียงทุ้มของเขาเอ่ยขึ้นช้า ๆ“ศัตรูกำลังดิ้นรน พรุ่งนี้อาจมีการเคลื่อนไหว เจ้าต้องอยู่ใกล้ข้าไว้ ห้ามเสี่ยงคนเดียว”เซียวลี่อินแย้มยิ้มบาง พลางตอบเสียงเบา“เพคะท่านอ๋อง แต่บางครั้งหมากตัวสำคัญ ก็ต้องใช้เหยื่อล่อให้อีกฝ่ายเผยพิรุธออกมาเองนะเพคะ”สายตาทั้งคู่สบกัน ความแน่วแน่และความไว้วางใจเริ่

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 45 เสี้ยนหนามในราชสำนัก

    เช้าวันใหม่ท้องพระโรงคลาคล่ำไปด้วยเหล่าขุนนางที่ยืนเรียงราย บรรยากาศเต็มไปด้วยแรงกดดัน ข่าวการจับคนของเจินซูเม่ยเมื่อคืนแพร่ไปทั่วแล้ว ทำให้ราชสำนักปั่นป่วนขันทีขานเสียงกังวาน “ถวายพระบังคมฝ่าบาท ท่านอ๋องเจ็ดได้นำพยานและหลักฐานเข้ามากราบทูลพ่ะย่ะค่ะ!”สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังจิ้งอ๋องผู้ก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างาม เบื้องหลังเขามีองครักษ์นำคนร้ายที่ถูกจับได้คุมตัวเข้ามา พร้อมเอกสารบันทึกคำสารภาพเสียงซุบซิบดังไปทั่วท้องพระโรง“ครั้งนี้จวนสกุลเซียวคงรอดยากแล้ว”“แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีขุนนางคอยหนุนหลัง หากพวกนั้นออกหน้า เรื่องอาจไม่ง่ายเช่นกัน”จริงดังว่า เมื่อจิ้งอ๋องยื่นรายงานต่อหน้าฮ่องเต้ทันใดนั้น ขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายหนึ่งก็ก้าวออกมาขัดทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ“ฝ่าบาท! แม้จะมีบ่าวรับใช้สารภาพ แต่ก็ใช่ว่าจะเชื่อถือได้ หากทั้งหมดเป็นการจัดฉากเพื่อกำจัดสกุลเซียวเล่าพ่ะย่ะค่ะ ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วย!”เสียงถกเถียงเริ่มระอุขึ้นอีกครั้ง คล้ายไฟที่พร้อมลุกโชนกลางท้องพระโรงเซียวลี่อินที่ยืนอยู่ด้านหลังม่านกั้นสำหรับสตรีสูงศักดิ์กำพัดแน่น ดวงตาเย็นยะเยือกพวกขุนนางหนุนหลังพวกนั้น พวกมันคือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status