จื่อหลินยืนเท้าสะเอวมองบ้านด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง งานใหญ่ งานหนัก และงานช้าง เพราะบ้านหลังน้อยที่เกือบจะผุพัง ทั้งรกและสกปรกมากเหลือเกิน กลิ่นอับผสมกับกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่ออกมาจากห้องของสามี เล่นเอานางต้องดึงเอาแมสมาสวม ไม่รู้ว่าใช้ชีวิตอยู่กันไปได้อย่างไร ถ้าหากจะโทษก็คงจะโทษความเห็นแก่ตัวของตนเองกระมัง
ทั้งบ้านตอนนี้ก็มีเงินเพียงแค่ไม่ถึงตำลึงนับว่าดีแล้วที่นางได้กลับมาพร้อมกับของวิเศษ ฉะนั้นเรื่องเงินจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับครอบครัว หากมีของวิเศษแล้วนางก็สามารถต่อยอดได้อีกเยอะ
หญิงสาวยื่นนิ่งอย่างใช้ความคิด ตนเองควรเริ่มจากตรงไหนก่อนดี เพราะไม่ว่าจะมองไปตรงไหน ก็มีสภาพไม่ต่างกันเลยสักที่ ก่อนจะตัดสินใจได้ว่านางควรจะเริ่มจากห้องของสามีก่อน
หญิงสาวเข้ามาในห้องนอนเหมาเสี่ยวถงแล้วจึงได้เรียกไอแพดขึ้นมาพร้อมกับฉายภาพแอปพลิเคชันต่างๆ บนอากาศ เพื่อให้เจ้านายของมันได้เลือกหาสิ่งที่ต้องการจือหลินเปิดระบบชอปปิงขึ้นมา จากนั้นนางจึงได้เลือกหาสิ่งของที่ต้องการ
“อืม... คงต้องเอาพวกอุปกรณ์ทำความสะอาด และก็สเปรย์น้ำหอมออกมาก่อน” เมื่อนางได้สิ่งของที่ต้องการ ก็รีบเก็บไอแพดลงไปทันที เพราะกลัวว่าบุตรชายตัวน้อยจะมาเห็น
จือหลินลงมือทำความสะอาดครั้งใหญ่ ของส่วนมากใช้การต่อไปไม่ได้ก็เก็บทิ้งไปให้หมด ทั้งผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม หมอน ของที่พอจะใช้ได้ก็คงจะเป็นเตียงไม้กระมัง ร่างบางทั้งปัดกวาดขัดถูจนสะอาดเอี่ยม เสร็จจากห้องของสามีก็ไปทำห้องอเนกประสงค์ด้านนอกต่อ
ย้อนอดีตมาได้แค่วันเดียวเหมือนมาออกรบอย่างไรอย่างนั้น แม้บ้านจะหลังเล็กแต่งานก็ไม่ได้เล็กตามไปด้วยเลย ร่างบางวิ่งวุ่นไปจนทั่วบ้านผ่านไปสองชั่วยาม (4 ชั่วโมง) บ้านหลังน้อยก็สะอาดเอี่ยมกลิ่นหอมฟุ้ง ด้วยสเปรย์กลิ่นดอกไม้ยี่ห้อดัง
ห้องของบุตรชายนางเลือกของตกแต่งให้ดูน่ารักเป็นพิเศษ จือหลินอยากจะทดแทนให้เสี่ยวหลงที่นางไม่ได้ดูแลและให้ความรักกับบุตรชายในชาติก่อนมากพอ ปล่อยให้เด็กที่สดใสร่าเริงต้องกลายเป็นเด็กน้อยขาดความรัก มารดาจากไปไม่นานบิดาก็มาตายจาก สุดท้ายเขาซึ่งเป็นเพียงเด็กน้อยห้าหนาวก็ต้องออกเร่ร่อนเป็นขอทาน
เหตุใดนางถึงได้เป็นสตรีชั่วถึงเพียงนี้นะ เสี่ยวหลงน้อยน่ารักถึงเพียงนี้ นางก็ยังทำร้ายเขาได้ลงคอแม้แต่สามีที่รักนางจนวินาทีสุดท้ายของเขาก็ยังไม่แม้แต่จะปริปากกล่าวโทษนางสักคำ ต่อไปนี้ข้านี่แหละจะเป็นคนมอบความรักให้พวกท่าน และจะเลี้ยงดูพวกท่านโดยไม่ต้องลำบากอีก
จือหลินนำที่นอนแบรนด์ดังทำจากยางพาราแท้ออกมาวางลงบนเตียงไม้ ไม่พอนางยังเอาท็อปเปอร์ที่มีความหนาและนุ่มเป็นพิเศษวางทับไปอีกชั้น เสี่ยวหลงของนางจะได้นอนที่นอนนุ่มสบายที่สุด ยามค่ำคืนก็คงจะมียุงเยอะ จึงเอามุ้งออกมากางเพิ่มให้อีก สุดท้ายก็หมอนข้าง หมอนหนุนอีกสองใบ ผ้าห่ม จัดเรียงไว้อย่างสวยงาม ด้านนอกหญิงสาวนำผ้าม่านแบบหนาและมีคุณสมบัติป้องกันแสงแดด ปิดไว้จนรอบห้องของบุตรชาย กลางวันยามแดดส่องจะได้ไม่ร้อนมาก
“บ้านหลังแค่นี้ก็เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย” กว่าจะทำความสะอาดเสร็จทุกซอกทุกมุม ก็ถึงเวลาอาหารกลางวันพอดี ไม่รู้ว่าสองพ่อลูกจะหิวหรือยัง หากทำตอนนี้ก็คงจะต้องรอนาน เอาเป็นว่าคงต้องเอามาจากของวิเศษเหมือนเดิม
หญิงสาวเลือกอาหารง่าย ๆ ออกมาสองสามอย่าง มื้อนี้เป็นอาหารง่าย ๆ ไปก่อน ข้าวสวย ไข่ตุ๋น และก็ไข่พะโล้ ทั้งหมดนี้จึงเป็นอาหารที่หญิงสาวเลือกมา จากนั้นจัดอาหารใส่ถ้วย ก่อนจะนำไปให้สามีและบุตรชายที่ห้องนอน
แต่พอเปิดประตูเข้ามาจือหลินก็เกือบหลุดขำออกมา เมื่อบุตรชายตัวน้อยทำหน้าที่ดูแลท่านพ่อเป็นอย่างดี เพื่อรางวัลที่มารดาจะให้ เหมาเสี่ยวถงถูกบุตรชายห่มผ้าให้จนถึงคอ และยังยัดขอบผ้าห่มไว้ใต้ร่างบิดา ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนมัมมี่อย่างไรอย่างนั้น
ดูเหมือนว่าเสี่ยวหลงน้อยจะลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้คือหน้าร้อน ครั้นเมื่อมองไปที่หน้าเหมาเสี่ยวถงก็พบว่าอีกฝ่ายเหงื่อออกท่วมเต็มหน้าไปหมด เห็นแล้วก็อดนึกสงสารเขาไม่ได้ อีกทั้งสายตาของเสี่ยวหลงยามที่จ้องมองบิดาตาไม่กะพริบนั่นสิ บ่งบอกว่าเขาทำตามคำสั่งของนางมิได้ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด
แม่ให้ดูลูกก็ดูจริง ๆ ไม่คลาดสายตาเลยสักนิด
“ท่านแม่ขอรับ ข้าวหมดถังแล้ว” เสี่ยวหลงวิ่งหน้าตั้งจากห้องครัวไปหามารดาในห้องนอน“ของสดที่ใช้ทำอาหารก็เหลือน้อยเช่นกันขอรับ” อาเหมารายงานของสดภายในครัวที่เขาไปสำรวจมาเช่นกัน ตอนนี้เขาเริ่มสนใจเกี่ยวกับการทำอาหารมากที่สุด จึงมักจะขลุกอยู่ในครัวเวลาท่านน้าทำกับข้าว เพื่อจะได้ฝึกฝีมือการทำอาหารไว้ ต่อไปเรื่องในครัวเขาจะเป็นผู้จัดการเอง“หา!! แย่แล้ว หมดเกลี้ยงถังเลยหรือ” จือหลินที่ได้ยินว่าข้าวสารหมดถังถึงกับหันขวับทันที เรื่องของสดก็ช่างมันเถอะยังพอเอาผักหลังบ้านมาทำกินบังหน้าไปได้ แต่สำคัญที่สุดก็คือนางไม่น่าลืมเติมข้าวสารเลย ครั้นจะใส่ลงไปตอนนี้ เรื่องที่ปิดบังเอาไว้ก็ยังไม่ได้บอกใคร พอมาคิด ๆ ดู ทุกอย่างช่างวุ่นวายดีแท้“เหลืออยู่แค่เพียงครึ่งถ้วยแกงขอรับ” เสี่ยวหลงชูถ้วยข้าวสารให้มารดาดูนั่นก็เท่ากับว่าข้าวสารเพียงครึ่งถ้วยแกงไม่เพียงพอต่อคนในบ้าน เหมาเสี่ยวถงเป็นกังวลไม่น้อย เงินหนึ่งตำลึงที่ภรรยาให้เก็บไว้วันนั้น เขาก็นำมันไปจ่ายค่าซ่อมแซมหลังคาบ้าน ในตอนที่มีพายุฝนหลังคามันมีแต่รูรั่วเต็มไปหมดยามฝนตกก็แทบจะนอนไม่ได้เอาเสียเลย ตอนเช้ามาข้าวของบางส่วนก็เปียกชุ่มไปหมด“เจ้ากับลูกก็
จือหลินที่ยืนละล้าละลังอยู่ในครัวเพียงผู้เดียว หญิงสาวได้แต่เกาหัวตนเองอย่างคิดไม่ตก เพราะว่าตอนนี้มันเหลือเพียงแค่ไข่และเนื้อหมูอีกนิดหน่อยไว้ทำกับข้าว และมีข้าวสารเพียงครึ่งถ้วยแกงเท่านั้น ถึงจะมีของวิเศษอยู่กับตัวแต่เวลาจะใช้ก็เอาออกมาใช้ยากเหลือเกิน เห็นทีพรุ่งนี้นางจะต้องไปตลาดในเมือง ทำทีไปขายของแล้วได้เงินมาไว้ซื้อของเข้าบ้านเสียแล้วกระมังอย่างไรวันนี้คงต้องทำกับข้าวอย่างง่ายไปก่อน ยังมีอาหารอีกหลายอย่างที่ทำกินได้โดยที่ไม่ต้องกินกับข้าวสวย ในเมื่อมีไข่มีเนื้อแล้วก็ทำชาบูกินทั้งวันไปเลยแล้วกัน ผักหลังบ้านกำลังงามเสียด้วยเมื่อแก้ปัญหาเรื่องปากท้องไปได้แล้วก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ร่างบางหมุนกายออกจากห้องครัวแต่ก่อนจะเดินพ้นประตูบ้านก็ไม่ลืมหยิบตะกร้าสานติดมือมาด้วยเมื่อออกมาถึงหลังบ้านจือหลินได้คัดเอาผักที่โตพอจะนำมากินได้ ถอนผักใส่ตะกร้าไม้ไผ่สานในมือ แครอท หัวไชเท้า ผักกาดขาว และขึ้นฉ่ายเพื่อเพิ่มความหอมหวานของน้ำซุปหลังจากที่ได้ของตามต้องการนางจึงได้กลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง และยังไม่ลืมจะลงดาลประตูอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันไม่ให้เด็ก ๆ ทั้งสองเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น จือหลินเร
ตกเย็นหลังจากกินมื้ออาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยจนพุงกาง ก่อนจะส่งหัวผักกาดทั้งสองเข้านอน จือ หลินจึงให้พวกเขาดื่มนมอุ่น ๆ ก่อนนอนคนละแก้ว เพราะเห็นว่าเด็กน้อยทั้งสองผอมมากเกินไป เกรงว่าจะเป็นโรคขาดสารอาหารไปก่อนที่นางจะขุนพวกเขาให้อ้วนท้วนมากกว่า“อะไรหรือขอรับท่านน้า” ยังคงเป็นอาเหมาที่เอาแต่ถามไม่หยุด วันทั้งวันเขาได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ และได้กินของอร่อยที่ในชีวิตนี้ไม่เคยได้กิน“นมวัวจ้ะ รีบดื่มเร็วอุ่นกำลังดีเลย” จือหลินยื่นแก้วนมให้คนละแก้ว“ข้าเคยได้ยินว่ามันคาวมากเลยนะขอรับ” เวลาคนมีฐานะมาทำบุญที่วัด บุตรหลานพวกเขามันจะพูดจาโอ้อวดกันเสมอ อาเหมาจึงพอจะรู้มาบ้างว่านมวัวจะมีกลิ่นคาวและรสชาติไม่อร่อย แต่ผู้คนที่มีฐานะดีก็มักจะให้บุตรหลานดื่มกินเพื่อบำรุงร่างกาย“อร่อยนะอาเหมา นมที่ท่านแม่ให้ดื่มไม่คาวเลย หอมมันและอร่อยมากเจ้าลองดื่มสิ” เสี่ยวหลงคะยั้นคะยอให้น้องชายดื่ม จากนั้นเขาจึงยกส่วนที่เป็นของตนยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดอาเหมาเห็นว่าพี่ชายดื่ม เขาจึงยกขึ้นดื่มบ้าง ปรากฏว่ามันเป็นดั่งเช่นพี่หลงบอกเขาจริง ๆ แม้จะไม่หวานแต่ก็มันและหอมมากเช่นกัน อย่างนี้ให้เขาดื่มแทนข้าวทุกมื้อก็ยังได้“เอ
อาหารหลายอย่างถูกนำมาวางเรียงไว้เต็มโต๊ะอาหาร มีทั้งข้าวสวยร้อน ๆ เม็ดขาวอวบ น้ำแกงแสนอร่อย เนื้อตุ๋นชิ้นโต และมีปลานึ่งตัวใหญ่ที่เป็นกับข้าวจานหลักของมื้อนี้ ทั้งยังมีเครื่องเคียงเป็นน้ำพริกกากหมูรสกลมกล่อมที่จือหลินชื่นชอบ พร้อมกับผลไม้หลายชนิดถูกเรียงอยู่ในถาดอย่างสวยงามทันทีที่อาเหมาเข้ามานั่งร่วมโต๊ะอาหาร เด็กน้อยถึงกับเบิกตากว้าง เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าของกินที่อยู่ตรงหน้าเขาจะสามารถกินมันได้จริงหรือ เกิดมาทั้งชีวิตเคยกินเพียงแค่อาหารเหลือจากผู้อื่น และขนมที่เก็บมาได้ตอนผู้คนทิ้งขว้างไม่กินแล้ว“ข้ากินทั้งหมดนี่ได้จริงหรือขอรับ” อาเหมาถามขึ้นอย่างตื่นเต้น เขามองอาหารบนโต๊ะละลานตาเต็มไปหมด ตอนนี้เขาคิดได้ว่าคนเราไม่ควรจะมองผู้อื่นแต่เปลือกนอก ดูอย่างครอบครัวท่านน้าเป็นตัวอย่าง มองเพียงภายนอกมันตัดสินอะไรไม่ได้เลย“กินได้สิ ที่บ้านกินเช่นนี่ทุกมื้อ หนึ่งวันกินข้าวตั้งสามมื้อแหนะ” เสี่ยวหลงบอกน้องชายคนใหม่ด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม“จริงหรือ เช่นนั้นพี่หลงก็ได้กินของอร่อยทุกวันน่ะสิ ช่างน่าอิจฉานัก” แม้จะพูดว่าอิจฉาแต่ทว่าอาเหมาก็เพียงแค่รู้สึกอยากมีวาสนาดั่งเช่นพี่ชายที่มีของอร่อยให้
เหมาเสี่ยวถงมองเด็กชายตัวน้อยแต่งตัวมอซอหน้าตามอมแมม ยืนกอดห่อผ้าเก่า ๆ อยู่ตรงหน้า ไม่เข้าใจว่าภรรยาพาเด็กน้อยคนนี้มาทำอะไร ทั้งที่ครอบครัวก็ยังคงอดมื้อกินมื้อถึงแม้จะเป็นก่อนหน้าที่จือหลินจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ก็เถอะ“ข้าอยากให้อาเหมามาอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวหลงเจ้าค่ะ ขอโทษที่ไม่ได้ปรึกษาท่านพี่ก่อน” จื่อหลินได้แต่ส่งสายตาขอลุแก่โทษให้สามี ที่ตนเองทำไปโดยพลการไม่ได้ปรึกษากันก่อนจะตัดสินใจ“ช่างเถอะ ไหน ๆ อาเหมาก็มาแล้วนี่ จะทำอะไรได้” เหมาเสี่ยวถงได้ยินคำขอโทษจากภรรยาก็ได้แต่จำยอมพูดอะไรไม่ออก หากจะให้เด็กน้อยกลับไปก็อดที่จะสงสารไม่ได้ จากที่เล่ามาเด็กนั่นเป็นเพียงแค่ขอทานอาศัยอารามวัดเพื่อหลับนอนไร้ซึ่งครอบครัวให้กลับไป ถ้าเขามีกำลังมากพอหากไปเจอเด็กแบบอาเหมาเข้า เขาก็คงจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกับภรรยา“ขอบคุณท่านลุงที่อนุญาตขอรับ” อาเหมารีบนั่งคุกเข่าโขกศีรษะขอบคุณเป็นการใหญ่ ประหนึ่งว่าหากเขาไม่ทำเช่นนั้นก็อาจจะถูกไล่กลับไปเป็นขอทานเหมือนเดิม“พอได้แล้วอาเหมาเดี๋ยวหัวได้แตกกันพอดี ที่นี่เราอยู่กันเป็นครอบครัวเพราะฉะนั้นอาเหมาไม่ใช่เด็กรับใช้ แต่เป็นหนึ่งในครอบครัวพวกเราเข้าใจไหม” จือหลิน
เหมาเสี่ยวถงลอบมองสิ่งของที่ภรรยาสาวนำมาด้วยความสงสัย ของแต่ละชิ้นช่างไม่คุ้นตาและแปลกใหม่ และที่สำคัญคงจะราคาแพงมาก แต่ต้องยอมรับว่ามันทั้งสบายและสะดวกต่อเขามากเช่นกัน อกแกร่งเริ่มหวั่นไหวหัวใจเต้นแรงเมื่อคิดไปว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาไม่ถึงเดือน จือหลินเปลี่ยนแปลงไปมากไม่หลงเหลือความเป็นสตรีร้ายกาจ เขาจะสามารถเชื่อใจนางได้หรือไม่นะหญิงสาวพาเหมาเสี่ยวถงออกมาหยุดตรงใต้ร่มไม้หน้าบ้าน จากนั้นจึงได้ย้ายเขาไปนอนเล่นบนเก้าอี้ม้าโยกแทน เพื่อที่ว่าสามีจะได้นั่งพักได้สบายไม่เมื่อยตัว นางก็สรรหาเบาะรองนุ่ม ๆ วางทับบนเก้าอี้ไม้อีกที ระหว่างนี้นางก็จะปลูกผักเอาไว้กิน แต่ความเป็นจริงแล้วเพียงแค่จะปลูกเอาไว้เป็นฉากบังหน้าก็เท่านั้นในเมื่อมีของวิเศษเป็นชอปปิงมาร์เก็ต มีของสดของใช้ขนาดใหญ่ให้เลือกหาอย่างไม่จำกัด จะปลูกให้เหนื่อยไปทำไมกัน ที่มานั่งปลูกอยู่ตอนนี้ก็เพียงแค่จะได้ไม่ดูแปลกในสายตาของชาวบ้าน ผู้คนจะได้เข้าใจว่าครอบครัวมีกินมีใช้ได้จากการปลูกผักกินเอง และตัดปัญหาความวุ่นวายในชีวิตออกไปได้อีกหนึ่งอย่าง“ท่านแม่ข้าไปถอนหญ้ารอนะขอรับ” เสี่ยวหลงน้อยหอบเอาอุปกรณ์การทำสวนตรงไปยังที่จะใช้ปลูกผ